ช่วงนี้ก็จบไปแล้วกับการเข้าค่ายของนักศึกษาวิชาทหาร ที่ไปเข้าค่ายที่เขาชนไก่ ก็อยากจะแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง
เพราะได้พบเจอมากับตัวจริง ก็เผื่อว่าจะมีผู้พบเจอเหตุการนี้แบบผมบ้างก็มาแชร์ๆกันหน่อย
ผมชื่อ แมว ก็เป็น นศท ชั้นปีที่ 5 ได้ไปเข้าค่ายที่เขาชนไก่ในผลัดที่ 1 (ประเดิมสถานที่กันเลยทีเดียว)
ซึ่งได้เข้าไปในค่ายเขาชนไก่ทั้งหมด 7 วัน 6 คืน วันไปไม่นับ วันกลับไม่คิด ก็เหลือ 5 วัน 6 คืน
โดยที่ไปวันแรกเลยครับ คลุกฝุ่นตั้งแต่แท้าแตะ พื้นเขาชนไก่ "หมอบบ!!" เสียงครูฝึกตะโกนมาตั้งแต่ไกลทางด้านหน้าในระยะ 50 เมตร
ก็ทักทายตามประสา ครูฝึก กับ นศท ตามสไตร์ที่เรารู้ๆกันอยู่ // เละสิครับจะรออะไร ชุด รด จากสีเขียวแทบจะเป็นสีน้ำตาล กันทั้งตัว
ทางครูฝึกก็ได้อธิบายกฏการอยู่ร่วมกันต่างๆภายในค่าย ว่าตรงใหนห้ามทำอะไร อะไรก็ว่ากันไป และได้จัดกองร้อยและหมวด (ผมอยู่กองร้อยที่ 1 หมวด 3) แล้วก็พาไปจับจองเต้นและจับคู่ Buddy นอนกัน แล้วหลังจากนั้นก็แยกย้ายกันฝึก ตามตารางที่ครูฝึกเค้าได้ชี้แจงไว้ พอตกดึง ก็ได้มีการจัดกิจกรรม จิตสีขาว นั่งสมาธิ เดินจงกรม สวดมนต์ไหว้พระไปเรื่อยๆ อันนี้ก็เป็นเรื่องปกติ ของการมาเข้าป่าในคืนแรกของการมาค่าย พอจบกิจกรรมก็ประมาน 3 ทุ่มครึ่งครูฝึกก็ชี้แจงการนัดแนะต่างๆของในวันพรุ่งนี้ แล้วก็ปล่อยให้อาบน้ำ และแยกย้ายเข้านอนกันในเวลา 4 ทุ่ม
วันนี้ก็ปกติ นอนหลับสบายไม่มีอะไรเพราะ ฝนไม่ได้ตกแบบเมื่อปีที่แล้ว
*
วันที่สอง* ตื่นตี4ครึ่ง เพื่อเตรียมตัว รับภารกิจในการฝึกของวันนี้
ตี5 ครูฝึกเป่านกหวีดเรียกรวม เพื่อที่จะกินข้าวเช้า หลังจากนั้นก็นัดแนะการฝึกของวันนี้ ว่ามีอะไรบ้างในช่วงเช้า และช่วงบ่าย ครูฝึกจึงได้พาไปฝึกตามปกในช่วงเช้า กลับมา กินข้าวเที่ยงตอนประมาน 11 โมงครึ่ง แล้วเรียกรวมตอน เที่ยงครึ่ง แล้วทำการฝึกในช่วงบ่ายต่อ ตกเย็นกลับมาประมาน 5 โมงเตรียมกินข้าวเย็น แล้วก็ทำกิจกรรม เรียนรู้ศึกษาช่วงดึกเกี่ยวกับทหาร ราบเป็น Power Point และ คลิป VDO หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เข้านอน
(เรื่องสุดแปลก ก็เริ่มจากวันนี้นี่แหละ แต่ในตอนแรกที่อยู่ค่ายผมก็ไม่ได้สงสัยอะไรหรอก)
ช่วงประมานตอนเที่ยงคืน ผมก็ได้ยินเสียงคนคุยกันเรื่องทั่วๆไป ในตอนแรกผมก็คิดว่าเป้นเสียงของเต้นข้างๆผม ที่กำลังคุยๆเล่นๆกับแฟนผ่าน Facebook อะไรก็ว่าไป หรือคุยกับเพื่อน Buddy เรื่องการฝึกในวันนี้เป็นไงมั่ง กว่าจะเข้านอนก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน แต่ก่อนที่ผมจะผลอยหลับไป ผมก็ได้ยินเสียงคำพูดนี้ลอยเข้ามา ...... กระมั้ง...... (ในสมัยนี้ใครมันจะยังพูดแบบนี้กันอยู่อีก?)
