****ขออัพเดทด่วนค่ะ ใครจะไป Jordan ตอนนี้ ประเทศนี้มี Jordan Pass แล้วนะคะ ถ้าใครซื้อ Pass นี้ มีราคาเริ่มต้นที่ 70JD 75JD และ 80JD สามารถเข้าชม top sights ของ Jordan ได้ฟรี และได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าด้วยค่ะ ถามว่าคุ้มไหม คุ้มคะ เพราะแค่ค่าวีซ่า ก็ 40JD ค่า เข้า Petra รวมกันก็ 90 JD แล้วค่ะ ตอกย้ำความเจ็บปวดของ จขกท ได้ที่
http://jordanpass.jo/
สวัสดีค่ะ จขกท กลับมาต่อภาคสองให้จบวันนี้ ตอนสองจะเป็นส่วนของประเทศจอร์แดนล้วนๆ โดยเฉพาะคนที่รอไฮท์ไลท์อย่าง การตามหานครเพตรา หรือ เมืองกุหลาบแดงที่สูญหายไปแบบอินเดียน่าโจนส์ ขี่อูฐหน้ายิ้ม นอนดูดาวในทะเลทราย และลอยตัวเป็นขอนไม้ในทะเลสาบเดดซีอย่าพลาดกันนะคะ
ติดตาม ตอนแรก การเดินทาง 6 วันแรกของ จขกท ใน จอร์แดน และอิสราเอลได้ที่
http://ppantip.com/topic/35120356
Share your travel plan and tips at my personal page แลกเปลี่ยนพูดคุยได้ที่เพจ
www.facebook.com/poonieontheroad/
เรามาเริ่มกันดีกว่า
วันที่ 7 Madaba and Beyond ชุมชนชาวคริสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศตอร์แดน
จริงๆวันนี้เราเดินทางไปเพตรากันค่ะ แต่ว่าเราออกสิบโมงฉนั้นในการสำรวจเมืองมาดาบา ใช้เวลาไม่นานจริงแค่ครึ่งชั่วโมง เพราะมีแค่ที่เดียวที่เราจะไปคือโบสถ์ St. George Madaba เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางศาสนาคริสตร์นิกายกรีกออธอร์ด็อก ซึ่งเป็นศาสนาของสมัยไบแซนไทน์ ที่มีการใช้ภาษากรีกเป็นและภาษาปาเลสไตน์ (เค้ากล่าวว่าเป็นภาษาก่อนที่มีภาษาอาราบิคจะถือกำเนิด) Madaba ถือเป็นชุมชนชาวคริสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในจอร์แดน
สถานที่ๆมีชื่อเสียงและคนแห่แหนกันมาดูคือ โบสถ์ St. George ซึ่งเป็นโบสถ์เล็กๆมีค่าเข้า 1JD ไม่ได้มาดูโบสถ์นะ แต่มาดู Mosaic Map หรือแผนที่ที่แสดงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ว่าในคัมภีร์ไบเบิ้ลทั้งหมด จากประเทศอิยิปต์ถึงปาเลสไตล์ แผนที่นี้ยังเก่าแก่มากเพราะได้ทำการสร้างใน คศ 560 และมีการเล่าเรื่องด้วยรูปภาพพร้อมภาษากรีกกำกับ และยังเป็นแผนที่ที่แรกที่มีการกล่าวถึงดินแดนปาเลสไตล์อีกด้วย แผนที่นี้อยู่บนพื้นของโบสถ์แห่งนี้ จะมีการใชเหินสีต่างๆมาประกอบกันเป็นรูปภาพและตัวอักษรตามนั้น จขกท ไม่ได้เป็นกูรูเรื่องนี้มากนักเอามาแชร์จากการอ่านแผ่นพับและหนังสือประกอบ ถ้าใครมีข้อมูลที่ถูกต้องเชิญแชร์ได้เลยนะคะ ยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ
