แชร์ประสบการณ์การยื่นวีซ่าเชงเก้น สหราชอาณาจักร และอเมริกา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาค่ะ

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การเตรียมตัวสำหรับการขอวีซ่าในประเทศในกลุ่มเชงเก้น อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา หลังจากที่มีประสบการณ์การเตรียมเอกสารยื่นให้กับทั้งตัวเอง และผู้อื่น มาหลายปี เลยคิดว่าประสบการณ์เหล่านี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่กำลังจะยื่นวีซ่าในกลุ่มประเทศเหล่านี้ได้บ้างนะคะ ทั้งนี้ ประสบการณ์ของเราอาจจะเหมือนหรือแตกต่างจากเพื่อนๆ ก็สามารถมาแชร์กันได้ค่ะ
 
สำหรับการยื่นวีซ่าในกลุ่มเชงเก้น หากมีการเดินทางหลายประเทศ ให้ยื่นวีซ่าในประเทศที่เราอยู่นานสุด หรือถ้าอยู่ในประเทศสองหรือสามประเทศเท่ากัน ให้ใช้หลักการยื่นกับประเทศที่เข้าประเทศแรก โดยดุลพินิจของการพิจารณาขึ้นอยู่กับสถานทูตของประเทศที่เรายื่นค่ะ
 
สำหรับวีซ่าสหราชอาณาจักร จะใช้สำหรับการเข้าประเทศอังกฤษ สก๊อตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือค่ะ
 
การเตรียมเอกสารการเดินทาง
สำหรับวีซ่าในกลุ่มเชงเก้น และวีซ่าสหราชอาณาจักร มีเงื่อนไขว่าเราต้องมีการแสดงเอกสารการเดินทาง อันประกอบด้วย
1. ตั๋วเครื่องบินไปกลับ ปกติเราจะใช้การจองออนไลน์กับเวปสายการบิน แล้วยังไม่จ่ายเงินค่ะ (สถานะยืนยัน) โดยในส่วนนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าเรามีแผนการเดินทางไปและกลับตามกำหนด
          สำหรับวีซ่าของสหราชอาณาจักร การให้วีซ่าจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่เดินทางถึงจุดหมายปลายทางในกลุ่ม UK นับไปตามระยะเวลาของวีซ่าที่เราขอ เช่น 6 เดือน หรือ 2 ปี โดยเขาดูวันที่ระบุในตั๋วเครื่องบินเป็นหลัก (แม้วีซ่าออกก่อน แต่จะเดินทางก่อนหน้าตั๋วฉบับนั้นไม่ได้ ดังนั้น เราจะเลื่อนการเดินทางเข้าไม่ได้ค่ะ)
         สำหรับวีซ่าในกลุ่มประเทศเชงเก้น มีความเป็นไปได้ในหลายทางค่ะ หากอายุของวีซ่าได้รับการอนุมัติยาว (ในที่นี้คือประมาณ 6 เดือน ถึง 5 ปี) วีซ่าอาจจะมีการระบุระยะเวลาตั้งแต่สถานทูตอนุมัติวีซ่าให้ ครอบคลุมระยะเวลาการเดินทาง และเผื่อไปอีกตามระยะเวลาที่อนุมัติ แต่หากในกรณีที่สถานทูตอนุมัติให้ตามแผนการเดินทาง ก็ตามนั้นเลยค่ะ หรือบางกรณีก็อาจจะมีการอนุมัติเลยวันเดินทางกลับไปบ้าง แล้วแต่การพิจารณาค่ะ แต่ก็มีทิศทางที่ดีที่ปีนี้กลุ่มเชงเก้นประกาศขึ้นค่าวีซ่า และมีนโยบายในการอนุมัติที่ง่ายและนานขึ้นสำหรับผู้ที่มีประวัติการเดินทางที่ดี
 
