แดดแรงๆ ของเมืองไทย นอกจากจะทำให้ผิวคล้ำเสียมีกระจุดด่างดำแล้ว อีกปัญหาที่พบมากก็คือ “ฝ้า” เนื่องจากเม็ดสีผิวหรือเม็ดสีเมลานินที่ทำหน้าที่กรองรังสียูวีทำงานมากเกินไป จนเกิดข้อบกพร่องในการกรองรังสียูวี ทำให้รังสียูวีจึงเข้าไปทำลายผิวได้ลึกจนเกิดฟ้าในที่สุด นอกจากนี้ยังรวมไปถึงฮอร์โมนและกรรมพันธุ์ ที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดฟ้าได้ ส่วนวิธีการรักษาฝ้าว่ากันว่ายากยิ่งนัก แต่หากรีบรักษาแต่เนิ่นๆ อาจรักษาให้หายได้
วิธีรักษา ฝ้า ด้วยธรรมชาติ
1. สูตรหัวไชเท้า
ร่ำลือกันมานานว่าหัวไชเท้า สามารถนำมาทำเป็นสูตรรักษาฝ้าได้อย่างดี โดยทำได้ง่ายๆ แค่นำหัวไชเท้ามาบดหยาบๆ แล้วพอกหน้าทิ้งไว้ 10-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น จากนั้นกระชับรูขุมขนด้วยโทนเนอร์หรือน้ำเย็น ทำแบบนี้เป็นประจำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง หรือวันเว้นวัน จะช่วยลดฝ้าทำให้ฝ้าดูจางลงได้มากเลยทีเดียว (สำหรับคนผิวแพ้ง่ายไม่ควรใช้สูตรนี้)
2. สูตรมะขามเปียก
มะขามเปียกขึ้นชื่อในการรักษาผิวพรรณมานาน รวมทั้งเรื่องรักษาฝ้าด้วย เพียงนำเนื้อมะขามเปียกมาพอกหรือทาบางๆ บริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ 3-5 นาที แล้วล้างออก มะขามจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าทำให้รอยฝ้าดูจางลงอีกทั้งยังช่วยลดรอยด่างดำได้ด้วย
3. สูตรไข่ขาว
ไข่ขาวมีสรรพคุณช่วยดูดซับรอยฝ้าและสิ่งสกปรกให้หมดไปจากใบหน้าได้ เพียงแค่นำไข่ขาวมาทาบางๆ ให้ทั่วบริเวณที่เป็น ฝ้า ทิ้งไว้ 5-10 นาที ทำเป็นประจำแค่นี้ใบหน้าก็ดีขึ้นแล้ว
4. สูตรว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้ ถือเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรยอดนิยมที่มักนำมาช่วยรักษาฝ้า โดยให้นำว่านหางจระเข้ 1 ใบใหญ่ นำไปแช่น้ำประมาณ 10 นาที ปอกเปลือกออกให้เหลือแต่วุ้นล้างให้สะอาด นำไปปั่นหรือบดแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 15-20 นาที สูตรนี้หากทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะช่วยให้ฝ้าหายได้ไวยิ่งขึ้น
5. สูตรใบบัวบก
ใบบัวบกไม่ได้มีดีแค่รักษาอาการช้ำในเท่านั้นแต่ยังสามารถนำมาช่วยรักษาฟ้าได้ เพียงแค่นำมาปั่นแล้วใช้น้ำใบบัวบกมาเช็ดหน้าแทนการใช้โทนเนอร์ก่อนนอนทุกวัน เท่านี้รอยฝ้าต่างๆ ก็จะค่อยๆ จางลง
6.สูตรน้ำส้มสายชูจากผลแอปเปิ้ล
น้ำส้มสายชูจากผลแอปเปิ้ลช่วยดูแลผิวพรรณได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า เนื่องจากในน้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรด จึงช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างใสและเนียนนุ่ม วิธีทำก็เพียงแค่นำมาผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อย แล้วใช้สำลีชุบเช็ดให้ทั่วใบหน้า รอจนแห้งจึงล้างออก
7. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
นอกจากการรักษาด้วยวิธีข้างต้นแล้ว การรักษาจากภายในก็สำคัญ โดยเฉพาะเรื่องการรับประทานอาหารควรรับประทานทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และเน้นที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ที่ช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นด้วย เพื่อจะได้ป้องกันไม่ให้ ฝ้า ขยายตัวมากขึ้นนั่นเอง
การรักษาฝ้าที่ดีควรรีบทำตั้งแต่พบเจอใหม่ๆเพื่อจะได้รักษาได้ง่าย หากปล่อยทิ้งเนิ่นนานจะรักษายากหรือรักษาไม่ได้เลย นอกจากนี้ควรใส่ใจเรื่องการป้องกันฝ้าด้วย นั่นคือ หลีกเลี่ยงจากแสงแดด หากต้องเผชิญแสงแดดก็ควรแต่งกายให้มิดชิด ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป และต้องเป็นแบบ PA+++ ด้วย ถึงจะช่วยปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องอยู่ภายใต้แสงแดดตลอดทั้งวัน อาจเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงมากกว่านี้ ที่สำคัญต้องหมั่นสังเกตตัวเองว่าการรับประทานยาอะไรที่เสี่ยงต่อการเกิด ฝ้า หรือมีเครื่องสำอางชนิดไหนที่ทำให้เกิดอาการคล้ายๆเป็นฝ้าหรือเปล่า ถ้ามีให้รีบหยุดใช้ทันที
