สวัสดีค่ะ มีเรื่องอยากระบาย+ปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องงานที่ทำอยู่ค่ะ
คือเราได้เข้ามาทำงานในบริษัทเอกชนเล็กๆ แห่งหนึ่งย่านชานเมือง
ซึ่งเป็นสายงานที่ไม่ตรงกับที่เราจบมาเลย และเราเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์ด้านนี้มาโดยตรงเท่าไหร่
แต่ด้วยความที่เราจะยังพอมีความรู้จากประสบการณ์พอจะแนะนำและวางแผนให้ลูกค้าได้ โดยที่เค้าไม่ต้องเสียเวลาเทรนใหม่ตั้งแต่แรก
ทำให้เค้าตัดสินใจรับเราเข้ามาทำงานในที่สุด
เราเข้ามาเริ่มงานช่วงกลางเดือนพอดี เดือนแรกที่ทำงานก็แฮปปี้มากค่ะ งานจะเยอะจับฉ่ายแค่ไหนก็ยังรู้สึกสนุกที่ได้เรียนรู้งานที่เราไม่เคยทำ
แต่พอทำงานเข้าเดือนที่สอง พอเจออะไรหลายๆ อย่างในบริษัท เริ่มรู้สึกไม่โอเคเท่าไหร่ นอนคิดอยู่เป็นอาทิตย์จนสุดท้ายยตัดสินใจแจ้งเค้าลาออกก่อนพ้นโปรช่วงกลางเดือนที่สาม
เหตุผลหลักๆที่ตัดสินใจลาออกเลยคือ
1. เงินเดือนไม่พอกินค่ะ ด้วยความที่บ้านอยู่คนละฟากฝั่งกรุงเทพ เลยต้องเช่าคอนโดอยู่ มีค่าใช้จ่ายค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ตอีก
2. แถวนั้นเดินทางลำบาก ออฟฟิศไม่มีร้านข้าว มีแต่เซเว่น ทำให้ต้องทำอาหารกินเองไม่ก็ต้องแบกอาหารมาจากบ้านเวฟกินทุกวัน ลำบากที่บ้านต้องมารับส่งกลับบ้านทุกอาทิตย์อีก แรกๆก็เฉยๆ พอเข้าเดือนที่สองรู้สึกว่านี่อยู่กรุงเทพจริงมั้ย เริ่มไม่ใช่ละ
3. งานจับฉ่ายเยอะมาก มีปัญหากับระบบบริษัท แมนนวลเกือบทั้งหมดและเกือบทั้งหมดคืองานซ้ำซ้อน หัวหน้าเริ่มมีปัญหาเรื่องการจ่ายงาน สั่งน้องทำงานนี้แล้ว มาสั่งเราให้บอกน้องให้ทำงานนี้อีก
4. งานไม่เซฟเราเรื่องเงินเลย เราจำเป็นต้องใช้บัตรเครดิตในการแจ้งหมายเลขจ่ายเงินค่าต่างๆ ให้ลูกค้า มีเรื่องให้พลาดจุกจิกมาก พลาดเมื่อไหร่โดนหักเงิน คือรู้สึกว่าเงินเดือนก็ไม่พอกินอยู่แล้วพอมาเจอแบบนี้คือเซ็งไปเลย เป็นไปได้ไม่อยากจับบัตรเครดิตใครเลยที่ไม่ใช่ของตัวเอง
วันที่เดินไปแจ้งเค้า เราใช้เหตุผลบอกว่า เราคิดว่าเราไม่เหมาะกับงานนี้ เราทำได้ไม่ดีพอ และข้อผิดพลาดเราเยอะมาก เค้าบอกว่าเราแค่ Upset ไปเอง ให้เรากลับมาคิดใหม่อีกครั้ง ซึ่งเราก็ยังยืนกรานว่าขอลาออก เค้าก็ถามแล้วงานที่เหมาะกับเราคืออะไร เราบอกว่าสายงานเดิมเรา เค้าพูดถึงตอนสัมภาษณ์ย้อนกลับมาว่า ไหนถ้าให้เลือกสายงานนั้นกับสายงานนี้ เราเลือกงานนี้แล้วไง เราก็ตอบไปว่า ก็พอลองดูแล้วรู้สึกเราไม่ถนัดจริงๆ แล้วมันคงไม่แฟร์กับพี่ด้วยถ้าเราจะทำงานให้เค้าไม่เต็มที่ เค้าเงียบ แต่เราก็สัมผัสได้ว่าเค้าเคืองเราพอประมาณ สุดท้ายก็ตกลงกันว่าเราจะทำงานให้เค้าจนถึงสิ้นเดือนหน้า ในระหว่างที่ต้องหาคนใหม่มาแทนเรา
