หลอน Story // Chapter 2 --- ประสาท"กิน" ---

CHAPTER 2 --- ประสาท"กิน" ---

             บางครั้งการที่มีพ่อเป็นโรคประสาทนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะรับมือได้ง่ายๆ เพราะนอกจากเรื่องยาที่ต้องดูแล มันยังมีเรื่องของการควบคุมพฤติกรรมแปลกๆของเขาด้วยเหมือนกัน แต่ด้วยหน้าที่ลูกที่มันค้ำคอ การปล่อยพ่อให้ไปมีชีวิตอยู่ในสถานพยาบาลคงไม่ใช่เรื่องที่ควรเท่าไร ผมเองก็พอมีรายได้ที่จะเลี้ยงดูพ่อคนนึงได้ แต่ผมก็ยอมรับเลยว่า โรคที่พ่อเป็นมันรับมือได้ยากจริงๆ ทุกวันนี้พ่อแทบจะไม่สามารถคุยแบบคนปกติได้เลย เขาจะพูดอะไรแปลกๆออกมาตลอด หลงๆลืมๆ เพราะเป็นอัลไซเมอร์ควบคู่ไปด้วย อาการผิดปกติทางจิตของพ่อผมมันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ช่วงแรกๆก็เป็นอาการเล็กๆน้อยๆ จนยิ่งนานวันยิ่งหนักขึ้น พ่อผมพยายามพูดกับผมหลายครั้งว่าเขาปกติ แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ.. คนที่เป็นโรคประสาทแบบนี้ใครจะบอกตัวเองว่าผิดปกติ มันก็เป็นแค่คำพูดที่ยกขึ้นมาแย้งเพื่อเลิกรับการรักษา หน้าที่ลูกอย่างผมก็ทำได้แค่รับฟัง แล้วก็พาพ่อไปรักษาให้ได้ ถึงแม้จะมีปากเสียงกันก็ต้องทำ...

             วันที่ 3 มีนาคม 2561, ผมเพิ่งกลับมาจากโรงพยายาลจิตเวชแห่งหนึ่ง ผมพาพ่อไปรักษาอาการทางจิตด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เพราะผมกับพ่อทะเลาะกันมาตลอดทาง จนพ่อยื่นคำขาดมาว่าหากผมพาเขาไปโรงพยาบาลวิตเวชอีกครั้ง พ่อจะเอาแท่งเหล็กเสียบคอตัวเอง ตามด้วยมีดกรีดปอดให้ตาย

             “โถ่พ่อ.. สรรหาวิธีฆ่าตัวตายจังเลย.. ผมพาพ่อมารักษาเพราะผมเป็นห่วงพ่อนะ พ่อจะได้หายกลับมาเป็นปกติไง” ผมพยายามหว่านล้อมพ่อด้วยคำพูดอ้อนๆ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผลกับคนแข็งๆแบบพ่อ

             “พ่อไม่ได้สรรหา! พ่อพูดจริงๆ! ถ้าเองยังไม่ฟังแล้วพาพ่อไปเหยียบที่โรงพยาบาลบ้านั้น เองจะไม่เห็นพ่ออีกไปตลอดชีวิต! เลือกเอา” ผู้เป็นพ่อพูดใส่อารมณ์ดูมีท่าทีเอาจริงเอาจังกับคำพูดเป็นอย่างมาก ทำเอาคนเป็นลูกไปไม่ถูกเลยล่ะ จนท้ายที่สุดลูกชายก็ให้คำสัญญาว่าจะไม่พามาอีก โดยยื่นข้อเสนอกับพ่อไปว่า “พ่อต้องให้ความร่วมมือกับแพทย์ในครั้งนี้ให้ดีที่สุด แล้วผมสัญญาว่าพ่อจะไม่ต้องมาที่นี่อีก” พอพ่อได้ยินแบบนั้น ก็รีบตอบรับข้อเสนอแบบไม่ต้องคิด

