สวัสดีครับ  เป็นรถเก่า G5 ไฟก้อนเดียวครับ  ก่อนหยุดยาวช่วงสงกรานต์ ได้เอาไปซ่อมแอร์มา เพราะแอร์ไม่เย็น
จนซ่อมเสร็จเรียบร้อยดี  หลังจากนั้นก็ไปรับรถขับกลับ และเริ่มม่ีอาการผิดปกติเกิดขึ้นครับ  คือ เกจ์วัดแรงดันไฟมันส่งเสียงเตือน
เหมือนแบตจะอ่อน  จึงสังเกตเห็นว่า เมื่อเร่งรอบก็แล้ว เข็มไม่วิ่งไปที่ 12 กว่าๆเลย   ซึ่งปกติมักจะสวิงระหว่าง 12 - 13 กว่าๆ
ตามแรงกดรอบ   แต่เนื่องด้วยรีบจะทำต่างจังหวัด ไปรถสาธารณะ จึงจอดรถทิ้งไว้ยาวๆก่อน  ไม่ได้ขับกลับไปให้ร้านตรวจสอบให้ แหม่
มันน่าเจ็บใจจริงๆ  ที่ตอนนั้นไม่ได้คิด
    จนเมื่อกลับมา  จึงมาตรวจเช็คสภาพรถต่อ  ผลปรากฏว่า  เมื่อเปิดแอร์ อาการก็เป็นอย่างที่บอกไว้   แต่พอปิดแอร์ เข็มมิเตอร์
ก็สวิงขึ้นมา แต่ไม่มาก แต่พอรับรู้ได้ว่า น่าจะมีกระแสไฟจากไดชาร์จ กำลังไฟกำลังชาร์จเข้าแบต   โดยที่ยังไม่ได้ลองขับแต่อย่างใด
แค่โยกสายคันเร่งจากหน้าเครื่อง และเอามัลติมิเตอร์มาวัดที่ขั้วแบตโดยตรง  และเนื่องจากอู่ซ่อมแอร์ก็ยังปิดทำการอยู่
จึงยังไม่สามารถนำรถไปซ่อมได้  

    อยากจะถามว่า  จากอาการที่แจ้งไว้ข้างบนนี้  ถ้ายังไม่ไปซ่อม แต่จะขับรถเป็นระยะทางประมาณ 30 กว่ากิโล  โดยปิดแอร์ขับ  
คิดว่าจะมีโอกาสที่ไฟในรถ และเครื่องยนต์จะดับหรือไม่ครับ   เพราะต้องขับรถไปรับคน ทำธุระแต่เช้าตรู่  ก่อนร้านแอร์เปิด

    และจากอาการนี้  คิดว่าเป็นผลมาจากซ่อมแอร์หรือได้หรือไม่  คือ อาจจะขันสายไฟไม่แน่น   หรือ มีปัญหาจากสายพาน  
เพราะ ได้ยินเสียงวิ๊งๆ ตรงสายพาน  ตั้งนานแล้วก่อนนำรถไปซ่อมแอร์   หรือว่าไดชาร์จเริ่มเสื่อม   แต่ว่าก่อนหน้าที่จะนำรถไป
ซ่อมแอร์นั้น  จากที่หมั่นเหลือบดูโวลมิเตอร์ ก็เห็นเข็มก็สวิงอยู่ในระยะที่ปกติดี  ขับรอบสูงๆ ก็เกือบไปแตะที่ 14 V  ขอบคุณครับ