สวัสดีค่ะ ก่อนที่เรากับเพื่อนจะไปจอร์แดนก็อ่านรีวิวของคนไทยมาก็เยอะ ส่วนใหญ่ก็จะเหมาแท็กซี่หรือเช่ารถขับเที่ยวกัน แต่พวกเราต้องการเที่ยวแบบบ้านๆ เลยจะนั่งบัสเที่ยวกัน แต่ก็มีบางวันที่เหมาแท็กซี่จะคุ้มกว่า รีวิวจอร์แดนครั้งนี้จะไม่ขอพูดถึงรายละเอียด/ประวัติศาสตร์ของที่เที่ยวนะคะ ขอให้เพื่อนๆ ไป google กันเอง แนะนำว่าก่อนไปก็อ่านๆ เพื่อเพิ่มความอิน/ความสนุกกับที่เที่ยวนั้นๆ รีวิวครั้งนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับข้อควรรู้ก่อนไปจอร์แดนที่พอเราไปมาก็....เอ๊ะ ทำไมไม่มีใครพูดเรื่องนี้ก็เลย

แพลนที่เราไปเที่ยวกัน (เผื่อเพื่อนๆ เอาไปปรับไว้ไปเที่ยวเอง)
วันที่ 1 ถึงจอร์แดนประมาณสี่ทุ่ม นั่งรถบัสเข้าตัวเมือง ต่อแท็กซี่เข้าที่พักในอัมมาน
วันที่ 2 หกโมงครึ่งนั่งรถบัสไปเพตรา ถึงเพตราเก็บกระเป๋าที่พัก เที่ยวเพตรากลางวัน และดูเพตราไนท์ พักแถวเพตรา
วันที่ 3 ให้ที่พักจองบัสท้องถิ่นตั้งแต่เมื่อคืนเพื่อไปทะเลทราย Wadi Rum รถบัสมารับประมาณหกโมง เที่ยว Wadi Rum นอนที่ทะเลทราย
วันที่ 4 เหมาแท็กซี่กับเพื่อนคนไทยไป Aqaba เดินเที่ยวหรือใครจะพักก็ได้ค่ะ แต่เราต่อรถบัสจาก Aqaba ไปอัมมาน
วันที่ 5 เที่ยว AJLOUN , JERASH, อัมมาน
วันที่ 6 MADABA, DEAD SEA, WADI MUJIB (วันที่ 5 กับ 6 ยกเว้นเที่ยวในอัมมานเราเหมาแท็กซี่สองวัน 140 JD)
ทั้งหมดค่าเที่ยวทั้งหมดกับค่า Jordan Pass เดินทางกับเพื่อนสองคนหมดไปคนละประมาณ 18,000 บาท (ไม่รวมค่าเครื่องบินนะคะ)
ก่อนไปขอให้เพื่อนๆ เช็คสภาพอากาศก่อนนะคะ อย่างถ้าไปฤดูร้อนก็อาจเที่ยวทะเลทรายไม่ไหว ถ้าไปฤดูหนาวอาจเที่ยว Wadi Rum ในช่วงบ่ายไม่ได้ เพราะน้ำจะเยอะและก็จะหนาว เรากับเพื่อนไปช่วงสงกรานต์ไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวกันไปเลย อากาศที่ไปส่วนใหญ่ก็เย็นๆ ยกเว้นเมือง Aqaba ยังไงถ้าไม่ไปฤดูร้อนก็พกเสื้อหนาวไปซักตัวก็ดีค่ะ จอร์แดนมี 4 ฤดู
1.ฤดูใบไม้ผลิ (ช่วงเดือน มีนาคม – พฤษภาคม) อากาศดีเหมาะแก่การเที่ยวได้ทุกที่ อากาศเย็นๆ ไม่หนาวเกิน พกเสื้อกันหนาวมาใส่ตอนเช้าชิวๆก็พอ มีอุณหภูมิอยู่ที่ 15- 25 C
2.ฤดูร้อน (ช่วงเดือน พฤษภาคม – ตุลาคม) อุณหภูมิเฉลี่ยจะไม่สูงมาก แต่อาจจะมีช่วงกลางของฤดูที่จะขึ้นไปสูงสุด ราวๆ35-38 C เพื่อนเราไปกรกฎาคม ผิวไหม้เลยค่ะ
