[เรื่องเล่าสัพเพเหระ] ขอวีซ่าเชงเก้นยังไงให้รอดปลอดภัย [โปแลนด์ออสเตรีย]

เรื่องเล่าสัพเพเหระสำหรับ Part นี้เราขอเล่าเรื่องของการขอวีซ่าเชงเก้น เดินทางเข้าโปแลนด์และอยู่ที่นั่น 6 คืน ต่อด้วยออสเตรียอีก 3 คืน ไม่รวมวันเดินทาง (4-15 เมษายน 2561) ส่วนเรื่องของทริปตามไปอ่านที่นี่

หลังจากที่รู้จุดหมายปลายทางว่าจะไปที่ไหนแล้ว เราก็เริ่มศึกษาหาข้อมูลว่า วีซ่าเชงเก้นขอยังไง เอกสารอะไรบ้างที่ต้องเตรียม และก็เริ่มปฏิบัติการเตรียมเอกสาร

ก่อนอื่นเราควรต้องหาข้อมูลว่า เอกสารอะไรบ้างที่เราต้องมี ใช้เวลาในการขอเอกสารเหล่านั้นนานแค่ไหน เพื่อประกอบการยื่นขอวีซ่า และนี่คือ Visa Checklist [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่เราทำขึ้นมาเอง เพื่อเตือนตัวเองว่าจะไม่ลืมอะไรในวันที่ต้องยื่นเอกสาร และเอกสารที่เตรียมมานั้นครบถ้วนจริงๆ เมื่อเราเริ่มเตรียมเอกสารบางส่วนเสร็จแล้ว เราก็ต้องกรอกฟอร์มการยื่นขอวีซ่า เราบอกเลยว่า การขอวีซ่าเชงเก้นไม่ยากเลย แต่ก็ไม่ง่ายซะทีเดียว ต้องอาศัย อารมณ์ สติ และการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ เพราะทุกขั้นตอนในกรอกวีซ่าคือความละเอียดรอบคอบ เดี๋ยวเราจะมาบอกทริกว่า ต้องทำยังไงให้เรื่องของการกรอกแบบฟอร์มวีซ่าเป็นเรื่องง่าย ๆ

สำหรับการกรอกวีซ่านี้ เราขอยกเครดิตให้คุณแฟน เนื่องจากนางเป็นคนกรอก

เรื่องมีอยู่ว่า วันที่เราตั้งใจจะกรอกวีซ่าครั้งแรก คือวันที่เรานั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิต และอาศัยช่วงพักเที่ยงในการเข้าเวบ และมันก็ Error เข้าไม่ได้ มันไม่ขึ้นแบบฟอร์มให้กรอก เราพยายามแก้ไข cookie แก้ไข Java ในเครื่อง แต่แล้วก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งเราโทรไปสอบถามเจ้าหน้าที่สถานทูตโปแลนด์ ซึ่งให้ความช่วยเหลือดีมาก เจ้าหน้าที่ลองเข้าหน้าเวบและบอกเราว่าเข้าได้ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเราก็ได้แต่บอวกว่า แต่เครื่องเราเข้าไม่ได้นะ ตอนแรกเข้าใจว่า หรือสถานทูตเปิดทำการเฉพาะ จ พ ศ เลยทำให้เข้าเวบไม่ได้หรือเปล่า แต่จะบอกว่ามันไม่เกี่ยวกันนะ เจ้าหน้าที่มาทำงานทุกวัน เพียงแต่จะรับยื่นเอกสารเพื่อขอวีซ่าเฉพาะ จ พ ศ เท่านั้น

สุดท้ายเราก็กลับมาพยายามซ่อมคอมต่อเพราะคิดว่าคงเป็นที่โปรแกรมไม่ support และในที่สุด เราก็ลองเข้าจากมือถือ โดยไม่ใช้ Wifi บริษัท เท่านั้นแหละ !! ปัญหาทุกอย่างก็คลี่คลาย

ทริกข้อแรก คือ อินเตอร์เนทสำหรับการกรอกแบบฟอร์มขอวีซ่าต้องเร็ว แรง และต้องไม่ติด proxy อะไรใดๆ ของบริษัท แค่เท่านั้นแหละ การเปิดแบบฟอร์มก็จะไม่เป็นปัญหาใดๆ

เมื่อเรารู้ว่า อินเตอร์เนทคืออุปสรรค เราจึงกลับบ้านไปกรอกใหม่ ซึ่งรอบนี้เปิดแบบฟอร์มได้ แต่ save ไม่ได้ ( แบบฟอร์มวีซ่าเชงเก้นจะมี SAVE และ CORRECT เมื่อกรอกเสร็จ) พยายามช่วยกันกรอกกับแฟนสองคน จนแล้วจนเล่าก็ไม่ผ่าน โดยปรกติการกรอกวีซ่า เมื่อกรอกข้อมูลทุกอย่างแล้วเราจะได้รับการยืนยันกลับมาว่าวันเวลาที่เรานัดหมาย และเอกสารถูก submit โดยสามารถปริ้นออกมาได้เลย จากความพยายามที่ไม่สำเร็จ เช้าวันต่อมา เราเลยเลือกที่จะให้แฟนโทรสอบถามสถานทูตอีกครั้ง ยังคงมีหัวข้อบางอย่างที่ยังงงๆ

บ่ายสองโมง คุณนายส่งเอกสารการกรอกวีซ่าเชงเก้นของนางเองซึ่งเป็นแบบฉบับสมบูรณ์แบบมาให้ !!!

