กินแหลกให้พุงแตก ณ โตเกียว "6 ร้านต้องลอง"

สวัสดีครับ แฟนผมอยากให้ผมทำกระทู้รีวิวที่เพิ่งไปญี่ปุ่นมาครับ ผมก็เลยทำ เป็นกระทู้แรก มีอะไรติชมได้นะครับ
แฟนผมบอกว่า ของที่ไปกินมาหลายๆ อย่าง หาไม่เจอในพันทิป เลยอยากให้บอกต่อ ก็ตามนั้น ตอนแรกผมไม่ได้คิดว่าจะเขียนกระทู้ ภาพหรือข้อมูลเลยอาจจะไม่ครบดี เริ่มเลยละกัน

1. Omakase ราคากระเป๋าไม่ฉีกที่ซึคิจิ

Tsukiji Shotoku Honten
Address: 4 Chome-14-16 Tsukiji, Chūō, Tokyo 104-0045, Japan

ร้านซูชิสไตล์ Omakase ที่หลบซ่อนอยู่ในตลาด Tsukiji จุดเด่นอยู่ที่รสชาติความสดของวัตถุดิบที่เข้ากันได้ดีกับข้าวที่ปรุงด้วยน้ำส้มสายชูสีน้ำตาลจนข้าวกลายเป็นสีน้ำตาล
ราคา: ที่ถือว่าโอเคเลยถ้าพูดถึง Omakase (2000-8000 เยน ตามความหรูของวัตถุดิบ) ผมประทับใจร้านนี้ตรงการบริการ เชฟซูชิร้านนี้พูดภาษาอังกฤษได้พอสมควร อธิบายวัตถุดิบแต่ละอย่างให้ผมเข้าใจได้ซึ่งหาได้ยากในญี่ปุ่น


พิกัด: คุณต้องสังเกตที่อยู่ 14-16 ดีๆ เพราะคุณต้องเดินไล่หาจนเจอร้านขายถั่ว!!! พิมพ์ไม่ผิดหรอกครับ ตอนแรกผมเดินไปเจอร้านขายถั่วก็นึกว่าผิดที่ซะแล้ว แต่เดินไปอีกสองสามก้าวก็เจอตรอกพร้อมตู้กดน้ำอีกสองสามตู้ก็จะเจอร้านนี้ซ่อนอยู่ ร้านนี้จะอยู่เลย Sushikuni ร้านดังในซึคิจิที่หลายๆคนรู้จัก

หน้าร้านเป็นงี้ครับ

ข้อควรรู้: ร้านเปิด 10:30 ซึ่งถือว่าค่อนข้างสายสำหรับบริเวณนั้น แต่ตอนที่ผมไปเจอร้านตอน 10.15 ก็เริ่มมีคิวเล็กๆแล้ว ถ้าไม่อยากจะรอนาน ผมแนะนำให้ไปประมาณ 10:00 จะได้เข้าเป็นกลุ่มแรก ไม่อย่างนั้นจะต้องรออย่างน้อยชั่วโมงนึงสำหรับกลุ่มนึงเพราะนี่คือ omakase และร้านนี้ก็มีอยู่ทั้งหมดแปดที่นั่งเท่านั้น ถ้าใครไป แนะนำให้สลับกันรอคิวจะได้ไม่เบื่อ

2. จิบชาแบบผู้ดีที่ Chanoha Ginza

Address: B1F ของห้าง Matsuya Ginza

เป็นความบังเอิญมากครับที่เจอร้านนี้ พอดีว่าแฟนผมเขาซื้อของแล้วต้องไปรอคืนภาษีที่ชั้นใต้ดินของห้าง Matsuya Ginza เราเลยมาเจอร้านนี้เพราะเธอไม่อยากให้ผมต้องยืนรอ ร้านนี้เป็นร้านที่ขายชาเขียวอย่างเดียวครับ มีให้เลือกสามแบบคือ matcha sencha และ gyokuro

matcha เป็นชาเขียวผงที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว ในขณะที่ sencha คือชาเต็มใบ ส่วน gyokuro คือชาเต็มใบที่ปลูกในร่ม เริ่มแรกพนักงานจะให้เลือกก่อนว่าเราจะดื่มชาอย่างเดียว จะทานเป็นเซ็ตที่มีชาพร้อมขนม หรือจะทานเป็นคอร์สไปเลย พวกเราเลือกทานแบบเป็นเซ็ตพอได้ลิ้มรสชาติชาและขนม ถ้าสั่งชาเป็น sencha อย่างที่แฟนผมสั่ง พนักงานจะเข้ามาพร้อมสมุดเล่มเล็กๆให้เลือกว่าจะเอาชาจากจังหวัดไหนของประเทศญี่ปุ่น มีให้เลือกอย่างน้อยห้าแบบครับ