3. ฤดูใบไม้ร่วง (ช่วงเดือน ตุลาคม – ธันวาคม) โดยฤดูนี้อากาศจะเย็น มีแต่ความหนาวเข้ามาแทนที่อุณหภูมิจะต่ำลงกว่า 20C ถ้าไปช่วงนี้อาจลุย Wadi Rum ไม่ไหว เพราะหนาวเกิ๊นนน
4. ฤดูหนาว (ช่วงเดือน ธันวาคม – มีนาคม) ฤดูหนาวที่นี่อุณหภูมิอาจจะติดลบ แต่โดยปกติส่วนใหญ่จะเป็นเลขหลักเดียว
วิธีการเข้าจอร์แดน พวกเราใช้วิธีการซื้อ Jordan Pass ไปค่ะ ซึ่งจะรวมค่าวีซ่าและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวในจอร์แดน อันนี้เป็นเว็บ >>>
https://www.jordanpass.jo/ มีให้เลือกว่าจะเข้าเพตรากี่วัน ก็เพิ่มราคาใน Jordan Pass พอถึงตม.ที่จอร์แดน ก็ยื่นแค่พาสปอร์ตกับปริ้น Jordan Pass และตอบคำถามกวนๆของตม.นิดหน่อย ก็ผ่านแล้วค่า (แนะนำว่าปริ้น Jordan Pass ไว้ 2-3 ใบเผื่อหาย กับโหลดเก็บไว้ในมือถือ)
ส่วนเรื่องซื้อซิมที่นี่ ก็เลือกหาซื้อที่สนามบินได้เลย
อันนี้เป็นเว็บรถบัสที่เราใช้บริการ ยกเว้นวันเพตราไป Wadi Rum ที่เป็นรถท้องถิ่นต้องให้ที่พักโทรจองให้
http://www.jett.com.jo/SubPage.aspx?PageId=230 ออกตรงเวลาอยู่ค่ะ ต้องซื้อตั๋วที่เคาท์เตอร์ก่อนเดินทาง สามารถซื้อล่วงหน้าได้หนึ่งวัน รถบัสนั่งโอเคอยู่ค่ะ ไม่ได้ลำบาก บางคันมีห้องน้ำในตัวด้วย และก็มีแวะกลางทาง
สิ่งที่อยากจะเตือนเวลามาเที่ยวจอร์แดน + สิ่งที่เราเจอแบบพีคๆ
1. ถ้าขึ้นรถบัสจากสนามบินแล้วมาลงสุดสายที่เป็นท่ารถบัสจอดเยอะๆ หรือเดินทางมาจากไหนก็ตาม แล้วลงท่ารถบัสจะมีแท็กซี่มารุมล้อมคุณเหมือนกำลังโดนปาปิรันย่ารุมเลยแหละค่ะ แล้วอย่าเลือกแท็กซี่เหล่านั้น ตอบปฏิเสธลูกเดียว เพราะราคาแพงมากกกก มิเตอร์ก็ขึ้นเร็ว เริ่มที่ 3 JD แหนะที่เราเจอ เราโดนวันเดียว พอเลย
2. แนะนำให้โหลด Uber มาใช้ค่ะ ที่นี่ Uber โอเคเลย แถมคนขับชอบโทรมาก่อนถึงตลอดเลย ราคาก็ถูก
3. ถ้าจะโบกแท็กซี่ให้กดมิเตอร์ หรือถ้าเค้าเรียกราคาเหมา เสนอทัวร์ให้ลองต่อครึ่งๆ แต่เราไม่แนะนำเพราะส่วนใหญ่เราว่าแพง
4. ถ้าอยากเที่ยวให้จุใจควรเที่ยวเพตรา 2 วัน และเพตราไนท์ไม่รวมใน Jordan Pass ต้องจ่ายเพิ่ม 17 JD
5. ถ้ามีที่ถ่ายดาวได้ ควรพกมา เพราะดาวที่เพตรากับที่ทะเลทรายสวยมากกกกกกกก แบบสู่ความเวิ้งว้างในจักรวาลเลยล่ะ
6. ควรพกเจลว่านหางจระเข้ไว้มาทาหลังจากเที่ยวแต่ละวัน แม้ว่าอากาศไม่ร้อน แต่แดดแรงค่า
7. ไม่ควรใส่ขาสั้น ไม่อย่างนั้นคุณจะถูกมองหัวจรดเท้าตลอด
