“ซากุระ 1,200 ต้น! ที่ Shiroishi River"
นี่เป็นการมาญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ของเรา ปีที่แล้วเรามาช่วงปลายมีนา อากาศหนาวนาน ร้อนช้า เราเลยอยู่ไม่ถึงตอนซากุระบลูม ส่วนปีนี้มากลางเมษาเป๊ะๆ เจอแน่ๆ ซากุระต้องฟูเต็มทางเดินชัวร์ แต่! มันร่วงหมดแล้วจ้า ม๊ายยยย!!!!
เรื่องของเรื่อง เพราะปีนี้มันอุ่นเร็ว (เอ้า ยังไง ยังงายยย ต่อยกันม๊ายยย!) ดอกไม้ปีนี้เลยบานเร็ว และซากุระก็ได้ฟูไปก่อนที่เราจะมา และร่วงพอดีเมื่อเรามาถึง T0T
2 วันแรกเราเดินตามหาซากุระ ตามจุดต่างๆในโตเกียว แต่ก็เจอแค่กิ่งแห้งๆ ไร้ซึ่งดอก แม้แต่กลีบดอกบนพื้นก็ยังไม่เห็น และแล้วเย็นวันนึงเรานัดทานข้าวกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นของเรา
เอริซัง: “ตอนนี้แถบ Tohoku น่าจะยังมีซากุระอยู่นะ เพราะว่าที่นั่นมันหนาวกว่าโตเกียว ดอกก็จะบานช้ากว่า”
พลางเปิดเวป Sakura Forecast ที่มีแต่ภาษาญี่ปุ่นให้ดู
ลูกไผ่: “เอร้ย พี่ปุ่น เวปนี้มันดีอ่ะค่ะ มันอัพเดทแบบ real time เลยว่าตรงไหนซากุระบานหรือร่วงงี้”
เอริซัง: “อื้อ ที่ Tohoku มีที่ชมซากุระที่มีชื่อเสียงหลายที่เลยนะ แต่ไม่แน่ใจว่ารถไฟจะเข้าไปถึงรึเปล่า”
ลูกไผ่: “เราซื้อ JR East Pass Tohoku Line พอดีเลย เราจะไป Tohoku อยู่แล้ว”
เอริซัง: “โอ้ มี Tohoku Pass เหรอ ลองไปดู มันต้องยังบานอยู่แน่ๆ”
โอ้...มีความหวังขึ้นมาเลยจ้า คืนนั้นเรากลับมาเลยลอง search จุดชมซากุระในแถบ Tohoku แล้วก็จิ้มว่าเราจะไปที่ Shiroishi River
เช้านี้เราก็เดินทางตามที่พี่ Google Map เค้าบอก
พี่ปุ่น: “เราดูแล้วไปลงที่สถานี Shiroishi-Zao น่าจะใกล้สุด”
แต่พอนั่งๆไป อ้าว มันลงที่สถานี Ogawara แล้วถึงเลยนี่นา เราก็เลยต้องนั่งไปลงที่สถานี Sendai แล้วต่อรถไฟมาลงที่ Ogawara แต่พอถึงสถานี Funaoka
ลูกไผ่: “อ๊ะ พี่ปุ่นๆๆ สถานีนี้รึเปล่าคะ มีแม่น้ำ มีซากุระเหมือนในรูปเลย”
พี่ปุ่น: “เอ้...ไม่แน่ใจแฮะ”
ลูกไผ่: “อ๊ะ ป้ายนั่นมีรูปซากุระริมน้ำเหมือนที่ search ไว้เลย สถานีนี้แน่เลยค่ะ”
พี่ปุ่น: “เออ แฮะ”
ว่าแล้วก็พากันลงที่สถานี Funaoka พอเดินออกมาที่หน้าสถานี
ลูกไผ่: “อ๊า...ซากุระ!!!!! ตื่นเต้นๆๆๆ”