             หลังจากที่พ่อผมได้รับการพูดคุยกับหมอเสร็จแล้ว ผมขออนุญาตคุณหมอว่าข้อคุยเป็นการส่วนตัวเรื่องอาการของพ่อ ผมก็พยายามอธิบายให้หมอฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตั้งแต่ที่พ่อมีอาการทางจิต พ่อเริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้น เริ่มไม่มีเหตุผลแบบเมื่อก่อน บ่นว่าจะฆ่าตัวตายในแบบต่างๆ โดยที่วิธีการฆ่าตัวตายที่ออกมาจากปากพ่อไม่เคยซ้ำกันสักครั้ง หลังจากที่หมอรับฟังปัญหาของผมทั้งหมด หมอก็ให้ทางออกมาทางหนึ่ง คือด้วยอาการของพ่อยังไม่รุนแรงถึงขั้นลงมือทำตามสิ่งที่พูดจริงๆ บวกกับยังมีลูกชายที่คอยดูแลอยู่ใกล้ชิด ระดับความรุนแรงของอาการทางจิตเคสนี้สามารถกินยาแล้วใช้ชีวิตปกติได้ แต่หมอเน้นย้ำมากว่าห้ามลืมกินยาไปแม้แต่เม็ดเดียว เพราะทุกเม็ดมีผลต่อการทำงานของสมองและพฤติกรรมที่แสดงผลออกมา ผมก็รับปากกับหมอว่าจะดูแลพ่อแบบใกล้ชิดที่สุด แล้วจะควบคุมเรื่องการกินยาอย่างไม่ขาดสาย

             ผมขับรถกลับบ้านมาพร้อมกับพ่อที่มีอารมณ์สุนทรีย์กว่าปกติ เพราะพ่อรู้ว่าจะไม่ต้องไปโรงบาลจิตนั้นอีกแล้ว

             “พ่อหิวอะไรหรือยัง ผมจะได้แกะข้าวในกล่องให้เลย”

             “หิวแต่ยังไม่กิน พ่อจะรอตอนดึกๆ เดี๋ยวก็มีป้าแก่ๆเอาอะไรมาให้พ่อกินในห้องนอน” หลังพ่อพูดจบ ผมก็นึกในใจ “พ่อพูดอะไรออกมาวะเนี่ย พูดออกมาได้น่าหลอนมาก แต่ก็ด้วยอาการของพ่อน่ะแหละ การพูดอะไรทำนองแบบนี้มันก็เป็นเรื่องปกติของเขา” ผมก็พยายามเอาเหตุผลเรื่องอาการของพ่อมาข่มความคิดมากของตัวเอง

             “เอาน่าพ่อ ไม่ต้องรอใครหรอก พ่อกินข้าวกล่องนี่ดีกว่า ผมซื้อมาให้แล้ว” ผมก็พยายามพูดตะล่อมให้พ่อกินข้าวตอนนี้ให้ได้ จนสดท้ายเขาก็ยอมกินน่ะแหละครับ แต่ก็บ่นพึมพำเรื่องป้าแก่ตอนดึกๆอยู่ได้ หลอนก็หลอน แต่หน้าที่ลูกก็ต้องทำ ชีวิตผมตอนนี้มันเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

             หลังจากที่ผมกับพ่อทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ ทั้งกินข้าว อาบน้ำ ก็พร้อมที่จะเข้านอน อ้อ.. ผมลืมบอกไปว่าผมกับพ่อปกติจะนอนแยกห้องกันน่ะครับ แต่ตั้งแต่ที่พ่อไปพบจิตแพทย์ ผมคงไม่ปล่อยให้แกนอนคนเดียวลำพังแน่ๆ เกิดพ่อคลั่งขึ้นมาทำร้ายตัวเองจนพ่อเป็นอะไรไป ผมคงไม่ให้อภัยตัวเองแน่ๆ เอาแกมาไว้ใกล้ชิดแบบนี้แหละ ดีแล้ว...