ชุดมัทฉะเย็น

ชุดเซนฉะร้อน

ราคา: ราคาเซ็ตจะอยู่ที่ 754 เยน ถ้าดื่มชาอย่างเดียวอยู่ที่ 540 เยน ส่วนถ้าจะทานแบบฟูลคอร์สก็ 1944 เยนครับ

พิกัด: อย่างที่บอก ร้านนี้หาไม่ยากหรอกครับ อยู่ใต้ห้าง Matsuya Ginza ใกล้เคาน์เตอร์คืนภาษี เข้าไปจะมีแค่ประมาณห้าที่นั่งแบบเค้าน์เตอร์ พนักงานจะยืนอยู่ตรงกลางคอยชงชาและเสิร์ฟขนมให้ครับ ผมไปเวลาช่วงบ่ายสาม ตอนนั้นมีว่างสองที่พอดีครับ แต่หลังนั่งได้ซักพักนึงก็เริ่มมีคิวที่ยาวขึ้นเรื่อยๆ ทั้งร้านมีแต่คนญี่ปุ่นครับ

ข้อควรรู้: ร้านนี้สั่งชาแล้วนั่งนานแค่ไหนก็ได้ ให้เขาเติมชาได้ครับ ถ้าสั่งชาเขียวเย็น เขาจะชงให้ใหม่เลย ถ้าดื่มชาร้อน เขาจะอาสาเติมน้ำร้อนให้ครับ ถ้ามีคิว ผมว่าร้านนี้อาจจะต้องรอซักพักใหญ่ๆเลย (เพราะคนมาดื่มชาส่วนใหญ่ เห็นนั่ง relax กันนานพอสมควร)

3. เทมปุระ omakase อิ่มเว่อร์ที่ชินจูกุ

Tempura Tsunahachi Shinjuku
Address: 3-31-8 Shinjuku, Shinjuku 160-0022, Tokyo Prefecture

ร้านเทมปุระที่คะแนนรีวิวค่อนข้างดีจากกูเกิ้ลที่แฟนผมหาเจอ ผมเห็นมีหลายๆคนพูดถึงแล้วล่ะครับแต่ผมว่าแปลกดีเลยจะมาเล่าให้ฟังอีกรอบ ใครที่เคยอ่านรีวิวร้านนี้แล้วก็ข้ามไปได้เลย ร้านนี้เป็นร้านขายเทมปูระ พวกของชุบแป้งทอดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผัก ปลา กุ้ง หรือแม้แต่ไข่หอยเม่น จุดเด่นของร้านนี้คงหนีไม่พ้นคอร์ส omakase เทมปุระ คำว่า omakase หลายๆคนคงจะรู้ว่าหมายถึงเชฟเลือกให้ แล้วส่วนใหญ่ก็จะเป็นการนั่งตรงเค้าน์เตอร์เพื่อให้เชฟทำให้ดูสดๆแล้วมาเสิร์ฟเราทันที ส่วนใหญ่จะเป็นซูชิแต่ร้านนี้เสิร์ฟเทมปุระนั่นเอง กินร้อนๆ เอาให้ปากพองกันไปเลยทีเดียว


ราคา: ราคาจะตกอยู่ที่ 8000 เยน สวยๆ แต่ถ้าคิดว่าได้ประสบการณ์แปลกใหม่ ผมก็ว่าคุ้มนะ

พิกัด: เริ่มเดินหาจาก Bicqlo อาจจะง่ายที่สุดครับ ผมก็อธิบายไม่ค่อยถูกเหมือนกันเพราะจำไม่ค่อยได้ เอาเป็นว่า google maps ไปถูกแล้วกันครับ แฟนผมหลงตลอดเวลายังพาไปถูก หาไม่ยากหรอกครับ

