เมื่อก่อนสมัยเป็นเด็ก พ่อเราเป็นคนเจ้าอารมณ์ ชอบดุด่า ชอบตะคอก เวลาเราทำอะไรไม่ถูกใจ
ฐานะทางบ้านเราไม่ค่อยจะดี เราซึ่งเป็นลูกคนแรกของพ่อแม่ และเป็นหลานคนแรกของตายาย
ซึ่งเกิดมาตอนที่ครอบครัวลำบาก เราจึงไม่เคยได้รับความอบอุ่น หรือสัมผัสว่าครอบครัวอบอุ่นเป็นอย่างไร
หรือแม้แต่โลกภายนอก ซึ่งเป็นทั้งญาติ หรือ คนในหมู่บ้าน ก็น่าจะเรียกว่ารังเกียจเราได้...
เพราะเราหน้าตาไม่สวย ไม่รวย แถมแต่งตัวมอมแมม
มันมีช่วงเปลี่ยนของชีวิตค่อช่วงจบ ป.6 พ่อเราจะไม่ให้เราเรียนต่อ เพราะไม่มีเงิน..
แต่แม่ไม่เห็นด้วย จึงพยายามให้เราเรียนต่อ และสอนเราว่า ชีวิตลูกจะดีขึ้นเพราะการศึกษาเท่านั้น..
นอกนั้นคือไม่มีคำสอนใด ๆ ที่พ่อและแม่จะสอนเราได้ เพราะมัวแต่ทำงาน
บางอย่างเราทำลงไปเพราะเราไม่รู้อะไรถูกผิด แต่โชคดีอย่างหนึ่งคือโรงเรียนประถมแถวบ้านเรา
ครูท่านสอนเราทุกอย่าง สอนให้เราเป็นคนดี สอนกิริยามารยาท ทุกอย่าง ...
ตอนเป็นวัยรุ่นเราก็มีแฟน โกหกพ่อแม่ไปกับผู้ชาย เราต้องการความอบอุ่นที่เราไม่ได้จากครอบครัว
เราต้องการใครสักคนที่ฟังเราเวลาเราโดนครอบครัวด่าทอ หรือตบตี
ชีวิตเราเลวร้ายมาก ๆ เลยละ สมัยเป็นวัยรุ่น จนคิดว่าทำไมถึงรอดมาได้??
แต่สิ่งเดียวที่เรายึดถือคือต้องเรียนให้จบ เพื่ออนาคตที่ดี และจะต้องไปจากที่บ้าน...
สุดท้ายจบ ปริญญาตรี และเริ่มทำงานภายในจังหวัดเดียวกันกับที่พ่อแม่อยู่
หลายปีที่ไม่ได้อยู่บ้าน เรามักจะมีข้ออ้างให้ตัวเองเสมอในการกลับบ้าน งานเยอะบ้าง เหนื่อยบ้าง..
ซึ่งชีวิตเราก็ดูมีความสุขดี จนถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง คือการสอบบรรจุได้ ซึ่งแถวบ้านเรามันคืองานที่ดีที่สุด ที่ทุกคนยอมรับ
เราสอบได้ลำดับที่ดีมาก และสามารถเลือกบรรจุที่บ้านได้เลย หลายคนบอกว่าให้เลือกลงที่บ้าน
อยู่ไกลบ้านเดี่ยวก็คิดถึงบ้าน การย้ายมันยาก (เราไม่เคยมีความรู้สึกนั้นเลย) ไป ๆ มาก็เลือกลงที่บ้าน แบบ งง ๆ
เราคิดผิดมาก ณ ตอนนี้ ท้อใจ เหนื่อยใจมาก เหนื่อยกว่าทำงาน อายุจนจะ 30 ด่าทอ ตะคอกเหมือนเด็ก ๆ
เหนื่อยเหลือเกิน ไม่รุ้จะทำอย่างไรกับชีวิต...ที่ทำงานก็ใกล้บ้าน เกินกว่าจะไปเช่าห้องอยู่ (คงไม่พ้นคำนินทา)
คงต้องรอวันเวลาที่ตายจากกันไป ซึ่งอาจจะเป็นเราที่จะทนได้แค่ใหน.....เหนื่อยใจเหลือเกิน
อยากตายให้มันรู้แล้วรู้รอด จะได้จบ ๆ ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่รู้จะทำเพื่อใคร ไม่รู้จะทำไปทำไม...
ไม่อยากมีครอบครัว ไม่อยากมีลูก ไม่อยากให้ลูกต้องมาเจออะไรที่เลวร้ายแบบนี้....