8. เที่ยวเพตราตอนกลางวันควรใส่เสื้อคลุมกันแดด และคุณจะเจอการตื้อๆๆๆ ของคนขี่อูฐ ลา ม้า ตื๊อแบบหนีเข้าห้องน้ำ ก็ตามไปเฝ้าหน้าห้องน้ำเลยค่ะ
9. เราจองทัวร์ทะเลทรายวัน Wadi Rum ตั้งแต่วันไป ตอนแรกได้ราคาแพง แต่ไปบัฟเค้าว่าเราเจอมาราคาเท่านี้ เค้าก็ลดให้ สองคนเสียไป 110 JD รวมทุกอย่างที่พัก อาหาร พาเที่ยว (การเที่ยวใน Wadi Rum ต้องใช้ชาวท้องถิ่นเบดูอินพาเที่ยวเท่านั้น)
10. แต่ละแคมป์ที่พาเที่ยวใน Wadi Rum จะพาเที่ยวต่างกัน รูปแบบต่างกันด้วย เราเจอแบบลุยๆ จองไว้ 4 ชั่วโมง แต่คนพาทัวร์เห็นสภาพพวกเราชอบลุยมั้ง เลยให้ปีนนู่นนี่ กว่าจะได้กลับเค้าแคมป์ก็หกโมงเย็น เพื่อนที่เจอคนไทยไปอีกแคมป์ที่อยู่ต้นๆ บ่ายสองบ่ายสามก็พักแล้ว ของเราแคมป์อยู่ลึกๆ เลยค่ะ
11. แคมป์เราพาไปกินอาหารกลางวันในซอกเขากลางทะเลทราย คนพาทัวร์ก็ก่อไฟ ตั้งหม้อ กันเลยค่ะ กินเสร็จมีให้นอนพักอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ แต่ในใจตอนนั้นคือเหนื่อยแล้วววว อยากเข้าแคมป์ไปพัก หลังจากพักกลางทะเลทราย พวกเราก็โดนทำโทษให้ปีนต่อค่ะ คนพาทัวร์อยากให้เราชมวิวภูเขา แล้วบอกจะขับรถไปรับอีกฝั่งนึง (ชื่อแคมป์ Wadi Rum Beduin Tour with a Camp) บางแคมป์ก็กินกลางวันที่แคมป์นะคะ
12. ตลอดการเที่ยวเราจะเจอการบัฟตลอด เช่น เข้าพักที่อัมมาน เจ้าของสอบถามเรามีคนพาไปนู่นนี่ยัง มีแพลนไปไหน เราก็บอกไปว่าไปนู่นนี่ได้ราคาเท่านี้ เค้าก็จะบอกว่าเนี่ย เค้าได้ราคาถูกกว่านั้นอีก หรือเจอลุงแท็กซี่ที่เราเหมา ก็จะบอกว่าไป Wadi Rum มายัง พักเท่าไหร่ พอเราบอกราคาไป ก็บอกเนี่ยของเค้าถูกกว่า ... จะพูดทำไมอ่าลุง พวกหนูไปมาแล้วมั้ย
13. ในวงเหมาแท็กซี่เที่ยว ที่พัก หรือเจ้าของแคมป์ที่ Wadi Rum เหมือนจะรู้จักกันหมด พอบอกไปว่าเราพักที่ไหน ลุงแท็กซี่บอกชื่อนามสกุลได้เลยอ่ะ
14. ถ้าจะจองแบบเหมาทัวร์แท็กซี่ผ่านที่พักให้ต่อราคาไว้ค่ะ
15. ผู้ชายที่นี่เกรียนมากกกกกกกถึงมากที่สุด
16. ผู้หญิงที่นี่น่ารัก สวย มองเพลินมากค่ะ
17. อาหารมีทั้งกินได้และกินไม่ได้ อยากให้เจอเองมากกว่า
18. เดินๆ จะเจอการบีบแตรจากแท็กซี่ตลอด หรือระหว่างการรอ Uber นอกจากบีบแล้ว บางคันยังจอดเฝ้าเลย
19. วันศุกร์เหมือนจะเป็นวันหยุด ร้านปิด พิพิธภัณฑ์ปิด
20. แมวเยอะค่ะ ใครเป็นทาสแมวคงชอบ แวะถ่ายได้ตลอด