             “เอ้อ.. พ่อลืมหมอนน่ะ เดี๋ยวพ่อไปเอามาเพิ่มแปปนึงนะลูก..”

             “ก็หมอนนี่ไงพ่อ ปกติพ่อนอนกับผม ก็นี่หมอนผม.. ละนั่นก็หมอนพ่อไง พ่อจะเอามาทำอะไรอีกอะ”

             “เอ้าแล้วป้าแกจะนอนยังไง ป้าแกอยู่ใต้เตียงเรามาหลายวันละนะ ให้แกขึ้นมานอนข้างบนบ้างสิ” เอาอีกแล้ว.. พ่อพูดอะไรแบบนี้อีกแล้ว ผมกับพ่อก็เถียงกันอยู่พักนึงว่า บ้านเราไม่มีป้าอะไรทั้งนั้นเราอยู่กันแค่สองคน จะไม่มีบุคคลที่สามอะไรทั้งสิ้น หลังผมพูดจบ พ่อก็แทรกขึ้นมาทันทีเลยว่า “ดูซิ แกบอกจะไม่ให้ป้าเขานอน ป้าเขาโกรธเลย อย่าทำให้ป้าแกโกรธสิลูก คืนนี้จะได้หลับแบบสบายๆ” ผมตกใจทุกประโยคที่ออกมาจากปากพ่อ แต่ก็พยายามบริกรรมคำว่า ‘อาการพ่อ, อาการพ่อ, อาการพ่อ’ อยู่ในใจเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน จนสุดท้ายผมตัดสินใจที่จะให้พ่อเอาหมอนที่สามมาวางไว้บนที่นอน เพื่อที่พ่อจะได้นอนหลับไปสักที

             ความคาดหวังเริ่มเป็นผล เพราะพ่อนอนหลับไปได้แล้ว จนผมเริ่มจะหลับตามๆกับพ่อไป แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เคลิบเคลิ้มไปกันการนอน จู่ๆผมก็ได้ยินเสียงพ่อเหมือนสูดอากาศเข้าทางปากอย่างแรง! ผมรีบเปิดไฟที่หัวเตียงเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ ว่าแกหายใจไม่ออกหรือเปล่า แต่พอไฟเปิดขึ้น! ผมเห็นพ่ออ้าปากกว้างแบบกว้างมากๆ กว้างแบบคนปกติไม่น่าจะทำได้ แล้วตาพ่อก็เหลือกมองไปทีเพดานห้อง แกอ้าปากได้สักพักแกก็เริ่มประกบปาก แล้วเคี้ยวบางอย่างอยู่ในปาก แต่ผมจะอยู่เฉยได้ยังไง เพราะสิ่งที่พ่อกำลังทำคือ เขากำลังเคี้ยวลิ้วตัวเองเองอยู่!

             “พ่อ!! พ่อ! พ่อเป็นอะไร! พ่อหยุดได้ไหม!” ผมตะโกนให้พ่อหยุดเคี้ยวลิ้นตัวเองเพราะเลือดกบปากไปหมดแล้ว จะรู้จะห้ามยังไง จะเอาอะไรไปยัดให้หยุดก็ไม่ได้ ผมพยายามเขย่าตัวให้แกมีสติขึ้นมาเดี๋ยวนั้น แล้วรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรหาสายด่วนแบบไม่รอช้า แต่!... แบตผมหมดไปได้ยังไง?? เพิ่งจะเสียบชาตไปเต็ม 100% เมื่อเย็นนี้เอง มันจะหมดไปเองได้ยังไง?? ผมรีบวิ่งลงไปข้างล่างเพื่อไปใช้โทรศัพท์บ้าน ผมรีบกด 1669 หน่วยแพทย์ฉุกเฉินแบบเต็มสปีด

             “ฮัลโหลครับ ขอรถพยายาลด่วนเลยครับ รีบมาเลยนะครับ ที่....” ยังไม่ทันจะพูดสถานที่กับเจ้าหน้าที่เลย ผมเห็นคนแก่หลังค่อมยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน คอเอียงเกือบถึงไหล่ สายตาจ้องเขม่งมาที่ผม

