😀 รีวิวการเตรียมตัว
หลังจากโทรไปสมัครสอบแล้วก็ถึงเวลาอันสมควรจะเตรียมตัว
ด้วยความที่ผ่านการสอบ IELTS มาแล้วเลยรู้ว่าการเตรียมตัวเป็นสิ่งสำคัญ
ขอออกตัวก่อนว่าเราไม่ใช่คนเก่งภาษาอังกฤษมาก แค่ได้ในระดับที่เราถือว่าโอเค บวกกับรู้สึกว่าสกิลต่างๆนั้นมันจับฝุ่นจึงต้องลุกขึ้นมาปัดฝุ่นหน่อย
วางแผนว่าจะใช้เวลา 5 วัน
😉 หนังสือที่ใช้เตรียมสอบ : TOEIC Practice ของ Barron (โดยส่วนตัวพบว่ามันง่ายกว่าข้อสอบจริง แต่ก็ใช้ฝึกได้เช่นกัน)
(ไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆทั้งสิ้น555)
ในเล่มมีแบบทดสอบถึง 6 แบบทดสอบด้วยกัน แบบทดสอบละ 200 ข้อ รวมทั้งมี CD ไว้ฝึก Listening ด้วย การสอบจึงคล้ายคลึงกับแบบฝึกหัดในเล่มนี้มาก
เวลาฝึกทำ แนะนำให้จับนาฬิกาตามเวลาจริง เช่น Reading part ก็ควรใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาทีตามจริง เวลาทำก็บันทึกคะแนนไว้ทุกครั้ง
ด้วยความที่เป็นคนเบื่ออะไรง่าย จึงตั้งใจว่าจะทำแบบทดสอบวันละแบบทดสอบเพราะวันแรกทำไป 2 แบบทดสอบแล้วรู้สึกเบื่อ
(400 ข้อ/วันก็ไม่ไหวนะ555)
พบว่าทำวันละแบบทดสอบแล้วตัวเองตื่นเต้นกับการทำข้อสอบมากกว่าล่ะ ><
เราบันทึกการทำคะแนนทุกครั้ง สูงบ้าง ต่ำบ้าง แล้วได้เป็น range คะแนนออกมา ซึ่งเราฝึกทำแล้วได้ประมาณ 935-975 คะแนน
คะแนนสอบจริงก็คาดดว่าน่าจะได้ระหว่างนี้ซึ่งผลออกมาก็เป็นจริง
ระหว่างที่เตรียมตัวช่วงนี้แนะนำให้ฟังเเพลงต่างประเทศ ส่วนตัวแนะนำ Ed Sheeran ด้วยเหตุผลที่เราคิดว่าเขาออกเสียงฟังคำออกเกือบ 90% ช่วยฝึกการฟังไปในตัว
😉 วันสอบจริง
- สอบ 13.00 แต่ไปถึง 11.30 ซึ่งก็มีคนไปรอพอสมควรแล้ว ใครมีรถส่วนตัวสามารถไปจอดได้ เอาใบมาประทับได้ลดค่าจอด 50% ไปเร็วๆสักหนึ่งชั่วโมงดีกว่านะ เพราะเวลาใกล้ๆแล้วจะมีคนมาออกันมาก
- อ่านในรีวิว pantip มา เขาบอกว่าการได้นั่งที่นั่งไหนในห้องสอบถือว่าเป็นแต้มบุญที่ทำมา....ขอขยายความว่า การได้ที่นั่งไหนในห้องสอบขึ้นอยู่กับการไปต่อแถวหน้าห้องสอบแล้วเขาก็จะจัดเรียงที่นั่งเราไปเรื่อยๆ (เห็นบางคนออกจากแถวแล้วไปต่อหลังใหม่ด้วย) นั่งริมห้องทั้งสองฝั่งก็จะใกล้ลำโพง ส่วนกลางห้องก็อาจจะได้ยินเสียงลดลงมา เราได้นั่งกึ่งๆริมและกลางจึงไม่พบปัญหาแต่อย่างใด จึงไม่ทราบว่าใน pantip ที่พูดมาเป็นจริงมากน้อยแต่ประการใดนะ
- นาฬิกาและอุปกรณ์การเขียนไม่อนุญาตให้เอาเข้าห้องสอบ จะมีนาฬิกาหน้าห้องให้ดูเวลาได้ และทางที่สอบจะจัดเตรียม ปากกา ดินสอไว้ให้พร้อม!
