มัน หวาน มาก!! แชร์ประสบการณ์ในวันที่ตรวจเจอเบาหวาน ตอนอายุแค่20กว่า

สวัสดีค่ะทุกคน ปีที่ผ่านมาเจออะไรหนักๆเข้ามาในชีวิตกันบ้างไหมคะ? ส่วนของเราเจอเต็มๆเลยค่ะ “เบาหวาน” เข้ามาจับจองร่างกายเป็นที่เรียบร้อยในช่วงชีวิตที่ผ่านมาชื่นชมโลกสวยได้เพียง 24 ปีเอง เฮ้อ… คือป๊ากับแม่ก็เคยเตือนให้เบาเรื่องกินมาตลอด เพราะสายตระกูลเราโดนเบาหวานเล่นงานไปหลายคน อย่างของป๊าก็มาตรวจเจอตอนอายุ50 ตอนนี้ก็ต้องฉีดอินซูลินทุกวัน แต่เราก็อารมณ์เหมือนไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา กินไม่บันยะบันยังจากน้ำหนัก40ปลายๆตอนอายุ20 พุ่งมาเป็น78ในระยะเวลา4ปี พอช่วงสิงหาปี 60 มีอาการแปลกๆขึ้นมา พอตรวจก็โป๊ะเช๊ะเลย ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองหลายอย่างทั้งกายทั้งใจ จนตอนนี้เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วค่ะ เลยอยากจะมาแชร์วิธีดูแลตัวเองและให้กำลังใจเพื่อนๆพี่ๆที่กำลังป่วยอยู่เหมือนกัน มาสู้โรคไปด้วยกันนะคะ ✌✌


อาการของเราก่อนที่จะไปตรวจเจอก็คือ
          •   เหนื่อยง่าย เวียนหัวเหมือนจะเป็นลมบ่อย
          •   ฉี่บ่อยมาก โดยเฉพาะตอนกลางคืน แล้วก็จะเป็นฟองๆ
          •   ตาพร่า
          •   เท้าบวม มือบวม
          •   เวลาเป็นแผลก็จะก็ปะทุเป็นหนองๆไม่หายสักที
          •   แล้วก็จะหิวบ่อยทั้งน้ำทั้งข้าวแต่..น้ำหนักกลับลด

2เดือนลดไป10กว่าโล ทั้งที่ไม่ได้ออกกำลังกายหรือแตะต้องยาลดความอ้วนเลย แรกๆก็ปลอบใจตัวเองว่าเป็นเพราะเปลี่ยนงานแล้วมันเครียดมาก แต่พอเข้าโลที่10นี่ใจไม่ดีแล้วค่ะ ก็เลยไปหาหมอ ซักอาการ ซักประวัติครอบครัว โดนจับตรวจเลือด น้ำตาลปาเข้าไป172 คือระดับสูงมาก คุณเป็นเบาหวานครับ ชัดเจน!!!


          หมอบอกว่าเบาหวานเจอได้ทุกเพศทุกวัยค่ะ ยิ่งมีความเสี่ยงจากกรรมพันธุ์ยิ่งรอวันแสดงตัวถ้าดูแลรักษาตัวเองไม่ดีพอ ในกรณีเราจัดว่าเป็นประเภท 2 คือ ตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ไม่เพียงพอต่อการใช้ ทำให้น้ำตาลตกค้างอยู่ในเลือดมาก แล้วคำสั่งสายฟ้าฟาดคือ..ต้องออกกำลังกาย คุมอาหาร คุมน้ำตาล แล้วก็กินยาร่วมด้วย เดือนหน้ากลับมาตรวจใหม่ เฮ้ออออ อ๊องไปเลยค่ะหลังจากออกจากห้องตรวจ ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นเบาหวานตอนอายุแค่เนี้ย แต่มันก็เป็นไปแล้วนี่เนอะทำไงได้..


ขออภัยสำหรับคนที่กำลังกินข้าวอยู่นะคะ แต่อยากให้เห็นความทรมานของโรคแบบเรียลๆT^T

จะมัวท้ออยู่ทำไม!! มาเริ่มกันสักตั้งกับการออกกำลังกาย(ที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อน)
เอาไงดีล่ะ ออกจากบ้านไปทำงานก็7โมงครึ่ง กว่าจะกลับถึงก็เกือบ2ทุ่ม เล็งแล้วว่ายังไงก็ต้องออกตอนเช้า แต่แถวนี้ไม่มีฟิตเนส ไม่มีสวนให้วิ่ง ก็เลยหาซื้อแผ่นโยคะมา เปิดยูทูปเริ่มจากโยคะเบาๆ ไปจนถึงท่าแพล้ง แล้วก็เอาขวดน้ำ1.25ลิตรมายกแทนดัมเบล ตอนแรกก็เซ็งค่ะเหงื่อไม่ออกเลย ปวดตัวด้วย แต่ก็ฝืนทำไปจนรู้สึกเริ่มชินขึ้นแล้วก็ออกได้นานกว่าเดิม


