นี่ไม่ได้เขียนรีวิวนานแล้ว หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วย
แต่อยากเป็นข้อมูลให้เพื่อนๆที่กำลังจะเดินทางไป
จะได้ไม่งง เพราะก่อนคอนเฟิมทริปนี่ต้องเสาะหาข้อมูลเยอะมาก
ทริปนี้ไปช่วงสงกรานต์ 10 - 16 เมษายน 2561
โบรโม่ อิเจี้ยน แล้วไปต่อบาหลี
ตลอดทั้งเดือนเมษานี้มีคนไทยไปเที่ยวที่นี่เยอะมาก
อ่อ ทริป Bromo-Ijen เราไปกับ Danny Team (บาหลีไปกับอีกเจ้านึง)
ติดต่อ คุยราคากันเองนะ ราคาจะต่างกันตามทริป จำนวนคนและรถ
คือเราไปจริงและรู้สึกถึงความ Professional ในการวางแผน
และรู้สึกดีกับ Service ของทุกคนในทีมเค้าก็เลยอยากให้เครดิตเค้า
Danny เองถึงไม่ได้ไปกับกรุ๊ปเรา แต่เค้าคอย contact มาหาตลอดว่าทุกอย่างโอเคไหม staffs ดูแลดีไหม
FB : Danny van granger
Line : Danny_van_granger
Email : go.dhanny@gmail.com
การเตรียมตัวก่อนไป
ทริปนี้เราไป 2คู่ คู่เรา คู่เพื่อน ทั้งหมด 4คน ญ2 ช2
มีกระเป๋าใหญ่ 2ใบ กระเป๋าเล็กขึ้นเครื่อง 2ใบ
- ซื้อนน.ไป 2ใบๆละ 20kg คือปริ่มมากตั้งแต่ขาไป ถ้าใครไปทริปแบบเราขอแนะนำซัก 25-30kg
- แลกเงินที่ Grand Super Rich ที่ราชดำริซอย 2 ตรงข้าม Central World
ควรรีบแลกเนิ่นๆ นี่อีก2วันจะเดินทางค่อยไป Super Rich แต่เค้าไม่มีเงินให้แลกเลย เครียด
Rate 1000IDR = 2.31B. ( วิธีคิด 1แสนIDR x 0.00231 = 231B. )
แลกมา 16ล้านIDR/2persons นี่เหลือเยอะแยะเลย ( รวมใช้ที่บาหลีด้วย )
- ยาดม
- ผ้าเช็ดตัว (แนะนำควรนำไปเอง แต่ขอที่พักก็ได้)
- ไดร์เป่าผม (ไม่ต้องเอามา เดี๋ยวเล่าว่าทำไม)
- ปลั๊กพ่วง
- หัวแปลงปลั๊ก (แบบกลม)
- เสื้อกันหนาว (อากาศ 10 กว่าองศาแต่ลมแรงมากเลยหนาว)
สิ่งที่ควรรู้ก่อนไป
- เวลาที่นี่เท่ากันกับไทย
- ห้องน้ำทุกที่เสียค่าเข้า 2000IDR
- คนที่นี่สูบบุหรี่หนักมาก ทุกที่จริงๆ
- ร้านอาหารไม่มีรูปหรือภาษาอังกฤษ
- เมนูที่นี่ส่วนมากเป็น Ayam /อา-ยัม/ = ไก่
- ข้าวสวยที่นี่แข็งไม่อร่อย แนะนำทาน Nasi Goreng /นาซี-โกเร็ง/ = ข้าวผัด แทน
- เมนูแนะนำ เราสั่งทุกร้านเลย
Ayam Kampung /อันนี้ลืมวิธีอ่าน/
La La Pan /ลา-ลา-ปัน/
การเดินทางอันยากลำบากเริ่มต้นตั้งแต่นั่งเครื่องบินไป ต้องไปต่อเครื่อง บินข้ามคืนจะไปถึงแต่เช้า
ถ้าอยากมีเวลาเที่ยวเยอะๆ ให้ไปถึงสนามบินสุบารายาก่อน 9am หรือยิ่งเช้ายิ่งดี
เพราะแต่ละที่เดินทางไกลมากกกกกกกกกก
วันที่ 10 เมษา นั่ง Air Asia Indonesia เครื่องออก 20:55 ถึง Jakarta 00:25
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สายการบิน low cost ต้องรับกระเป๋าที่โหลดออกมาก่อน ค่อยไปเช็กอินใหม่