*
วันที่สาม* ขอข้ามวันนี้ไปก็แล้วกันเพราะ การดำเนินรายวัน คล้ายๆกัน แค่สลับ กองร้อยที่ 1 กับ 2 ทำภารกิจเฉยๆ
แต่ตกดึกนั้นไม่ใช่ หลังจากฟังปราศรัยของ ผบ กองพันที่ 51 เสร็จปับ ครูฝึกก็ได้นัดแนะต่างๆเรื่องเวรยามอะไรก็ว่ากันไปเหมือนเช่นเคย แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือเวลาตอนนอนนี่แหละ เวลาเดิมเที่ยงคืนกว่าๆ ได้ยินเสียงคนคุยกันเหมือนเดิม แต่คราวนี้ไม่ใช่เต้นข้างๆแน่ๆ เพราะ มันนอนกรนกันไปหมดแล้ว เนื่องจาก การฝึกในช่วงช่วงเช้าที่ผ่านมา มันเป็นคำพูดของสมัยก่อนที่ ตั้งวงคุยกันยามดึกของทหารเฝ้าเวรยามกัน ผมก็สงสัยว่า น่าจะเพราะหูแว่วละมั้ง และก็เหนิ่อยเพลียกับการฝึกด้วยแหละผมก็เลยไม่สนใจ จนได้ยินคำว่า ..... กระมั้ง .... (อีกแล้ว) ผมนี่ตาโตพรวดค่อยๆแง้มเต้นดู ก็ไม่มีอะไร ก็มีพวก นศท บางส่วนที่ไม่หลับไม่นอน เดินไปแปลงฟันก่อนนอน ผมก็คิดในใจ คงหูแว่วไปจริงๆน่ะแหละ คืนนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี
*
วันที่สี่* ตื่นเช้ามาเวลาเดิม ตี4ครึ่ง จัดการอาบน้ำ แปลงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมรอเรียกรวม
ตี 5 ครูฝึกเป่านกหวีดเรียกรวม "ปรี๊ดดดด" เสียงเอี๊ยะ ดังสนั่นกองพัน เพราะวันนี้ได้มีการจัด กองร้อยใหม่ เพื่อที่เตรียมการฝึก และเข้าป่าในคืนถัดไป
โดยผมได้อยู่ กองร้อย อินทรีย์ หมวดที่ 1 แล้วครูฝึกก็ได้ปล่อยไปกินข้าวเช้า และกลับมารวมเพื่อฟังคำชี้แจงการฝึกในวันนี้หลังจากนั้น ก็แยกย้ายกันฝึก 3 ฐานให้เรียนรู้ต่างๆ เพื่อรับมิอกับสถานการที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้คือตั้งรับและเข้าตีในป่า กลับมาตกดึก ทำกิจกรรมยามดึกต่อคือ เรียนร็และทบทวนบทเรียนด้วย PowerPoint และคลิป VDO แล้วจึงปล่อยเข้านอน ซึ่งวันนี้เงียบมาก จนแบบแทบไมไ่ด้ยินเสียงการคุยอะไรกันเลยแม้แต่นิดเดียว
คืนนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี(แต่เป็นสัญญาณบอกบางอย่างโดยที่ผมไม่รู้สึกตัว)
*
วันที่ห้า* ตื่นเช้าตี 4 อาบน้ำแปลงฟัน เพราะครูเรียกรวมในตอน ตี 4 ครึ่ง ให้กินข่าวเช้าเพื่อเตรียมพร้อมก่อนที่จะเดินทางไกลในเวลา 6 โมงเช้า
ผมก็ได้เดินตามขบวรจนถึงที่หมาย กองร้อยอินทรีย์ได้รับภารกิจคือ ทำฐานที่มั่น(ตั้งรับ) กับข้าศึกหรือ คอยระวังให้กับ กองร้อย เสือดำ และ เสือดาว กลับมาจากการเข้าตี ขุดหลุม ทำหลุมพรางหลุมกันมันมาก ใครโชคดีหน่อยขุดไปเจอรังมด ก็ Surprice ซักนิดคันยุบยิบไป
จนต้องไปขออยู่หลุ่มที่เพื่อนทำชั่วคราว อยู่แต่ในหลุมกันตั้งแต่ เที่ยง โมงยัน 5 โมงเย็น (มีศัตรูให้เห็นอยู่ประปรายมาทุกครั้ง ศัตรูก็หนีไปได้ทุกครั้งพร้อมเงินในกระเป๋าตังผมบางส่วน)