โบสถ์ St.George
ด้านใน
กล้องไม่สามารถถ่ายได้หมดแบ่งถ่ายเป็นสองส่วนนะคะ พาร์ทแรก
พาร์ทสอง
นอกจากนี้ยังมีห้องลับที่มีภาพพระแม่มารีอุ้มพระเยซูแต่หากสังเกตุแล้วจะมีอีกมือนึงซึ่งเป็นมือที่สามสีม่วงๆมาอุ้มพระเยซูเช่นกัน คนท้องถิ่นเชื่อว่าเป็นภาพอาถรรพ์ แต่โดยส่วนตัว จขกท คิดว่าอาจมีการเติมแต่งเพื่อใช้ในกุศโลบายบางอย่าง อันนี้เป็นคหสต โปรดใช้วิจารณาญาณในการรับชม
เดินกลับเข้าโรงแรมไปจุดนัดหมาย 10 โมงพอดี มีลุงแท๊กซี่มารับ ชื่อลุงอิซาร์ ลุงชวนชมนกชมไม้ สักครึ่งชั่วโมง ลุงพามาแวะตามที่ จขกท ขอเพิ่มลงไปในการเดินทางเพราะเมื่อวันก่อนรถไม่มารับที่ชายแดนทำให้จกขท ผิดแผนไปซะนิ ที่นี่คือ Mt. Nebo ค่ะ
Mt. Nebo อยู่ริมเขต East Bank ที่ Moses เชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งพันธะสัญญา (the Promised Land) เพราะ Moses ในวัย 120 ปีได้ปีนมาดูที่นี่และเสียชีวิตลงที่นี่ เชื่อกันว่าร่างของโมเสสถูกฝังอยู่ที่นี่ แต่ที่ใดไม่มีใครรู้ว่าฝังอยู่ที่ใด
หลายๆเมืองที่ปรากฎในแผนที่ สามารถมองเห็นได้ถ้าไม่มีฝุ่น หลายๆเมืองที่เห็นตามแผนที่ เช่น Hebron, Bethlehem ล้วนแต่อยู่ในประเทศอิสราเอล ณ ปัจจุบัน ดินแดน Ramallah ก็คือปาเลสไตล์นี่เอง
อักษรที่ใช้กันสมัยนั้นมีอักษรกรีก
อักษรโบราณอ้างว่าเป็นภาษาปาเลสไตล์ก่อนมีภาษาอาราบิค
Mosaic map ที่อยู่ระหว่างการซ่อมบำรุง
ระหว่างทาง the Desert Highwayลุงได้แวะจอดรถบอกว่าที่นี่เป็น Grand Canyon of Jordan ลุงแแกแลดู proudly present นะคะ ที่นี่เรียกว่า Wadi Mujib ค่ะ มีถนนหนทางที่คดเคี้ยว สำหรับ จขกท ก็สวยดีค่ะ สวยแบบแห้งๆ ฮ่าๆๆ
อีกสถานที่นึง ก่อนเราไปมุ่งหน้ารวดเดียวไปเพตรา คือ Kerak Castle ซึ่งถูกสร้างในศตวรรษที่ 12 โดยชาวครูเสรดเดอร์ (ฝั่งชาวคริสตร์) ที่ใช้เป็นป้อมปราการในการสู้รบกับกองทัพมุสลิมของซาลาดิน เสียดายที่การทำนุบำรุงไม่ค่อยดีทำให้ไม่ค่อยสะอาดและบางทีแอบเปลี่ยว จะชอบมีคนมาชักชวนไปดูโน่นนี่แต่ปราสาทมีห้องลับทางลับมากมายอันนี้ต้องระวังกันนะคะ อย่าไปไหนกับใครง่ายๆคนเดียวปราสามมันมีช่องมีห้องมืดๆเปลี่ยวๆ จขกท รอจนมีกลุ่มฝรั่งจ้างไกด์ขึ้นไปถึงเดินตามเค้าไปค่ะ