4Hrs. ที่ต้องรอที่นี่ก็ไม่มากมาย แค่มีเวลาล้างหน้า แต่งหน้า นอนพักแปปๆในสนามบิน 1-2Hrs
วันที่ 11 เมษา นั่ง Batik Air จาก Jakarta 4:30 ไป Subaraya 6:00
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้** ปกติจะมี Shuttle Bus บริการระหว่าง Terminal 1-2-3 เนื่องจากมาถึงที่นี่ดึกมากแล้ว
ยามแนะนำว่า "นั่ง Taxi เถอะ" ขอเน้นว่าอย่าเดินเพราะหลงแน่นอน Terminal เค้าไม่ได้ใกล้กัน
เค้าคิดเหมาไม่กดมิตเตอร์ 75.000IDR ไปคันเดียวหมด เพื่อนมีเปิด Sim2fly ไปเลยมีเนทใช้ Google Map ดูทางตาม
มีคนขับรถ(ช)และไกด์/ล่าม(ญ)มารับเราที่สนามบินสุบารายา
พาไปซื้อ Sim มือถือ 65.000IDR 7Days 11GB
และแวะทานข้าวก่อนไปน้ำตก Madakaripura Waterfall
ออกจากสนามบิน ~7am ถึงที่จอดรถน้ำตก ~11am (4Hrs)
อย่าหวังจะได้นอน หยิบยาดมมาใช้เลย เพราะทางแย่มาก กลิ้งไปกลิ้งมาในรถ
ทางทั้งแคบและมีหลุมใหญ่ๆตลอดทางซ้ายขวา พอเข้าป่าแล้วจะไม่มีสัญญาณโทร
พอถึงที่จอดรถแล้วเราต้องแว๊นมอไซค์เข้าไปอีก คนละคัน (เราไม่ต้องจ่าย รวมในทัวร์แล้ว)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ไกด์จะรอที่ลานจอดรถ แจกเสื้อกันฝนคนละตัว ส่วนใครไม่ได้ใส่รองเท้าแตะมา ให้เปลี่ยตรงนี้เลย
เพราะเข้าไปจะเปียกมาก ต้องเดินลุยน้ำ ถ้ามือถือหรืออุปกรณ์ใครไม่กันน้ำใส่ถุงกันเปียกด้วย
มอไซค์จะส่งที่ทางเข้านี้ และมีไกด์ท้องถิ่นของ Danny Team อีกคนมารับช่วงต่อ
ยังไม่ถึงจ้า เค้าก็พาเดินป่าต่อไปอีก 2kg ค่อยๆเดินระวังตกเขานะ บางจุดมีรั้วกั้น บางจุดไม่มี
กลางทางจะเจอรูปปั้น ไกด์บอกว่านี่คือเทพเจ้าผู้ปกป้องสถานที่แห่งนี้
พอเดินไปเรื่อยๆอีก จะเจอสะพาน นั่นแหล่ะทางเข้าน้ำตก ก็เริ่มใส่เสื้อกันฝนตรงนี้กัน เพราะจะเปียกละ
พวกเราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานพอสมควร ~2Hrs ได้เพราะไม่รีบ
ไกด์เค้ารู้มุม รู้งาน คอยเดินถ่ายรูป วีดีโอให้ ชี้จุด บอกท่า(แต่ส่วนมากคิดท่าเอง) ถ่ายพาโนรามาแนวสูงให้สวยมาก
ที่นี่กระแสน้ำแรง ต้องค่อยๆเดิน ระวังลื่น รองเท้าอาจลอยไปได้อย่างรวดเร็ว
และต้องเดินฝ่าน้ำตกที่ตกใส่หัวเข้าไป ปีนป่ายโขดหิน ถึงจะได้เจอจุดสวยๆและความอลังกาล
จุดนี้ปีนยาก ถ้าปีนตามมาได้ เดี๋ยวจะเจอมุมแบบในรูปนี้
ขากลับเดี๋ยวมีมอไซค์มารับกลับไปที่ลานจอดรถที่เดิม
จากน้ำตกถึง Cemoro Lawang ซึ่งเป็นที่พักเรา ~1Hr. ถึงที่พัก ~15:30 อากาศเริ่มเย็นๆ
เข้าที่พัก Yag Homestay อย่าคาดหวังความสะอาด เพราะคือนี่อยู่บนเขา
มีน้ำร้อนให้ใช้ก็บุญแล้ว ก็รีบอาบน้ำสระผม พอเป่าผมไปได้นิดนึง เห้ยไฟดับ!!!