แค่หน้าสถานีก็เจอต้นซากุระที่ยังมีดอกอยู่เต็มต้นแล้ว
พี่ปุ่น: “ป่ะ ไปหาอะไรทานกันก่อน”
เป็นไอเดียที่ดี เพราะตอนนี้ก็บ่ายสองแล้ว เราหิวโซกันมาก เดินออกจากสถานีมา ลมแรงมากๆ แรงชนิดที่พัดเราปลิวได้เลย แถมหนาวยะเยือกสุดๆ ด้านหน้าสถานีมีร้านของฝากที่เราต๊ะไว้ก่อน ทานข้าวเสร็จว่าจะกลับมาแวะกัน ว่าแล้วพี่ปุ่นก็เปิด Google Map ส่องอยู่ว่ามีร้านอาหารอยู่ตรงไหนบ้าง
ตัวเมืองที่นี่เงียบมากกก ดูร้างสุดๆ เราจะเห็นแค่นักท่องเที่ยวไม่กี่คนเดินฝ่าลมอยู่ข้างถนน ร้านที่เราเจอใน Google map เป็นร้านญี่ปุ่นแบบ cozy ที่ต้องเดินไปไกลหน่อย ก็ต้องยอมเดิน เพราะนอกจากร้านนี้ก็ไม่มีร้าน”อื่นในละแวกนี้ที่เปิดอีกแล้ว ระหว่างทางเราเดินผ่าน Family Mart ที่มีกลุ่มชาวต่างชาติซื้อของมายืนทานอยู่ด้านนอก แล้วเราก็เดินผ่านไปเพื่อไปยังร้านเป้าหมายของเรา พอไปถึงร้าน คุณป้าเจ้าของร้านรีบเดินเข้ามาแล้วทำแขนไขว้กันเป็นรูปกากบาท เป็นสัญญาณให้เรารู้ว่า “ร้านปิดแล้ว” หะ!? นี่มันอะไรก๊านนน
ร้านนี้เค้าปิดตอนบ่ายสองโมง ซึ่งเรามาถึงเกินเวลามาจิ๊ดเดียว เราเลยต้องก้มหน้าเดินฝ่าลมหนาว กลับไปตายรังที่ Family Mart ที่ผ่านมา 555
เราคว้าข้าวหน้าหมูทอด กับชาเขียว 1 ขวด โชคดีที่ข้างใน Family Mart มีเค้าท์เตอร์ให้นั่งทานข้าวได้พอดี เราเลยได้นั่งทานข้าวอุ่นๆอยู่ใน Family Mart
ท้องอิ่มแล้วค่อยยังชัวร์ ปะ ออกไปหาซากุระกัน!
เราเดินกลับมาทางสถานี ระหว่างทางเลยแวะร้านของฝากที่เล็งไว้ซะหน่อย ร้านนี้เป็นกึ่งร้านของฝาก กึ่งร้านเบอเกอรี่ เค้ามีโต๊ะ 2 ตัว ตั้งอยู่ในมุมเล็กๆ และมีน้ำชาให้กดดื่มฟรี เผื่อว่าใครจะซื้อและนั่งทานในร้านนี้ได้เลย พี่ปุ่นเลือกโดรายากิ ส่วนเราเลือกขนมที่เป็นแป้งเหนียวๆ มีรสชาติหวานๆ และมีถั่วลิสงอยู่ข้างใน อร่อยทั้ง 2 อย่าง จนอยากกลับไปทานอีกเลย
ทานเสร็จเราก็เดินกลับมาที่สถานี เข้าห้องน้ำอะไรให้เรียบร้อย แล้วก็เดินเลาะมาทางด้านข้างสถานี เพื่อข้ามทางรถไฟไปอีกฝั่งนึงของสถานี รู้สึกถึงความเป็นชนบทต่างจังหวัดของญี่ปุ่นมากๆ เมืองเงียบ สงบ ไม่มีคน ไม่พลุกพล่าน ดีจังงงง
ข้ามทางรถไฟมานิดนึง เราก็เริ่มเห็นต้นซากุระฟูๆ อยู่ลิบๆที่ปลายถนน
และแล้วเราก็มาถึงแล้วว ซากุระ!!!!!!!!