รอบนอก
ภาพอาคาร
หลังจากนั้น ใช้เวลา ร่วมสามชั่วโมงครึ่งกว่าลุงจะเร่งรถถึงเพตรา ร่วม 5 โมงครึ่ง ลุงมาส่งถึงหน้าโรงแรม คือที่จอร์แดนถ้าถูกใจแท๊กซี่คนไหนที่แบบคุยง่ายใจดี นี่รีบขอเบอร์ติดต่อเลยนะคะ เพราะว่าจะหาไม่ได้ง่ายๆ จขกท เลยขอแชร์เพราะใช้บริการลุงแกสองรอบ อันนี้เป็นนามบัตรลุง คุณลุงพูดอังกฤษได้ดีค่ะ ต่อราคาได้ก็ง่าย อันนี้เอามาแชร์เป็นทางเลือกนะคะไม่ได้ค่านายหน้าแต่อย่างใด
โรงแรมที่เราไปพัก คือ Al Rashid Hotel อยู่ใจกลางเมืองตรงวงเวียนเลยใกล้ร้านอาหารหลายร้าน ร้านขายของ มีแท๊กซี่ตลอดเวลา โรงแรมจะไม่ได้ตั้งอยู่หน้าทางเข้าเมืองเพตรา ห่างไปประมาณ 1.5 กิโลแม้ว คือทางขึ้นลงเขา เพราะฉะนั้นเรียกแท๊กซี่เลยค่ะ ปกติ ราคาไปที่หน้าประตูจะอยู่ที่ 1-2 JD อย่าให้เกินนี้ พวกนี้ชอบตั้งราคาเรียกให้เราต่ออยู่แล้ว ประมาณ 3-5 JD จขกท ชอบบอกว่าชั้นมาราคานี้ อย่ามาเว่อร์ เค้าก็จะแบบเออๆขึ้นมาๆ ฮ่าๆ
ป้ายสัญลักษณ์ว่าถึงแล้ว
อันนี้เป็นห้องพัก ดีทุกอย่าง ยกเว้น อินเตอร์เน็ต น่าจะเป็นปัญหาระดับชาติของประเทศนี้
ตอนแรกๆนึกว่าของที่เพตราจะแพง แต่กลายเป็นว่าของและอาหารที่เพตราถูกกว่าที่อัมมาน อร่อยกว่าด้วย ฮัมมุสแค่ 1.5 JD เองพร้อมแป้งพิต้า พวกชวาม่าก็ 1.5-2JD เอง อากาศตอนกลางคืนเข้าขึ้นหนาวนะคะ ควรมีแจ็คเก็ตใส่ไปด้วย แค่สิบกว่าองศา ที่เค้าว่าทะเลทรายกลางวันร้อนกลางคืนหนาวคงจริง
หลังจากนั้นเราบอกโรงแรมค่ะว่าต้องการไปดู Petra by Night จัดโดยทัวร์เอเจนซึ่ ค่าตั๋วเท่ากันทุกที่คือ 17JD เร่ิม 20.30-22.30 PM เปิดการแสดงทุกวันจันทร์ พุธ พฤหัสบดี เท่านั้น
ถึงเวลาก็ไปหน้าประตูค่ะ ตอกบัตรเข้า มันมืดมากจน จขกท ไม่รู้ว่าต้องเดินไปไหน รู้แค่ว่าทางไม่ดี มันมืดมากถ่ายอะไรไม่เห็น เดินไปตามโคมเทียน
ใช้เวลาเดินเกือบชั่วโมงค่ะ จนถึงหน้า Treasury ซึ่งเป็น Landmark ของเมืองนี้ประเทศนี้ก็ว่าได้ แต่มืดมาก เห็นแต่เทียน มาถึงที่นี่เค้าจะเรียกให้ทุกคนนั่งบนเสื่อ แล้วจะเสริฟน้ำขิงอุ่น เพื่อช่วยบรรเทาเรื่องอากาศหนาว จากนั้นมีการเป่าขลุ่ยสองเพลงรวมๆประมาณ 15-20 นาที แล้วก็เปิดไฟหลากสี ใส่ treasury ซึ่งถามว่าชอบไหม ก็ดีที่ได้มาเห็นแต่รู้สึกว่าบัตรแพงเกินการแสดงนะค่ะ แต่ครั้งนึงในชีวิตก็นะ ไม่เป็นไร ยอมจ่าย ให้ถ่ายรูปสักสิบห้านาทีได้ก็จะไล่ให้เดินกลับละคะ มันคือการเข้ามาดูตอนมืดดีดีนี่เอง