21. การดูดบารากุเป็นเรื่องปกติ เราเจอจอดรถข้างทางดูด แล้วที่ตกใจคือวันไปทะเลทรายให้ไปรอในกระโจม แล้วชาวเบดูอินก็นอนดูดกันอย่างชิวๆ
22. ช่วงบ่ายๆ ร้านอาหารส่วนใหญ่จะปิด แต่สามสี่ทุ่มเหมือนเป็นเวลากินอาหารอีกมื้อ ในอัมมานยังคึกคัก เด็กๆ กับพ่อแม่เดินกันเต็ม
23. ถ้านั่งรถบัสจาก Aqaba เข้าอัมมาน จะเจอด่านให้ทุกคนลงรถหยิบกระเป๋าไปให้ทหารตรวจ
24. ถนนที่นี่แทบไม่มีเลน ไม่มีเปิดไฟเลี้ยว ชอบขับรถปล่อยมือและดูบอล ขับรถน่ากลัวหน่อยๆ ถ้าจะข้ามถนนก็ข้ามเลย พวกเราถูกต้อนรับด้วยการเจอแท็กซี่วันแรกด้วยการขัยเร็ว + ปล่อยมือดูบอล และพูดว่า Welcome to Jordan
25. ผ้าจอร์แดนมีหลายราคาแบบถอเครื่องประมาณ 3-4 JD งานถักมือก็ไม่เกิน 10 JD (ต่างกันตรงชาบผ้า งานมือจะถักเยอะกว่า)
26. Wadi Mujib ค่าเข้า 21 JD ควรเตรียมรองเท้าลุยน้ำ ไม่ควรลัดส้น พกกระเป๋ากันน้ำ เตรียมกำลังขาและแขน เพราะต้องเดินสวนกระแสน้ำและโหนเชือก
27. เราได้แผลถลอกจากลุย Wadi Mujib แล้วไปแช่ Dead Sea ต่อ แสบนิดๆ แต่ก็ไม่ได้แบบมากนะ และรู้สึกว่าแผลแห้งเร็วด้วย
28. Wadi Mujib เหมาะกับสายลุย
29. คนจอร์แดนชอบร้องเพลง เดินๆ อยู่ก็ร้อง
30. โคลนเดดซีที่ขายเป็นถุงๆ เราเจอถุงใหญ่ 4 JD คนไทยที่เจอได้ 2.5 JD เพราะฉะนั้นซื้อของก็ลองต่อๆ ดูนะคะ
สรุปแล้วจอร์แดนเป็นประเทศที่เที่ยวแล้วได้ครบทุกรสเลยล่ะค่ะ อยากให้ลองเที่ยวแบบอย่าเหมาทัวร์แท็กซี่เจ้าเดียว แล้วคุณจะได้เจออะไรมากขึ้น...แบบว้าว ความเกรียนนี้




















[CR] เที่ยวจอร์แดนเอง แบบนั่งบัส ลดพึ่งแท็กซี่ และเจอกับชาวจอร์แดเนียนเกรียนๆ
วันที่ 1 ถึงจอร์แดนประมาณสี่ทุ่ม นั่งรถบัสเข้าตัวเมือง ต่อแท็กซี่เข้าที่พักในอัมมาน
วันที่ 2 หกโมงครึ่งนั่งรถบัสไปเพตรา ถึงเพตราเก็บกระเป๋าที่พัก เที่ยวเพตรากลางวัน และดูเพตราไนท์ พักแถวเพตรา
วันที่ 3 ให้ที่พักจองบัสท้องถิ่นตั้งแต่เมื่อคืนเพื่อไปทะเลทราย Wadi Rum รถบัสมารับประมาณหกโมง เที่ยว Wadi Rum นอนที่ทะเลทราย
วันที่ 4 เหมาแท็กซี่กับเพื่อนคนไทยไป Aqaba เดินเที่ยวหรือใครจะพักก็ได้ค่ะ แต่เราต่อรถบัสจาก Aqaba ไปอัมมาน
วันที่ 5 เที่ยว AJLOUN , JERASH, อัมมาน
วันที่ 6 MADABA, DEAD SEA, WADI MUJIB (วันที่ 5 กับ 6 ยกเว้นเที่ยวในอัมมานเราเหมาแท็กซี่สองวัน 140 JD)
ทั้งหมดค่าเที่ยวทั้งหมดกับค่า Jordan Pass เดินทางกับเพื่อนสองคนหมดไปคนละประมาณ 18,000 บาท (ไม่รวมค่าเครื่องบินนะคะ)