2. เอกสารยืนยันการเข้าพักให้ครบตามระยะเวลาที่เราเดินทาง โดยปกติก็จะใช้การจองผ่าน OTA พวก booking agoda expedia และเลือกแบบ free cancellation และจ่ายเงินทีหลัง เพราะ ณ วันที่เรายื่นวีซ่า เรายังมีเวลาปรับเปลี่ยนที่พักและแผนการเดินทางอีก การยืดหยุ่นไว้จึงเป็นการดีกว่า และสำหรับ AirBNB ตอนนี้ก็มีเอกสารยืนยันการจองเพื่อยื่นวีซ่าแล้วเช่นกันนะคะ (อาจจะมีนานแล้วแต่เราเพิ่งเห็นก็ได้ แหะแหะ)
 
การเตรียมแผนการเดินทาง
แผนการเดินทางเป็นอีกหนึ่งรายการที่สำคัญในการขอวีซ่าในกลุ่มเชงเก้นและสหราชอาณาจักรนะคะ การแสดงแผนการเดินทางที่ชัดเจนในแต่ละวันจะช่วยให้คนพิจารณาตรวจเอกสารการเดินทางได้ง่ายขึ้น และเราให้น้ำหนักกับการเตรียมส่วนนี้พอสมควร เพราะเป็นการแสดงความตั้งใจในการเดินทางของเรา และวัตถุประสงค์การเดินทางที่ชัดเจน รวมถึงความมุ่งมั่นในการเดินทางตามแผนนั้น
 
กรณีศึกษา ผู้ใหญ่ที่เรานับถือท่านหนึ่งได้ทำการขอวีซ่าเชงเก้นเพื่อเดินทางท่องเที่ยว โดยนัดบินไปเจอกับลูกสาวที่เรียนอยู่ในประเทศอังกฤษ มีการทำแผนการเดินทางคร่าวๆ แนบไปกับจดหมายแนะนำตัว เพื่อต้องการระยะเวลาของวีซ่าที่นานขึ้น ผู้ยื่นวีซ่าทำงานอยู่ในรัฐวิสาหกิจองค์กรหนึ่ง และมีการแสดงหลักฐานทางการเงินที่ดี แต่ในขณะเดียวกัน ภายหลังจากการยื่นวีซ่า ได้รับอีเมล์จากสถานทูต เพื่อขอเอกสารการเดินทางระหว่างเมืองใกล้เคียง เช่น ตั๋วรถบัส หรือรถไฟ ซึ่งปกติแล้วจะไม่มีการ request ตรงส่วนนี้ เราเลยเข้าไปช่วยดู ปรากฏว่าแผนการเดินทางที่แนบไปอาจจะยังไม่ชัดเจนพอ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องมีการขอเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งสิ่งที่เราได้แนะนำและช่วยแก้ไขประกอบด้วย
(1)    ปรับการนำเสนอแผนการเดินทางใหม่ให้ชัดเจนและละเอียดขึ้น
(2)    แนบคำอธิบายตอบไปกับอีเมล์ที่ขอเอกสารมา ว่าต้องการให้มีความยืดหยุ่นในการเดินทางและยังไม่ได้จองตั๋วเดินทางระหว่างเมือง (โดยไม่ได้แนบตั๋วโดยสารระหว่างเมืองไป) 
(3)    แนบเอกสารหน้าวีซ่าเชงเก้นของลูกสาวที่จะบินมาพบระหว่างการเดินทาง เป็นการยืนยันว่าบุคคลที่จะเดินทางกับเรามีหลักฐานและวีซ่าแล้ว ชัดเจน
เมื่อได้ส่งเอกสารเหล่านี้ไป วีซ่าก็ได้รับการอนุมัติปกติค่ะ
 
