บันทึกการเดินทาง | 48 วันจากกรุงเทพ ถึง มิวนิค ตอนที่ 6 เข้าสู่ดินแดนไซบีเรีย

ตอนที่ 6 เข้าสู่ดินแดนไซบีเรีย


กระทู้ก่อนหน้านี้
https://ppantip.com/topic/37364297 การเตรียมตัว
https://ppantip.com/topic/37383467 ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น ณ หัวลำโพง
https://ppantip.com/topic/37391329 ตอนที่ 2 เมืองที่เต็มไปด้วยเสียงแตร
https://ppantip.com/topic/37404758 ตอนที่ 3 เข้าสู่จีนอย่างเป็นทางการ
https://ppantip.com/topic/37426327 ตอนที่ 4 หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
https://ppantip.com/topic/37452150 ตอนที่ 5 ยอดนักรบแห่งทุ่งหญ้าสเตปป์

วันที่ 18 ของการเดินทาง
หลังจากอยู่บนรถไฟกว่า 36 ชั่วโมง เราก็มาถึงเออร์คุสต์ (Irkutsk) เมืองหลวงของเขตไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย ณ เวลา 07.30 น. สิ่งแรกที่ต้องทำและสำคัญที่สุด คือ การซื้อตั๋วรถไฟจากเออร์คุสต์ ไปยังมอสโคว์
ซึ่งขบวนรถไฟนี้แหละที่หลายๆคนรวมถึงพวกเรา ใฝ่ฝันที่จะได้มาสัมผัสกับบรรยากาศจริงๆ
นั่นก็คือ สายรถไฟทรานไซบีเรีย Trans-Siberia นั่นเอง ไปทำความรู้จักกันสักหน่อยเผื่อบางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่ามันคืออะไร

ทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรีย  Trans-Siberia เป็นสายรถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศรัสเซีย ช่วยในการเชื่อมต่อระหว่างกรุงมอสโคว์ ไปยังเขตตะวันออกไกลและทะเลญี่ปุ่น  มีสายย่อยเชื่อมต่อไปยังมองโกเลีย  จะเรียกว่า ทรานส์มองโกเลีย Trans-Mongolia และเส้นทางจากปักกิ่งประเทศจีน จะเรียกทรานส์แมนจูเรีย  และเกาหลีเหนือ ปัจจุบันเชื่อมต่อระหว่างกรุงมอสโคว์กับเมืองวลาดีวอสตอค ทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรีย เริ่มต้นการก่อสร้าง อย่างเป็นทางใน ค.ศ. 1891 โดยมีเซย์เกย์ วิตต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง
เส้นทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียนี้ เริ่มตั้งแต่มอสโคว์ถึงวลาดิวอสต็อก มีความยาวถึง 9,288 กิโลเมตร วิ่งผ่านช่วงเวลาแตกต่างกันของโลก 8 ช่วง ผ่าน 3 ประเทศ คือ จีน มองโกเลีย และรัสเซีย ใช้เวลาการเดินทางทั้งหมด 7 วัน นับเป็นอีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างของมนุษย์ที่สามารถมองเห็นได้จากนอกโลก ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 13 ปี โดยมีเส้นทางแบ่งย่อยๆ ไปอีกหลายเส้นทาง
หากจะนั่งรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียแบบครบสูตร ก็ต้องนั่งกัน 7 วัน 6 คืน จากมอสโคว์ ถึง วลาดิวอสตอค

รูทคลาสสิคของเราๆคนไทย ก็คือจะเริ่มจากปักกิ่งผ่านทรานมองโกเลีย Trans-Mongolia แล้วไปเริ่มสายทรานไซบีเรีย Trans-Siberia ที่เออร์คุสต์ Irkutsk
Cr. http://www.globalholidayth.com/2016/09/28/เส้นทางรถไฟทรานสไซบีเร/

ใครที่ไม่ได้ซื้อตั๋วออนไลน์ไว้ (จากเออร์คุส-ไปมอสโคว์) หลังจากออกสถานีรถไฟแล้วให้เลี้ยวขวาไปจนสุด จะเจอตึกที่จำหน่ายตั๋ว

ก็จะเจอกับเคาน์เตอร์ Long-distance ticket การสื่อสารนั้นจะลำบากนิดหน่อย เพราะคนรัสเซียไม่ค่อยพูดอังกฤษเท่าไหร่ เราก็แค่บอกมอสโคว เค้าจะเข้าใจเอง บอกวันเวลาที่จะไป เตียงบนเตียงล่างก็ให้ใช้ภาษามือชี้ขึ้นกับชี้ลง ก็เป็นอันเข้าใจทั้งสองฝ่าย และที่สำคัญอย่าลืมว่าเวลาที่ระบุนั้นจะเป็นเวลามอสโคว ไม่ใช่เวลาที่เออร์คุส แต่อาจจะมีกำกับ Local time ด้วย (เพราะเวลาของเออร์คุสจะเร็วกว่ามอสโคว 5 ชั่วโมง) ใครที่แลกเงินมาไม่พอซื้อไม่ต้องห่วงภายในอาคารนั้นมีตู้ ATM เราก็กดมาเหมือนกัน
เราเลือกเตียงบนทั้งคู่ เพราะว่าเตียงล่างนั้นเต็มทุกห้องแล้ว ราคาอยู่ที่คนละ 8476 รูเบิ้ล
โอเคได้ตั๋วรถไฟขบวนแห่งความฝันทรานไซบีเรียเรียบร้อย ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วตอนนี้