คือที่นี่ห้ามใช้ไดร์เป่าผมเพราะไฟมันแรงเกิน ก็ไม่มีป้ายเตือนหนิ ก็ไม่มีคนบอกหนิ
ก็เลยทำดับหมดทั้งที่พักเลยจ้า คือเป็นคนผมยาวมาก เมื่อกี้ก็เปียกจากน้ำตกมา ก็ต้องสระผมดิ
ในห้องมีปลั๊กเดียว ถ้าไม่มีปลั๊กพ่วงคือมือถือ x2 powerbank x2 โดรน กล้องไม่ต้องชาร์ตกันพอดี สำคัญมากต้องพกไปเอง!!
นัดล่ามไว้ 17:00 กินข้าวเย็น แล้วจะได้นอนพักเก็บแรงไว้คืนนี้แล้ว
ความสะอาดของภาชนะไม่ต้องพูดถึง กินๆไปเถอะ ได้รับฝุ่นบ้าง เชื้อโรคบ้าง สร้างภูมิต้านทานไว้
ร้านอยู่ตรงข้ามที่พัก ใครกินอาหารเค้าไม่ได้ให้พกมาม่าจากไทยไปนะ มีเมนูไข่เจียว ไข่ดาว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จริงๆช่วงนี้ควรไปถ่าย Bromo Sunset นะ เพราะมีเวลาเหลือเฟือเลย
แต่ตอนแรกคิดว่าไกด์จะพาไปกินข้าวที่อื่นที่ต้องนั่งรถออกไป
เลยถ่ายได้แบบรีบๆ เดี๋ยวขอไปปรับแสงก่อน แล้วจะมาอวดตอนท้ายนะคะ
เข้าห้องเก็บของ แพ๊กกระเป๋าเตรียมไว้ กว่าจะได้นอนปาไปสองสามทุ่มแหน่ะ
คืนนี้เรามีโอกาสได้เจอ Danny เค้ามาทักทาย Welcome
เพราะเค้าก็วนเวียนคอยคุมคนในทีมอยู่แถวๆนี้ โบรโม่ อิเจี้ยน สุบารายาเนี่ยแหล่ะ
บอกตามตรงไม่ได้คาดหวังจะเจอ แต่เจอก็ดี เวลามีปัญหาอะไร Feedback ง่ายหน่อย 5555+
12 April 2018
ไกด์นัดเจอกัน 2am แต่กว่า Jeep จะมาเกือบ 3am คนขับคนละคนกัน
เราจะขึ้นไปจุดชมวิวชื่อ Penanjakan View Point เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น + Bromo
และที่นี่เรามองขึ้นไปบนฟ้าเห็น Milky Way (ทางช้างเผือก) ด้วย ฟินเวอร์
ที่นี่ลมพัดแรง อากาศหนาวเหน็บ ที่ควรมีคือถุงมือ
ใกล้ๆมีร้านของกิน ขายของร้อนและมีที่นั่งผิงไฟเป็นสิบๆร้าน
พอพระอาทิตย์เริ่มขึ้น ก็จะได้วิวแบบนี้
พอหันไปทางซ้ายของโบรโม่ นี่คือจุดที่นักถ่ายภาพทุกคนอยากได้
ด้านซ้ายคือหมู่บ้านที่เราพัก หมอกด้านขวาก็ตีนเขาโบรโม่ไง
ป.ล. แฟนเป็นคนเล่นกล้อง ชอบถ่ายภาพวิวเป็นที่สุด ทั้งหมดนี่แฟนถ่ายเอง และที่นี่โดรนขึ้นบินได้นะคะ
ลงจากจุดชมวิวประมาณ 7:30 แต่ไกด์เราบอกให้ลงตั้งแต่ 7am
แต่เราไม่ยอมลงเพราะยังไม่ได้รูปหมู่เลย 5555+
ต่อไปนั่ง Jeep ลุยลงมาตีนเขาจะเจอ Whipering Sand