สำหรับแนวทางการทำแผนการเดินทางของเราในทุกทริปประกอบด้วย
1.       ระบุเมือง ประเทศ ที่จะเดินทางไปให้ครบ
2.       ระบุชื่อผู้เดินทางและหมายเลขพาสปอร์ต ถ้าเดินทางไปด้วยกันและยื่นวีซ่าพร้อมกันก็ใส่ไปให้ครบเลยค่ะ แล้วสำเนายื่นคนละชุด
3.       ระบุระยะเวลาการเดินทางตั้งแต่ออกจากประเทศไทยไปยังประเทศปลายทาง จนถึงวันเดินทางกลับมายังประเทศไทย
4.       ในแต่ละวันที่อยู่ในต่างประเทศ มีการระบุแผนการเดินทางอย่างละเอียดประกอบด้วย
          (1) หมายเลขเที่ยวบินเดินทางทั้งไปและกลับ ระบุในวันเดินทาง
          (2) สถานที่ที่จะไป เวลาที่จะไป ระบุละเอียดเป็นลิสต์ หรือระบุเวลาเช้า บ่าย
          (3) รูปแบบการเดินทางที่จะไปยังสถานที่นั้นๆ หากเป็นการเดินทางระหว่างเมือง ให้ระบุเป็นรถไฟ รถบัส หรือเครื่องบิน พร้อมทั้งระยะเวลาการเดินทาง โดยเราจะแยก column ของรูปแบบการเดินทางมาอีกอันหนึ่ง เพื่อความชัดเจนค่ะ
          (4) โรงแรมที่เข้าพัก พร้อมที่อยู่ เบอร์โทร.

หากเพื่อนๆ คนไหนต้องการ template ของเรา หลังไมค์มาได้ค่ะเดี๋ยวส่งให้
 
การกรอกแบบฟอร์มวีซ่า
โดยส่วนใหญ่ในปัจจุบันการกรอกแบบฟอร์มวีซ่าจะเป็นแบบออนไลน์หมดแล้วนะคะ มีความแตกต่างกันดังนี้
1.       วีซ่าเชงเก้น ขึ้นอยู่กับประเทศที่เรายื่นวีซ่า โดยส่วนใหญ่เป็นการกรอกแบบฟอร์มออนไลน์แล้วพิมพ์ออกมาในวันที่เรายื่น โดยมีหมายเลขอ้างอิงในแบบฟอร์ม (ยังไม่ได้ update หลังจากการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมนะคะ รายละเอียดที่ update อาจจะต้องเข้าไปในสถานทูตนั้นๆ ค่ะ) ข้อมูลที่เราต้องกรอกจะเป็นข้อมูลทั่วไป แผนการเดินทางต่างๆ อันนี้ไม่ยาวมาก กรอกข้อมูลให้ตรงกับความจริง และแผนการเดินทางของเรา (และโดยปกติเราจะขอวีซ่าเป็น Multiple Entries ทุกครั้ง ในแบบฟอร์ม ไม่ว่าจะส่งแผนการเดินทางสั้นหรือยาว และเราก็ได้วีซ่าแบบ Multiple Entries ทุกครั้งเช่นกันค่ะ แต่ไม่นับเรื่องระยะเวลาวีซ่าที่มีให้น้อยมากต่างกันในแต่ละครั้ง)
2.       วีซ่าสหราชอาณาจักร กรอกเอกสารออนไลน์ผ่านเวปไซต์ของหน่วยงานวีซ่าของสถานทูต UK สามารถ save และเข้ามากรอกเอกสารได้หลายครั้ง จากประสบการณ์พบว่ามีการ update คำถามบ่อย และละเอียดมาก (ถึงมากที่สุด) ในกลุ่มประเทศทั้งสามนี้ เราว่าของ UK นี่ยากและจุกจิกที่สุด ในการกรอกแบบฟอร์ม มากกว่า DS-160 ของอเมริกาอีกค่ะ ทำให้ใช้เวลาการกรอกนาน ข้อมูลที่ต้องกรอกมีเยอะ เช่น หากไปหาญาติที่เรียน ก็อาจจะต้องระบุเลขพาสปอร์ต ประเภท หรือเลขวีซ่าของคนที่เรียนอยู่เข้าไปด้วย ประวัติการเดินทางทั้งในยุโรป อเมริกา และประเทศอื่นๆ ฯลฯ แบบว่ากรอกไป save ไป บ่นไปกันเลยทีเดียว
3.       วีซ่าสหรัฐอเมริกา เราจะต้องลงทะเบียนและกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ที่ชื่อว่า DS-160 ผ่านทางเวปไซต์ ข้อมูลทั้งหมดของเราที่จะถูกพิจารณาจะอยู่ในนี้ทั้งหมด (ประกอบกับการสัมภาษณ์ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ในวันยื่นวีซ่า) เมื่อเรากรอกข้อมูลแล้วเราไม่ต้องพิมพ์ฟอร์มนี้ออกมา เราแค่ยื่นเอกสารการนัดหมาย (หลังจากจ่ายเงินแล้ว)
**สำหรับคนที่เคยได้รับวีซ่าสหรัฐอเมริกาหลังจากการเก็บข้อมูล Biometric สามารถยื่นต่อวีซ่าแบบออนไลน์ได้ หากวีซ่าขาดอายุไม่เกิน 4 ปี แต่ก็ต้องมีการกรอก DS-160 ซึ่งในนั้นต้องระบุแผนการเดินทางและจุดหมายในสหรัฐอเมริกาที่ต้องการเดินทางด้วย โดยสามารถส่งพาสปอร์ตทางไปรษณีย์เพื่อขอต่ออายุค่ะ**