ทรมารเหลือเกิน กับการอยู่บ้านกับพ่อแม่...
ฐานะทางบ้านเราไม่ค่อยจะดี เราซึ่งเป็นลูกคนแรกของพ่อแม่ และเป็นหลานคนแรกของตายาย
ซึ่งเกิดมาตอนที่ครอบครัวลำบาก เราจึงไม่เคยได้รับความอบอุ่น หรือสัมผัสว่าครอบครัวอบอุ่นเป็นอย่างไร
หรือแม้แต่โลกภายนอก ซึ่งเป็นทั้งญาติ หรือ คนในหมู่บ้าน ก็น่าจะเรียกว่ารังเกียจเราได้...
เพราะเราหน้าตาไม่สวย ไม่รวย แถมแต่งตัวมอมแมม
มันมีช่วงเปลี่ยนของชีวิตค่อช่วงจบ ป.6 พ่อเราจะไม่ให้เราเรียนต่อ เพราะไม่มีเงิน..
แต่แม่ไม่เห็นด้วย จึงพยายามให้เราเรียนต่อ และสอนเราว่า ชีวิตลูกจะดีขึ้นเพราะการศึกษาเท่านั้น..
นอกนั้นคือไม่มีคำสอนใด ๆ ที่พ่อและแม่จะสอนเราได้ เพราะมัวแต่ทำงาน
บางอย่างเราทำลงไปเพราะเราไม่รู้อะไรถูกผิด แต่โชคดีอย่างหนึ่งคือโรงเรียนประถมแถวบ้านเรา
ครูท่านสอนเราทุกอย่าง สอนให้เราเป็นคนดี สอนกิริยามารยาท ทุกอย่าง ...
ตอนเป็นวัยรุ่นเราก็มีแฟน โกหกพ่อแม่ไปกับผู้ชาย เราต้องการความอบอุ่นที่เราไม่ได้จากครอบครัว
เราต้องการใครสักคนที่ฟังเราเวลาเราโดนครอบครัวด่าทอ หรือตบตี
ชีวิตเราเลวร้ายมาก ๆ เลยละ สมัยเป็นวัยรุ่น จนคิดว่าทำไมถึงรอดมาได้??
แต่สิ่งเดียวที่เรายึดถือคือต้องเรียนให้จบ เพื่ออนาคตที่ดี และจะต้องไปจากที่บ้าน...
สุดท้ายจบ ปริญญาตรี และเริ่มทำงานภายในจังหวัดเดียวกันกับที่พ่อแม่อยู่
หลายปีที่ไม่ได้อยู่บ้าน เรามักจะมีข้ออ้างให้ตัวเองเสมอในการกลับบ้าน งานเยอะบ้าง เหนื่อยบ้าง..
ซึ่งชีวิตเราก็ดูมีความสุขดี จนถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง คือการสอบบรรจุได้ ซึ่งแถวบ้านเรามันคืองานที่ดีที่สุด ที่ทุกคนยอมรับ
เราสอบได้ลำดับที่ดีมาก และสามารถเลือกบรรจุที่บ้านได้เลย หลายคนบอกว่าให้เลือกลงที่บ้าน
อยู่ไกลบ้านเดี่ยวก็คิดถึงบ้าน การย้ายมันยาก (เราไม่เคยมีความรู้สึกนั้นเลย) ไป ๆ มาก็เลือกลงที่บ้าน แบบ งง ๆ
เราคิดผิดมาก ณ ตอนนี้ ท้อใจ เหนื่อยใจมาก เหนื่อยกว่าทำงาน อายุจนจะ 30 ด่าทอ ตะคอกเหมือนเด็ก ๆ
เหนื่อยเหลือเกิน ไม่รุ้จะทำอย่างไรกับชีวิต...ที่ทำงานก็ใกล้บ้าน เกินกว่าจะไปเช่าห้องอยู่ (คงไม่พ้นคำนินทา)
คงต้องรอวันเวลาที่ตายจากกันไป ซึ่งอาจจะเป็นเราที่จะทนได้แค่ใหน.....เหนื่อยใจเหลือเกิน
อยากตายให้มันรู้แล้วรู้รอด จะได้จบ ๆ ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่รู้จะทำเพื่อใคร ไม่รู้จะทำไปทำไม...
ไม่อยากมีครอบครัว ไม่อยากมีลูก ไม่อยากให้ลูกต้องมาเจออะไรที่เลวร้ายแบบนี้....