ก่อนไปขอให้เพื่อนๆ เช็คสภาพอากาศก่อนนะคะ อย่างถ้าไปฤดูร้อนก็อาจเที่ยวทะเลทรายไม่ไหว ถ้าไปฤดูหนาวอาจเที่ยว Wadi Rum ในช่วงบ่ายไม่ได้ เพราะน้ำจะเยอะและก็จะหนาว เรากับเพื่อนไปช่วงสงกรานต์ไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวกันไปเลย อากาศที่ไปส่วนใหญ่ก็เย็นๆ ยกเว้นเมือง Aqaba ยังไงถ้าไม่ไปฤดูร้อนก็พกเสื้อหนาวไปซักตัวก็ดีค่ะ จอร์แดนมี 4 ฤดู
1.ฤดูใบไม้ผลิ (ช่วงเดือน มีนาคม – พฤษภาคม) อากาศดีเหมาะแก่การเที่ยวได้ทุกที่ อากาศเย็นๆ ไม่หนาวเกิน พกเสื้อกันหนาวมาใส่ตอนเช้าชิวๆก็พอ มีอุณหภูมิอยู่ที่ 15- 25 C
2.ฤดูร้อน (ช่วงเดือน พฤษภาคม – ตุลาคม) อุณหภูมิเฉลี่ยจะไม่สูงมาก แต่อาจจะมีช่วงกลางของฤดูที่จะขึ้นไปสูงสุด ราวๆ35-38 C เพื่อนเราไปกรกฎาคม ผิวไหม้เลยค่ะ
3. ฤดูใบไม้ร่วง (ช่วงเดือน ตุลาคม – ธันวาคม) โดยฤดูนี้อากาศจะเย็น มีแต่ความหนาวเข้ามาแทนที่อุณหภูมิจะต่ำลงกว่า 20C ถ้าไปช่วงนี้อาจลุย Wadi Rum ไม่ไหว เพราะหนาวเกิ๊นนน
4. ฤดูหนาว (ช่วงเดือน ธันวาคม – มีนาคม) ฤดูหนาวที่นี่อุณหภูมิอาจจะติดลบ แต่โดยปกติส่วนใหญ่จะเป็นเลขหลักเดียว
วิธีการเข้าจอร์แดน พวกเราใช้วิธีการซื้อ Jordan Pass ไปค่ะ ซึ่งจะรวมค่าวีซ่าและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวในจอร์แดน อันนี้เป็นเว็บ >>> https://www.jordanpass.jo/ มีให้เลือกว่าจะเข้าเพตรากี่วัน ก็เพิ่มราคาใน Jordan Pass พอถึงตม.ที่จอร์แดน ก็ยื่นแค่พาสปอร์ตกับปริ้น Jordan Pass และตอบคำถามกวนๆของตม.นิดหน่อย ก็ผ่านแล้วค่า (แนะนำว่าปริ้น Jordan Pass ไว้ 2-3 ใบเผื่อหาย กับโหลดเก็บไว้ในมือถือ)
ส่วนเรื่องซื้อซิมที่นี่ ก็เลือกหาซื้อที่สนามบินได้เลย
อันนี้เป็นเว็บรถบัสที่เราใช้บริการ ยกเว้นวันเพตราไป Wadi Rum ที่เป็นรถท้องถิ่นต้องให้ที่พักโทรจองให้
http://www.jett.com.jo/SubPage.aspx?PageId=230 ออกตรงเวลาอยู่ค่ะ ต้องซื้อตั๋วที่เคาท์เตอร์ก่อนเดินทาง สามารถซื้อล่วงหน้าได้หนึ่งวัน รถบัสนั่งโอเคอยู่ค่ะ ไม่ได้ลำบาก บางคันมีห้องน้ำในตัวด้วย และก็มีแวะกลางทาง
สิ่งที่อยากจะเตือนเวลามาเที่ยวจอร์แดน + สิ่งที่เราเจอแบบพีคๆ
1. ถ้าขึ้นรถบัสจากสนามบินแล้วมาลงสุดสายที่เป็นท่ารถบัสจอดเยอะๆ หรือเดินทางมาจากไหนก็ตาม แล้วลงท่ารถบัสจะมีแท็กซี่มารุมล้อมคุณเหมือนกำลังโดนปาปิรันย่ารุมเลยแหละค่ะ แล้วอย่าเลือกแท็กซี่เหล่านั้น ตอบปฏิเสธลูกเดียว เพราะราคาแพงมากกกก มิเตอร์ก็ขึ้นเร็ว เริ่มที่ 3 JD แหนะที่เราเจอ เราโดนวันเดียว พอเลย