ที่นี่ Full Bloom จริงๆ เป็นซากุระต้นใหญ่มาก ปลูกเรียงกันเป็นแนวริมแม่น้ำ Shiroishi กิ้งห้อยระย้า สวยมากๆ
เราตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจมาก! เพราะนี่เป็นซากุระแบบ Full bloom แบบหลายต้นมากกกครั้งแรกของเรา
อย่างที่บอกว่าปีนี้อุ่นเร็ว ดอกไม้ก็เลยบานเร็ว ที่นี่แม้แต่ดอกไม้ริมทางยังสวยเลย
เราเดินตามถนนไปเรื่อยๆ ก็จะเริ่มเจอคนที่มาเดินเล่นชมซากุระกันที่นี่ เราว่าเป็นคนญี่ปุ่นกับต่างชาติอย่างละครึ่งๆเลยทีเดียว
วันนี้ลมแรงมากจริงๆ เราเดินๆไปก็ต้องเดินไปหลบหลังต้นซากุระเป็นพักๆ 555
ซักพักเราก็เดินมาเจอสะพาน ตรงนี้เราเจอคู่รักชาวญี่ปุ่นคู่หนึ่ง เลยขอให้เค้าช่วยถ่ายรูปให้
ลูกไผ่: “อึ๊ย เค้าต้องถ่ายรูปดีแน่ๆค่ะ ไผ่เห็นเค้าห้อยกล้องฟิล์ม แสดงว่าเค้าต้องถ่ายรูปเป็นแน่ๆ”
และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ถึงลมจะแรงจนพัดหัวเรากระจุย แต่เค้าก็ถ่ายออกมาได้ดี แล้วทั้งคู่น่ารักมาก ถ่ายให้แบบยิ้มแย้ม หน้าตาเป็นมิตรมากๆ รู้สึกประทับใจสุดๆ
จริงๆเราอยากลองข้ามสะพานไปอีกฝั่ง แต่ด้วยลมที่แรงมากและหนาวยะเยือก เราไปไม่ไหวจริงๆ ทำได้แค่ไปยืนตั้งขาให้มั่นแล้วถ่ายรูปแนวต้นซากุระริมแม่น้ำ ที่เห็นชัดเลยจากสะพานนี้
มีผู้หญิงตัวเล็กหลายคนเลยที่ถือกล้องตัวใหญ่ แล้วถือต้านลมถ่ายรูปตรงนี้ พอเราเห็นท่าของแต่ละคนแล้วหันหน้ามามองกัน ก็ยิ้มแล้วหัวเราะ พลางส่ายหัวประมาณว่า ลมแรงไม่ไหวจริงๆ 555
จากตรงนี้เราก็เดินตามถนนชมซากุระกันไปเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่เราจะเห็นคนเดินสวนมาจากอีกทางซะเป็นส่วนใหญ่
พี่ปุ่น: “อ๋อ เรารู้ละว่าทำไมเค้าบอกให้ลงที่สถานี Ogawara เพราะว่ามันหันหลังให้ลม ไม่ต้องเดินต้านลมอย่างเรา เดินสบายกว่าเยอะเลย!”