จริงๆ อย่างที่บอกไปตอนต้นล่ะค่ะ ที่มาตั้งกระทู้คือต้องการระบาย + ปรึกษาขอความรู้เพิ่มเติม เพราะเราประสบการณ์ทำงานในออฟฟิศน้อยเหลือเกิน และคิดว่าตัวเองคงไม่เหมาะกับงานเอกสารต้องละเอียดขนาดนี้และนั่งออฟฟิศจ้องคอมทั้งวันแบบนี้อีกแล้ว
เมื่อวานบัญชีแจ้งเรามาว่า เดิมทีถ้าผ่านโปรเค้าจะปรับเงินเดือนให้ แต่นี่เราไม่ต่อโปร เลยจะให้เท่าเดิมไปแทน พอเห็นแบบนั้นรู้สึกถอดใจเลยค่ะ ไม่อยากทำงานแล้ว ขอออกสิ้นเดือนนี้แทนเลยได้มั้ยถ้าต้องทนอยู่ต่ออีกหนึ่งเดือน ไม่ขึ้นเงินให้ไม่เท่าไหร่ ปกติบริษัทแจ้งเงินเดือนออกทุกวันที่ 28 โดยระบบแมนนวลโอนเอง แต่นี่จะหมดวันยังไม่ได้เลยค่ะ.. (ทักไปหาพี่ที่ออฟฟิศตั้งแต่ห้าโมงว่าได้ยังพี่ นึกว่ายังไม่ได้อยู่คนเดียว พี่แกบอกยังไม่หมดวันมั้ง เมื่อกี้พี่แกทักมาใหม่ สรุปจะได้กันป่าวเนี่ย55555)
เลยอยากจะรบกวนถามสองเรื่องค่ะ
1. บริษัทจ่ายเงินช้าเป็นเรื่องปกติไหม?
2. ที่บอกว่ามันไม่ค่อยปลอดภัยเราจากเรื่องเงิน ที่เราต้องเอาบัตรเครดิตบริษัทมาจ่ายเงินออก มันไม่เซฟเราจริงมั้ยคะ หรือมันเป็นเรื่องปกติที่คนอื่นก็ทำกัน?
รบกวนผู้มีความรู้ช่วยไขข้อสงสัยให้หน่อยค่ะ ขอบพระคุณทุกคนมากนะคะที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่าน
แจ้งลาออกในวันที่กำลังจะผ่านโปร
คือเราได้เข้ามาทำงานในบริษัทเอกชนเล็กๆ แห่งหนึ่งย่านชานเมือง
ซึ่งเป็นสายงานที่ไม่ตรงกับที่เราจบมาเลย และเราเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์ด้านนี้มาโดยตรงเท่าไหร่
แต่ด้วยความที่เราจะยังพอมีความรู้จากประสบการณ์พอจะแนะนำและวางแผนให้ลูกค้าได้ โดยที่เค้าไม่ต้องเสียเวลาเทรนใหม่ตั้งแต่แรก
ทำให้เค้าตัดสินใจรับเราเข้ามาทำงานในที่สุด
เราเข้ามาเริ่มงานช่วงกลางเดือนพอดี เดือนแรกที่ทำงานก็แฮปปี้มากค่ะ งานจะเยอะจับฉ่ายแค่ไหนก็ยังรู้สึกสนุกที่ได้เรียนรู้งานที่เราไม่เคยทำ
แต่พอทำงานเข้าเดือนที่สอง พอเจออะไรหลายๆ อย่างในบริษัท เริ่มรู้สึกไม่โอเคเท่าไหร่ นอนคิดอยู่เป็นอาทิตย์จนสุดท้ายยตัดสินใจแจ้งเค้าลาออกก่อนพ้นโปรช่วงกลางเดือนที่สาม
เหตุผลหลักๆที่ตัดสินใจลาออกเลยคือ
1. เงินเดือนไม่พอกินค่ะ ด้วยความที่บ้านอยู่คนละฟากฝั่งกรุงเทพ เลยต้องเช่าคอนโดอยู่ มีค่าใช้จ่ายค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ตอีก
2. แถวนั้นเดินทางลำบาก ออฟฟิศไม่มีร้านข้าว มีแต่เซเว่น ทำให้ต้องทำอาหารกินเองไม่ก็ต้องแบกอาหารมาจากบ้านเวฟกินทุกวัน ลำบากที่บ้านต้องมารับส่งกลับบ้านทุกอาทิตย์อีก แรกๆก็เฉยๆ พอเข้าเดือนที่สองรู้สึกว่านี่อยู่กรุงเทพจริงมั้ย เริ่มไม่ใช่ละ
