คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
เข้าใจนะ ตอนนี้ผมก็จะ 40 แล้ว
ชีวิตวัยรุ่น ผมก็ไม่ถึงกับไม่เคยมี แต่ก็ใช่ ก็ต้องมองมันผ่านไปเงียบๆ เหมือนกัน 555+
ไม่ได้เรียนพิเศษ ไม่ได้เกี้ยวสาว ไม่ได้เดินห้างกับเพื่อน ไม่ได้เล่นวง ไม่ได้อีกไม่ได้
แต่ในทางกลับกัน มันก็ทำให้ไม่ได้ไปมั่วสุม ไม่ได้เล่นยา ไม่ได้เที่ยวกลางคืน ไม่ได้ทำ ญ ท้องตั้งแต่เรียน เช่นเดียวกัน
สิ่งที่คุณเห็นว่ามันคือ กรอบเกณฑ์ที่แสนน่าเบื่อ จริงๆ มันก็เป็นเกราะป้องกันอีกทางหนึ่งเช่นกัน
วันที่คุณสามารถนั่งอยู่นอกบ้านได้ในเวลา สี่ทุ่ม โดยไม่ต้องกลัวลนลานว่าจะมีใครรอด่าอยู่ที่บ้าน วันนั้นเป็นวันที่คุณจะรู้จักคำว่า "อิสระ" ก็จริง แต่คุณก็จะได้ระลึกอีกเช่นกันว่า "ความรับผิดชอบ" และ "การพิสูจน์ตัวเอง" ตั้งมาพร้อมการมีอิสระ และคุณจะไม่รู้จนกว่า จะได้รับอิสระมาจริงๆ และนั่นก็เป็นความเสี่ยงประเภทนึง
เรามั่นใจได้ว่าเราจะไม่เหลวไหล แต่สิ่งที่คุณไม่รู้และไม่มีใครรู้คือ เพื่อนของคุณ คนที่คุณจะได้ออกไปพบเจอ ดีแค่ไหน จะชักพาคุณไปในทางใด และถึงขั้นจะล่อลวงคุณไปในทางใด
ขอเล่าตัวอย่างสั้นๆ ที่ได้พบเห็น เมื่อร้านเหล้าเลิก คนทั้งโต๊ะก็มีอาการเมามากน้อย ต่างก็พยายามพาตัวเองกลับบ้าน ก็คงมีบ้างที่สนใจว่าคุณจะกลับบ้านยังไง แต่ถ้าเขาเห็นว่า มีคนอาสาพาไปส่ง จะเพื่อนกันเอง หรือ เพื่อน ผช โต๊ะอื่นก็ตาม เขาก็ไม่สนที่เหลือแล้ว พูดง่ายๆ ถ้าคุณเมาและไม่ได้มีคนไปส่งที่นัดไว้แต่แรก (หรือมีแต่เขาจะหิ้วผู้หญิงไปนอนที่ไม่ใช่คุณ เขาก็ทิ้งคุณ) ที่เหลือคุณก็จะตกอยู่ในสภาพที่คุณไม่เคยคาดคิด และเอาชะตาตัวเองไปแขวนกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าเรียบร้อยแล้ว
อีกตัวอย่าง ผญ คนหนึ่ง ไม่เหลวไหลเลยตลอดชีวิต แต่ไปร่วมงานบริษัท แล้วก็ไปค้างบ้าน รุ่นพี่ ผญ ปรากฏว่า รุ่นพี่ ผญ คนนั้นรู้กันกับ รุ่นพี่ ผช อีกคน สุดท้ายคืนนั้น ผช คนนั้นที่มีลูกเมียแล้วที่ ตจว ก็ข่มขืนเธอคนนั้น ทุกวันนี้ เธอคนนั้นยังยอมรับสภาพที่ตกเป็นเมียน้อย เพราะไม่เคยมี ผช คนอื่นเป็นผัว และคิดว่า ผช คนนี้รักตัวเอง จากการคิดผิดที่ไปเชื่อใจรุ่นพี่ ผญ (ที่จริงๆก็พอรู้ว่าไม่หวังดีเลย) จนถูกข่มขืนเพียงครั้งเดียว คนผิดไม่ติดคุก แต่กลายเป็นได้เมียน้อย คนที่ไม่ควรต้องตกในวังวนนี้ก็กลายเป็นคนที่ คนจะครหาไปตลอดชีวิต (และไม่กล้ามีลูกอีกด้วย) ทั้งหมดนี้ เพราะความประมาท และไม่รู้จักอ่านคนให้ออก เพียงครั้งเดียว