เอกสารอื่นๆ ที่ต้องจัดเตรียม
1.       แบบฟอร์มวีซ่า
2.       declaration form เพิ่มเติมอีกสองสามแผ่น แนบมาเพื่อให้ลงนามด้วย (สำหรับวีซ่าเชงเก้น)
3.       เอกสารยืนยันการทำงาน
4.       เอกสารแสดงฐานะทางการเงิน ประกอบด้วย หนังสือยืนยันจากธนาคาร ปกติจะไปขอที่สาขา ค่าธรรมเนียม 100 บาท ธนาคารจะระบุเงินฝากที่มีในบัญชี และเราจะมีการทำสำเนารายการเดินบัญชีแนบไปด้วย
เอกสารแสดงสถานะทางการเงินที่แนบไปด้วย (ถ้ามี) อาทิ หนังสือรับรองการลงทุนในกองทุนรวม หรือบัญชีเงินฝากประจำ เป็นต้น
หลายคนให้ความสำคัญกับการแสดงสถานะทางการเงิน แต่ประสบการณ์ของเราพบว่าไม่จำเป็นต้องมีมากมาย แค่เพียงพอให้เชื่อได้ว่าเราจะสามารถเดินทางและใช้จ่ายได้ครบตามแผนการเดินทางของเรา แต่ขอให้เอกสารอื่นแสดงวัตถุประสงค์ของการเดินทางที่ชัดเจน วีซ่าก็สามารถได้รับการอนุมัติได้ไม่ยากเช่นเดียวกันค่ะ
5.       ประวัติการเดินทาง สำเนาพาสปอร์ตและวีซ่า ก่อนหน้านี้จะมีการให้ยื่นพาสปอร์ตเก่าเข้าไปเพื่อพิจารณาประวัติการเดินทางด้วย แต่ช่วงหลังเพื่อตัดขั้นตอนและความเสี่ยง agent ส่วนใหญ่จะไม่รับพาสปอร์ตเล่มอื่นนอกจากเล่มปัจจุบัน เราจึงเตรียมสำเนาประวัติการเดินทางยื่นไปด้วยทุกครั้งค่ะ (Optional)
6.       ประกันการเดินทาง จำเป็นสำหรับการยื่นวีซ่าเชงเก้น ซึ่งต้องครอบคลุมระยะเวลาการเดินทางของเราทั้งหมด และมีทุนไม่ต่ำกว่า 1,500,000 บาท สำหรับยุโรปและสหราชอาณาจักร แนะนำให้ทำประกันครอบคลุมทรัพย์สินสูญหาย หรือเอกสารเดินทางด้วยค่ะ เพราะมิจฉาชีพเยอะ (มาก)