3. งานจับฉ่ายเยอะมาก มีปัญหากับระบบบริษัท แมนนวลเกือบทั้งหมดและเกือบทั้งหมดคืองานซ้ำซ้อน หัวหน้าเริ่มมีปัญหาเรื่องการจ่ายงาน สั่งน้องทำงานนี้แล้ว มาสั่งเราให้บอกน้องให้ทำงานนี้อีก
4. งานไม่เซฟเราเรื่องเงินเลย เราจำเป็นต้องใช้บัตรเครดิตในการแจ้งหมายเลขจ่ายเงินค่าต่างๆ ให้ลูกค้า มีเรื่องให้พลาดจุกจิกมาก พลาดเมื่อไหร่โดนหักเงิน คือรู้สึกว่าเงินเดือนก็ไม่พอกินอยู่แล้วพอมาเจอแบบนี้คือเซ็งไปเลย เป็นไปได้ไม่อยากจับบัตรเครดิตใครเลยที่ไม่ใช่ของตัวเอง
วันที่เดินไปแจ้งเค้า เราใช้เหตุผลบอกว่า เราคิดว่าเราไม่เหมาะกับงานนี้ เราทำได้ไม่ดีพอ และข้อผิดพลาดเราเยอะมาก เค้าบอกว่าเราแค่ Upset ไปเอง ให้เรากลับมาคิดใหม่อีกครั้ง ซึ่งเราก็ยังยืนกรานว่าขอลาออก เค้าก็ถามแล้วงานที่เหมาะกับเราคืออะไร เราบอกว่าสายงานเดิมเรา เค้าพูดถึงตอนสัมภาษณ์ย้อนกลับมาว่า ไหนถ้าให้เลือกสายงานนั้นกับสายงานนี้ เราเลือกงานนี้แล้วไง เราก็ตอบไปว่า ก็พอลองดูแล้วรู้สึกเราไม่ถนัดจริงๆ แล้วมันคงไม่แฟร์กับพี่ด้วยถ้าเราจะทำงานให้เค้าไม่เต็มที่ เค้าเงียบ แต่เราก็สัมผัสได้ว่าเค้าเคืองเราพอประมาณ สุดท้ายก็ตกลงกันว่าเราจะทำงานให้เค้าจนถึงสิ้นเดือนหน้า ในระหว่างที่ต้องหาคนใหม่มาแทนเรา
จริงๆ อย่างที่บอกไปตอนต้นล่ะค่ะ ที่มาตั้งกระทู้คือต้องการระบาย + ปรึกษาขอความรู้เพิ่มเติม เพราะเราประสบการณ์ทำงานในออฟฟิศน้อยเหลือเกิน และคิดว่าตัวเองคงไม่เหมาะกับงานเอกสารต้องละเอียดขนาดนี้และนั่งออฟฟิศจ้องคอมทั้งวันแบบนี้อีกแล้ว
เมื่อวานบัญชีแจ้งเรามาว่า เดิมทีถ้าผ่านโปรเค้าจะปรับเงินเดือนให้ แต่นี่เราไม่ต่อโปร เลยจะให้เท่าเดิมไปแทน พอเห็นแบบนั้นรู้สึกถอดใจเลยค่ะ ไม่อยากทำงานแล้ว ขอออกสิ้นเดือนนี้แทนเลยได้มั้ยถ้าต้องทนอยู่ต่ออีกหนึ่งเดือน ไม่ขึ้นเงินให้ไม่เท่าไหร่ ปกติบริษัทแจ้งเงินเดือนออกทุกวันที่ 28 โดยระบบแมนนวลโอนเอง แต่นี่จะหมดวันยังไม่ได้เลยค่ะ.. (ทักไปหาพี่ที่ออฟฟิศตั้งแต่ห้าโมงว่าได้ยังพี่ นึกว่ายังไม่ได้อยู่คนเดียว พี่แกบอกยังไม่หมดวันมั้ง เมื่อกี้พี่แกทักมาใหม่ สรุปจะได้กันป่าวเนี่ย55555)
เลยอยากจะรบกวนถามสองเรื่องค่ะ
1. บริษัทจ่ายเงินช้าเป็นเรื่องปกติไหม?
2. ที่บอกว่ามันไม่ค่อยปลอดภัยเราจากเรื่องเงิน ที่เราต้องเอาบัตรเครดิตบริษัทมาจ่ายเงินออก มันไม่เซฟเราจริงมั้ยคะ หรือมันเป็นเรื่องปกติที่คนอื่นก็ทำกัน?
รบกวนผู้มีความรู้ช่วยไขข้อสงสัยให้หน่อยค่ะ ขอบพระคุณทุกคนมากนะคะที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่าน