5555 นั่นสิ รู้ตัวเมื่อสายซะแล้วเธอออออ..... ตอนนี้กลับตัวก็ไม่ได้แล้ว มีแต่ต้องเดินต้านลมต่อไป
เดินมาเกินครึ่งทาง เราเริ่มเจอทางเดินที่แปลกตาไป คือ จากตรงนี้จะมีเริ่มพุ่มดอกไม้สีเหลืองปลูกอยู่อีกข้างของถนน สีสันตัดกันกับซากุระ สวยมากๆ
จากตรงนี้เดินไปอีกนิดนึง
ลูกไผ่: “อ๊ะ พี่ปุ่น ตลาดค่ะ อันนี้แน่เลยที่เราเห็นในแผนที่ที่สถานี”
พี่ปุ่น: “ไผ่จะลงไปมั้ยล่ะ”
ลูกไผ่: “ลงๆ ค่ะ”
ตรงนี้จะมีตลาดเล็กๆที่เป็นตู้คอนเทนเนอร์ยาวๆ แล้วมีร้านขายของทานเล่นอยู่ข้างใน และมีโต๊ะให้คนนั่งทานอยู่ด้านนอก
เราเข้าไปเอาความอุ่นและลองชิมลูกชิ้นปลากันหนึ่งไม้ ข้างในนั้นเราก็ไปเจอเด็กน้อยคนนึง ที่แม่เค้าเอาผ้าห่มพันตัวไว้ แก้มยุ้ยแถมแดงเป็นลูกตำลึงเลย น่ารักมากๆๆ แถมนิ่งให้ถ่ายรูปอีกต่างหาก 555
มุมสุดของตู้คอนเทนเนอร์จะมีวงดนตรีที่เล่นเพลงญี่ปุ่น ทำนองเหมือนเพลงแนวคันทรี ฟังเพลินเลย
เราเอาความอุ่นในนี้ไม่นาน เพราะต้องเริ่มทำเวลาแล้ว เดี๋ยวจะกลับไปถึงโตเกียวมืด เราเลยเริ่มออกเดินกันต่อ จริงๆ ถนนเส้นนี้มี 2 ระดับ คือถนนด้านบนที่เราเดิน กับเส้นด้านล่างเลาะริมแม่น้ำ แล้วแต่จะเลือกเดินกันเลย
นอกจากถนนเส้นนี้แล้ว อีกฝั่งนึงของแม่น้ำก็น่าเดินไม่น้อยเลย เสียดายมากๆที่วันนี้เรามีเวลาน้อย และลมแรงและหนาวเกินไปที่จะเดินให้ทั่วได้
ตอนนี้เริ่มเย็น พระอาทิตย์เริ่มตก เราเลยได้ซากุระในแสงยามเย็นอย่างที่เห็น สวยมากๆ
พี่ปุ่น: “ไผ่ เราต้องรีบเดินแล้ว ไม่แวะถ่ายรูปแล้วนะ”
เออะ....ไม่ผิดหรอกค่ะ ในรูปนั่นคือคนที่พูดประโยคที่บอกว่า “ไม่แวะถ่ายรูปแล้วนะ”
เดินๆไปเราเริ่มเจอ เสาไฟปักเรียงอยู่ข้างทาง และ.....
ตลาด!!!!!!!
ตลาดใหญ่กว่าเมื่อกี้อี๊กกก เหมือนเป็นงานแฟร์เลย คนก็มาซื้อของ บ้างก็นั่งปูเสื่อทานกันที่ลานนี้ โอ้ย ชิลล์มากๆ
อ๋อย...รู้งี้นอนที่นี่ซักคืนดีกว่า!
พี่ปุ่น: “ป่ะ ไผ่ ไปได้แล้ว”
แล้วเราก็ต้องวิ่ง ตั่กๆๆ ตามพี่ปุ่นกลับ
รวมแล้วจากสถานี Funaoka ถึงสถานี Ogawara ที่เราเดินกันวันนี้ เป็นระยะทางประมาณ 3 กม.ได้ ไม่ได้รู้สึกว่าเมื่อยอะไรเลย ก็จะมีแต่ลมแรงนี่แหละที่ออกจะเป็นอุปสรรคของวันนี้ ไม่งั้นคงได้รูปมาอีกหลายกระบุงเลย
วันนี้ขอกลับโตเกียวก่อนนะคะ
เข้าไปดูรูปแบบจุใจ และฝากติดตามเพจเราด้วยนะคะ =>
https://www.facebook.com/wherewegopage/
[CR] ซากุระ 1,200 ต้น แบบ FULL BLOOM => ที่แม่น้ำ Shiroishi
“ซากุระ 1,200 ต้น! ที่ Shiroishi River"
นี่เป็นการมาญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ของเรา ปีที่แล้วเรามาช่วงปลายมีนา อากาศหนาวนาน ร้อนช้า เราเลยอยู่ไม่ถึงตอนซากุระบลูม ส่วนปีนี้มากลางเมษาเป๊ะๆ เจอแน่ๆ ซากุระต้องฟูเต็มทางเดินชัวร์ แต่! มันร่วงหมดแล้วจ้า ม๊ายยยย!!!!