หลักการของเอกสาร และการยื่นเอกสารเพิ่มเติม คือเป็นน้ำหนักให้ผู้ที่พิจารณาเชื่อว่าเราจะไปประเทศนั้นๆ โดยสุจริตและตามวัตถุประสงค์ที่เราแจ้งจริงๆ 
 
อื่นๆ
1.       รายละเอียดปลีกย่อยของระบบ (ที่ค่อนข้างยุ่งเหยิง) ของวีซ่า UK เรามีแชร์ในกระทู้นี้ https://ppantip.com/topic/39060014 ล่าสุดที่เรายื่นคือเมื่อปีที่แล้วค่ะ
2.       การสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา เราเพิ่งไปสัมภาษณ์มาเมื่อปีที่แล้วเช่นกันค่ะ เนื่องจากวีซ่าที่หมดไปทำก่อนจะมีการเก็บ Biometric เลยต้องยื่นใหม่ หลังจากกรอก DS-160 จ่ายเงิน และทำนัดแล้ว เอกสารที่ต้องจัดเตรียมไปคือใบนัดค่ะ เท่านั้นเอง แต่เอกสารอื่นๆ เราก็มีเตรียมการไปพอสมควร รวมทั้งพาสปอร์ตเล่มเก่าๆ ที่มีประวัติเดินทางของเราด้วยหลักการก็คงเหมือนๆ กับกระทู้ก่อนหน้านี้เรื่องการสัมภาษณ์ คือให้มีความมั่นใจและตอบให้ตรงกับความเป็นจริง ประเด็นที่เจ้าหน้าที่สอบถามเรามีดังนี้ค่ะ
เนื่องจากเรากรอกข้อมูลเป็นพนักงานบริษัทของเราเอง ซึ่งเราไม่มีชื่อเป็นกรรมการ และเป็นบริษัทที่ไม่ใหญ่มาก เจ้าหน้าที่ขอนามบัตรก่อนเลยค่ะ และ ใช่ค่ะ เราไม่ได้เตรียมไป เวปไซต์บริษัท ก็ไม่ได้ update เราก็ตอบตามตรงค่ะ และยื่นหนังสือรับรองบริษัทฯ ที่เตรียมมา เอาให้เขาดู (จริงๆ นามบัตร เป็นการแสดงว่าเรามีตัวตนอยู่ในบริษัท แต่เราลืมคิดเรื่องนี้ไปค่ะ)
         - สอบถามเกี่ยวกับทริปที่จะมาถึง ว่าเราแพลนยังไง ไปกับใคร เราตอบไปว่า เราชวนเพื่อนอยู่แล้วเพื่อนกำลังตัดสินใจ และย้ำไปด้วยว่า เพื่อนมีวีซ่าอยู่แล้ว (เลยไม่ได้มาขอด้วยกัน) แถมให้ว่า ปกติเราก็เดินทางคนเดียวในทริปก่อนๆ (เป็นการบอกว่า เพื่อนไม่ไปเราก็ยังไป)
         - สอบถามเกี่ยวกับประวัติเดินทางในพาสปอร์ต เช่น ทำไมไปญี่ปุ่นติดๆ กัน โน่นนี่นั่น เราก็ตอบตรงๆ ว่า อ๋อ พอดีเราได้ตั๋วโปร แต่เราไม่ได้ไปเมืองเดียวกันนะ อะไรประมาณนี้
         - ก็รู้สึกนะคะว่าโดนถามเยอะ แต่ก็ใจดีสู้ไปค่ะ อาจจะเป็นเพราะหลักฐานการทำงานของเราเขาไม่รู้จักบริษัทนี้ ก็เลยถามโน่นนี่นั่นเพื่อดูว่าเราจะตอบได้ไหม ยังไง
         - และในที่สุดเขาก็บอกว่า Thank you very much, your visa has been approved. คราวหน้าก็ต่อไปรษณีย์ได้แล้วค่า

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่