ข้อควรรู้: ร้านนี้ผมไม่แน่ใจว่าจองได้รึเปล่าแต่ไปถึงประมาณสามทุ่ม ผมก็ยังต้องต่อคิว (ชีวิตในญี่ปุ่นอยากกินของดีต้องต่อคิว) ตอนผมเห็นว่าร้านนี้เขามี omakase เทมปุระเลยถามพนักงานว่า ยังกินได้มั้ย ดึกขนาดนี้ โชคดี หลังถามเชฟ เขาก็บอกว่าโอเคแล้วส่งพวกเราไปนั่งที่เค้าน์เตอร์ ถ้าใครไม่อยากไปแบบฉิวเฉียดอย่างผม แนะนำให้ไปก่อนร้านปิดซัก สอง ชม. ครับ ร้านปิดสี่ทุ่ม

4. ข้าวหน้าปลาไหลติดดาว ที่ Obana

ร้านนี้ ติดดาว michelin เป็นเจ้าดังครับ หลายๆคนคงรู้จัก ร้านเปิด 11:30 แต่พวกเราไปต่อคิวกันตั้งแต่ 10:15 อย่าคิดว่าพวกเราจะเป็นคิวแรกนะครับ ดันแพ้คู่ตายายญี่ปุ่นที่มาต่อเป็นกลุ่มแรก พอคุยไปคุยมา (แฟนผมพอคุยภาษาญี่ปุ่นได้) ก็ถึงได้รู้ว่าตายายคู่นี้เดินทางมาจากจังหวัดไซตามะเพื่อมากินข้าวหน้าปลาไหลโดยเฉพาะ!! อะไรมันจะขนาดนั้น

ไข่ยัดไส้ปลาไหล อีกหนึ่งเมนูเด็ดของทางร้าน

และนี่ก็คือข้าวหน้าปลาไหลที่รอคอยมานาน ในรูปคือไซส์ใหญ่ครับ

ทางร้านมีเครื่องผักดองให้ด้วยนะครับ ระหว่างรอ

ราคา: ถ้าจะกินข้าวหน้าปลาไหลแบบคลาสสิกที่ทุกคนในร้านกินกัน มีสองราคา 4300 กับ 5300 เยน ขึ้นอยู่กับขนาด ขนาดเล็กกับใหญ่ไม่ได้ต่างกันมากนะครับ ผมแนะนำสั่งอันใหญ่ไปเลยก็ได้

พิกัด: ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ Minami Senju อยู่ไกลครับ นั่งรถไฟสุดสายเลยทีเดียว จากสถานีเดินตาม google maps ไปประมาณไม่ถึงสิบนาทีก็จะเจอร้านครับ ถ้าร้านยังไม่เปิดอาจจะเดินเลยได้ง่ายๆ ให้สังเกตประตูม้วนสีเทาๆ ที่สามารถเลื่อนขึ้นเลื่อนลงได้(เหมือนประตูตึกแถว) ข้างในเป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่น บนประตูจะมีเขียนชื่อร้านเป็นภาษาญี่ปุ่นกับเวลาทำการอยู่ แล้วก็มีต้นซากุระที่ปลูกไว้ยื่นออกมาด้านนอก ถ้ายืนรออยู่ข้างหน้าก็จะเห็น

ข้อควรรู้: หลังจากที่คุยไปเรื่อยๆ พวกเราก็ได้รู้ว่าตากับยายมากินร้านนี้น่าจะเป็นครั้งที่ห้าแล้ว เลยรู้ว่าต้องมาต่อคิวเร็ว จะได้เป็นกลุ่มแรกๆ ถ้าโดนตัดเป็นกลุ่มที่สองจะต้องรอนาน อีกอย่างนึงที่สำคัญคือ ตอนที่เขาเริ่มมาจดคิวตอน 11:00 สมาชิกจะต้องอยู่ครบ ถ้าบอกสี่คนต้องเห็นสี่คน ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะตัดสิทธิ์คนที่เขาไม่เห็นหน้า

5. กินชาบูพร้อมดูวิวชินชูกุที่ Seryna

ร้านนี้ เชื่อว่าหลายๆคนอาจจะเคยได้ยินชื่อแล้ว ร้านนี้หรู จองได้ครับ ไม่ต้องไปต่อคิวให้เมื่อยขา พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง สามารถโทรจองเองได้เลยครับ เวลาจอง ผมแนะนำให้ระบุว่าจะจองริมหน้าต่างครับ เพราะร้านนี้ไฮไลท์อยู่ที่วิวโตเกียวยามค่ำคืนอันสวยงาม ร้านนี้การบริการกับคุณภาพอาหารเป็นเลิศครับ ตามราคา มีให้เลือกเนื้อธรรมดากับเนื้อโกเบ แต่ผมอยากจะบอกว่าชุดเนื้อธรรมดาก็สุดแล้วครับ โกเบต่างกันแค่นุ่มกว่าเท่านั้นเอง
ราคา: ถ้าเป็นเซ็ต เนื้อธรรมดา 12,000 เยน เนื้อโกเบ 18,000 เยนครับ แต่อย่างที่บอก ไม่ต้องสั่งแพงมากก็ฟินได้ครับ

