มาเล่าประสบการณ์ผ่าคลอดที่โรงพยาบาลรัฐฯต่างจังหวัดค่ะ
เดิมทีเราตั้งใจจะคลอดธรรมชาติ แต่สุดท้าย เลยกำหนดคลอดไปแล้ว สาวน้อยยังไม่ยอมออกมา
ลูกตัวใหญ่ ปากมดลูกไม่เปิด แถมหัวยังลอย กลับหัวแล้วแต่ไม่ยอมลงมาอุ้งเชิงกราน น้ำหนักแม่ก็ไม่ค่อยขึ้นแล้ว น้ำคร่ำอาจจะลด ..ด้วยปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง หมอเลยตัดสินใจว่าต้องผ่า
ครั้งนี้ถือว่าประมาท เพราะมั่นใจเกินไปว่าจะคลอดธรรมชาติได้ เลยไม่ได้หาข้อมูลการผ่าคลอดไว้ก่อน
แต่จากที่เคยเห็นตอนไปสังเกตการณ์ที่แผนกสูติฯในโครงการอยากเป็นหมอสมัยมัธยม และจากที่เคยผ่าไส้ติ่งมาก่อน ทำให้พอเดาได้คร่าวๆว่ากระบวนการผ่าตัดของ รพ.รัฐ ก็คงคล้ายๆกัน
เริ่มจากให้งดน้ำงดอาหารมาก่อน แล้วจะให้ไปนอนรอคิวผ่าที่ห้องรอคลอดรวมกับแม่ๆคนอื่นๆที่มารอผ่าและรอคลอดธรรมชาติหรือมาด้วยอาการแทรกซ้อนอื่นๆที่ต้องดูแลใกล้ชิด
โชคดีเราได้นอนรอสงบๆ เพราะวันนั้นไม่ค่อยมีคน แต่เข้าใจว่าปกติก็คงต้องทนฟังเสียงร้องของเพื่อนซักหน่อย (ส่วนกรณีที่ได้ห้องพิเศษหรือนอน รพ อยู่แล้วแล้วก็นอนรอสวยๆที่ห้องตัวเองได้เลย เดี๋ยวเค้าก็ไปเข็นเรามาเอง)
ในห้องนี้เราต้องเปลี่ยนใส่ชุดคนไข้และเอาของฝากญาติไว้ทั้งหมด ไอ้ที่คิดว่าจะนอนเล่นมือถือสวยๆฆ่าเวลาเป็นอันว่าจบ แม้แต่แว่นตาก็ให้ถอดออก
ก็โอเค คิวผ่า 10:30 นี่คงเพิ่ง 7 โมง ..งั้นฉันจะหลับ
แต่พอจะหลับๆ พยาบาลก็เข้ามาวัดนู่นนั่นนี่เป็นระยะๆ มาบวชชี(โกนขน) ใส่น้ำเกลือและใส่สายปัสสาวะให้ แล้วก็เดินสวนสนามเข้าออกเตียงนู้นบ้าง เตียงนี้บ้าง
สรุปว่า อย่าหลับเลย ก็ได้แต่นอนมองเพดานแบบมัวๆไปอย่างไม่รู้เวลา (จริงๆก็มีนาฬิกาแขวนอยู่ที่ผนัง แต่มองไม่เห็น ^ ^") ก็เลยแอบสังเกตการณ์เตียงข้างๆไปเงียบๆ
เตียงขวามาด้วยภาวะแท้งคุกคาม ต้องนอนนิ่งๆ มีพยาบาลเข้ามาเช็คอาการเป็นระยะ
เตียงซ้ายน่าจะเป็นสาวพม่า พูดภาษาไทยไม่ค่อยได้ แอบได้ยินว่า รอคิวผ่าตอน 8:30
เตียงนี้สื่อสารกันลำบาก เพราะคนไข้ไม่เข้าใจภาษาไทย แอบเห็นใจพยาบาลนะ นี่แค่คนไข้ที่คุยไม่รู้เรื่องคนเดียว จะบอกให้นอนหงาย พลิกซ้ายพลิกขวายังสื่อสารกันลำบาก ไม่นับที่คุยไม่รู้เรื่องแล้วยังเจ็บมาด้วย ร้องโอดโอยไม่ยอมฟังอะไรอีก วันนึงเจอหลายๆคนก็คงมีหงุดหงิดบ้าง รพ. เกาะถึงได้ขึ้นชื่อว่าบริการไม่ค่อยดี
พอถึงคิวเรา ก็เลยเริ่มก่อนด้วยการยกมือไหว้งามๆ ยิ้มสวยๆ พูดสวัสดีทักทายเพราะๆ ให้รู้ก่อนว่าเราคนไทย บอกให้ทำอะไรก็ทำไม่อิดออด เค้าทำอะไรให้ก็พูดขอบคุณ
ได้ผลค่ะ ..พยาบาลแลดูใจเย็น แทงน้ำเกลือให้อย่างนิ่มนวล (ถึงจะทำเส้นแตกไปหลายที่จนต้องเปลี่ยนข้างเจาะก็เถอะ) แม้แต่ใส่สายปัสสาวะเค้าก็ทำให้อย่างเบามือ
ซักพักเค้าก็มาเข็นเตียงข้างๆไป เลยรู้ว่าคง 8:30 แล้ว ห้องเริ่มเงียบ การสวนสนามยุติลง คาดว่าพยาบาลคงจะพักผ่อนกัน ก่อนจะแอบงีบไปแป๊บนึง มาตื่นเอาตอนเค้าให้ย้ายลงเปล เพื่อพาเข้าห้องผ่าตัด