2. แนะนำให้โหลด Uber มาใช้ค่ะ ที่นี่ Uber โอเคเลย แถมคนขับชอบโทรมาก่อนถึงตลอดเลย ราคาก็ถูก
3. ถ้าจะโบกแท็กซี่ให้กดมิเตอร์ หรือถ้าเค้าเรียกราคาเหมา เสนอทัวร์ให้ลองต่อครึ่งๆ แต่เราไม่แนะนำเพราะส่วนใหญ่เราว่าแพง
4. ถ้าอยากเที่ยวให้จุใจควรเที่ยวเพตรา 2 วัน และเพตราไนท์ไม่รวมใน Jordan Pass ต้องจ่ายเพิ่ม 17 JD
5. ถ้ามีที่ถ่ายดาวได้ ควรพกมา เพราะดาวที่เพตรากับที่ทะเลทรายสวยมากกกกกกกก แบบสู่ความเวิ้งว้างในจักรวาลเลยล่ะ
6. ควรพกเจลว่านหางจระเข้ไว้มาทาหลังจากเที่ยวแต่ละวัน แม้ว่าอากาศไม่ร้อน แต่แดดแรงค่า
7. ไม่ควรใส่ขาสั้น ไม่อย่างนั้นคุณจะถูกมองหัวจรดเท้าตลอด
8. เที่ยวเพตราตอนกลางวันควรใส่เสื้อคลุมกันแดด และคุณจะเจอการตื้อๆๆๆ ของคนขี่อูฐ ลา ม้า ตื๊อแบบหนีเข้าห้องน้ำ ก็ตามไปเฝ้าหน้าห้องน้ำเลยค่ะ
9. เราจองทัวร์ทะเลทรายวัน Wadi Rum ตั้งแต่วันไป ตอนแรกได้ราคาแพง แต่ไปบัฟเค้าว่าเราเจอมาราคาเท่านี้ เค้าก็ลดให้ สองคนเสียไป 110 JD รวมทุกอย่างที่พัก อาหาร พาเที่ยว (การเที่ยวใน Wadi Rum ต้องใช้ชาวท้องถิ่นเบดูอินพาเที่ยวเท่านั้น)
10. แต่ละแคมป์ที่พาเที่ยวใน Wadi Rum จะพาเที่ยวต่างกัน รูปแบบต่างกันด้วย เราเจอแบบลุยๆ จองไว้ 4 ชั่วโมง แต่คนพาทัวร์เห็นสภาพพวกเราชอบลุยมั้ง เลยให้ปีนนู่นนี่ กว่าจะได้กลับเค้าแคมป์ก็หกโมงเย็น เพื่อนที่เจอคนไทยไปอีกแคมป์ที่อยู่ต้นๆ บ่ายสองบ่ายสามก็พักแล้ว ของเราแคมป์อยู่ลึกๆ เลยค่ะ
11. แคมป์เราพาไปกินอาหารกลางวันในซอกเขากลางทะเลทราย คนพาทัวร์ก็ก่อไฟ ตั้งหม้อ กันเลยค่ะ กินเสร็จมีให้นอนพักอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ แต่ในใจตอนนั้นคือเหนื่อยแล้วววว อยากเข้าแคมป์ไปพัก หลังจากพักกลางทะเลทราย พวกเราก็โดนทำโทษให้ปีนต่อค่ะ คนพาทัวร์อยากให้เราชมวิวภูเขา แล้วบอกจะขับรถไปรับอีกฝั่งนึง (ชื่อแคมป์ Wadi Rum Beduin Tour with a Camp) บางแคมป์ก็กินกลางวันที่แคมป์นะคะ
12. ตลอดการเที่ยวเราจะเจอการบัฟตลอด เช่น เข้าพักที่อัมมาน เจ้าของสอบถามเรามีคนพาไปนู่นนี่ยัง มีแพลนไปไหน เราก็บอกไปว่าไปนู่นนี่ได้ราคาเท่านี้ เค้าก็จะบอกว่าเนี่ย เค้าได้ราคาถูกกว่านั้นอีก หรือเจอลุงแท็กซี่ที่เราเหมา ก็จะบอกว่าไป Wadi Rum มายัง พักเท่าไหร่ พอเราบอกราคาไป ก็บอกเนี่ยของเค้าถูกกว่า ... จะพูดทำไมอ่าลุง พวกหนูไปมาแล้วมั้ย