และบอกว่าให้เราส่งข้อมูลของเราไปให้…..ครึ่งชั่วโมงผ่านไปวีซ่าฟอร์มของเราก็คลอดตามมาติดๆ

แล้วนางก็เล่าให้ฟังว่า นางค่อยๆบรรจง มีสติกับการกรอก แล้วทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ในการกรอกที่อยู่ทุกอย่าง เราต้องมั่นใจว่า เป็นการกรอกที่อยู่ที่ถูกต้องตามแบบฉบับของประเทศนั้น ไปกี่วันต้องระบุให้ชัดเจน เข้าออกกี่ครั้งก็ต้องชัดเจน หากมีโฮส ต้องถามที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์เพื่อกรอกให้ชัดเจน และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องละเอียด และรอบคอบ ซึ่งงานนี้คงไม่เหมาะกับเราเท่าไหร่ และงานนี้จึงตกเป็นหน้าที่ของคุณแฟนไปโดยปริยาย

หลังจากที่เตรียมเอกสารตาม checklist ด้านล่างนี้ เราก็นั่งนับวันรอยื่นขอวีซ่ากันไป…

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ตื่นแต่เช้าแต่งหน้าทาปาก (คุณนายนะ) แต่งตัวให้เรียบร้อยนิดนึงเพื่อความสุภาพ เอาจริงๆ ก็คงไม่ได้ช่วยทำให้การสัมภาษณ์ยื่นขอวีซ่าง่ายขึ้นหรอก แต่เอาซะหน่อยเพื่อความมั่นใจ เราไปแต่เช้าเพราะมันคือช่วงเวลาโครตบีซี่ของคนกรุง ออกจากบ้าน 7 โมงเช้า ถึง 9 โมงเป๊ะๆ เราไปถึงคิวแรกของการยื่นขอวีซ่าในครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่รับเอกสารอยู่ 2 ท่าน ซ้ายเป็นคนไทย ส่วนขวาเป็นพี่แหม่ม แน่นอนว่าคุณนายเลือกเดินเข้าซ้ายก่อน และการยื่นเอกสารขอวีซ่าของคุณนายก็ต้องมีเอกสารเพิ่มเติม นั่นก็คือ สลิปเงินเดือน และตรงจุดนี้เองที่เราอยากจะบอกว่า หากใครยื่นขอวีซ่าโปแลนด์ การยื่นเอกสารตาม checklist อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ฉะนั้น เตรียมกันไปเผื่อไว้เลยนะ จะได้ไม่เสียเวลา เรากับแฟนเตรียมเอกสารทุกอย่างตาม checklist ไม่มีขาดตกบกพร่อง ส่วนเราที่อยู่ช่องทางขวา ก็ยื่นเอกสารเท่าที่เตรียมมา และพี่แหม่มก็ไม่ได้ขอเอกสารอะไรเพิ่มเติม เพียงแต่ถามว่า “who has do this for you?” แล้วชี้ไปที่ ตารางท่องเที่ยวอันพิศวงของเรา เราก็บอกไปว่า เราทำเอง แล้วพี่แหม่มก็เลยชี้ไปที่สถานที่ที่เราจะไป แล้วบอกว่า ตอนนี้เค้าเปลี่ยนชื่อแล้วนะ ถ้าคุณไปเที่ยว คนโปแลนด์จะไม่รู้จักชื่อนี้เท่าไหร่ แล้วก็บอกชื่อสถานที่นั่นให้เรา จาก Joseph Stalin Palace เป็น Palace of Culture and Science โอ๊ย…พี่แหม่มแอบน่ารัก และการยื่นขอวีซ่าก็เรียบร้อยผ่านไปด้วยดี ส่วนเอกสารคุณนายที่ขอเพิ่มเติมก็ส่งให้ทันทีภายในวันเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าลืม แล้วเจอกันใหม่อีก 2 อาทิตย์

และวันกำหนดรับวีซ่าก็มาถึงในชั่วพริบตา วันนี้ไม่ต้องตื่นเช้าเท่าไหร่ เพราะการนัดรับวีซ่าจะกำหนดเวลาไว้เฉพาะ 11 โมงถึงเที่ยงเท่านั้น พอไปถึงมีคนรอคิวประมาณ 3–4 คิวมาเวลาไล่ๆ กันทั้งหมด จะบอกว่าเป็นการรอคิวที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิต ปรกติคุณนายเค้าจะนิ่งๆ ตอนถึงคิวรับ นางมือสั่น 555 อันนี้แอบขำ ถึงขั้นลืมว่าวันรับวีซ่าวันที่เท่าไหร่ และเมื่อเราเปิดเล่มพาสปอร์ตเท่านั้นแหละ…กระโดดโลดเต้นกันเป็นลิง เนื่องจากใช้เสียงไม่ได้ พอลงลิฟท์เท่านั้น เสียงที่อัดอั้นก็ explore ออกมาจนคนแถวนั้นตกอกตกใจกันเป็นแถบ นึกว่าเกิดโศกนาฏกรรมอะไร…เปล่าเร้ย…วีซ่าผ่านโว๊ยยยยยย ดีใจบอกไม่ถูก อันที่จริงมันก็ไม่ยากนะ เพียงแต่ นี่เป็นการขอวีซ่าเองครั้งแรก ไม่ใช้สแตนอินในการช่วยเลย ทุกๆ ขั้นตอนจริงๆ พอได้มาก็เลยรู้สึกภูมิใจที่เออ…ขอไม่ยากนี่หว่า เพียงแต่ต้องมีสติ และรอบคอบแค่นี้ก็ฉิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่