พอถึงเวลาก็ถอยทัพกลับไปประมาน 2-3 กิโล ซึ่งระหว่างนั้น ครูบอกให้เตรียมไม้แห้ง ที่เจอระหว่างทางเพื่อนำไปเป็นฟืนในยามค่ำคืนนี้ หมูผมจึงเห็นพ้องต้องใจกันว่า ในเมื่อหาฟืนใช้ในตอนกลางคืน เราก็จำเป็นต้างหาฟืนที่ใช้ได้นานที่สุด พวกผมก็เหลือบไปเห็นต้นไม้ข้างทาง ต้นนึงซึ่งมันตายแล้ว พวกผมก็เลยรู้ใจกันโดยไม่ได้นัดหมาย เดินเข้าไป โค้นต้นไม้ต้นนั้นมาทำเป็นฟืนซะเลย ก็ใช้คนประมาน 12 คนในการขนต้นนั้นทั้งต้นไปยังฐานที่มั่นในการพักแรมคืนนี้ เมื่อถึงที่หมาย ครูฝึกก็ให้ตั้งวงกลมวงใหญ่ ในการสร้างฐานที่มั่น แนะนำจุดว่าต้องตั้กองไฟตรงใหน แล้วนอนกันตรงใหน เมื่อได้ที่ ก็ทำการ ถางพื้นที่ ตอต้นอ่อนต้นหญ้าต่างๆขุดออกมาเพื่อทำเป็นเชื่อเพลิงเบื้องต้น ในการจุดไฟ พอถึงเวลา 2 ทุ่ม ครูฝึกเปิดโทรโข่งบอก ให้นักศึกษา สวดมนต์เพื่อขอเจ้าป่าเจ้าเขาในการใช้พื้นที่หลับนอน ผมก็ทำตามเค้าทุกอย่างต่อมาครูฝึก ก่อนจากลาเข้านอน ให้ทุกคน จัดเวรยามการเฝ้าแค้มไฟไว้ อย่าให้ไดับ แค่นี้ครูก็ปล่อยให้เราเข้านอน เป็นอันจบเรื่องราวประสบการณของชีวิตวัยรุ่นของ นศท คนนึงทีไ่ด้เข้ามาค่ายป่าในปี 5
หลังจากนี้คือ ประสบการณ์สุดหลอน(?) ที่ผมได้พบเจอมาในคืนที่ 5 ของเข้าค่ายเขาชนไก่
หลังจากครูฝึกปล่อยให้เราจัดการเรื่องเวรยามอะไรก็ว่ากันไป 3ทุ่มครึ่ง ครูฝึกเป่านกหวีด "ปรี๊ดดดดด" เป็นสัญญาณที่ให้เราเข้านอน
จังหวะนี้ ใครที่ง่วงนอนก็ไปนอน ส่วนใครที่ยังไม่นอน หรือยังไม่ง่วงก็นั่งคุยกันที่ กองไฟ เพราะ อากาศเริ่มหนาว (บรรยากาศในป่า) พวกเพื่อนๆน้องๆ ที่อยู่ในหมู่ผมและหมู่ข้างเคียง ก็มาอาศัย กองฟืนของหมู่ของผมเพราะ กองของพวกนั้น มันดับไปแล้ว ไม่มีเชื่อไฟให้ไฟฟติดแล้ว จึงอพยบ มากันหมด และก็มีบางส่วนที่เข้าไปนอนทันที
ตอนนี้ เวลาประมาน 5ทุ่มกว่าๆ อุณภูมิ 12 องศา ความชื้น 50% ก็ได้มีบางส่วนง่วงนอน กลับไปนอนในพื้นที่ของตัวเอง บางส่วนก็หลับคาแค้มไฟไปแล้ว ส่วนผมก็ยังตาโตอยู่ เพราะไม่คุ้นกับพื้นที่ เลยนอนหลับยากนิสนึง เลยมานั่งเฝ้ากองไฟให้พวกมันตลอดทั้งคืน(ก็คนมันไม่ง่วงอะนะ อีกอย่างหนาวโคตร) เวลาผ่านไประยะหนึง เวลา เที่ยงคืนครึ่ง อุณหภูมิ 8 องศา ความชื่น 70% คนบางส่วนก็หลับคากองไฟ บางส่วนก็กลับไปนอนที่ผ้าปูโรงนอน ส่วนผม ก็โคตรหนาวเลยผมก็เลย ใหนๆผมก็เฝ้ากองไฟทั้งคืนละ ผมก็เลยเอาผ้าปูโรงนอนของผม มาไว้ข้างๆกองไฟซะเลย เผื่อผมเผลอหลับไป ก็จะได้ไม่หน้าจูบดิน แล้วก็ค่อยๆใส่ฟืนไปเรื่อยๆ เพราะ ความรู้สึกในตอนนั้นคือ ทั้งหนาวเปียก และก็ร้อนมาก (อากาศหนาว หลังเปียกเพราะความชื้น ด้านหน้าร้อนเพราะกองไฟ ไม่มีความพอดีเอาซะเลย ฮ่าฮ่า) แล้วผมก็ผลอยหลับไป
ผมรู้สึกตัวอีกที ตอนนี้เวลาตี2 ตรง เห็นไฟในกองเหลือแค่แสงแดงๆและขี้เถ้าที่กองไฟเตรียมกำลังมอด ส่วนคนอื่นนอนตาย(?) ไปพร้อมกับความหนาวเรียบร้อยร้อมรอบกองไฟ ผมจึงต้องออกไปหาฟืนเพราะว่า ไอฟืนที่เก็บมาในตอนช่วงเช้าได้หมดลงไปแล้ว มีไอบ้าตัวใหนก็ไม่รู้ เอาไม้ไปเผาเล่นจนหมดสต้อคเลย ผมเลยจึงต้องเดินออกไปทางข้างๆฐานเพื่อที่จะหาฟืน แต่ไม่พบเลยแม้แต่นิดเดียว เนื่องจาก รอบๆฐาน ไอหมู่อื่นมันเก็บไปหมดแล้ว ผมเลยจึงต้องเดินให้ลึกเข้าไปอีก พร้อมไฟฉายคู่ใจ 1 กระบอก ผมเดินตรงเข้าไปเรื่อยๆซึ่งเหมือนจะไม่รู้ทิศทาง (เพราะ ถ้าเดินทางตรง มันจะกลับได้ง่ายกว่า ในการหันหลังกลับ ก็เดินตรงเหมือนเดิม)
ผมเดินเข้าไปเรื่อยๆเพื่อที่จะหาไม้มาเพื่อที่จะประทังความอุนเพราะ โคตรมหาหนาวเลย มือก็สั่น หลังก็เปียกแฉะยัน กกน. เพราะ ความชื้น 80%