เป็นฝุ่นทรายเขม่าดำๆเกิดจากการที่ภูเขาไฟโบรโม่ระเบิด
เลยมีเนินอยู่มากมาย Jeep ก็จะขึ้นไปจอดบนเนินนั่นแหล่ะ
เพื่อให้พวกเราถ่ายรูป chic chic กับรถ Jeep กัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Savanna ไม่ได้ไป สงสัยเดือนนี้หญ้าไม่โต 5555+
ไปต่อจ้า คราวนี้จะเดินขึ้นไปปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ณ จุดนี้เริ่มร้อนละ อยากถอดบางชิ้นออก แต่ก็กลัวฝุ่น เพราะเราต้องใส่ชุดนี้ไป Ijen อีก
เนื่องจากประเมิณความหนาวมาน้อยไป เอาชุดมาไม่พอ ไกด์บอกหนาวกว่าโบรโม่อีก x2 เท่า
โจทย์เสื้อผ้าที่นี่ยากมาก ตอนมารอดูพระอาทิตย์ขึ้นยังมืดคือหนาวมาก
พอพระอาทิตย์ขึ้นเริ่มร้อน แนะนำต้องใส่แบบข้างในบางๆหลายตัว
ข้างนอกใส่แจ๊กเกต/เสื้อกันหนาวตัวนึง แล้วพอเริ่มร้อนก็ค่อยๆถอดออกทีละชิ้นเอาค่ะ
ที่เห็นใส่แจ๊กเกตยีนส์นี่ข้างในมีแค่บางๆ2ตัว แขนสั้นตัว แขนยาวตัว
คือจริงๆที่ใส่มานี่หนาวเอาไม่อยู่นะ หนีไปนั่งผิงเตาไฟกินของร้อนๆหลายอย่างเกือบชั่วโมง
พอฟ้ากำลังจะเริ่มสว่างค่อยเดินขึ้นมา แฟนถึกค่ะ ยืนจองที่ถ่ายรูปอยู่คนเดียว 5555+
มีม้าวิ่งตามรถ พอถามราคา ดูสภาพม้าดีแล้วก็เลยขึ้น
ค่าม้า 125.000IDR ส่งถึงแค่ตีนเขานะ ถ้าจะขึ้นไปถึงข้างบนเค้าบอกแล้วแต่จะให้เพิ่ม
แต่พวกเราลงที่ตีนเขาพอ จะได้เดินถ่ายรูปด้วย เดินขึ้นไปอีก 2kg แต่ลื่นและชันมาก แทบคลานขึ้นไป
ควรมีผ้าปิดปาก หมวก แว่น แค่ยิ้มหรือพูดคุยกันก็ฝุ่นเข้าปาก มีม้าขึ้นลงสวนเราตลอด ฝุ่นตลบอบอวลเชียว
ถ้าเราขึ้นม้ามา เค้าจะส่งเราลงตรงนี้ จุดจอดม้า
ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีก ดูไกลๆเหมือนนิดเดียว พอขึ้นจริงก็เหนื่อยเหมือนกันนะ อากาศเบาบาง
ก่อนขึ้นบันไดมีคนขายดอกไม้ เค้าเอาไปโยนลงปล่องกันนะ แต่ไม่แน่ใจในความหมาย ถ้าใครรู้บอกทีนะคะ
*อัพเดท* เค้าให้โยนเพื่ออธิษฐาน ขอพรกับพระเจ้า ถ้าคนท้องถิ่นเค้าจะมาขอพรให้พืชไร่สมบูรณ์ เพราะดินภูเขาไฟดี แร่ธาตุเยอะ
ถ่ายโหมด Slow Motion ก็เก๋ดีนะ
Tip : แกะหนังยางที่รัดดอกไม้ออกทั้งหมดเพื่อความกระจายตัวสวยงามตอนโยนไป
ทำ Backward ก็ฮาดีค่ะ