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

คุมอาหาร คุมน้ำตาล
ทำใจยากเหมือนกันที่ต้องหยิกตัวเองให้งดข้าวมันไก่/ข้าวขาหมู/ปิ้งย่างชาบู/ชานมไข่มุก/ไอติมไผ่ทอง/เอแคล์/ขนมถุงที่ชอบกินแทบทุกวัน ทรมานมากกแต่ก็ต้องทำ คุณหมอสั่งให้เบาพวกของหวาน ข้าวขาว ข้าวเหนียว แป้งเผือกมัน มื้อเช้า-เที่ยงที่ต้องหากินเองก็จะพยายามเลือกอาหารรสเบาๆ ไม่ปรุงอะไรเสริมเข้าไปอีก ผลไม้หวานก็ไม่เอา ไม่กินจุกจิก 1-3เดือนแรกก็มีสติแตกไปร้านหมูกะทะ กินลูกชิ้นทอด กินขนมถุงบ้าง เดือนหลังๆมาถึงเริ่มทำใจได้


มื้อเย็นแม่ช่วยดูแลอีกแรงหนึ่งด้วยค่ะ ก็นาทีนี้มีทั้งป๊ามีทั้งลูกสาวเป็นผู้ป่วยเบาหวานในบ้าน พวกพืชผักสมุนไพรบึ้มมาก รางจืด มะระ สะตอ ใบชะพลู กะเพรา ตำลึง แม่จัดเป็นกับข้าวได้หมด แล้วก็จะมีอาหารเสริมอีก2ตัว lingzhiplusshitake‎ เป็นเห็ดหลินจือสกัดแบบแคปซูล ที่ป๊ากินอยู่ประจำเอามาแบ่งให้กินช่วง3-4เดือนแรก ก่อนเราจะเปลี่ยนไปกิน Plenary ช่วงธันวา อันนี้เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่ดีกับคนเป็นเบาหวานโดยเฉพาะ พวกโสม ถั่วขาว ใบชาเขียว มะระ อบเชยเทศ พริกไทย พวกนี้ช่วยปรับลดน้ำตาล ไขมัน แล้วก็ความดันในเส้นเลือด คืออะไรที่แม่เปิดตำราเจอว่าจะช่วยป๊ากับลูกสาวได้และผ่านการกลั่นกรองแล้วว่าดี แม่จัดให้หมด


เครื่องดื่ม เราจะพยายามกินเป็นน้ำเปล่าเย็นๆผสมอุทัยทิพย์ ก็ได้ความหอมของสมุนไพร แล้วก็ได้สีแดงๆหลอกความคิดว่ามันหวานฉ่ำ(จริงๆไม่หวานเลยย) บางครั้งก็ผสมเม็ดแมงลักลงไปบ้าง ก็อิ่มท้องนานขึ้น หรือถ้าวันไหนไม่ไหวก็ใส่หญ้าหวานลงไป แต่ถ้าไม่ไหวของไม่ไหว!ก็หน้ามืดเดินไปซื้อชานมไข่มุกกินเหมือนเดิม T^T แต่จะทำโทษตัวเองด้วยการออกกำลังกายให้นานขึ้นนะคะ


          ตั้งแต่ตรวจเจอเบาหวานเมื่อสิงหา 60 ปรับเปลี่ยนตัวเองมาเรื่อยๆ พยายามกินอาหารให้น้อยลง งดของหวาน ออกกำลังกายให้มากขึ้น กินยาตรงเวลา กินอาหารเสริมที่ปรึกษาคุณหมอแล้วว่าปลอดภัย แล้วก็ไปตรวจตรงเวลาสม่ำเสมอ น้ำตาลก็ลดลงมาเรื่อยๆค่ะ รู้สึกเลยว่าสุขภาพดีขึ้น ไม่ค่อยเพลีย ไม่โมโหหิวเหมือนแต่ก่อน พวกแผลที่เคยหายยากก็ค่อยๆดีขึ้น เหลือแค่ร่องรอยอารยะธรรม ก็พยายามแต้ม Smooth E ให้รอยจางไวๆ

กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานเท่าไหร่.. เราคือผู้ป่วยโรคเบาหวาน น้ำหนักสูงสุดในชีวิตคือ 78 Kg ก่อนที่เจ้าตัวร้ายจะพรากไปกว่า 10 Kg พร้อมกับสาดอาการแย่ๆเข้าใส่มากมาย แต่ ณ วันนี้หันมารักตัวเอง เลือกกินของมีประโยชน์ ออกกำลังกาย เติมความหวานพอให้ชีวิตชุ่มฉ่ำบ้างก็แค่บางครั้งเท่านั้น ล่าสุดน้ำหนักของเราลงมาอยู่ที่ 62 แบบสมดุล สุขภาพดี อารมณ์ดี น้ำตาลอยู่ในเกณฑ์ปกติแล้วจ้าาา ^^ ถึงจะไม่ต้องกินยาจากหมอแล้ว แต่เราก็สัญญากับตัวเองแล้วว่าต้องดูแลกันต่อไป


นี่แหละค่ะช่วงเวลาที่เบาหวานผ่านเข้ามาทักทายเรา เหมือนจะสั้นเนอะ แต่เอาเข้าจริงตอนที่ต่อสู้กับมันน่ะไม่สั้นเลย กว่าจะผ่านแต่ละวันแบบมือสั่นๆมาได้ 5555 ยังไงก็ขอให้เรื่องราวของเราไปสะกิดใจเพื่อนๆพี่ๆที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะที่มีคนในสายตระกูลป่วยโรคเบาหวานอยู่นะคะ ออกกำลังกายแล้วก็เลือกกินของดีๆกันบ้าง แล้วก็ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆพี่ๆที่มีโรคประจำตัวให้สู้กับมันด้วยจ้าาา กำลังใจแล้วก็วินัยจากตัวเองสำคัญที่สุดเลยเน้อออ สู้ๆ


# มาเป็นหมูที่แข็งแรงกันเถอะ -`ω´-
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่