วิวค่ำคืนอันสวยงามที่พาผมหมดตัวครับ

เริ่มต้นด้วยเต้าหู้นวลๆ

ตามด้วยซาชิมิชูโทโร่ที่สดมากครับ

แล้วก่อนที่จะเข้าสู่ชาบูก็มีจานเรียกน้ำย่อย ที่ผมว่าคุ้มราคามากครับ อร่อยจริงๆ

น้ำจิ้มชาบู

เนื้อเลเวลธรรมดา

เนื้อเลเวลโกเบ

ตบท้ายด้วยของหวาน (ที่กินกันไม่ค่อยไหวแล้ว เพราะอิ่ม)

พิกัด: สาขาที่ผมไปอยู่ที่ตึกออฟฟิศชื่อ Shinjuku Sumitomo Building ครับ เดินไปจาก สถานี Toshomae หรือ ชินจูกุก็ได้ครับ ไม่ไกล แต่ระวังหลงนิดนึง พวกเราลงจากสถานี Toshomae ออกทางออก A2 แล้วข้ามถนนไป ข้ามตรงหน้าทางออกแล้วเลี้ยวซ้ายไปนิดนึง จะเจอตึกครับ ตึกใหญ่มาก ไม่พลาดหรอกครับ

ข้อควรรู้: ร้านนี้ถึงจะราคาค่อนข้างสูงแต่คุณภาพก็สูงตามไปด้วย แล้วก็ไม่ต้องขอข้าวเหมือนชาบูที่อื่นๆนะครับ (พวกเราขอข้าวเพิ่มกินกับเนื้อ สุดท้ายอิ่มแทบจะพุงแตก) ในชุดมีเส้น แป้ง ฯลฯ อะไรต่างๆนาๆครบครับ อิ่มแน่นอน

6. กินข้าวต้มยามเช้าที่ Dashi Chazuke

ร้านนี้เป็นร้านที่ผมเกือบลืมแนะนำ เป็นร้านที่เป็นข้าวเช้าของวันสุดท้าย แล้วก็เป็นร้านที่ทานเสร็จกันเร็วมากๆ ร้านนี้อยู่ในห้าง Lumine 1 ที่ชินจูกุครับ ขายข้าวต้มสไตล์ญี่ปุ่นกับน้ำซุปดาชิที่รสชาติดีเลิศ ถ้าใครต้องการอะไรเบาๆ อุ่นๆ ทาน ผมแนะนำร้านนี้ครับ รวดเร็วแล้วก็อิ่ม

ราคา: มีตั้งแต่ 680 ถึง 1080 เยนตามความหรูของท็อปปิ้ง ดูเมนูก็ได้ครับ (http://dashichazuke-en.com/food/)

เซ็ตที่ผมสั่งเป็นแซลมอนกับไข่ปลาครับ เครื่องเคียงเป็นหน่อไม้ต้มครับ

พิกัด: ร้านนี้ตั้งอยู่ในห้าง Lumine 1 อยู่ในสถานีชินจุกุ ถ้าไปชั้นใต้ดิน B1 แล้วเดินวนๆ รับรอง ไม่พลาดครับ

ข้อควรรู้: ร้านนี้มีให้เลือกสามไซส์ แต่ละไซส์มากับปริมาณข้าวที่ไม่เท่ากัน ขอข้าวเพิ่มไม่ได้แต่ขอซุปดาชิเพิ่มได้ครับ

วันนี้มาแนะนำหกร้านนี้แหละครับ เห็นว่าบางร้าน ข้อมูลบนพันทิปอาจจะไม่มีหรือมีน้อย พวกเราอยากจะให้ทุกคนที่กำลังจะไปเที่ยวโตเกียวได้ลิ้มรสชาติของอร่อยแบบคนที่คนญี่ปุ่นนิยมทานกันเลยมาลองแนะนำร้านใหม่ๆดูครับ ถ้าอยากจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่ม ถามเข้ามากันได้นะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่