ขึ้นไปจะเห็นวิวแบบนี้ นี่เดินมาแบบไม่เหลียวหลัง เพิ่งรู้ว่าเดินขึ้นมาสูงแบบนี้
ปากปล่องมีรั้วสูงแค่ครึ่งน่อง โปรดระวัง บางจุดชำรุดมีรูสามารถล่วงตกไปได้
ตอนนั่งไม่เห็นเสียว เพราะไม่มองลงไป แต่ทำไมพอมาดูรูปแล้วกลัวตัวเองตกลงไปจัง >,<
เพื่อนบอกอยู่นานๆแล้วก็รู้สึกขาสั่นอยู่เหมือนกัน หวิวๆ 5555+
แถมภาพจากโดรน ปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่ค่ะ
มุมด้านซ้ายคือทางเดินที่เราเดินขึ้นมา
ส่วนที่มีรั้วกั้นจะมีแค่ช่วงแถวๆบันไดทางขึ้นเท่านั้น นอกนั้นไม่มีรั้วนะจ๊ะ
[CR] :+: ตามล่าทางช้างเผือก Bromo, Kawah Ijen, Bali 7วัน 6คืน ต้องถึกมากถึงรอด ถ้าชอบสบายอย่าไป :+:
แต่อยากเป็นข้อมูลให้เพื่อนๆที่กำลังจะเดินทางไป
จะได้ไม่งง เพราะก่อนคอนเฟิมทริปนี่ต้องเสาะหาข้อมูลเยอะมาก
ทริปนี้ไปช่วงสงกรานต์ 10 - 16 เมษายน 2561
โบรโม่ อิเจี้ยน แล้วไปต่อบาหลี
ตลอดทั้งเดือนเมษานี้มีคนไทยไปเที่ยวที่นี่เยอะมาก
อ่อ ทริป Bromo-Ijen เราไปกับ Danny Team (บาหลีไปกับอีกเจ้านึง)
ติดต่อ คุยราคากันเองนะ ราคาจะต่างกันตามทริป จำนวนคนและรถ
คือเราไปจริงและรู้สึกถึงความ Professional ในการวางแผน
และรู้สึกดีกับ Service ของทุกคนในทีมเค้าก็เลยอยากให้เครดิตเค้า
Danny เองถึงไม่ได้ไปกับกรุ๊ปเรา แต่เค้าคอย contact มาหาตลอดว่าทุกอย่างโอเคไหม staffs ดูแลดีไหม
FB : Danny van granger
Line : Danny_van_granger
Email : go.dhanny@gmail.com
การเตรียมตัวก่อนไป
ทริปนี้เราไป 2คู่ คู่เรา คู่เพื่อน ทั้งหมด 4คน ญ2 ช2
มีกระเป๋าใหญ่ 2ใบ กระเป๋าเล็กขึ้นเครื่อง 2ใบ
- ซื้อนน.ไป 2ใบๆละ 20kg คือปริ่มมากตั้งแต่ขาไป ถ้าใครไปทริปแบบเราขอแนะนำซัก 25-30kg
- แลกเงินที่ Grand Super Rich ที่ราชดำริซอย 2 ตรงข้าม Central World
ควรรีบแลกเนิ่นๆ นี่อีก2วันจะเดินทางค่อยไป Super Rich แต่เค้าไม่มีเงินให้แลกเลย เครียด
Rate 1000IDR = 2.31B. ( วิธีคิด 1แสนIDR x 0.00231 = 231B. )
แลกมา 16ล้านIDR/2persons นี่เหลือเยอะแยะเลย ( รวมใช้ที่บาหลีด้วย )
- ยาดม
- ผ้าเช็ดตัว (แนะนำควรนำไปเอง แต่ขอที่พักก็ได้)
- ไดร์เป่าผม (ไม่ต้องเอามา เดี๋ยวเล่าว่าทำไม)
- ปลั๊กพ่วง
- หัวแปลงปลั๊ก (แบบกลม)