ประสบการณ์ผ่าคลอดที่ รพ.รัฐ
เดิมทีเราตั้งใจจะคลอดธรรมชาติ แต่สุดท้าย เลยกำหนดคลอดไปแล้ว สาวน้อยยังไม่ยอมออกมา
ลูกตัวใหญ่ ปากมดลูกไม่เปิด แถมหัวยังลอย กลับหัวแล้วแต่ไม่ยอมลงมาอุ้งเชิงกราน น้ำหนักแม่ก็ไม่ค่อยขึ้นแล้ว น้ำคร่ำอาจจะลด ..ด้วยปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง หมอเลยตัดสินใจว่าต้องผ่า
ครั้งนี้ถือว่าประมาท เพราะมั่นใจเกินไปว่าจะคลอดธรรมชาติได้ เลยไม่ได้หาข้อมูลการผ่าคลอดไว้ก่อน
แต่จากที่เคยเห็นตอนไปสังเกตการณ์ที่แผนกสูติฯในโครงการอยากเป็นหมอสมัยมัธยม และจากที่เคยผ่าไส้ติ่งมาก่อน ทำให้พอเดาได้คร่าวๆว่ากระบวนการผ่าตัดของ รพ.รัฐ ก็คงคล้ายๆกัน
เริ่มจากให้งดน้ำงดอาหารมาก่อน แล้วจะให้ไปนอนรอคิวผ่าที่ห้องรอคลอดรวมกับแม่ๆคนอื่นๆที่มารอผ่าและรอคลอดธรรมชาติหรือมาด้วยอาการแทรกซ้อนอื่นๆที่ต้องดูแลใกล้ชิด
โชคดีเราได้นอนรอสงบๆ เพราะวันนั้นไม่ค่อยมีคน แต่เข้าใจว่าปกติก็คงต้องทนฟังเสียงร้องของเพื่อนซักหน่อย (ส่วนกรณีที่ได้ห้องพิเศษหรือนอน รพ อยู่แล้วแล้วก็นอนรอสวยๆที่ห้องตัวเองได้เลย เดี๋ยวเค้าก็ไปเข็นเรามาเอง)
ในห้องนี้เราต้องเปลี่ยนใส่ชุดคนไข้และเอาของฝากญาติไว้ทั้งหมด ไอ้ที่คิดว่าจะนอนเล่นมือถือสวยๆฆ่าเวลาเป็นอันว่าจบ แม้แต่แว่นตาก็ให้ถอดออก
ก็โอเค คิวผ่า 10:30 นี่คงเพิ่ง 7 โมง ..งั้นฉันจะหลับ
แต่พอจะหลับๆ พยาบาลก็เข้ามาวัดนู่นนั่นนี่เป็นระยะๆ มาบวชชี(โกนขน) ใส่น้ำเกลือและใส่สายปัสสาวะให้ แล้วก็เดินสวนสนามเข้าออกเตียงนู้นบ้าง เตียงนี้บ้าง
สรุปว่า อย่าหลับเลย ก็ได้แต่นอนมองเพดานแบบมัวๆไปอย่างไม่รู้เวลา (จริงๆก็มีนาฬิกาแขวนอยู่ที่ผนัง แต่มองไม่เห็น ^ ^") ก็เลยแอบสังเกตการณ์เตียงข้างๆไปเงียบๆ
เตียงขวามาด้วยภาวะแท้งคุกคาม ต้องนอนนิ่งๆ มีพยาบาลเข้ามาเช็คอาการเป็นระยะ
เตียงซ้ายน่าจะเป็นสาวพม่า พูดภาษาไทยไม่ค่อยได้ แอบได้ยินว่า รอคิวผ่าตอน 8:30
เตียงนี้สื่อสารกันลำบาก เพราะคนไข้ไม่เข้าใจภาษาไทย แอบเห็นใจพยาบาลนะ นี่แค่คนไข้ที่คุยไม่รู้เรื่องคนเดียว จะบอกให้นอนหงาย พลิกซ้ายพลิกขวายังสื่อสารกันลำบาก ไม่นับที่คุยไม่รู้เรื่องแล้วยังเจ็บมาด้วย ร้องโอดโอยไม่ยอมฟังอะไรอีก วันนึงเจอหลายๆคนก็คงมีหงุดหงิดบ้าง รพ. เกาะถึงได้ขึ้นชื่อว่าบริการไม่ค่อยดี
พอถึงคิวเรา ก็เลยเริ่มก่อนด้วยการยกมือไหว้งามๆ ยิ้มสวยๆ พูดสวัสดีทักทายเพราะๆ ให้รู้ก่อนว่าเราคนไทย บอกให้ทำอะไรก็ทำไม่อิดออด เค้าทำอะไรให้ก็พูดขอบคุณ
ได้ผลค่ะ ..พยาบาลแลดูใจเย็น แทงน้ำเกลือให้อย่างนิ่มนวล (ถึงจะทำเส้นแตกไปหลายที่จนต้องเปลี่ยนข้างเจาะก็เถอะ) แม้แต่ใส่สายปัสสาวะเค้าก็ทำให้อย่างเบามือ
ซักพักเค้าก็มาเข็นเตียงข้างๆไป เลยรู้ว่าคง 8:30 แล้ว ห้องเริ่มเงียบ การสวนสนามยุติลง คาดว่าพยาบาลคงจะพักผ่อนกัน ก่อนจะแอบงีบไปแป๊บนึง มาตื่นเอาตอนเค้าให้ย้ายลงเปล เพื่อพาเข้าห้องผ่าตัด