จากความเครียด กลายเป็นเครียดเรื้อรัง พัฒนามาเป็นโรคซึมเศร้า ตอนนี้เริ่มมีความคิดฆ่าตัวตายเข้ามา
10ปีที่ผ่านมา เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เราคิดว่าตัวเองมีความสุขมาโดยตลอด พอทุกข์ก็ทำเป็นไม่สนใจ พยายามมองข้ามไป คิดว่าตัวเองเข้มแข็ง ไม่อ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ พอเจอเรื่องที่หนักมากๆก็ทำเหมือนไม่รับรู้อะไร ปิดกั้นตัวเอง คิดว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป แล้วเวลาก็ผ่านเลยไป จนมาถึงวันที่เราไม่มีความรู้สึกกับทุกอย่างที่เราเป็นอยู่ เหมือนเวลาของเรามันถูกหยุดอยู่กับที่ เรามองไปรอบๆ เห็นทุกอย่างดำเนินไปตามวิถีของมัน แต่ตัวเราทำอะไรไม่ได้ เหมือนเราถูกขังไว้ ไม่สามารถที่จะสัมผัสถึงความรู้สึกของความคิดและการกระทำใดๆได้ มันว่างเปล่าไปหมด ไม่มีความคิดใดๆภายในหัว มีแต่น้ำตาที่เอ่อล้นออกมา ทุกอย่างเริ่มมืดมน และความรู้สึกเดียวที่เราสัมผัสได้คือความหดหู่ เรากลายเป็นคนไม่มีความรู้สึก เราไม่มีความหวัง ไม่รู้ว่าจะต้องใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร เราพยายามกระตุ้นและตอบสนองตัวเองด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งที่รู้ว่าบางสิ่งที่เราทำมันผิด แต่มันเป็นการรับรู้ด้วยสมอง ไม่ใช่ความรู้สึกสำนึกผิด แต่เราก็ยังฝืนทำต่อไป เราตั้งจุดมุ่งหมายอย่างเดียว คือ การที่เราจะรู้สึกกับอะไรสักอย่าง เราอยากสัมผัสความดีใจ ความเสียใจ ความรู้สึกที่ชอบหรือไม่ชอบอะไร เพราะมันกลายเป็นอะไรก็ได้ แล้วแต่เลย เราไม่มีความคิดที่อยากจะทำอะไรอยู่ในหัวสักอย่าง อาการหนักๆอย่างนี้อยู่กับเราประมาณ 4 เดือน แล้วมันก็เริ่มหายไป โดยที่เราไม่ได้ไปพบแพทย์ เราได้แต่ระบายให้เพื่อนและครอบครัวฟัง ครอบครัวของเราคิดว่าเราไม่ได้เป็นอะไร และบอกเราว่าอย่าอ่อนแอ เพราะที่ผ่านมาเค้าจะเห็นเราในมุมเข้มแข็งตลอด ส่วนเพื่อนที่เราระบายให้ฟังเป็นเพื่อนที่เราไม่สนิท2คนฟัง แต่ทำให้เราสบายใจขึ้นเยอะ ส่วนเพื่อนคนอื่นเราไม่กล้าเล่าให้ฟ้งเพราะเรายังปิดกั้นตัวเอง ลึกๆของเราคิดว่ายังไงเค้าก็ไม่เข้าใจเรา เรากลัวว่าเค้าจะคิดว่าเราตามกระแสหรือเรียกร้องความสนใจ ทั้งๆที่จริงแล้ว เราเริ่มมีอาการมานานแล้ว แต่เราไม่เคยมานั่งสำรวจความรู้สึกตัวเองเลย พอมาเจอ4เดือนที่หนักๆ เราเลยคิดได้ว่า ที่เรามาถึงจุดที่ต่ำสุดของชีวิตได้ยังไง