เรื่องของเรื่อง เพราะปีนี้มันอุ่นเร็ว (เอ้า ยังไง ยังงายยย ต่อยกันม๊ายยย!) ดอกไม้ปีนี้เลยบานเร็ว และซากุระก็ได้ฟูไปก่อนที่เราจะมา และร่วงพอดีเมื่อเรามาถึง T0T
2 วันแรกเราเดินตามหาซากุระ ตามจุดต่างๆในโตเกียว แต่ก็เจอแค่กิ่งแห้งๆ ไร้ซึ่งดอก แม้แต่กลีบดอกบนพื้นก็ยังไม่เห็น และแล้วเย็นวันนึงเรานัดทานข้าวกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นของเรา
เอริซัง: “ตอนนี้แถบ Tohoku น่าจะยังมีซากุระอยู่นะ เพราะว่าที่นั่นมันหนาวกว่าโตเกียว ดอกก็จะบานช้ากว่า”
พลางเปิดเวป Sakura Forecast ที่มีแต่ภาษาญี่ปุ่นให้ดู
ลูกไผ่: “เอร้ย พี่ปุ่น เวปนี้มันดีอ่ะค่ะ มันอัพเดทแบบ real time เลยว่าตรงไหนซากุระบานหรือร่วงงี้”
เอริซัง: “อื้อ ที่ Tohoku มีที่ชมซากุระที่มีชื่อเสียงหลายที่เลยนะ แต่ไม่แน่ใจว่ารถไฟจะเข้าไปถึงรึเปล่า”
ลูกไผ่: “เราซื้อ JR East Pass Tohoku Line พอดีเลย เราจะไป Tohoku อยู่แล้ว”
เอริซัง: “โอ้ มี Tohoku Pass เหรอ ลองไปดู มันต้องยังบานอยู่แน่ๆ”
โอ้...มีความหวังขึ้นมาเลยจ้า คืนนั้นเรากลับมาเลยลอง search จุดชมซากุระในแถบ Tohoku แล้วก็จิ้มว่าเราจะไปที่ Shiroishi River
เช้านี้เราก็เดินทางตามที่พี่ Google Map เค้าบอก
พี่ปุ่น: “เราดูแล้วไปลงที่สถานี Shiroishi-Zao น่าจะใกล้สุด”
แต่พอนั่งๆไป อ้าว มันลงที่สถานี Ogawara แล้วถึงเลยนี่นา เราก็เลยต้องนั่งไปลงที่สถานี Sendai แล้วต่อรถไฟมาลงที่ Ogawara แต่พอถึงสถานี Funaoka
ลูกไผ่: “อ๊ะ พี่ปุ่นๆๆ สถานีนี้รึเปล่าคะ มีแม่น้ำ มีซากุระเหมือนในรูปเลย”
พี่ปุ่น: “เอ้...ไม่แน่ใจแฮะ”
ลูกไผ่: “อ๊ะ ป้ายนั่นมีรูปซากุระริมน้ำเหมือนที่ search ไว้เลย สถานีนี้แน่เลยค่ะ”
พี่ปุ่น: “เออ แฮะ”
ว่าแล้วก็พากันลงที่สถานี Funaoka พอเดินออกมาที่หน้าสถานี
ลูกไผ่: “อ๊า...ซากุระ!!!!! ตื่นเต้นๆๆๆ”
แค่หน้าสถานีก็เจอต้นซากุระที่ยังมีดอกอยู่เต็มต้นแล้ว
พี่ปุ่น: “ป่ะ ไปหาอะไรทานกันก่อน”