กว่าจะกลับมาถึงโรงแรมก็สลบแล้วค่ะ ตั้งใจว่าพรุ่งนี้แน่นอน เราจะพยายามไปเช้าๆ เพราะห้องขายตั๋วเริ่มขาย 6 โมงครึ่ง โครตเช้าเลย
[CR] แบกเป้ตะลุยดินแดนอาหรับราตรี Part 2 ตามหา Petra นครกุหลาบแดง ขี่อูฐท่องทะเลทราย นอนหงายดูดาว ที่ Wadi Rum แล้วไป deadsea
http://jordanpass.jo/
สวัสดีค่ะ จขกท กลับมาต่อภาคสองให้จบวันนี้ ตอนสองจะเป็นส่วนของประเทศจอร์แดนล้วนๆ โดยเฉพาะคนที่รอไฮท์ไลท์อย่าง การตามหานครเพตรา หรือ เมืองกุหลาบแดงที่สูญหายไปแบบอินเดียน่าโจนส์ ขี่อูฐหน้ายิ้ม นอนดูดาวในทะเลทราย และลอยตัวเป็นขอนไม้ในทะเลสาบเดดซีอย่าพลาดกันนะคะ
ติดตาม ตอนแรก การเดินทาง 6 วันแรกของ จขกท ใน จอร์แดน และอิสราเอลได้ที่
http://ppantip.com/topic/35120356
Share your travel plan and tips at my personal page แลกเปลี่ยนพูดคุยได้ที่เพจ
www.facebook.com/poonieontheroad/
เรามาเริ่มกันดีกว่า
วันที่ 7 Madaba and Beyond ชุมชนชาวคริสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศตอร์แดน
จริงๆวันนี้เราเดินทางไปเพตรากันค่ะ แต่ว่าเราออกสิบโมงฉนั้นในการสำรวจเมืองมาดาบา ใช้เวลาไม่นานจริงแค่ครึ่งชั่วโมง เพราะมีแค่ที่เดียวที่เราจะไปคือโบสถ์ St. George Madaba เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางศาสนาคริสตร์นิกายกรีกออธอร์ด็อก ซึ่งเป็นศาสนาของสมัยไบแซนไทน์ ที่มีการใช้ภาษากรีกเป็นและภาษาปาเลสไตน์ (เค้ากล่าวว่าเป็นภาษาก่อนที่มีภาษาอาราบิคจะถือกำเนิด) Madaba ถือเป็นชุมชนชาวคริสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในจอร์แดน
สถานที่ๆมีชื่อเสียงและคนแห่แหนกันมาดูคือ โบสถ์ St. George ซึ่งเป็นโบสถ์เล็กๆมีค่าเข้า 1JD ไม่ได้มาดูโบสถ์นะ แต่มาดู Mosaic Map หรือแผนที่ที่แสดงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ว่าในคัมภีร์ไบเบิ้ลทั้งหมด จากประเทศอิยิปต์ถึงปาเลสไตล์ แผนที่นี้ยังเก่าแก่มากเพราะได้ทำการสร้างใน คศ 560 และมีการเล่าเรื่องด้วยรูปภาพพร้อมภาษากรีกกำกับ และยังเป็นแผนที่ที่แรกที่มีการกล่าวถึงดินแดนปาเลสไตล์อีกด้วย แผนที่นี้อยู่บนพื้นของโบสถ์แห่งนี้ จะมีการใชเหินสีต่างๆมาประกอบกันเป็นรูปภาพและตัวอักษรตามนั้น จขกท ไม่ได้เป็นกูรูเรื่องนี้มากนักเอามาแชร์จากการอ่านแผ่นพับและหนังสือประกอบ ถ้าใครมีข้อมูลที่ถูกต้องเชิญแชร์ได้เลยนะคะ ยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ
โบสถ์ St.George
ด้านใน
กล้องไม่สามารถถ่ายได้หมดแบ่งถ่ายเป็นสองส่วนนะคะ พาร์ทแรก
พาร์ทสอง
นอกจากนี้ยังมีห้องลับที่มีภาพพระแม่มารีอุ้มพระเยซูแต่หากสังเกตุแล้วจะมีอีกมือนึงซึ่งเป็นมือที่สามสีม่วงๆมาอุ้มพระเยซูเช่นกัน คนท้องถิ่นเชื่อว่าเป็นภาพอาถรรพ์ แต่โดยส่วนตัว จขกท คิดว่าอาจมีการเติมแต่งเพื่อใช้ในกุศโลบายบางอย่าง อันนี้เป็นคหสต โปรดใช้วิจารณาญาณในการรับชม
เดินกลับเข้าโรงแรมไปจุดนัดหมาย 10 โมงพอดี มีลุงแท๊กซี่มารับ ชื่อลุงอิซาร์ ลุงชวนชมนกชมไม้ สักครึ่งชั่วโมง ลุงพามาแวะตามที่ จขกท ขอเพิ่มลงไปในการเดินทางเพราะเมื่อวันก่อนรถไม่มารับที่ชายแดนทำให้จกขท ผิดแผนไปซะนิ ที่นี่คือ Mt. Nebo ค่ะ
Mt. Nebo อยู่ริมเขต East Bank ที่ Moses เชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งพันธะสัญญา (the Promised Land) เพราะ Moses ในวัย 120 ปีได้ปีนมาดูที่นี่และเสียชีวิตลงที่นี่ เชื่อกันว่าร่างของโมเสสถูกฝังอยู่ที่นี่ แต่ที่ใดไม่มีใครรู้ว่าฝังอยู่ที่ใด
หลายๆเมืองที่ปรากฎในแผนที่ สามารถมองเห็นได้ถ้าไม่มีฝุ่น หลายๆเมืองที่เห็นตามแผนที่ เช่น Hebron, Bethlehem ล้วนแต่อยู่ในประเทศอิสราเอล ณ ปัจจุบัน ดินแดน Ramallah ก็คือปาเลสไตล์นี่เอง
อักษรที่ใช้กันสมัยนั้นมีอักษรกรีก
อักษรโบราณอ้างว่าเป็นภาษาปาเลสไตล์ก่อนมีภาษาอาราบิค
Mosaic map ที่อยู่ระหว่างการซ่อมบำรุง
ระหว่างทาง the Desert Highwayลุงได้แวะจอดรถบอกว่าที่นี่เป็น Grand Canyon of Jordan ลุงแแกแลดู proudly present นะคะ ที่นี่เรียกว่า Wadi Mujib ค่ะ มีถนนหนทางที่คดเคี้ยว สำหรับ จขกท ก็สวยดีค่ะ สวยแบบแห้งๆ ฮ่าๆๆ
อีกสถานที่นึง ก่อนเราไปมุ่งหน้ารวดเดียวไปเพตรา คือ Kerak Castle ซึ่งถูกสร้างในศตวรรษที่ 12 โดยชาวครูเสรดเดอร์ (ฝั่งชาวคริสตร์) ที่ใช้เป็นป้อมปราการในการสู้รบกับกองทัพมุสลิมของซาลาดิน เสียดายที่การทำนุบำรุงไม่ค่อยดีทำให้ไม่ค่อยสะอาดและบางทีแอบเปลี่ยว จะชอบมีคนมาชักชวนไปดูโน่นนี่แต่ปราสาทมีห้องลับทางลับมากมายอันนี้ต้องระวังกันนะคะ อย่าไปไหนกับใครง่ายๆคนเดียวปราสามมันมีช่องมีห้องมืดๆเปลี่ยวๆ จขกท รอจนมีกลุ่มฝรั่งจ้างไกด์ขึ้นไปถึงเดินตามเค้าไปค่ะ
รอบนอก
ภาพอาคาร