แล้วผมก็ได้สังเกตุ เห็นเงาอะไรตะพุ่มๆอยู่บนยอดต้นไม้ ดังรูปใน Spoil (ภาพกากนิดนึง วาดรูปไม่ค่อยเป็น)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ https://www.picz.in.th/image/YR1FjE
ซึ่งในจังหวะนั่น ผมกรู้ว่ามันคือป่า มันอาจจะเป็นสัตว์ร้าย หรืออะไรก็ได้ ถ้ามันเห็นผม ผมเลยจำเป็นที่จะต้อง สาดไฟฉายไป ... ไม่มีอะไร เป็นท้องฟ้าโล่งๆผมก็คิดในใจว่า เฮ้ย ตาฝาดหรอวะ ผมก็เลย ลดไฟฉายลง แต่ปรากฏว่า เงานั้นก็กลับมาอยู่บนยอดเช่นเดิม และเป๋นยอดเดิมที่ผมพึ่งสาดไฟฉายไป
ผมก็นึกในใจละ "ชิหายละ โดนเล่นแล้วไง" แต่ผมก็พยายาม ทำเป็นมองไม่เห็นเพราะว่าจะได้ไม่เกิดอะไรขึ้น แต่หารู้ไม่ *นั่นเป็นการทักแล้วว่า เราได้เห็นเค้านั่นเอง*
ผมจึงต้องเดินต่อไปทำเป็นไม่เห็น เพื่อที่จะหาฟืนในการจุดกองไฟที่กำลังจะไกล้มอดนั่นกลับมาลุกใหม่ซะ
เวลาผ่าไปจิ๊ดนึง ผมเดินมาไกลเท่าไร่ไม่รู้ ในใจผมคิดได้แค่ว่าต้องหาฟืน สภาพคนเหมือนเดินในป่าหิมะ ทั้งหนาว ทั้งสั่น จนผมต้องหยุดเดิน เพราะผมเห็นอะไรแปลกๆตรงข้างหน้าผมในระยะทาง 25 เมตรข้างหน้ามีต้นไม้ต้นเดียวโตกลางลานกว้าง ต้นไม้มันก็สูงมาก แล้วสิ่งที่ผิดสังเกตุที่สุดก็คือ มีหินรูปทรงกรวย ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ ดังรูปใน Spoil (ย้ำ วาดภาพไม่สวย)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ https://www.picz.in.th/image/YR1y9v
ผมก็รู้กสึกว่า มันไม่ดีละ ไม่ควรจะเดินตรงไปต่อแน่นอน ผมจึงได้ ออกขวา เพื่อเลี่ยงในการเดินไปในระแวกนั้น เพราะรู้ได้เลยว่าถ้าเดินเข้าไปจะต้องเจอกับอะไร แต่ สิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น หลังจากที่ผมออกขวา เดินไปได้ 3-4 ก้าวปับ ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกระทบกับ พื้นเศษใบไม้ กับเศษกิ่งไม้ดัง "ซรุบบบ..... " ผมก็ตกใจว่าอะไรตกมาข้างหลังผมจึงได้หันหลังกลับไป ปรากฏว่า .... ไอก้อนหินทรงกรวยที่ผมเห็นใต้ต้นไม้ที่ีห่างออกไป ระยะ 25 เมตร กลับมาตั้งอยู่ข้างหน้าผม ในระยะ 2-3เมตร ความสูงของหินประมาน 1.5 เมตร ขนาด 1 คนโอบมีผ้ากระโจงสีแดงสดพันอยู่รอบๆตัวหิน ดังรูปใน Spoil (ย้ำ วาดไม่สวย)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ https://www.picz.in.th/image/YR1eyk
ผมช๊อคและผงะ ร้องในใจว่า "เxี้ยยยยยยยยยยยยย!!!" โดยที่อ้าปากค้าง ไปประมาน5-10 วิเพราะ สมองประมวนผลไม่ทัน ว่าควรจะทำอย่างไร พอได้สติกลับมาปุบ ผมได้ออกซ้าย วิ่งตรงปรู๊ดด กลับฐานโดยทันที ในระหว่างที่วิ่งอยู่นั้น ผมก็ได้ยิงเสียง ซรุบบ.... ซรุบบ.... ซรุบบ.... เป็นระยะๆจนกลับเข้าฐานที่มันได้สำเร็จ ผมกลับมานั่งที่กองไฟผมที่แดงๆใกล้มอด เอาไม้เขี่ยๆเพื่อให้สะกิดให้มีเชื่อไฟ ขึ้นมาพร้อมกับ ตาแดงก่ำ น้ำตาดรอเบ้า ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เพราะทั้งกลัว และหนาวในเวลาเดียวกัน เพื่อนๆน้องๆ ก็ตื่นขึ้น เพราะ อากาศหนาว แล้วก็เตรียมรวมผล
ผมไม่อยากจะเล่าให้ใครฟังในตอนที่ผมยังอยู่ที่เขาชนไก่อยู่ เพราะ ผมยังเหลือเวลาอีก 1 คืนที่ต้องนอนค้างที่ กองพัน 51 ไม่รู้จะเจออะไรเพิ่มอีกหรือป่าว ผมเลยต้องอุบปากเงียบแล้ว กลับมาที่ ผมก็ได้เล่าเรื่องนี้กับ เพื่อนและครอบครัวของผมฟัง แล้วถึงกับช็อคกันทุกคน