13. ในวงเหมาแท็กซี่เที่ยว ที่พัก หรือเจ้าของแคมป์ที่ Wadi Rum เหมือนจะรู้จักกันหมด พอบอกไปว่าเราพักที่ไหน ลุงแท็กซี่บอกชื่อนามสกุลได้เลยอ่ะ
14. ถ้าจะจองแบบเหมาทัวร์แท็กซี่ผ่านที่พักให้ต่อราคาไว้ค่ะ
15. ผู้ชายที่นี่เกรียนมากกกกกกกถึงมากที่สุด
16. ผู้หญิงที่นี่น่ารัก สวย มองเพลินมากค่ะ
17. อาหารมีทั้งกินได้และกินไม่ได้ อยากให้เจอเองมากกว่า
18. เดินๆ จะเจอการบีบแตรจากแท็กซี่ตลอด หรือระหว่างการรอ Uber นอกจากบีบแล้ว บางคันยังจอดเฝ้าเลย
19. วันศุกร์เหมือนจะเป็นวันหยุด ร้านปิด พิพิธภัณฑ์ปิด
20. แมวเยอะค่ะ ใครเป็นทาสแมวคงชอบ แวะถ่ายได้ตลอด
21. การดูดบารากุเป็นเรื่องปกติ เราเจอจอดรถข้างทางดูด แล้วที่ตกใจคือวันไปทะเลทรายให้ไปรอในกระโจม แล้วชาวเบดูอินก็นอนดูดกันอย่างชิวๆ
22. ช่วงบ่ายๆ ร้านอาหารส่วนใหญ่จะปิด แต่สามสี่ทุ่มเหมือนเป็นเวลากินอาหารอีกมื้อ ในอัมมานยังคึกคัก เด็กๆ กับพ่อแม่เดินกันเต็ม
23. ถ้านั่งรถบัสจาก Aqaba เข้าอัมมาน จะเจอด่านให้ทุกคนลงรถหยิบกระเป๋าไปให้ทหารตรวจ
24. ถนนที่นี่แทบไม่มีเลน ไม่มีเปิดไฟเลี้ยว ชอบขับรถปล่อยมือและดูบอล ขับรถน่ากลัวหน่อยๆ ถ้าจะข้ามถนนก็ข้ามเลย พวกเราถูกต้อนรับด้วยการเจอแท็กซี่วันแรกด้วยการขัยเร็ว + ปล่อยมือดูบอล และพูดว่า Welcome to Jordan
25. ผ้าจอร์แดนมีหลายราคาแบบถอเครื่องประมาณ 3-4 JD งานถักมือก็ไม่เกิน 10 JD (ต่างกันตรงชาบผ้า งานมือจะถักเยอะกว่า)
26. Wadi Mujib ค่าเข้า 21 JD ควรเตรียมรองเท้าลุยน้ำ ไม่ควรลัดส้น พกกระเป๋ากันน้ำ เตรียมกำลังขาและแขน เพราะต้องเดินสวนกระแสน้ำและโหนเชือก
27. เราได้แผลถลอกจากลุย Wadi Mujib แล้วไปแช่ Dead Sea ต่อ แสบนิดๆ แต่ก็ไม่ได้แบบมากนะ และรู้สึกว่าแผลแห้งเร็วด้วย
28. Wadi Mujib เหมาะกับสายลุย
29. คนจอร์แดนชอบร้องเพลง เดินๆ อยู่ก็ร้อง
30. โคลนเดดซีที่ขายเป็นถุงๆ เราเจอถุงใหญ่ 4 JD คนไทยที่เจอได้ 2.5 JD เพราะฉะนั้นซื้อของก็ลองต่อๆ ดูนะคะ
สรุปแล้วจอร์แดนเป็นประเทศที่เที่ยวแล้วได้ครบทุกรสเลยล่ะค่ะ อยากให้ลองเที่ยวแบบอย่าเหมาทัวร์แท็กซี่เจ้าเดียว แล้วคุณจะได้เจออะไรมากขึ้น...แบบว้าว ความเกรียนนี้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น