             “นั่นใครวะ!!” ผมตะโกนไปอย่างเสียงแข็งให้รู้ว่าไม่กลัว ทั้งทีในใจแทบจะสติแตกอยู่แล้ว จนหญิงแก่คนนั้นก็เดินหายไปหลังโรงรถ

             “นี่เจ้าหน้าที่เองค่ะ ชื่อถี่ยิบค่ะ” เจ้าหน้าที่รีบขานกลับเพราะเขาคิดว่าผมตวาดใส่

             “เอ่อโทษทีครับ ผมไม่ได้หมายถึงคุณ... ช่างมันเถอะครับ ตอนนี้รีบส่งรถพยาบาลมาเลยนะครับ ที่อยู่...” ผมรีบแจ้งที่อยู่กับเจ้าหน้าที่ด้วยน้ำเสียงลุกลี้ลุกรน แล้ววางสายใส่ทันที เพราะต้องรีบขึ้นไปดูพ่อที่อยู่ข้างบนเดี๋ยวนี้!

             แต่มันสายไปแล้ว... พ่อผมตายบนเตียงนอนแบบสภาพศพเละจนดูไม่ได้ มือทั้งสองข้างของพ่อนิ้วหายไปเกือบหมด สภาพแผลเหมือนโดนกัดแทะ เบ้าตาของพ่อหายไปข้างนึง เหมือนรอยกัดที่รอบเบ้าตา เอาง่ายๆเลยคือ พ่อผมเหมือนโดนแทะกินไปทั้งตัว! ผมล้มทั้งยืนเพราะใจนึงก็แทบจะสลายเพราะเห็นพ่อตัวเองต้องตายแบบสภาพน่าอนาถแบบนี้ แต่อีกใจนึงก็อดแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ่อไม่ได้ หาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้ว่าทำไม รอยกัดบางส่วนเช่นที่มือยังพอสันนิษฐานได้ว่าพ่อเป็นคนกัดเอง เพราะขนาดลิ้นเขายังเคี้ยวเลย แต่ทั้งเบ้าตา และที่หน้าพ่ออีกหลายๆจุด ตัวเขาเองทำไม่ได้อยู่แล้ว แล้วรอยกัดเหวอะหวะที่หน้าแบบนั้นมันเกิดขึ้นได้ยังไง! จู่ๆ ภาพหญิงแก่คนที่ผมเจอเมื่อสักครู่ก็เด้งขึ้นมาในหัว ผมรีบเดินตรงลงไปที่โรงรถทันที เพราะเธอเพิ่งจะหายเข้าไปในนั้น เพื่อหาคำตอบว่าหญิงแก่คนนั้นเป็นใครกันแน่ เพราะรูปพรรณสัณฐานของเธอมันตรงกับที่พ่อเคยเล่ามาๆทั้งหมด

             ผมรวบรวมความกล้าโดยการคว้าไฟฉายกระบอกหนึ่ง แล้วเดินตรงเข้าไปที่โรงรถเดี๋ยวนั้น เผื่อจะได้คำตอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้บ้าง เมื่อผมถึงโรงรถผมอยากจะถอดใจแล้ววิ่งออกไปจากบ้านเดี๋ยวนั้น เพราะหญิงแก่สภาพแปลกประหลาดที่ผมเห็นเมื่อสักครู่ กำลังนั่งแทะกินลูกตาและนิ้วมือของพ่ออยู่ในมุมมืดๆที่ท้ายรถของผม! ผมเอาไฟฉายส่องไปที่หน้าของหญิงแก่คนนั้น จนมันมองมาที่ผมโดยแสยะพร้อมกับคราบเลือดที่เต็มปาก