ผมก็เลยคิดว่า รอให้ผ่านช่วงฝึกค่าย เขาชนไก่ใน ปีนี้ไปให้หมดก่อน แล้วจึงค่อยตั้งกระทู้เรื่องราวนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะได้ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
ขอบคุณทุกคนที่ฟังเรื่องราวของผมมาจนถึงในจุดๆนี้ครับ
ปล. นั่งพิมพ์เรื่องราวไป ขนลุกไป น้ำตาคลอเบ้าไป
ประสบการณ์ รด.ปี5 และประสบการณ์สุดหลอน
เพราะได้พบเจอมากับตัวจริง ก็เผื่อว่าจะมีผู้พบเจอเหตุการนี้แบบผมบ้างก็มาแชร์ๆกันหน่อย
ผมชื่อ แมว ก็เป็น นศท ชั้นปีที่ 5 ได้ไปเข้าค่ายที่เขาชนไก่ในผลัดที่ 1 (ประเดิมสถานที่กันเลยทีเดียว)
ซึ่งได้เข้าไปในค่ายเขาชนไก่ทั้งหมด 7 วัน 6 คืน วันไปไม่นับ วันกลับไม่คิด ก็เหลือ 5 วัน 6 คืน
โดยที่ไปวันแรกเลยครับ คลุกฝุ่นตั้งแต่แท้าแตะ พื้นเขาชนไก่ "หมอบบ!!" เสียงครูฝึกตะโกนมาตั้งแต่ไกลทางด้านหน้าในระยะ 50 เมตร
ก็ทักทายตามประสา ครูฝึก กับ นศท ตามสไตร์ที่เรารู้ๆกันอยู่ // เละสิครับจะรออะไร ชุด รด จากสีเขียวแทบจะเป็นสีน้ำตาล กันทั้งตัว
ทางครูฝึกก็ได้อธิบายกฏการอยู่ร่วมกันต่างๆภายในค่าย ว่าตรงใหนห้ามทำอะไร อะไรก็ว่ากันไป และได้จัดกองร้อยและหมวด (ผมอยู่กองร้อยที่ 1 หมวด 3) แล้วก็พาไปจับจองเต้นและจับคู่ Buddy นอนกัน แล้วหลังจากนั้นก็แยกย้ายกันฝึก ตามตารางที่ครูฝึกเค้าได้ชี้แจงไว้ พอตกดึง ก็ได้มีการจัดกิจกรรม จิตสีขาว นั่งสมาธิ เดินจงกรม สวดมนต์ไหว้พระไปเรื่อยๆ อันนี้ก็เป็นเรื่องปกติ ของการมาเข้าป่าในคืนแรกของการมาค่าย พอจบกิจกรรมก็ประมาน 3 ทุ่มครึ่งครูฝึกก็ชี้แจงการนัดแนะต่างๆของในวันพรุ่งนี้ แล้วก็ปล่อยให้อาบน้ำ และแยกย้ายเข้านอนกันในเวลา 4 ทุ่ม
วันนี้ก็ปกติ นอนหลับสบายไม่มีอะไรเพราะ ฝนไม่ได้ตกแบบเมื่อปีที่แล้ว
*วันที่สอง* ตื่นตี4ครึ่ง เพื่อเตรียมตัว รับภารกิจในการฝึกของวันนี้
ตี5 ครูฝึกเป่านกหวีดเรียกรวม เพื่อที่จะกินข้าวเช้า หลังจากนั้นก็นัดแนะการฝึกของวันนี้ ว่ามีอะไรบ้างในช่วงเช้า และช่วงบ่าย ครูฝึกจึงได้พาไปฝึกตามปกในช่วงเช้า กลับมา กินข้าวเที่ยงตอนประมาน 11 โมงครึ่ง แล้วเรียกรวมตอน เที่ยงครึ่ง แล้วทำการฝึกในช่วงบ่ายต่อ ตกเย็นกลับมาประมาน 5 โมงเตรียมกินข้าวเย็น แล้วก็ทำกิจกรรม เรียนรู้ศึกษาช่วงดึกเกี่ยวกับทหาร ราบเป็น Power Point และ คลิป VDO หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เข้านอน
(เรื่องสุดแปลก ก็เริ่มจากวันนี้นี่แหละ แต่ในตอนแรกที่อยู่ค่ายผมก็ไม่ได้สงสัยอะไรหรอก)
ช่วงประมานตอนเที่ยงคืน ผมก็ได้ยินเสียงคนคุยกันเรื่องทั่วๆไป ในตอนแรกผมก็คิดว่าเป้นเสียงของเต้นข้างๆผม ที่กำลังคุยๆเล่นๆกับแฟนผ่าน Facebook อะไรก็ว่าไป หรือคุยกับเพื่อน Buddy เรื่องการฝึกในวันนี้เป็นไงมั่ง กว่าจะเข้านอนก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน แต่ก่อนที่ผมจะผลอยหลับไป ผมก็ได้ยินเสียงคำพูดนี้ลอยเข้ามา ...... กระมั้ง...... (ในสมัยนี้ใครมันจะยังพูดแบบนี้กันอยู่อีก?)