- มีข้อมูลให้ฝนมากมาย ช่วงนี้ต้องฟังเจ้าหน้าที่ให้ดีๆ แต่เขาจะไปช้าๆอยู่แล้ว อ้อ เจ้าหน้าที่ใจดีมากๆเลยล่ะ
- คำแนะนำคือมาร์คคำตอบไว้ในกระดาษคำถามแล้วจึงรีบฝนในกระดาษคำตอบไปเลย เดี๋ยวจะลนเอาตอนจบ
😮 Listening พบว่ายากกว่าที่เตรียมตัวมาเพราะเสียงการพูดของการสอบจะเร็ว + เคลียร์น้อยกว่า ก็อย่าตกใจไป ใจเย็นๆ ตั้งสติ ข้อไหนพลาดไปแล้วอย่าไปคิดถึง ข้ามไปเลย
🙉พาร์ทแรกเป็นส่วนของรูปภาพ : เราเป็นคนจินตนาการเก่ง พอเห็นรูปแล้วจึงพอคิดได้ว่าบริบทที่จะไปกับรูปนี้คืออะไร ก็ฟังดีๆ พาร์ทนี้เก็บคะแนนนะ
🙉 พาร์ทสองเป็นถาม-ตอบ : ฟังดีๆ ไม่ยาก เก็บคะแนนอีกเช่นเคย
(สองพาร์ทนี้ ให้ผิดได้สัก 2-3 ข้อเองนะ คือมันไม่ยากเลยจริงๆ)
🙉 พาร์ทสามเป็นการสนธนา : การสนธนา 1 ครั้งให้ตอบคำถาม 3 ข้อ มีความยากขึ้นมา คำแนะนำคือระหว่างที่เขาอ่านคำสั่ง "ต่อไปนี้จะเป็นการสอบฟังพาร์ทที่.. บลาๆๆ" ให้ scan ดู 3 ข้อนั้นเลย อ่าน choice ให้เข้าใจว่ามันมีอะไรบ้าง พอตอนฟังเราจะได้รู้ว่ามันถามอะไร ตัวเลือกมีอะไรบ้าง พบว่าได้ผลจริง พอจบการสนทนาครั้งนึง ข้อสอบจะอ่านคำถามของบทสนทนานั้น สมมติว่าบทสนทนาของข้อ 1 2 3 จบลง ข้อสอบจะอ่านคำถาม 1 2 3 ตามลำดับ ซึ่งหากเราตอบได้ตั้งแต่ตอนฟัง ซึ่งเรามาร์คไว้ในกระดาษคำถาม เราก็ฝนไปตั้งแต่มันอ่านคำถามที่ 1 (อ่านช้า ฝนทันพอดีแหละ) พอเสร็จแล้วเราก็อ่านคำถามและ choice 4 5 6 รอบทสนทนาที่ 2
🙉 พาร์ทสี่เป็นการประกาศ : มีพยากรณ์อากาศ ข่าว (ธีมเหมือนในที่ฝึกทำ) ก็จะมี pattern การทำข้อสอบแบบพาร์ทที่สาม
☺️ Reading นี่ตามแบบฝึกเลย เวลาจะทำให้เราลน คำแนะนำคือทำพาร์ทที่ตัวเองถนัดที่สุด ตั้งแต่ตอนที่ฝึกเราจะรู้แล้วว่าเราทำพาร์ทไหนเร็วที่สุด ทำตามตอนฝึกนั่นแหละ
คำแนะนำเพิ่มเติม : หากใครอยากฝึกตัวเองเพิ่มเติมก่อนตะลุยข้อสอบ
แนะนำหนังสือของ รศ.ดร. ศุภวัฒน์ พุกเจริญ (อ่านตั้งแต่ตอนสอบเข้ามหาลัย)
(ไม่มีค่าโฆษณาใดๆทั้งสิ้น แต่เราว่าหนังสืออาจารย์ดีมากก)
คำแนะนำเท่านี้แหละจ้า
May the force be with you
หลักฐานนิดหน่อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รีวิวการสอบ TOEIC ครั้งแรก (คะแนน 950+)
หลังจากโทรไปสมัครสอบแล้วก็ถึงเวลาอันสมควรจะเตรียมตัว
ด้วยความที่ผ่านการสอบ IELTS มาแล้วเลยรู้ว่าการเตรียมตัวเป็นสิ่งสำคัญ
