ขอแบบสั้นๆ หรือแบบสรุปขึ้นเองไม่เอายกตำรา

กระทู้คำถาม
ขอแบบสั้นๆ หรือแบบสรุปขึ้นเองไม่เอายกตำรา

ประเด็น :::
1.ถ้าเราอยากรู้อะไรจริงๆ ระหว่างไปขอเรียนกับ ลูกศิษย์ของลูกศิษย์รุ่นที่ 35 ของสำนัก กับไปเรียนกับปรมาจารย์โดยตรง จะเอาแบบไหน สำหรับสาสนาพุทธ การเรียนโดยตรงกับปรมาจารย์ ก็คือเรียนกับศาสดาโดยตรง ก็คือเรียนจากพระสูตรต่างๆ ที่บันทึกไว้แล้วสืบทอดกันมา นั่นเอง ส่วนอ่านแล้วสงสัยตรงไหนค่อยว่ากันต่อ

2.ขอแบบสั้นๆได้ไหม!? จริงๆ สั้นก็ได้ ยาวก็ได้ แต่ขอแบบสั้นๆและเข้าใจด้วยใช่ไหม!?
_แบบสั้นๆ ก็จะได้คว่มเข้าใจแบบสั้นๆนั่นล่ะ ยกเว้น มีความรู้พื้นฐานมากแล้ว บอกเคล็ดวิชานิดเดียวก็ไปขยายความเองได้ แต่ทั่วๆไปไม่อย่างนั้น ดูจากคำถาม พื้นฐานไม่แน่น บางทีข้อมูลเดิมๆติดตัวมาก็ผิดอีก คำตอบแบบสั้นๆ จะได้ไหม?
_อุปมา ถ้านักเรียน ม.6 ที่เรียนดี แต่บังเอิญขาดเรียนบางวัน ก็ถามเพื่อนขอแบบสั้นๆก็ได้ว่าครูสอนอะไร ก็ไปอ่านเองต่อเองได้ / แต่ถ้าเด็ก ป.1 ธรรมดา มาถามครูว่า ช่วยบอกผมหน่อย ว่าแคลคูลัสคืออะไร คำนวณยังไง ขอแบบสั้นๆง่ายๆน่ะ จะได้หรือ สมการธรรมดายังไม่รู้จักยังแก้ไม่ได้ มาขอแบบสั้นๆ

3.ขอแบบความคิดเห็นส่วนตัว ไม่เอาอ้างตำรา / ถ้าต้องการรู้ความเห็นก็โอเค แต่บาางคนจะเอาความเห็นไปเป็นคำตอบแทนหลักศาสนา ก็เป็นสิทธิ แต่มันก็ไม่ใช่ศาสนาอีกต่อไป มันเป็นปรัชญาไปแล้ว เป็นความคิดของคนไปแล้ว
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
อุปมาก็คืออุปมา
จขกท. ยกอุปมาเพื่ออธิบายสารบางอย่าง
แต่บางคนกลับไม่เข้าใจไปมุ่งประเด็นนอกสาร

แต่บางคนก็เข้าใจสารที่ส่งออกมาของ จขกท.
จึงได้ความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ตรงประเด็น
จะเห็นด้วยเห็นต่างก็แล้วแต่ เช่น คห.2 คห.7 คห.8 คห.10

กับบางคนไม่สนใจอ่านสารของ จขกท. แต่มุ่งแสดงความเห็นของตน มันก็ไม่ผิดอะไร
ความเห็นเสริมใดก็ดี ประเด็นใหม่ก็ได้

แต่ที่ผิดคือความเห็นที่แสดงกลับมีนัยว่า จขกท.เห็นผิดไม่ตรงกับ ความเห็นตนที่ยกขึ้น ทั้งที่ตรงกันในประเด็นนั้น โดยไม่ได้อ่านสารของ จขกท.ให้ดีก่อน แต่เมื่อมีอคติคิดแต่จะหักล้าง จึงบิดเบี้ยว คนประเภทนี้ไม่เคยหรอกที่จะเห็นด้วยกับคนอื่น จะสาธุอนุโมทนาหากบางประเด็นเห็นว่าถูกแล้ว บางทีเขาพูดถูกแล้วหรือเห็นตรงกันบางประเด็น แต่กลับแสดงความเห็นทำนองว่าไม่มีถูกผิดทั้งหมด ไม่แยกแยะประเด็นเหมารวม ที่ควรคือแยกประเด็น เห็นด้วยก็เห็นด้วย เห็นต่างก็เห็นต่าง โดยชี้ประเด็นให้ชัด

เช่น ในสาร จขกท. ก็บอกแล้วว่า ปรมาจารย์ในที่นี้คือ พระสูตร คือพุทธพจน์ที่บันทึกไว้ นัยแฝงก็คือธรรมวินัยนั่นเอง แต่บางคนเหมือนจะเข้าใจว่าหมายถึงสาวกบุคคล สวมแว่นอคติรับสาร

กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อเชื่อมโยงกับกระทู้ที่ได้ตั้งก่อนหน้านี้
///การอ้างพระสูตร กับ เกสปุตตสูตร หรือ กาลามสูตร https://m.ppantip.com/topic/37555770?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่