*วันที่สาม* ขอข้ามวันนี้ไปก็แล้วกันเพราะ การดำเนินรายวัน คล้ายๆกัน แค่สลับ กองร้อยที่ 1 กับ 2 ทำภารกิจเฉยๆ
แต่ตกดึกนั้นไม่ใช่ หลังจากฟังปราศรัยของ ผบ กองพันที่ 51 เสร็จปับ ครูฝึกก็ได้นัดแนะต่างๆเรื่องเวรยามอะไรก็ว่ากันไปเหมือนเช่นเคย แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือเวลาตอนนอนนี่แหละ เวลาเดิมเที่ยงคืนกว่าๆ ได้ยินเสียงคนคุยกันเหมือนเดิม แต่คราวนี้ไม่ใช่เต้นข้างๆแน่ๆ เพราะ มันนอนกรนกันไปหมดแล้ว เนื่องจาก การฝึกในช่วงช่วงเช้าที่ผ่านมา มันเป็นคำพูดของสมัยก่อนที่ ตั้งวงคุยกันยามดึกของทหารเฝ้าเวรยามกัน ผมก็สงสัยว่า น่าจะเพราะหูแว่วละมั้ง และก็เหนิ่อยเพลียกับการฝึกด้วยแหละผมก็เลยไม่สนใจ จนได้ยินคำว่า ..... กระมั้ง .... (อีกแล้ว) ผมนี่ตาโตพรวดค่อยๆแง้มเต้นดู ก็ไม่มีอะไร ก็มีพวก นศท บางส่วนที่ไม่หลับไม่นอน เดินไปแปลงฟันก่อนนอน ผมก็คิดในใจ คงหูแว่วไปจริงๆน่ะแหละ คืนนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี
*วันที่สี่* ตื่นเช้ามาเวลาเดิม ตี4ครึ่ง จัดการอาบน้ำ แปลงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมรอเรียกรวม
ตี 5 ครูฝึกเป่านกหวีดเรียกรวม "ปรี๊ดดดด" เสียงเอี๊ยะ ดังสนั่นกองพัน เพราะวันนี้ได้มีการจัด กองร้อยใหม่ เพื่อที่เตรียมการฝึก และเข้าป่าในคืนถัดไป
โดยผมได้อยู่ กองร้อย อินทรีย์ หมวดที่ 1 แล้วครูฝึกก็ได้ปล่อยไปกินข้าวเช้า และกลับมารวมเพื่อฟังคำชี้แจงการฝึกในวันนี้หลังจากนั้น ก็แยกย้ายกันฝึก 3 ฐานให้เรียนรู้ต่างๆ เพื่อรับมิอกับสถานการที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้คือตั้งรับและเข้าตีในป่า กลับมาตกดึก ทำกิจกรรมยามดึกต่อคือ เรียนร็และทบทวนบทเรียนด้วย PowerPoint และคลิป VDO แล้วจึงปล่อยเข้านอน ซึ่งวันนี้เงียบมาก จนแบบแทบไมไ่ด้ยินเสียงการคุยอะไรกันเลยแม้แต่นิดเดียว
คืนนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี(แต่เป็นสัญญาณบอกบางอย่างโดยที่ผมไม่รู้สึกตัว)
*วันที่ห้า* ตื่นเช้าตี 4 อาบน้ำแปลงฟัน เพราะครูเรียกรวมในตอน ตี 4 ครึ่ง ให้กินข่าวเช้าเพื่อเตรียมพร้อมก่อนที่จะเดินทางไกลในเวลา 6 โมงเช้า
ผมก็ได้เดินตามขบวรจนถึงที่หมาย กองร้อยอินทรีย์ได้รับภารกิจคือ ทำฐานที่มั่น(ตั้งรับ) กับข้าศึกหรือ คอยระวังให้กับ กองร้อย เสือดำ และ เสือดาว กลับมาจากการเข้าตี ขุดหลุม ทำหลุมพรางหลุมกันมันมาก ใครโชคดีหน่อยขุดไปเจอรังมด ก็ Surprice ซักนิดคันยุบยิบไป
จนต้องไปขออยู่หลุ่มที่เพื่อนทำชั่วคราว อยู่แต่ในหลุมกันตั้งแต่ เที่ยง โมงยัน 5 โมงเย็น (มีศัตรูให้เห็นอยู่ประปรายมาทุกครั้ง ศัตรูก็หนีไปได้ทุกครั้งพร้อมเงินในกระเป๋าตังผมบางส่วน)
พอถึงเวลาก็ถอยทัพกลับไปประมาน 2-3 กิโล ซึ่งระหว่างนั้น ครูบอกให้เตรียมไม้แห้ง ที่เจอระหว่างทางเพื่อนำไปเป็นฟืนในยามค่ำคืนนี้ หมูผมจึงเห็นพ้องต้องใจกันว่า ในเมื่อหาฟืนใช้ในตอนกลางคืน เราก็จำเป็นต้างหาฟืนที่ใช้ได้นานที่สุด พวกผมก็เหลือบไปเห็นต้นไม้ข้างทาง ต้นนึงซึ่งมันตายแล้ว พวกผมก็เลยรู้ใจกันโดยไม่ได้นัดหมาย เดินเข้าไป โค้นต้นไม้ต้นนั้นมาทำเป็นฟืนซะเลย ก็ใช้คนประมาน 12 คนในการขนต้นนั้นทั้งต้นไปยังฐานที่มั่นในการพักแรมคืนนี้ เมื่อถึงที่หมาย