             “จำกูไม่ได้หรอ... ” เสียงสั่นๆของหญิงแก่คนนั้นพูดขึ้น ราวกับเคยเจอกับผมมาก่อน! จิตวิญญาณของความหวาดกลัวมันพลั่งพลูขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ผมนึกในใจว่า "แมวดำเดินผ่านสมองยังคิดไปไกลต่างๆนาๆ แต่นี่ผีทักว่าจำได้ไหม.. จะให้กูคิดว่าเป็นเพื่อนสมัยมัธยมหรือไงห้ะอีแก่นี่?" แต่แล้วด้วยความสว่างของไฟฉายที่ผมสาดแสงเข้าไปที่หน้าของหญิงแก่คนนั้น ผมก็เลยเห็นหน้าได้ชัดเจนมากขึ้น จนนึกอะไรบางอย่างได้...

             ผมนึกย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว พ่อชอบเก็บตัวเองอยู่ในห้องนอนจนแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย จนมีอยู่วันนึงผมเข้าไปทำความสะอาด เพราะพ่อออกไปทำธุระเรื่องธนาคารนอกบ้าน ผมเจอธูปและเทียน พร้อมกับอุปกรณ์ทำของในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ่นขี้ผึ้ง ควายธนู น้ำมันพราย มีดที่มีผ้ายันต์พันรอบอยู่ และที่น่าฉงนที่สุดคือเส้นผมยาวๆของใครก็ไม่รู้อยู่ที่ใต้ปลอกหมอน จนถึงเวลากลางคืนในวันนั้นหลังจากที่ผมเจอของพวกนี้ของพ่อ ผมฝันว่ามีหญิงแก่คนนึง ที่นึกๆไปแล้วก็คือคนที่ผมเจอที่โรงรถในตอนนี้! มาบอกผมว่า “สักวันของจะเข้าตัวพ่อ” โดยที่ผมคิดว่าสิ่งพวกนั้นเป็นความฝันมาโดยตลอด แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันเชื่องโยงกับเหตุการณ์ในวันนี้ทั้งหมด นั่นก็แปลว่าพ่อผมเล่นของ ไสยศาสตร์สายมืดที่ตอนนี้มันเข้าตัวจนเป็นเหตุให้ต้องตายแบบอนาถแบบนี้

             จู่ๆไฟฉายที่ผมส่องหน้าหญิงแก่ก็เกิดรวนขึ้นมา ติดๆดับๆ แล้วก็ดับไปเลย พอไฟเปิดขึ้นมาอีกทีหญิงแก่นั่นก็ได้หายไปแล้ว พร้อมกับซากอวัยวะต่างๆของพ่อผมที่มันกินกองกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นโรงรถไปหมด จนในที่สุดรถพยาบาลที่ผมโทรไปแจ้งก็มาถึง เจ้าหน้าที่กู้ภัยยกศพพ่อผมไป พร้อมทั้งไถ่ถามกันชุดใหญ่กว่าเกิดอะไรขึ้น โดยที่ผมตอบอะไรไม่ได้สักอย่าง ถึงแม้จะมีคำตอบอยู่แล้วในใจ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างของผมในตอนนั้นมันเต็มไปด้วยความคลุมเคลือ

             ไสยศาสตร์ด้านมืดเป็นสิ่งที่ไม่มีใครควรไปแตะต้อง เพราะต่อให้มันมีอยู่ ก็ไม่ควรมีใครไปใช้มันอยู่ดี ของพวกนี้มันเป็นยิ่งกว่าดาบ ที่วันนึงมันจะกลับมาแทงเราจนคร่าชีวิตคนคนนึงไปอย่างปริศนาแบบพ่อผม จากประเด็นนี้ก็คงจะคาดเดาได้แล้วว่าอาการทางจิตที่พ่อผมประสบมาตลอดระยะเวลา 3 ปี ก็คงเกิดมาจากสิ่งพวกนี้ที่พ่อควบคุมมันไม่ได้ แล้ววันนี้มันกลับมาทำร้ายพ่อเอง...

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเรื่องราวต่อๆไปได้ที่ เพจ Facebook : ง่วง https://www.facebook.com/getbacktobed
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่