ขอออกตัวก่อนว่าเราไม่ใช่คนเก่งภาษาอังกฤษมาก แค่ได้ในระดับที่เราถือว่าโอเค บวกกับรู้สึกว่าสกิลต่างๆนั้นมันจับฝุ่นจึงต้องลุกขึ้นมาปัดฝุ่นหน่อย
วางแผนว่าจะใช้เวลา 5 วัน
😉 หนังสือที่ใช้เตรียมสอบ : TOEIC Practice ของ Barron (โดยส่วนตัวพบว่ามันง่ายกว่าข้อสอบจริง แต่ก็ใช้ฝึกได้เช่นกัน)
(ไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆทั้งสิ้น555)
ในเล่มมีแบบทดสอบถึง 6 แบบทดสอบด้วยกัน แบบทดสอบละ 200 ข้อ รวมทั้งมี CD ไว้ฝึก Listening ด้วย การสอบจึงคล้ายคลึงกับแบบฝึกหัดในเล่มนี้มาก
เวลาฝึกทำ แนะนำให้จับนาฬิกาตามเวลาจริง เช่น Reading part ก็ควรใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาทีตามจริง เวลาทำก็บันทึกคะแนนไว้ทุกครั้ง
ด้วยความที่เป็นคนเบื่ออะไรง่าย จึงตั้งใจว่าจะทำแบบทดสอบวันละแบบทดสอบเพราะวันแรกทำไป 2 แบบทดสอบแล้วรู้สึกเบื่อ
(400 ข้อ/วันก็ไม่ไหวนะ555)
พบว่าทำวันละแบบทดสอบแล้วตัวเองตื่นเต้นกับการทำข้อสอบมากกว่าล่ะ ><
เราบันทึกการทำคะแนนทุกครั้ง สูงบ้าง ต่ำบ้าง แล้วได้เป็น range คะแนนออกมา ซึ่งเราฝึกทำแล้วได้ประมาณ 935-975 คะแนน
คะแนนสอบจริงก็คาดดว่าน่าจะได้ระหว่างนี้ซึ่งผลออกมาก็เป็นจริง
ระหว่างที่เตรียมตัวช่วงนี้แนะนำให้ฟังเเพลงต่างประเทศ ส่วนตัวแนะนำ Ed Sheeran ด้วยเหตุผลที่เราคิดว่าเขาออกเสียงฟังคำออกเกือบ 90% ช่วยฝึกการฟังไปในตัว
😉 วันสอบจริง
- สอบ 13.00 แต่ไปถึง 11.30 ซึ่งก็มีคนไปรอพอสมควรแล้ว ใครมีรถส่วนตัวสามารถไปจอดได้ เอาใบมาประทับได้ลดค่าจอด 50% ไปเร็วๆสักหนึ่งชั่วโมงดีกว่านะ เพราะเวลาใกล้ๆแล้วจะมีคนมาออกันมาก
- อ่านในรีวิว pantip มา เขาบอกว่าการได้นั่งที่นั่งไหนในห้องสอบถือว่าเป็นแต้มบุญที่ทำมา....ขอขยายความว่า การได้ที่นั่งไหนในห้องสอบขึ้นอยู่กับการไปต่อแถวหน้าห้องสอบแล้วเขาก็จะจัดเรียงที่นั่งเราไปเรื่อยๆ (เห็นบางคนออกจากแถวแล้วไปต่อหลังใหม่ด้วย) นั่งริมห้องทั้งสองฝั่งก็จะใกล้ลำโพง ส่วนกลางห้องก็อาจจะได้ยินเสียงลดลงมา เราได้นั่งกึ่งๆริมและกลางจึงไม่พบปัญหาแต่อย่างใด จึงไม่ทราบว่าใน pantip ที่พูดมาเป็นจริงมากน้อยแต่ประการใดนะ
- นาฬิกาและอุปกรณ์การเขียนไม่อนุญาตให้เอาเข้าห้องสอบ จะมีนาฬิกาหน้าห้องให้ดูเวลาได้ และทางที่สอบจะจัดเตรียม ปากกา ดินสอไว้ให้พร้อม!