เป็นไอเดียที่ดี เพราะตอนนี้ก็บ่ายสองแล้ว เราหิวโซกันมาก เดินออกจากสถานีมา ลมแรงมากๆ แรงชนิดที่พัดเราปลิวได้เลย แถมหนาวยะเยือกสุดๆ ด้านหน้าสถานีมีร้านของฝากที่เราต๊ะไว้ก่อน ทานข้าวเสร็จว่าจะกลับมาแวะกัน ว่าแล้วพี่ปุ่นก็เปิด Google Map ส่องอยู่ว่ามีร้านอาหารอยู่ตรงไหนบ้าง
ตัวเมืองที่นี่เงียบมากกก ดูร้างสุดๆ เราจะเห็นแค่นักท่องเที่ยวไม่กี่คนเดินฝ่าลมอยู่ข้างถนน ร้านที่เราเจอใน Google map เป็นร้านญี่ปุ่นแบบ cozy ที่ต้องเดินไปไกลหน่อย ก็ต้องยอมเดิน เพราะนอกจากร้านนี้ก็ไม่มีร้าน”อื่นในละแวกนี้ที่เปิดอีกแล้ว ระหว่างทางเราเดินผ่าน Family Mart ที่มีกลุ่มชาวต่างชาติซื้อของมายืนทานอยู่ด้านนอก แล้วเราก็เดินผ่านไปเพื่อไปยังร้านเป้าหมายของเรา พอไปถึงร้าน คุณป้าเจ้าของร้านรีบเดินเข้ามาแล้วทำแขนไขว้กันเป็นรูปกากบาท เป็นสัญญาณให้เรารู้ว่า “ร้านปิดแล้ว” หะ!? นี่มันอะไรก๊านนน
ร้านนี้เค้าปิดตอนบ่ายสองโมง ซึ่งเรามาถึงเกินเวลามาจิ๊ดเดียว เราเลยต้องก้มหน้าเดินฝ่าลมหนาว กลับไปตายรังที่ Family Mart ที่ผ่านมา 555
เราคว้าข้าวหน้าหมูทอด กับชาเขียว 1 ขวด โชคดีที่ข้างใน Family Mart มีเค้าท์เตอร์ให้นั่งทานข้าวได้พอดี เราเลยได้นั่งทานข้าวอุ่นๆอยู่ใน Family Mart
ท้องอิ่มแล้วค่อยยังชัวร์ ปะ ออกไปหาซากุระกัน!
เราเดินกลับมาทางสถานี ระหว่างทางเลยแวะร้านของฝากที่เล็งไว้ซะหน่อย ร้านนี้เป็นกึ่งร้านของฝาก กึ่งร้านเบอเกอรี่ เค้ามีโต๊ะ 2 ตัว ตั้งอยู่ในมุมเล็กๆ และมีน้ำชาให้กดดื่มฟรี เผื่อว่าใครจะซื้อและนั่งทานในร้านนี้ได้เลย พี่ปุ่นเลือกโดรายากิ ส่วนเราเลือกขนมที่เป็นแป้งเหนียวๆ มีรสชาติหวานๆ และมีถั่วลิสงอยู่ข้างใน อร่อยทั้ง 2 อย่าง จนอยากกลับไปทานอีกเลย
ทานเสร็จเราก็เดินกลับมาที่สถานี เข้าห้องน้ำอะไรให้เรียบร้อย แล้วก็เดินเลาะมาทางด้านข้างสถานี เพื่อข้ามทางรถไฟไปอีกฝั่งนึงของสถานี รู้สึกถึงความเป็นชนบทต่างจังหวัดของญี่ปุ่นมากๆ เมืองเงียบ สงบ ไม่มีคน ไม่พลุกพล่าน ดีจังงงง
ข้ามทางรถไฟมานิดนึง เราก็เริ่มเห็นต้นซากุระฟูๆ อยู่ลิบๆที่ปลายถนน
และแล้วเราก็มาถึงแล้วว ซากุระ!!!!!!!!