ส่วนใครที่อยากซื้อก่อนเพื่อความสบายใจก็ มาทางนี้เลยครับ -> http://pass.rzd.ru/main-pass/public/en
และมีผู้ใจดีทำการสอนอย่างละเอียดแล้ว -> https://ppantip.com/topic/34577792
Cr. Ammie Beyond

วันนี้เราแพลนว่าจะไปหมู่บ้านลิสเวียนก้า (Listvynka) เลย เพื่อที่จะไปชมทะเลสาบไบคาลอย่างใกล้ชิด
จากสถานีรถไฟให้นั่งรถรางสาย 1 ค่ารถคนละแค่ 15 รูเบิ้ล หรือแค่ 8 บาทเองโคตรถูก มาลง Central Market ไม่ต้องกลัวลงผิดป้าย เพราะคนจะลงเยอะมากๆที่สถานี Central Market พอคนลงเยอะๆนั่นแหละครับลงตามเลย พอลงรถให้ข้ามถนน จะเจอรถตู้สีขาวมีป้ายเขียนว่า Listvynka ก็ขึ้นได้เลย ค่ารถคนละ 120 รูเบิ้ล ค่ากระเป๋าใบละ 30 รูเบิ้ล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง พอเราลงจากรถแล้ว กวาดสายตาไปรอบๆ นี่มันเมืองร้างรึเปล่าวะ คนเดินยังไม่มีให้เห็นเลย ร้านรวงก็ปิดหมด พวกเรารีบเดินหาที่พักโดยด่วน เพราะอากาศโคตรหนาว -20 เห็นจะได้แถมลมก็พัดแรงมาก ตัวใกล้จะแข็งละ เราเลยเปิดแมพขึ้นมาดูแล้วพบว่าแม่มไกลจากจุดลงรถร่วมกิโล ไม่ได้การละ รีบจ้ำเท้าดิ่งตาม Gps พอมาถึงจุดกลับมาเจอแต่บ้านคน หน้าตาดูไม่น่าใช่ที่พักสักเท่าไหร่ เราก็ทั้งเคาะทั้งกดกริ่ง ก็ยังไม่มีใครออกมาเลย หมาก็เสื_กดุอีกเห่าไม่หยุด แต่มีน้องแมวมุดหัวมามาคอยให้กำลังใจ ซึ่งตอนนั้นทุกอย่างชาไปหมดแล้ว ยิ่งมือไม่ต้องพูดถึงแข็งไปหมด จะใส่ถุงมือก็กดมือถือโทรหาที่พักไม่ได้อีก ก็ต้องถอดถุงมือมากด มือก็จะแข็งอยู่ละ พอลองกดโทรมีคนรับสายเว้ย แต่สักพักมือถือดับไปเพราะมันหนาวเกิน ซวยละ มือถือน็อค โอ้ยยยย เจ้าของที่พักก็ไม่ลงมาเปิดประตูสักที ในหัวตอนนั้นถ้าอีก 5 นาทีไม่ลงมาเปิดจะหาที่พักใหม่แล้ว

ทันใดนั้นก็มีรถกระบะขับผ่านมาตรงที่เรายืนอยู่ เรารีบเอาตัวเองไปยืนขวางรถทันที หวังว่าจะขอความช่วยเหลือได้บ้าง เค้าก็จอดรถแล้วก็หมุนกระจกลงมา ถามว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย เรารีบยื่นชื่อที่พัก Gavan Baikala Guest House เค้าชี้ย้อนไปด้านหลัง บอกตึกสีแดงนั่นไงไอพวกโง่ว (คือป้ายที่พักแบบเล็กมากแทบมองไม่เห็นอะ) เราก็ขอบคุณเขา แล้วรีบเดินไปทันที เข้าใจความรู้สึกของแจ๊คในเรื่องไททานิคที่ตายเพราะความหนาวเลยว่ามันเป็นยังไง
พอไปถึงประตูยังไม่ทันจะกดกริ่ง ประตูก็ถูกเปิดให้อัตโนมัติ รอดตายแล้วเว้ยยยย เราได้ห้องพักชั้นบนสุด มีกระจกใต้หลังให้ดูดาว เป็นห้องไม้ทั้งหลัง รู้สึกเราจะเป็นลูกค้าห้องเดียวของทั้งเดือนนี้เลยนะเจ้าของที่พักบอก นั่นล่ะครับ low season แบบของจริง
วิวจากห้องพัก
จัดแจงเก็บกระเป๋า ก็เตรียมออกไปหาอะไรกินกันข้างนอก ซึ่งจากที่อ่านและหาข้อมูลมา ถ้ามาทะเลสาบไบคาลแล้วก็ควรที่จะไม่พลาดที่จะต้องกินปลาโอมูล (omul) ให้ได้ ซึ่งมีแค่ที่นี่ที่เดียว เราเดินออกจากที่พัก ถนนหนทางนั้นเงียบเชียบ ร้านรวงนั้นปิดแทบจะทุกร้าน ฟ้าก็ขมุกขมัวอีก
แต่คนที่นี่เค้าจะใส่น้ำมันลงไปด้วย ไม่รู้น้ำมันมะกอกหรืออะไร ถ้าจำไม่ผิดจานนี้ประมาณ 250 รูเบิ้ล น้ำหนักปลา 150 กรัม
หลังจากได้กินจนสมใจ ก็เดินเล่นเลียบทะเลสาบไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่มีใครเลยนอกจากเรา