- เสื้อกันหนาว (อากาศ 10 กว่าองศาแต่ลมแรงมากเลยหนาว)
สิ่งที่ควรรู้ก่อนไป
- เวลาที่นี่เท่ากันกับไทย
- ห้องน้ำทุกที่เสียค่าเข้า 2000IDR
- คนที่นี่สูบบุหรี่หนักมาก ทุกที่จริงๆ
- ร้านอาหารไม่มีรูปหรือภาษาอังกฤษ
- เมนูที่นี่ส่วนมากเป็น Ayam /อา-ยัม/ = ไก่
- ข้าวสวยที่นี่แข็งไม่อร่อย แนะนำทาน Nasi Goreng /นาซี-โกเร็ง/ = ข้าวผัด แทน
- เมนูแนะนำ เราสั่งทุกร้านเลย
Ayam Kampung /อันนี้ลืมวิธีอ่าน/
La La Pan /ลา-ลา-ปัน/
การเดินทางอันยากลำบากเริ่มต้นตั้งแต่นั่งเครื่องบินไป ต้องไปต่อเครื่อง บินข้ามคืนจะไปถึงแต่เช้า
ถ้าอยากมีเวลาเที่ยวเยอะๆ ให้ไปถึงสนามบินสุบารายาก่อน 9am หรือยิ่งเช้ายิ่งดี
เพราะแต่ละที่เดินทางไกลมากกกกกกกกกก
วันที่ 10 เมษา นั่ง Air Asia Indonesia เครื่องออก 20:55 ถึง Jakarta 00:25
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันที่ 11 เมษา นั่ง Batik Air จาก Jakarta 4:30 ไป Subaraya 6:00
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มีคนขับรถ(ช)และไกด์/ล่าม(ญ)มารับเราที่สนามบินสุบารายา
พาไปซื้อ Sim มือถือ 65.000IDR 7Days 11GB
และแวะทานข้าวก่อนไปน้ำตก Madakaripura Waterfall
ออกจากสนามบิน ~7am ถึงที่จอดรถน้ำตก ~11am (4Hrs)
อย่าหวังจะได้นอน หยิบยาดมมาใช้เลย เพราะทางแย่มาก กลิ้งไปกลิ้งมาในรถ
ทางทั้งแคบและมีหลุมใหญ่ๆตลอดทางซ้ายขวา พอเข้าป่าแล้วจะไม่มีสัญญาณโทร
พอถึงที่จอดรถแล้วเราต้องแว๊นมอไซค์เข้าไปอีก คนละคัน (เราไม่ต้องจ่าย รวมในทัวร์แล้ว)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มอไซค์จะส่งที่ทางเข้านี้ และมีไกด์ท้องถิ่นของ Danny Team อีกคนมารับช่วงต่อ
ยังไม่ถึงจ้า เค้าก็พาเดินป่าต่อไปอีก 2kg ค่อยๆเดินระวังตกเขานะ บางจุดมีรั้วกั้น บางจุดไม่มี
กลางทางจะเจอรูปปั้น ไกด์บอกว่านี่คือเทพเจ้าผู้ปกป้องสถานที่แห่งนี้
พอเดินไปเรื่อยๆอีก จะเจอสะพาน นั่นแหล่ะทางเข้าน้ำตก ก็เริ่มใส่เสื้อกันฝนตรงนี้กัน เพราะจะเปียกละ
พวกเราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานพอสมควร ~2Hrs ได้เพราะไม่รีบ