ที่นี่ Full Bloom จริงๆ เป็นซากุระต้นใหญ่มาก ปลูกเรียงกันเป็นแนวริมแม่น้ำ Shiroishi กิ้งห้อยระย้า สวยมากๆ
เราตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจมาก! เพราะนี่เป็นซากุระแบบ Full bloom แบบหลายต้นมากกกครั้งแรกของเรา
อย่างที่บอกว่าปีนี้อุ่นเร็ว ดอกไม้ก็เลยบานเร็ว ที่นี่แม้แต่ดอกไม้ริมทางยังสวยเลย
เราเดินตามถนนไปเรื่อยๆ ก็จะเริ่มเจอคนที่มาเดินเล่นชมซากุระกันที่นี่ เราว่าเป็นคนญี่ปุ่นกับต่างชาติอย่างละครึ่งๆเลยทีเดียว
วันนี้ลมแรงมากจริงๆ เราเดินๆไปก็ต้องเดินไปหลบหลังต้นซากุระเป็นพักๆ 555
ซักพักเราก็เดินมาเจอสะพาน ตรงนี้เราเจอคู่รักชาวญี่ปุ่นคู่หนึ่ง เลยขอให้เค้าช่วยถ่ายรูปให้
ลูกไผ่: “อึ๊ย เค้าต้องถ่ายรูปดีแน่ๆค่ะ ไผ่เห็นเค้าห้อยกล้องฟิล์ม แสดงว่าเค้าต้องถ่ายรูปเป็นแน่ๆ”
และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ถึงลมจะแรงจนพัดหัวเรากระจุย แต่เค้าก็ถ่ายออกมาได้ดี แล้วทั้งคู่น่ารักมาก ถ่ายให้แบบยิ้มแย้ม หน้าตาเป็นมิตรมากๆ รู้สึกประทับใจสุดๆ
จริงๆเราอยากลองข้ามสะพานไปอีกฝั่ง แต่ด้วยลมที่แรงมากและหนาวยะเยือก เราไปไม่ไหวจริงๆ ทำได้แค่ไปยืนตั้งขาให้มั่นแล้วถ่ายรูปแนวต้นซากุระริมแม่น้ำ ที่เห็นชัดเลยจากสะพานนี้
มีผู้หญิงตัวเล็กหลายคนเลยที่ถือกล้องตัวใหญ่ แล้วถือต้านลมถ่ายรูปตรงนี้ พอเราเห็นท่าของแต่ละคนแล้วหันหน้ามามองกัน ก็ยิ้มแล้วหัวเราะ พลางส่ายหัวประมาณว่า ลมแรงไม่ไหวจริงๆ 555
จากตรงนี้เราก็เดินตามถนนชมซากุระกันไปเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่เราจะเห็นคนเดินสวนมาจากอีกทางซะเป็นส่วนใหญ่
พี่ปุ่น: “อ๋อ เรารู้ละว่าทำไมเค้าบอกให้ลงที่สถานี Ogawara เพราะว่ามันหันหลังให้ลม ไม่ต้องเดินต้านลมอย่างเรา เดินสบายกว่าเยอะเลย!”