ช่วง สาระน่ารู้เกี่ยวกับทะเลสาบไบคาล

ทะเลสาบไบคาล (Lake Baikal) ตั้งอยู่บริเวณตอนใต้ของไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย เป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในโลก จุดที่ลึกที่สุดมีความลึกกว่า 1,640 เมตร ทะเลสาบมีความยาวประมาณ 650 กิโลเมตร กว้างโดยเฉลี่ย 50 กิโลเมตร มีพื้นที่ 31,722 ตารางกิโลเมตร และมีปริมาตร 23,615 ลูกบาศก์กิโลเมตร ซึ่งทะเลสาบไบคาล แห่งนี้เกิดจากการที่น้ำเอ่อล้นเข้ามาจนเต็มรอยเปลือกโลกที่แตก เมื่อ 25 ล้านปีที่แล้ว
Cr. https://travel.mthai.com/world-travel/149670.html

ซึ่งทะเลสาบไบคาลเนี่ย มันจะเป็นน้ำแข็งช่วง มกราคม-ปลายๆพฤษภาคม แต่ที่เราไปมันยังไม่เป็นน้ำแข็งและอากาศก็ค่อนข้างหนาว นักท่องเที่ยวเลยไม่มี เราก็เดินไปจนเกือบสุดขอบทะเลสาบ จะเจอกับตลาดปลาของที่นี่ ซึ่งแน่นอนว่า ก็จะพบกับปลาโอมูล แต่ปลาโอมูลในตลาดนั้นจะเป็นการเอาปลาไปอบภายในตลาดก็จะมีร้านอาหารเล็กๆ ขายอยู่ เข้าไปนั่งร้านไหนก็ได้ แล้วให้เค้าสั่งปลาจากตลาดมากินในร้าน


ราคาก็ไม่แพงเลยตัวละ 100 รูเบิ้ลเท่านั้น ใครที่มาก็ไม่ควรพลาดด้วยประการใดทั้งปวง ทั้งแบบดิบและแบบอบ แต่ส่วนตัวเราชอบแบบดิบมากกว่า 555555
หลังกินเสร็จ เราก็หิ้วเบียร์กลับที่พักตอน 5 โมงเย็น เพราะมันไม่มีอะไรให้ทำเลย เป็นการเข้าที่พักที่ไวที่สุดที่เคยเที่ยวมา ไหนๆก็กลับมาเร็วและ เราก็ทำการแบคอัพพวกรูปวิดีโอต่างๆ ถ่ายลงฮาร์ดดิสแยกอีกทีนึง แล้วก็นอนพักเอาแรงตั้งแต่ 3 ทุ่ม

วันที่ 19 ของการเดินทาง
วันนี้ตื่นเช้ามา ฟ้าใสแดดเปรี้ยง อากาศดีกว่าเมื่อวานเยอะ เราไม่รอช้ารีบทำกิจส่วนตัวให้เสร็จ แล้วลงไปกินอาหารเช้าที่ทางเกสท์เฮาส์เตรียมไว้ให้
เราจะกลับเข้าไปที่เออร์คุสต์ช่วงเที่ยง ยังพอมีเวลาให้ได้อ้อยอิ่งอีกประมาณชั่วโมงนึง แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อวานกับวันนี้ก็แทบจะไม่ต่างอะไรเลย จะต่างกันก็แค่ตรงอากาศดีกว่าเมื่อวาน เดินไปถ่ายรูปไปเรื่อย ก็หมดเวลาของเราที่อยู่ใน Listvynka ซะแล้ว
ที่นี่เหมือนจะเป็นการแสดงของน้องแมวน้ำนะครับ แต่นั่นล่ะครับ ปิดครับ ปิดหมดทุกที่

กลับมาที่พักแบกของขึ้นบ่า ลงมาเช็คเอาท์ ร่ำลากับเจ้าของ แล้วเดินไปยังท่ารถกลับเข้าสู่เออร์คุสต์กันต่อ

ขากลับก็มาขึ้นรถตู้ที่เราลงเมื่อวานนั่นแหละครับ
รถตู้ก็จะมีจอดป้ายสุดท้ายที่ท่ารถตรง Central market ที่เดิมที่เข้าขึ้นเมื่อวาน
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่