ไกด์เค้ารู้มุม รู้งาน คอยเดินถ่ายรูป วีดีโอให้ ชี้จุด บอกท่า(แต่ส่วนมากคิดท่าเอง) ถ่ายพาโนรามาแนวสูงให้สวยมาก
ที่นี่กระแสน้ำแรง ต้องค่อยๆเดิน ระวังลื่น รองเท้าอาจลอยไปได้อย่างรวดเร็ว
และต้องเดินฝ่าน้ำตกที่ตกใส่หัวเข้าไป ปีนป่ายโขดหิน ถึงจะได้เจอจุดสวยๆและความอลังกาล
จุดนี้ปีนยาก ถ้าปีนตามมาได้ เดี๋ยวจะเจอมุมแบบในรูปนี้
ขากลับเดี๋ยวมีมอไซค์มารับกลับไปที่ลานจอดรถที่เดิม
จากน้ำตกถึง Cemoro Lawang ซึ่งเป็นที่พักเรา ~1Hr. ถึงที่พัก ~15:30 อากาศเริ่มเย็นๆ
เข้าที่พัก Yag Homestay อย่าคาดหวังความสะอาด เพราะคือนี่อยู่บนเขา
มีน้ำร้อนให้ใช้ก็บุญแล้ว ก็รีบอาบน้ำสระผม พอเป่าผมไปได้นิดนึง เห้ยไฟดับ!!!
ก็เลยทำดับหมดทั้งที่พักเลยจ้า คือเป็นคนผมยาวมาก เมื่อกี้ก็เปียกจากน้ำตกมา ก็ต้องสระผมดิ
ในห้องมีปลั๊กเดียว ถ้าไม่มีปลั๊กพ่วงคือมือถือ x2 powerbank x2 โดรน กล้องไม่ต้องชาร์ตกันพอดี สำคัญมากต้องพกไปเอง!!
นัดล่ามไว้ 17:00 กินข้าวเย็น แล้วจะได้นอนพักเก็บแรงไว้คืนนี้แล้ว
ความสะอาดของภาชนะไม่ต้องพูดถึง กินๆไปเถอะ ได้รับฝุ่นบ้าง เชื้อโรคบ้าง สร้างภูมิต้านทานไว้
ร้านอยู่ตรงข้ามที่พัก ใครกินอาหารเค้าไม่ได้ให้พกมาม่าจากไทยไปนะ มีเมนูไข่เจียว ไข่ดาว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เข้าห้องเก็บของ แพ๊กกระเป๋าเตรียมไว้ กว่าจะได้นอนปาไปสองสามทุ่มแหน่ะ
คืนนี้เรามีโอกาสได้เจอ Danny เค้ามาทักทาย Welcome
เพราะเค้าก็วนเวียนคอยคุมคนในทีมอยู่แถวๆนี้ โบรโม่ อิเจี้ยน สุบารายาเนี่ยแหล่ะ
บอกตามตรงไม่ได้คาดหวังจะเจอ แต่เจอก็ดี เวลามีปัญหาอะไร Feedback ง่ายหน่อย 5555+
12 April 2018
ไกด์นัดเจอกัน 2am แต่กว่า Jeep จะมาเกือบ 3am คนขับคนละคนกัน
เราจะขึ้นไปจุดชมวิวชื่อ Penanjakan View Point เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น + Bromo
และที่นี่เรามองขึ้นไปบนฟ้าเห็น Milky Way (ทางช้างเผือก) ด้วย ฟินเวอร์
ที่นี่ลมพัดแรง อากาศหนาวเหน็บ ที่ควรมีคือถุงมือ
ใกล้ๆมีร้านของกิน ขายของร้อนและมีที่นั่งผิงไฟเป็นสิบๆร้าน
พอพระอาทิตย์เริ่มขึ้น ก็จะได้วิวแบบนี้
พอหันไปทางซ้ายของโบรโม่ นี่คือจุดที่นักถ่ายภาพทุกคนอยากได้
ด้านซ้ายคือหมู่บ้านที่เราพัก หมอกด้านขวาก็ตีนเขาโบรโม่ไง
ป.ล. แฟนเป็นคนเล่นกล้อง ชอบถ่ายภาพวิวเป็นที่สุด ทั้งหมดนี่แฟนถ่ายเอง และที่นี่โดรนขึ้นบินได้นะคะ
ลงจากจุดชมวิวประมาณ 7:30 แต่ไกด์เราบอกให้ลงตั้งแต่ 7am
แต่เราไม่ยอมลงเพราะยังไม่ได้รูปหมู่เลย 5555+
ต่อไปนั่ง Jeep ลุยลงมาตีนเขาจะเจอ Whipering Sand
เป็นฝุ่นทรายเขม่าดำๆเกิดจากการที่ภูเขาไฟโบรโม่ระเบิด
เลยมีเนินอยู่มากมาย Jeep ก็จะขึ้นไปจอดบนเนินนั่นแหล่ะ
เพื่อให้พวกเราถ่ายรูป chic chic กับรถ Jeep กัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ไปต่อจ้า คราวนี้จะเดินขึ้นไปปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มีม้าวิ่งตามรถ พอถามราคา ดูสภาพม้าดีแล้วก็เลยขึ้น
ค่าม้า 125.000IDR ส่งถึงแค่ตีนเขานะ ถ้าจะขึ้นไปถึงข้างบนเค้าบอกแล้วแต่จะให้เพิ่ม
แต่พวกเราลงที่ตีนเขาพอ จะได้เดินถ่ายรูปด้วย เดินขึ้นไปอีก 2kg แต่ลื่นและชันมาก แทบคลานขึ้นไป
ควรมีผ้าปิดปาก หมวก แว่น แค่ยิ้มหรือพูดคุยกันก็ฝุ่นเข้าปาก มีม้าขึ้นลงสวนเราตลอด ฝุ่นตลบอบอวลเชียว
ถ้าเราขึ้นม้ามา เค้าจะส่งเราลงตรงนี้ จุดจอดม้า
ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีก ดูไกลๆเหมือนนิดเดียว พอขึ้นจริงก็เหนื่อยเหมือนกันนะ อากาศเบาบาง
ก่อนขึ้นบันไดมีคนขายดอกไม้ เค้าเอาไปโยนลงปล่องกันนะ แต่ไม่แน่ใจในความหมาย ถ้าใครรู้บอกทีนะคะ
*อัพเดท* เค้าให้โยนเพื่ออธิษฐาน ขอพรกับพระเจ้า ถ้าคนท้องถิ่นเค้าจะมาขอพรให้พืชไร่สมบูรณ์ เพราะดินภูเขาไฟดี แร่ธาตุเยอะ
ถ่ายโหมด Slow Motion ก็เก๋ดีนะ
ทำ Backward ก็ฮาดีค่ะ
ขึ้นไปจะเห็นวิวแบบนี้ นี่เดินมาแบบไม่เหลียวหลัง เพิ่งรู้ว่าเดินขึ้นมาสูงแบบนี้
ปากปล่องมีรั้วสูงแค่ครึ่งน่อง โปรดระวัง บางจุดชำรุดมีรูสามารถล่วงตกไปได้
ตอนนั่งไม่เห็นเสียว เพราะไม่มองลงไป แต่ทำไมพอมาดูรูปแล้วกลัวตัวเองตกลงไปจัง >,<
เพื่อนบอกอยู่นานๆแล้วก็รู้สึกขาสั่นอยู่เหมือนกัน หวิวๆ 5555+
แถมภาพจากโดรน ปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่ค่ะ
มุมด้านซ้ายคือทางเดินที่เราเดินขึ้นมา
ส่วนที่มีรั้วกั้นจะมีแค่ช่วงแถวๆบันไดทางขึ้นเท่านั้น นอกนั้นไม่มีรั้วนะจ๊ะ