รักษาฝ้า ด้วยวิธีธรรมชาติ
วิธีรักษา ฝ้า ด้วยธรรมชาติ
1. สูตรหัวไชเท้า
ร่ำลือกันมานานว่าหัวไชเท้า สามารถนำมาทำเป็นสูตรรักษาฝ้าได้อย่างดี โดยทำได้ง่ายๆ แค่นำหัวไชเท้ามาบดหยาบๆ แล้วพอกหน้าทิ้งไว้ 10-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น จากนั้นกระชับรูขุมขนด้วยโทนเนอร์หรือน้ำเย็น ทำแบบนี้เป็นประจำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง หรือวันเว้นวัน จะช่วยลดฝ้าทำให้ฝ้าดูจางลงได้มากเลยทีเดียว (สำหรับคนผิวแพ้ง่ายไม่ควรใช้สูตรนี้)
2. สูตรมะขามเปียก
มะขามเปียกขึ้นชื่อในการรักษาผิวพรรณมานาน รวมทั้งเรื่องรักษาฝ้าด้วย เพียงนำเนื้อมะขามเปียกมาพอกหรือทาบางๆ บริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ 3-5 นาที แล้วล้างออก มะขามจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าทำให้รอยฝ้าดูจางลงอีกทั้งยังช่วยลดรอยด่างดำได้ด้วย
3. สูตรไข่ขาว
ไข่ขาวมีสรรพคุณช่วยดูดซับรอยฝ้าและสิ่งสกปรกให้หมดไปจากใบหน้าได้ เพียงแค่นำไข่ขาวมาทาบางๆ ให้ทั่วบริเวณที่เป็น ฝ้า ทิ้งไว้ 5-10 นาที ทำเป็นประจำแค่นี้ใบหน้าก็ดีขึ้นแล้ว
4. สูตรว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้ ถือเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรยอดนิยมที่มักนำมาช่วยรักษาฝ้า โดยให้นำว่านหางจระเข้ 1 ใบใหญ่ นำไปแช่น้ำประมาณ 10 นาที ปอกเปลือกออกให้เหลือแต่วุ้นล้างให้สะอาด นำไปปั่นหรือบดแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 15-20 นาที สูตรนี้หากทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะช่วยให้ฝ้าหายได้ไวยิ่งขึ้น
5. สูตรใบบัวบก
ใบบัวบกไม่ได้มีดีแค่รักษาอาการช้ำในเท่านั้นแต่ยังสามารถนำมาช่วยรักษาฟ้าได้ เพียงแค่นำมาปั่นแล้วใช้น้ำใบบัวบกมาเช็ดหน้าแทนการใช้โทนเนอร์ก่อนนอนทุกวัน เท่านี้รอยฝ้าต่างๆ ก็จะค่อยๆ จางลง
6.สูตรน้ำส้มสายชูจากผลแอปเปิ้ล
น้ำส้มสายชูจากผลแอปเปิ้ลช่วยดูแลผิวพรรณได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า เนื่องจากในน้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรด จึงช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างใสและเนียนนุ่ม วิธีทำก็เพียงแค่นำมาผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อย แล้วใช้สำลีชุบเช็ดให้ทั่วใบหน้า รอจนแห้งจึงล้างออก
7. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
นอกจากการรักษาด้วยวิธีข้างต้นแล้ว การรักษาจากภายในก็สำคัญ โดยเฉพาะเรื่องการรับประทานอาหารควรรับประทานทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และเน้นที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ที่ช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นด้วย เพื่อจะได้ป้องกันไม่ให้ ฝ้า ขยายตัวมากขึ้นนั่นเอง
การรักษาฝ้าที่ดีควรรีบทำตั้งแต่พบเจอใหม่ๆเพื่อจะได้รักษาได้ง่าย หากปล่อยทิ้งเนิ่นนานจะรักษายากหรือรักษาไม่ได้เลย นอกจากนี้ควรใส่ใจเรื่องการป้องกันฝ้าด้วย นั่นคือ หลีกเลี่ยงจากแสงแดด หากต้องเผชิญแสงแดดก็ควรแต่งกายให้มิดชิด ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป และต้องเป็นแบบ PA+++ ด้วย ถึงจะช่วยปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องอยู่ภายใต้แสงแดดตลอดทั้งวัน อาจเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงมากกว่านี้ ที่สำคัญต้องหมั่นสังเกตตัวเองว่าการรับประทานยาอะไรที่เสี่ยงต่อการเกิด ฝ้า หรือมีเครื่องสำอางชนิดไหนที่ทำให้เกิดอาการคล้ายๆเป็นฝ้าหรือเปล่า ถ้ามีให้รีบหยุดใช้ทันที