5555 นั่นสิ รู้ตัวเมื่อสายซะแล้วเธอออออ..... ตอนนี้กลับตัวก็ไม่ได้แล้ว มีแต่ต้องเดินต้านลมต่อไป
เดินมาเกินครึ่งทาง เราเริ่มเจอทางเดินที่แปลกตาไป คือ จากตรงนี้จะมีเริ่มพุ่มดอกไม้สีเหลืองปลูกอยู่อีกข้างของถนน สีสันตัดกันกับซากุระ สวยมากๆ
จากตรงนี้เดินไปอีกนิดนึง
ลูกไผ่: “อ๊ะ พี่ปุ่น ตลาดค่ะ อันนี้แน่เลยที่เราเห็นในแผนที่ที่สถานี”
พี่ปุ่น: “ไผ่จะลงไปมั้ยล่ะ”
ลูกไผ่: “ลงๆ ค่ะ”
ตรงนี้จะมีตลาดเล็กๆที่เป็นตู้คอนเทนเนอร์ยาวๆ แล้วมีร้านขายของทานเล่นอยู่ข้างใน และมีโต๊ะให้คนนั่งทานอยู่ด้านนอก
เราเข้าไปเอาความอุ่นและลองชิมลูกชิ้นปลากันหนึ่งไม้ ข้างในนั้นเราก็ไปเจอเด็กน้อยคนนึง ที่แม่เค้าเอาผ้าห่มพันตัวไว้ แก้มยุ้ยแถมแดงเป็นลูกตำลึงเลย น่ารักมากๆๆ แถมนิ่งให้ถ่ายรูปอีกต่างหาก 555
มุมสุดของตู้คอนเทนเนอร์จะมีวงดนตรีที่เล่นเพลงญี่ปุ่น ทำนองเหมือนเพลงแนวคันทรี ฟังเพลินเลย
เราเอาความอุ่นในนี้ไม่นาน เพราะต้องเริ่มทำเวลาแล้ว เดี๋ยวจะกลับไปถึงโตเกียวมืด เราเลยเริ่มออกเดินกันต่อ จริงๆ ถนนเส้นนี้มี 2 ระดับ คือถนนด้านบนที่เราเดิน กับเส้นด้านล่างเลาะริมแม่น้ำ แล้วแต่จะเลือกเดินกันเลย
นอกจากถนนเส้นนี้แล้ว อีกฝั่งนึงของแม่น้ำก็น่าเดินไม่น้อยเลย เสียดายมากๆที่วันนี้เรามีเวลาน้อย และลมแรงและหนาวเกินไปที่จะเดินให้ทั่วได้
ตอนนี้เริ่มเย็น พระอาทิตย์เริ่มตก เราเลยได้ซากุระในแสงยามเย็นอย่างที่เห็น สวยมากๆ
พี่ปุ่น: “ไผ่ เราต้องรีบเดินแล้ว ไม่แวะถ่ายรูปแล้วนะ”
เออะ....ไม่ผิดหรอกค่ะ ในรูปนั่นคือคนที่พูดประโยคที่บอกว่า “ไม่แวะถ่ายรูปแล้วนะ”
เดินๆไปเราเริ่มเจอ เสาไฟปักเรียงอยู่ข้างทาง และ.....
ตลาด!!!!!!!
ตลาดใหญ่กว่าเมื่อกี้อี๊กกก เหมือนเป็นงานแฟร์เลย คนก็มาซื้อของ บ้างก็นั่งปูเสื่อทานกันที่ลานนี้ โอ้ย ชิลล์มากๆ
อ๋อย...รู้งี้นอนที่นี่ซักคืนดีกว่า!
พี่ปุ่น: “ป่ะ ไผ่ ไปได้แล้ว”
แล้วเราก็ต้องวิ่ง ตั่กๆๆ ตามพี่ปุ่นกลับ
รวมแล้วจากสถานี Funaoka ถึงสถานี Ogawara ที่เราเดินกันวันนี้ เป็นระยะทางประมาณ 3 กม.ได้ ไม่ได้รู้สึกว่าเมื่อยอะไรเลย ก็จะมีแต่ลมแรงนี่แหละที่ออกจะเป็นอุปสรรคของวันนี้ ไม่งั้นคงได้รูปมาอีกหลายกระบุงเลย
วันนี้ขอกลับโตเกียวก่อนนะคะ
เข้าไปดูรูปแบบจุใจ และฝากติดตามเพจเราด้วยนะคะ => https://www.facebook.com/wherewegopage/