จะว่าไปแล้ว การที่พ่อแม่กักตัวลูกที่ยังไม่โตเอาไว้ ก็เพราะรู้ดีว่า โลกนี้โหดร้าย และลูกของตัวเองไม่มีความสามารถพอที่จะมองคนออกได้ และเอาตัวรอดได้นั่นเอง
จขกท จะบอกหรือไม่ ว่า ตัวเอง เอาตัวรอดได้ ทุกกรณี? จขกท ก็เหมือนผมตอนเด็กๆแหละ ที่บอกตัวเองว่า กรูเป็นคนดี กรูดีมากๆ ไม่ต้องมาทำแบบนี้กับกรู แต่บอกแล้ว ที่เขากลัวไม่ใช่คุณจะเลว แต่เขากลัวคุณจะเลวหลังจากออกไปสัมผัสโลกเลวๆ หรือ เจอคนเลวๆ ต่างหาก และเขาก็ไม่อยากจะแสดงโลกเลวๆเหล่านั้นให้คุณเห็น (กลัวคุณชอบอีกนั่นแหละ อันนี้แล้วแต่พ่อแม่จะสะดวกเลี้ยงลูก - กักขังด้วยกรอบ สะดวกสุดไง๊)
สรุป ไม่ต้องน้อยใจ อย่าคิดว่า พ่อแม่พวกที่ปล่อยลูกออกไป สุรุ่ยสุร่าย คือ พวกที่น่าอิจฉา และจงอย่ามั่นใจในความดีของตัวเองเกินไป
อย่าประมาท
ชีวิตวัยรุ่น ผมก็ไม่ถึงกับไม่เคยมี แต่ก็ใช่ ก็ต้องมองมันผ่านไปเงียบๆ เหมือนกัน 555+
ไม่ได้เรียนพิเศษ ไม่ได้เกี้ยวสาว ไม่ได้เดินห้างกับเพื่อน ไม่ได้เล่นวง ไม่ได้อีกไม่ได้
แต่ในทางกลับกัน มันก็ทำให้ไม่ได้ไปมั่วสุม ไม่ได้เล่นยา ไม่ได้เที่ยวกลางคืน ไม่ได้ทำ ญ ท้องตั้งแต่เรียน เช่นเดียวกัน
สิ่งที่คุณเห็นว่ามันคือ กรอบเกณฑ์ที่แสนน่าเบื่อ จริงๆ มันก็เป็นเกราะป้องกันอีกทางหนึ่งเช่นกัน
วันที่คุณสามารถนั่งอยู่นอกบ้านได้ในเวลา สี่ทุ่ม โดยไม่ต้องกลัวลนลานว่าจะมีใครรอด่าอยู่ที่บ้าน วันนั้นเป็นวันที่คุณจะรู้จักคำว่า "อิสระ" ก็จริง แต่คุณก็จะได้ระลึกอีกเช่นกันว่า "ความรับผิดชอบ" และ "การพิสูจน์ตัวเอง" ตั้งมาพร้อมการมีอิสระ และคุณจะไม่รู้จนกว่า จะได้รับอิสระมาจริงๆ และนั่นก็เป็นความเสี่ยงประเภทนึง
เรามั่นใจได้ว่าเราจะไม่เหลวไหล แต่สิ่งที่คุณไม่รู้และไม่มีใครรู้คือ เพื่อนของคุณ คนที่คุณจะได้ออกไปพบเจอ ดีแค่ไหน จะชักพาคุณไปในทางใด และถึงขั้นจะล่อลวงคุณไปในทางใด