จุดที่นิ่งอยู่กับที่ กลายเป็นหุ่นยนต์ไม่มีความรู้สึก เราก็จำไม่ได้ว่าเราผ่าน4เดือนหนักๆนั้นมาได้ยังไง แต่เราพยายามไม่อยู่คนเดียว เราพยายามพูดคุยกับคนในครอบครัว(เรื่องอื่นๆในครอบครัวที่ไม่ใช่ปัญหาของเรา)ให้มากๆ และพยายามที่จะไม่โฟกัสความเศร้า พอเรารู้สึกเศร้าอยากร้องไห้เราก็พยายามชวนคนอื่นคุยเรื่องที่สนุก อันที่จริงเราเสียดายที่เราไม่ได้ไปหาหมอในตอนนั้น เพราะช่วงไม่หลายเดือนที่ผ่านมาเราได้อ่านข่าวการฆ่าตัวตายเพราะโรคซึมเศร้า เราเข้าไปอ่านเนื้อข่าว อ่านคอมเม้นต์ เราคิดว่าเหมือนอาการมันถูกกระตุ้น เราร้องไห้และรู้สึกหดหู่ไปหลายวัน อาจจะเพราะเรารู้สึกว่าสิ่งที่อ่านมันเป็นสิ่งที่เราเคยเป็น เราเคยผ่านมันมาแล้ว เรารู้สึกเศร้าและเสียใจกับการจบชีวิตแบบนั้น แต่เราก็เข้าใจกับสิ่งที่เค้าเลือกทำลงไป แต่เรากลัวจะกลับมาเป็นหนักแบบเดิมอีกเราเลยพยายามไปโฟกัสอะไรอย่างอื่นแทนและทั้งๆที่เมื่อก่อนเราไม่เคยคิดอยากฆ่าตัวตายเลย จริงๆมันก็มีอยู่บ้างนะความคิดที่ฆ่าตัวตายมั้ยเข้ามาในหัว แต่เราก็บอกตัวเองตลอดว่าเราจะไม่ทำ และเราก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่อยากทำ หรือไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้แล้ว แต่ช่วง2-3เดือนที่ผ่านมา เรารู้สึกว่าอาการมันเริ่มกลับมา มันไม่ได้เป็นหนักเท่าช่วง4เดือน แต่ที่เราเห็นอาการที่เป็นหนักเลยคือ เวลาที่เจอปัญหาหรือคนใกล้ตัวพูดไม่ดีใส่ เราจะรู้สึกอยู่อย่างเดียวว่าถ้าไม่มีเราอยู่มันคงจะดีกว่านี้ เราไม่น่ามาอยู่ตรงนี้เลย เราไม่น่ามาเป็นภาระเค้า เราตายไปคงดีกว่า ครั้งแรกๆที่มีความคิดแบบนี้เราก็ตกใจตัวเอง แต่เราก็ไม่มีอะไรหรอก ยังไงเราก็จะไม่ทำมัน แต่1-2อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ เรามาทำธุระต่างจังหวัด อีกสิบกว่าวันเราก็จะได้กลับไปอยู่ด้วยกันแล้ว แต่เราไม่ชอบที่เค้าชอบไล่เรา บอกเลิกเรา หรือไล่ให้เราไปตาย เราเข้าใจแฟนเราว่าอยากอยู่ใกล้ๆ แล้วแฟนเราก็เป็นห่วงเรามากด้วยเพราะตอนนี้เราท้องแก่แล้ว เรารู้ว่าเค้างอแงพูดว่าเราเพราะอยากให้เรากลับไปเร็วๆ แต่เราไม่ชอบวิธีการแสดงออกของเค้าเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงแค่ร้องไห้เพราะน้อยใจ แต่ตอนนี้เราไม่ได้น้อยใจอย่างเดียว เวลาที่เราไม่ได้คุยกับเค้าหรือคุยกันดีๆเราก็รู้สึกปกติดีไม่ได้มีอาการอะไร