ครูฝึกก็ให้ตั้งวงกลมวงใหญ่ ในการสร้างฐานที่มั่น แนะนำจุดว่าต้องตั้กองไฟตรงใหน แล้วนอนกันตรงใหน เมื่อได้ที่ ก็ทำการ ถางพื้นที่ ตอต้นอ่อนต้นหญ้าต่างๆขุดออกมาเพื่อทำเป็นเชื่อเพลิงเบื้องต้น ในการจุดไฟ พอถึงเวลา 2 ทุ่ม ครูฝึกเปิดโทรโข่งบอก ให้นักศึกษา สวดมนต์เพื่อขอเจ้าป่าเจ้าเขาในการใช้พื้นที่หลับนอน ผมก็ทำตามเค้าทุกอย่างต่อมาครูฝึก ก่อนจากลาเข้านอน ให้ทุกคน จัดเวรยามการเฝ้าแค้มไฟไว้ อย่าให้ไดับ แค่นี้ครูก็ปล่อยให้เราเข้านอน เป็นอันจบเรื่องราวประสบการณของชีวิตวัยรุ่นของ นศท คนนึงทีไ่ด้เข้ามาค่ายป่าในปี 5
หลังจากนี้คือ ประสบการณ์สุดหลอน(?) ที่ผมได้พบเจอมาในคืนที่ 5 ของเข้าค่ายเขาชนไก่
หลังจากครูฝึกปล่อยให้เราจัดการเรื่องเวรยามอะไรก็ว่ากันไป 3ทุ่มครึ่ง ครูฝึกเป่านกหวีด "ปรี๊ดดดดด" เป็นสัญญาณที่ให้เราเข้านอน
จังหวะนี้ ใครที่ง่วงนอนก็ไปนอน ส่วนใครที่ยังไม่นอน หรือยังไม่ง่วงก็นั่งคุยกันที่ กองไฟ เพราะ อากาศเริ่มหนาว (บรรยากาศในป่า) พวกเพื่อนๆน้องๆ ที่อยู่ในหมู่ผมและหมู่ข้างเคียง ก็มาอาศัย กองฟืนของหมู่ของผมเพราะ กองของพวกนั้น มันดับไปแล้ว ไม่มีเชื่อไฟให้ไฟฟติดแล้ว จึงอพยบ มากันหมด และก็มีบางส่วนที่เข้าไปนอนทันที
ตอนนี้ เวลาประมาน 5ทุ่มกว่าๆ อุณภูมิ 12 องศา ความชื้น 50% ก็ได้มีบางส่วนง่วงนอน กลับไปนอนในพื้นที่ของตัวเอง บางส่วนก็หลับคาแค้มไฟไปแล้ว ส่วนผมก็ยังตาโตอยู่ เพราะไม่คุ้นกับพื้นที่ เลยนอนหลับยากนิสนึง เลยมานั่งเฝ้ากองไฟให้พวกมันตลอดทั้งคืน(ก็คนมันไม่ง่วงอะนะ อีกอย่างหนาวโคตร) เวลาผ่านไประยะหนึง เวลา เที่ยงคืนครึ่ง อุณหภูมิ 8 องศา ความชื่น 70% คนบางส่วนก็หลับคากองไฟ บางส่วนก็กลับไปนอนที่ผ้าปูโรงนอน ส่วนผม ก็โคตรหนาวเลยผมก็เลย ใหนๆผมก็เฝ้ากองไฟทั้งคืนละ ผมก็เลยเอาผ้าปูโรงนอนของผม มาไว้ข้างๆกองไฟซะเลย เผื่อผมเผลอหลับไป ก็จะได้ไม่หน้าจูบดิน แล้วก็ค่อยๆใส่ฟืนไปเรื่อยๆ เพราะ ความรู้สึกในตอนนั้นคือ ทั้งหนาวเปียก และก็ร้อนมาก (อากาศหนาว หลังเปียกเพราะความชื้น ด้านหน้าร้อนเพราะกองไฟ ไม่มีความพอดีเอาซะเลย ฮ่าฮ่า) แล้วผมก็ผลอยหลับไป
ผมรู้สึกตัวอีกที ตอนนี้เวลาตี2 ตรง เห็นไฟในกองเหลือแค่แสงแดงๆและขี้เถ้าที่กองไฟเตรียมกำลังมอด ส่วนคนอื่นนอนตาย(?) ไปพร้อมกับความหนาวเรียบร้อยร้อมรอบกองไฟ ผมจึงต้องออกไปหาฟืนเพราะว่า ไอฟืนที่เก็บมาในตอนช่วงเช้าได้หมดลงไปแล้ว มีไอบ้าตัวใหนก็ไม่รู้ เอาไม้ไปเผาเล่นจนหมดสต้อคเลย ผมเลยจึงต้องเดินออกไปทางข้างๆฐานเพื่อที่จะหาฟืน แต่ไม่พบเลยแม้แต่นิดเดียว เนื่องจาก รอบๆฐาน ไอหมู่อื่นมันเก็บไปหมดแล้ว ผมเลยจึงต้องเดินให้ลึกเข้าไปอีก พร้อมไฟฉายคู่ใจ 1 กระบอก ผมเดินตรงเข้าไปเรื่อยๆซึ่งเหมือนจะไม่รู้ทิศทาง (เพราะ ถ้าเดินทางตรง มันจะกลับได้ง่ายกว่า ในการหันหลังกลับ ก็เดินตรงเหมือนเดิม)
ผมเดินเข้าไปเรื่อยๆเพื่อที่จะหาไม้มาเพื่อที่จะประทังความอุนเพราะ โคตรมหาหนาวเลย มือก็สั่น หลังก็เปียกแฉะยัน กกน. เพราะ ความชื้น 80%
แล้วผมก็ได้สังเกตุ เห็นเงาอะไรตะพุ่มๆอยู่บนยอดต้นไม้ ดังรูปใน Spoil (ภาพกากนิดนึง วาดรูปไม่ค่อยเป็น)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งในจังหวะนั่น ผมกรู้ว่ามันคือป่า มันอาจจะเป็นสัตว์ร้าย หรืออะไรก็ได้ ถ้ามันเห็นผม ผมเลยจำเป็นที่จะต้อง สาดไฟฉายไป ... ไม่มีอะไร เป็นท้องฟ้าโล่งๆผมก็คิดในใจว่า เฮ้ย ตาฝาดหรอวะ ผมก็เลย ลดไฟฉายลง แต่ปรากฏว่า เงานั้นก็กลับมาอยู่บนยอดเช่นเดิม และเป๋นยอดเดิมที่ผมพึ่งสาดไฟฉายไป