หลังจากนั้น ใช้เวลา ร่วมสามชั่วโมงครึ่งกว่าลุงจะเร่งรถถึงเพตรา ร่วม 5 โมงครึ่ง ลุงมาส่งถึงหน้าโรงแรม คือที่จอร์แดนถ้าถูกใจแท๊กซี่คนไหนที่แบบคุยง่ายใจดี นี่รีบขอเบอร์ติดต่อเลยนะคะ เพราะว่าจะหาไม่ได้ง่ายๆ จขกท เลยขอแชร์เพราะใช้บริการลุงแกสองรอบ อันนี้เป็นนามบัตรลุง คุณลุงพูดอังกฤษได้ดีค่ะ ต่อราคาได้ก็ง่าย อันนี้เอามาแชร์เป็นทางเลือกนะคะไม่ได้ค่านายหน้าแต่อย่างใด
โรงแรมที่เราไปพัก คือ Al Rashid Hotel อยู่ใจกลางเมืองตรงวงเวียนเลยใกล้ร้านอาหารหลายร้าน ร้านขายของ มีแท๊กซี่ตลอดเวลา โรงแรมจะไม่ได้ตั้งอยู่หน้าทางเข้าเมืองเพตรา ห่างไปประมาณ 1.5 กิโลแม้ว คือทางขึ้นลงเขา เพราะฉะนั้นเรียกแท๊กซี่เลยค่ะ ปกติ ราคาไปที่หน้าประตูจะอยู่ที่ 1-2 JD อย่าให้เกินนี้ พวกนี้ชอบตั้งราคาเรียกให้เราต่ออยู่แล้ว ประมาณ 3-5 JD จขกท ชอบบอกว่าชั้นมาราคานี้ อย่ามาเว่อร์ เค้าก็จะแบบเออๆขึ้นมาๆ ฮ่าๆ
ป้ายสัญลักษณ์ว่าถึงแล้ว
อันนี้เป็นห้องพัก ดีทุกอย่าง ยกเว้น อินเตอร์เน็ต น่าจะเป็นปัญหาระดับชาติของประเทศนี้
ตอนแรกๆนึกว่าของที่เพตราจะแพง แต่กลายเป็นว่าของและอาหารที่เพตราถูกกว่าที่อัมมาน อร่อยกว่าด้วย ฮัมมุสแค่ 1.5 JD เองพร้อมแป้งพิต้า พวกชวาม่าก็ 1.5-2JD เอง อากาศตอนกลางคืนเข้าขึ้นหนาวนะคะ ควรมีแจ็คเก็ตใส่ไปด้วย แค่สิบกว่าองศา ที่เค้าว่าทะเลทรายกลางวันร้อนกลางคืนหนาวคงจริง
หลังจากนั้นเราบอกโรงแรมค่ะว่าต้องการไปดู Petra by Night จัดโดยทัวร์เอเจนซึ่ ค่าตั๋วเท่ากันทุกที่คือ 17JD เร่ิม 20.30-22.30 PM เปิดการแสดงทุกวันจันทร์ พุธ พฤหัสบดี เท่านั้น
ถึงเวลาก็ไปหน้าประตูค่ะ ตอกบัตรเข้า มันมืดมากจน จขกท ไม่รู้ว่าต้องเดินไปไหน รู้แค่ว่าทางไม่ดี มันมืดมากถ่ายอะไรไม่เห็น เดินไปตามโคมเทียน
ใช้เวลาเดินเกือบชั่วโมงค่ะ จนถึงหน้า Treasury ซึ่งเป็น Landmark ของเมืองนี้ประเทศนี้ก็ว่าได้ แต่มืดมาก เห็นแต่เทียน มาถึงที่นี่เค้าจะเรียกให้ทุกคนนั่งบนเสื่อ แล้วจะเสริฟน้ำขิงอุ่น เพื่อช่วยบรรเทาเรื่องอากาศหนาว จากนั้นมีการเป่าขลุ่ยสองเพลงรวมๆประมาณ 15-20 นาที แล้วก็เปิดไฟหลากสี ใส่ treasury ซึ่งถามว่าชอบไหม ก็ดีที่ได้มาเห็นแต่รู้สึกว่าบัตรแพงเกินการแสดงนะค่ะ แต่ครั้งนึงในชีวิตก็นะ ไม่เป็นไร ยอมจ่าย ให้ถ่ายรูปสักสิบห้านาทีได้ก็จะไล่ให้เดินกลับละคะ มันคือการเข้ามาดูตอนมืดดีดีนี่เอง
กว่าจะกลับมาถึงโรงแรมก็สลบแล้วค่ะ ตั้งใจว่าพรุ่งนี้แน่นอน เราจะพยายามไปเช้าๆ เพราะห้องขายตั๋วเริ่มขาย 6 โมงครึ่ง โครตเช้าเลย