แต่พอเค้าไล่ไม่ให้กลับไปหรือไล่ให้ไปตาย เรายิ่งเก็บไปคิด เรายิ่งมีความรู้สึกว่าเราไม่อยากอยู่ แล้วเราก็เริ่มคิดถึงวิธีฆ่าตัวตายขึ้นหลายๆครั้ง เราเครียดมากเพราะธุระเราก็ต้องทำให้เสร็จแล้วแฟนเราก็ป่วยค่อนข้างหนักด้วย เรากดดันตัวเองมาก ร้องไห้บ่อยมาก จนสงสารลูกในท้อง พอนึกถึงลูกเราก็พยายามหยุดร้อง แต่ความคิดที่ฆ่าตัวตายนี้ เราว่าเราโชคดีที่มีลูกอยู่ในท้อง ถ้าไม่อย่างนั้นเราอาจจะฆ่าตัวตายไปแล้วจริงๆ เราคิดว่าลูกไม่ได้ผิดอะไร เด็กควรได้เกิดมาลืมตาดูโลก มันไม่ใช่ความผิดของเค้าที่จะต้องมาร่วมรับผิดชอบการกระทำของพ่อแม่แบบเรา แต่เราก็กลัวใจตัวเอง เรากลัวความคิดตัวเอง เรายังมีความคิดที่ว่าเอาไว้ให้ลูกเกิดมาก่อนแล้วเราค่อยฆ่าตัวทีหลังก็ได้ หรือความคิดที่คิดถึงแต่วิธีที่จะฆ่าตัวตาย เรากลัวว่าถ้าถึงวันนึงที่เราไม่เข้มแข็งพอเราจะทำอะไรไปตามอารมณ์ชั่ววูบที่มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ปล.ความคิดที่อยากตายนี้เราไม่ได้คิดเพราะจะหนีปัญหา แต่มันเป็นความรู้สึกที่เข้ามาตลดว่าไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้ เราไม่สำคัญ เราไม่จำเป็นกับอะไรใดๆอีกแล้ว
ทำอย่างไรเมื่อเริ่มมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย?
10ปีที่ผ่านมา เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เราคิดว่าตัวเองมีความสุขมาโดยตลอด พอทุกข์ก็ทำเป็นไม่สนใจ พยายามมองข้ามไป คิดว่าตัวเองเข้มแข็ง ไม่อ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ พอเจอเรื่องที่หนักมากๆก็ทำเหมือนไม่รับรู้อะไร ปิดกั้นตัวเอง คิดว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป แล้วเวลาก็ผ่านเลยไป จนมาถึงวันที่เราไม่มีความรู้สึกกับทุกอย่างที่เราเป็นอยู่ เหมือนเวลาของเรามันถูกหยุดอยู่กับที่ เรามองไปรอบๆ เห็นทุกอย่างดำเนินไปตามวิถีของมัน แต่ตัวเราทำอะไรไม่ได้ เหมือนเราถูกขังไว้ ไม่สามารถที่จะสัมผัสถึงความรู้สึกของความคิดและการกระทำใดๆได้ มันว่างเปล่าไปหมด ไม่มีความคิดใดๆภายในหัว มีแต่น้ำตาที่เอ่อล้นออกมา ทุกอย่างเริ่มมืดมน และความรู้สึกเดียวที่เราสัมผัสได้คือความหดหู่ เรากลายเป็นคนไม่มีความรู้สึก เราไม่มีความหวัง ไม่รู้ว่าจะต้องใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร เราพยายามกระตุ้นและตอบสนองตัวเองด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งที่รู้ว่าบางสิ่งที่เราทำมันผิด แต่มันเป็นการรับรู้ด้วยสมอง ไม่ใช่ความรู้สึกสำนึกผิด แต่เราก็ยังฝืนทำต่อไป เราตั้งจุดมุ่งหมายอย่างเดียว คือ การที่เราจะรู้สึกกับอะไรสักอย่าง เราอยากสัมผัสความดีใจ ความเสียใจ ความรู้สึกที่ชอบหรือไม่ชอบอะไร เพราะมันกลายเป็นอะไรก็ได้ แล้วแต่เลย เราไม่มีความคิดที่อยากจะทำอะไรอยู่ในหัวสักอย่าง อาการหนักๆอย่างนี้อยู่กับเราประมาณ 4 เดือน แล้วมันก็เริ่มหายไป โดยที่เราไม่ได้ไปพบแพทย์ เราได้แต่ระบายให้เพื่อนและครอบครัวฟัง ครอบครัวของเราคิดว่าเราไม่ได้เป็นอะไร และบอกเราว่าอย่าอ่อนแอ เพราะที่ผ่านมาเค้าจะเห็นเราในมุมเข้มแข็งตลอด ส่วนเพื่อนที่เราระบายให้ฟังเป็นเพื่อนที่เราไม่สนิท2คนฟัง แต่ทำให้เราสบายใจขึ้นเยอะ ส่วนเพื่อนคนอื่นเราไม่กล้าเล่าให้ฟ้งเพราะเรายังปิดกั้นตัวเอง ลึกๆของเราคิดว่ายังไงเค้าก็ไม่เข้าใจเรา เรากลัวว่าเค้าจะคิดว่าเราตามกระแสหรือเรียกร้องความสนใจ ทั้งๆที่จริงแล้ว เราเริ่มมีอาการมานานแล้ว แต่เราไม่เคยมานั่งสำรวจความรู้สึกตัวเองเลย พอมาเจอ4เดือนที่หนักๆ เราเลยคิดได้ว่า ที่เรามาถึงจุดที่ต่ำสุดของชีวิตได้ยังไง จุดที่นิ่งอยู่กับที่ กลายเป็นหุ่นยนต์ไม่มีความรู้สึก เราก็จำไม่ได้ว่าเราผ่าน4เดือนหนักๆนั้นมาได้ยังไง แต่เราพยายามไม่อยู่คนเดียว เราพยายามพูดคุยกับคนในครอบครัว(เรื่องอื่นๆในครอบครัวที่ไม่ใช่ปัญหาของเรา)ให้มากๆ และพยายามที่จะไม่โฟกัสความเศร้า พอเรารู้สึกเศร้าอยากร้องไห้เราก็พยายามชวนคนอื่นคุยเรื่องที่สนุก อันที่จริงเราเสียดายที่เราไม่ได้ไปหาหมอในตอนนั้น เพราะช่วงไม่หลายเดือนที่ผ่านมาเราได้อ่านข่าวการฆ่าตัวตายเพราะโรคซึมเศร้า เราเข้าไปอ่านเนื้อข่าว อ่านคอมเม้นต์ เราคิดว่าเหมือนอาการมันถูกกระตุ้น เราร้องไห้และรู้สึกหดหู่ไปหลายวัน อาจจะเพราะเรารู้สึกว่าสิ่งที่อ่านมันเป็นสิ่งที่เราเคยเป็น เราเคยผ่านมันมาแล้ว เรารู้สึกเศร้าและเสียใจกับการจบชีวิตแบบนั้น แต่เราก็เข้าใจกับสิ่งที่เค้าเลือกทำลงไป แต่เรากลัวจะกลับมาเป็นหนักแบบเดิมอีกเราเลยพยายามไปโฟกัสอะไรอย่างอื่นแทนและทั้งๆที่เมื่อก่อนเราไม่เคยคิดอยากฆ่าตัวตายเลย จริงๆมันก็มีอยู่บ้างนะความคิดที่ฆ่าตัวตายมั้ยเข้ามาในหัว แต่เราก็บอกตัวเองตลอดว่าเราจะไม่ทำ และเราก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่อยากทำ หรือไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้แล้ว แต่ช่วง2-3เดือนที่ผ่านมา เรารู้สึกว่าอาการมันเริ่มกลับมา มันไม่ได้เป็นหนักเท่าช่วง4เดือน แต่ที่เราเห็นอาการที่เป็นหนักเลยคือ เวลาที่เจอปัญหาหรือคนใกล้ตัวพูดไม่ดีใส่ เราจะรู้สึกอยู่อย่างเดียวว่าถ้าไม่มีเราอยู่มันคงจะดีกว่านี้ เราไม่น่ามาอยู่ตรงนี้เลย เราไม่น่ามาเป็นภาระเค้า เราตายไปคงดีกว่า ครั้งแรกๆที่มีความคิดแบบนี้เราก็ตกใจตัวเอง แต่เราก็ไม่มีอะไรหรอก ยังไงเราก็จะไม่ทำมัน แต่1-2อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ เรามาทำธุระต่างจังหวัด อีกสิบกว่าวันเราก็จะได้กลับไปอยู่ด้วยกันแล้ว แต่เราไม่ชอบที่เค้าชอบไล่เรา บอกเลิกเรา หรือไล่ให้เราไปตาย เราเข้าใจแฟนเราว่าอยากอยู่ใกล้ๆ แล้วแฟนเราก็เป็นห่วงเรามากด้วยเพราะตอนนี้เราท้องแก่แล้ว เรารู้ว่าเค้างอแงพูดว่าเราเพราะอยากให้เรากลับไปเร็วๆ แต่เราไม่ชอบวิธีการแสดงออกของเค้าเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงแค่ร้องไห้เพราะน้อยใจ แต่ตอนนี้เราไม่ได้น้อยใจอย่างเดียว เวลาที่เราไม่ได้คุยกับเค้าหรือคุยกันดีๆเราก็รู้สึกปกติดีไม่ได้มีอาการอะไร แต่พอเค้าไล่ไม่ให้กลับไปหรือไล่ให้ไปตาย เรายิ่งเก็บไปคิด เรายิ่งมีความรู้สึกว่าเราไม่อยากอยู่ แล้วเราก็เริ่มคิดถึงวิธีฆ่าตัวตายขึ้นหลายๆครั้ง เราเครียดมากเพราะธุระเราก็ต้องทำให้เสร็จแล้วแฟนเราก็ป่วยค่อนข้างหนักด้วย เรากดดันตัวเองมาก ร้องไห้บ่อยมาก จนสงสารลูกในท้อง พอนึกถึงลูกเราก็พยายามหยุดร้อง แต่ความคิดที่ฆ่าตัวตายนี้ เราว่าเราโชคดีที่มีลูกอยู่ในท้อง ถ้าไม่อย่างนั้นเราอาจจะฆ่าตัวตายไปแล้วจริงๆ เราคิดว่าลูกไม่ได้ผิดอะไร เด็กควรได้เกิดมาลืมตาดูโลก มันไม่ใช่ความผิดของเค้าที่จะต้องมาร่วมรับผิดชอบการกระทำของพ่อแม่แบบเรา แต่เราก็กลัวใจตัวเอง เรากลัวความคิดตัวเอง เรายังมีความคิดที่ว่าเอาไว้ให้ลูกเกิดมาก่อนแล้วเราค่อยฆ่าตัวทีหลังก็ได้ หรือความคิดที่คิดถึงแต่วิธีที่จะฆ่าตัวตาย เรากลัวว่าถ้าถึงวันนึงที่เราไม่เข้มแข็งพอเราจะทำอะไรไปตามอารมณ์ชั่ววูบที่มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ปล.ความคิดที่อยากตายนี้เราไม่ได้คิดเพราะจะหนีปัญหา แต่มันเป็นความรู้สึกที่เข้ามาตลดว่าไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้ เราไม่สำคัญ เราไม่จำเป็นกับอะไรใดๆอีกแล้ว