- มีข้อมูลให้ฝนมากมาย ช่วงนี้ต้องฟังเจ้าหน้าที่ให้ดีๆ แต่เขาจะไปช้าๆอยู่แล้ว อ้อ เจ้าหน้าที่ใจดีมากๆเลยล่ะ
- คำแนะนำคือมาร์คคำตอบไว้ในกระดาษคำถามแล้วจึงรีบฝนในกระดาษคำตอบไปเลย เดี๋ยวจะลนเอาตอนจบ
😮 Listening พบว่ายากกว่าที่เตรียมตัวมาเพราะเสียงการพูดของการสอบจะเร็ว + เคลียร์น้อยกว่า ก็อย่าตกใจไป ใจเย็นๆ ตั้งสติ ข้อไหนพลาดไปแล้วอย่าไปคิดถึง ข้ามไปเลย
🙉พาร์ทแรกเป็นส่วนของรูปภาพ : เราเป็นคนจินตนาการเก่ง พอเห็นรูปแล้วจึงพอคิดได้ว่าบริบทที่จะไปกับรูปนี้คืออะไร ก็ฟังดีๆ พาร์ทนี้เก็บคะแนนนะ
🙉 พาร์ทสองเป็นถาม-ตอบ : ฟังดีๆ ไม่ยาก เก็บคะแนนอีกเช่นเคย
(สองพาร์ทนี้ ให้ผิดได้สัก 2-3 ข้อเองนะ คือมันไม่ยากเลยจริงๆ)
🙉 พาร์ทสามเป็นการสนธนา : การสนธนา 1 ครั้งให้ตอบคำถาม 3 ข้อ มีความยากขึ้นมา คำแนะนำคือระหว่างที่เขาอ่านคำสั่ง "ต่อไปนี้จะเป็นการสอบฟังพาร์ทที่.. บลาๆๆ" ให้ scan ดู 3 ข้อนั้นเลย อ่าน choice ให้เข้าใจว่ามันมีอะไรบ้าง พอตอนฟังเราจะได้รู้ว่ามันถามอะไร ตัวเลือกมีอะไรบ้าง พบว่าได้ผลจริง พอจบการสนทนาครั้งนึง ข้อสอบจะอ่านคำถามของบทสนทนานั้น สมมติว่าบทสนทนาของข้อ 1 2 3 จบลง ข้อสอบจะอ่านคำถาม 1 2 3 ตามลำดับ ซึ่งหากเราตอบได้ตั้งแต่ตอนฟัง ซึ่งเรามาร์คไว้ในกระดาษคำถาม เราก็ฝนไปตั้งแต่มันอ่านคำถามที่ 1 (อ่านช้า ฝนทันพอดีแหละ) พอเสร็จแล้วเราก็อ่านคำถามและ choice 4 5 6 รอบทสนทนาที่ 2
🙉 พาร์ทสี่เป็นการประกาศ : มีพยากรณ์อากาศ ข่าว (ธีมเหมือนในที่ฝึกทำ) ก็จะมี pattern การทำข้อสอบแบบพาร์ทที่สาม
☺️ Reading นี่ตามแบบฝึกเลย เวลาจะทำให้เราลน คำแนะนำคือทำพาร์ทที่ตัวเองถนัดที่สุด ตั้งแต่ตอนที่ฝึกเราจะรู้แล้วว่าเราทำพาร์ทไหนเร็วที่สุด ทำตามตอนฝึกนั่นแหละ
คำแนะนำเพิ่มเติม : หากใครอยากฝึกตัวเองเพิ่มเติมก่อนตะลุยข้อสอบ
แนะนำหนังสือของ รศ.ดร. ศุภวัฒน์ พุกเจริญ (อ่านตั้งแต่ตอนสอบเข้ามหาลัย)
(ไม่มีค่าโฆษณาใดๆทั้งสิ้น แต่เราว่าหนังสืออาจารย์ดีมากก)
คำแนะนำเท่านี้แหละจ้า
May the force be with you
หลักฐานนิดหน่อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้