ขอเล่าตัวอย่างสั้นๆ ที่ได้พบเห็น เมื่อร้านเหล้าเลิก คนทั้งโต๊ะก็มีอาการเมามากน้อย ต่างก็พยายามพาตัวเองกลับบ้าน ก็คงมีบ้างที่สนใจว่าคุณจะกลับบ้านยังไง แต่ถ้าเขาเห็นว่า มีคนอาสาพาไปส่ง จะเพื่อนกันเอง หรือ เพื่อน ผช โต๊ะอื่นก็ตาม เขาก็ไม่สนที่เหลือแล้ว พูดง่ายๆ ถ้าคุณเมาและไม่ได้มีคนไปส่งที่นัดไว้แต่แรก (หรือมีแต่เขาจะหิ้วผู้หญิงไปนอนที่ไม่ใช่คุณ เขาก็ทิ้งคุณ) ที่เหลือคุณก็จะตกอยู่ในสภาพที่คุณไม่เคยคาดคิด และเอาชะตาตัวเองไปแขวนกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าเรียบร้อยแล้ว
อีกตัวอย่าง ผญ คนหนึ่ง ไม่เหลวไหลเลยตลอดชีวิต แต่ไปร่วมงานบริษัท แล้วก็ไปค้างบ้าน รุ่นพี่ ผญ ปรากฏว่า รุ่นพี่ ผญ คนนั้นรู้กันกับ รุ่นพี่ ผช อีกคน สุดท้ายคืนนั้น ผช คนนั้นที่มีลูกเมียแล้วที่ ตจว ก็ข่มขืนเธอคนนั้น ทุกวันนี้ เธอคนนั้นยังยอมรับสภาพที่ตกเป็นเมียน้อย เพราะไม่เคยมี ผช คนอื่นเป็นผัว และคิดว่า ผช คนนี้รักตัวเอง จากการคิดผิดที่ไปเชื่อใจรุ่นพี่ ผญ (ที่จริงๆก็พอรู้ว่าไม่หวังดีเลย) จนถูกข่มขืนเพียงครั้งเดียว คนผิดไม่ติดคุก แต่กลายเป็นได้เมียน้อย คนที่ไม่ควรต้องตกในวังวนนี้ก็กลายเป็นคนที่ คนจะครหาไปตลอดชีวิต (และไม่กล้ามีลูกอีกด้วย) ทั้งหมดนี้ เพราะความประมาท และไม่รู้จักอ่านคนให้ออก เพียงครั้งเดียว
จะว่าไปแล้ว การที่พ่อแม่กักตัวลูกที่ยังไม่โตเอาไว้ ก็เพราะรู้ดีว่า โลกนี้โหดร้าย และลูกของตัวเองไม่มีความสามารถพอที่จะมองคนออกได้ และเอาตัวรอดได้นั่นเอง
จขกท จะบอกหรือไม่ ว่า ตัวเอง เอาตัวรอดได้ ทุกกรณี? จขกท ก็เหมือนผมตอนเด็กๆแหละ ที่บอกตัวเองว่า กรูเป็นคนดี กรูดีมากๆ ไม่ต้องมาทำแบบนี้กับกรู แต่บอกแล้ว ที่เขากลัวไม่ใช่คุณจะเลว แต่เขากลัวคุณจะเลวหลังจากออกไปสัมผัสโลกเลวๆ หรือ เจอคนเลวๆ ต่างหาก และเขาก็ไม่อยากจะแสดงโลกเลวๆเหล่านั้นให้คุณเห็น (กลัวคุณชอบอีกนั่นแหละ อันนี้แล้วแต่พ่อแม่จะสะดวกเลี้ยงลูก - กักขังด้วยกรอบ สะดวกสุดไง๊)
สรุป ไม่ต้องน้อยใจ อย่าคิดว่า พ่อแม่พวกที่ปล่อยลูกออกไป สุรุ่ยสุร่าย คือ พวกที่น่าอิจฉา และจงอย่ามั่นใจในความดีของตัวเองเกินไป
อย่าประมาท
แสดงความคิดเห็น
น้อยใจกับชีวิตตัวเองเเบบนี้ควรทำอย่างไร?
-ใครเป็นเเบบเราบ้างเข้ามาพูดคุยกันนะ เราเหงา-