ผมก็นึกในใจละ "ชิหายละ โดนเล่นแล้วไง" แต่ผมก็พยายาม ทำเป็นมองไม่เห็นเพราะว่าจะได้ไม่เกิดอะไรขึ้น แต่หารู้ไม่ *นั่นเป็นการทักแล้วว่า เราได้เห็นเค้านั่นเอง*
ผมจึงต้องเดินต่อไปทำเป็นไม่เห็น เพื่อที่จะหาฟืนในการจุดกองไฟที่กำลังจะไกล้มอดนั่นกลับมาลุกใหม่ซะ
เวลาผ่าไปจิ๊ดนึง ผมเดินมาไกลเท่าไร่ไม่รู้ ในใจผมคิดได้แค่ว่าต้องหาฟืน สภาพคนเหมือนเดินในป่าหิมะ ทั้งหนาว ทั้งสั่น จนผมต้องหยุดเดิน เพราะผมเห็นอะไรแปลกๆตรงข้างหน้าผมในระยะทาง 25 เมตรข้างหน้ามีต้นไม้ต้นเดียวโตกลางลานกว้าง ต้นไม้มันก็สูงมาก แล้วสิ่งที่ผิดสังเกตุที่สุดก็คือ มีหินรูปทรงกรวย ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ ดังรูปใน Spoil (ย้ำ วาดภาพไม่สวย)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมก็รู้กสึกว่า มันไม่ดีละ ไม่ควรจะเดินตรงไปต่อแน่นอน ผมจึงได้ ออกขวา เพื่อเลี่ยงในการเดินไปในระแวกนั้น เพราะรู้ได้เลยว่าถ้าเดินเข้าไปจะต้องเจอกับอะไร แต่ สิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น หลังจากที่ผมออกขวา เดินไปได้ 3-4 ก้าวปับ ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกระทบกับ พื้นเศษใบไม้ กับเศษกิ่งไม้ดัง "ซรุบบบ..... " ผมก็ตกใจว่าอะไรตกมาข้างหลังผมจึงได้หันหลังกลับไป ปรากฏว่า .... ไอก้อนหินทรงกรวยที่ผมเห็นใต้ต้นไม้ที่ีห่างออกไป ระยะ 25 เมตร กลับมาตั้งอยู่ข้างหน้าผม ในระยะ 2-3เมตร ความสูงของหินประมาน 1.5 เมตร ขนาด 1 คนโอบมีผ้ากระโจงสีแดงสดพันอยู่รอบๆตัวหิน ดังรูปใน Spoil (ย้ำ วาดไม่สวย)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมช๊อคและผงะ ร้องในใจว่า "เxี้ยยยยยยยยยยยยย!!!" โดยที่อ้าปากค้าง ไปประมาน5-10 วิเพราะ สมองประมวนผลไม่ทัน ว่าควรจะทำอย่างไร พอได้สติกลับมาปุบ ผมได้ออกซ้าย วิ่งตรงปรู๊ดด กลับฐานโดยทันที ในระหว่างที่วิ่งอยู่นั้น ผมก็ได้ยิงเสียง ซรุบบ.... ซรุบบ.... ซรุบบ.... เป็นระยะๆจนกลับเข้าฐานที่มันได้สำเร็จ ผมกลับมานั่งที่กองไฟผมที่แดงๆใกล้มอด เอาไม้เขี่ยๆเพื่อให้สะกิดให้มีเชื่อไฟ ขึ้นมาพร้อมกับ ตาแดงก่ำ น้ำตาดรอเบ้า ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เพราะทั้งกลัว และหนาวในเวลาเดียวกัน เพื่อนๆน้องๆ ก็ตื่นขึ้น เพราะ อากาศหนาว แล้วก็เตรียมรวมผล
ผมไม่อยากจะเล่าให้ใครฟังในตอนที่ผมยังอยู่ที่เขาชนไก่อยู่ เพราะ ผมยังเหลือเวลาอีก 1 คืนที่ต้องนอนค้างที่ กองพัน 51 ไม่รู้จะเจออะไรเพิ่มอีกหรือป่าว ผมเลยต้องอุบปากเงียบแล้ว กลับมาที่ ผมก็ได้เล่าเรื่องนี้กับ เพื่อนและครอบครัวของผมฟัง แล้วถึงกับช็อคกันทุกคน
ผมก็เลยคิดว่า รอให้ผ่านช่วงฝึกค่าย เขาชนไก่ใน ปีนี้ไปให้หมดก่อน แล้วจึงค่อยตั้งกระทู้เรื่องราวนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะได้ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
ขอบคุณทุกคนที่ฟังเรื่องราวของผมมาจนถึงในจุดๆนี้ครับ
ปล. นั่งพิมพ์เรื่องราวไป ขนลุกไป น้ำตาคลอเบ้าไป