ติดค้างคุณ “ผลึกหิน” เอาไว้เรื่องทัศนะคติของชาวต่างชาติต่อประเพณีไทยการเรียกร้องค่าสินสอดของฝ่ายหญิง ผมตั้งหัวข้อไว้หลายจุด แล้วตบท้ายด้วยการเกาะกระแส “บุพเพสันนิวาส” จะเกี่ยวพันกันอย่างไร ผมจะพยายามนะครับ
“ค่าสินสอด” เชื่อว่าหลายประเทศก็คงจะมี และมีมาตั้งแต่ยุคโบราณด้วยซ้ำ อาจจะไม่ใช่ในรูปแบบเงินทอง เช่นเป็นสัตว์แทน อย่างชาวเขาบางเผ่าก็เรียกร้องสินสอดแบบหมูเก้าตัวสิบตัว หลายสิบปีมานี่กระแสหญิงไทยแต่งงานกับฝรั่งเยอะมาก ฝรั่งที่ไม่คุ้นเคยประเพณีไทยเมื่อเจอการเรียกร้องค่า “สินสอด” ก็ถึงกับอึ้ง ประมาณว่าขายลูกสาวกินหรือไร? บางรายก็น่าเห็นใจถึงกับเลิกรักไปเลยก็มี
เรื่องอย่างนี้สามารถมองได้หลากหลายมุมมองไม่ว่าฝั่งไทยหรือฝั่งฝรั่ง ถ้าต่างฝ่ายต่างมีฐานะด้วยกันทั้งคู่ ไม่น่าจะมีคำครหาจากทั้งสองฝ่าย และนั่นจะถูกมองว่าทำตามประเพณีไทย แต่ถ้าฝ่ายหญิงมีฐานะไม่ดีและเรียกร้องค่าสินสอดไป....ทิศทางของคำครหาส่วนหนึ่งสามารถเดาได้ว่าครอบครัวของฝ่ายหญิงกำลังขายลูกกิน สำหรับฝรั่งแล้ว...โดยทั่วๆ ไปเขาไม่ได้วิจารณ์เรื่องนี้มากมายหรือรุนแรงอะไรมากนัก (คหสตและจากประสบการณ์) เสียงนินทาครหาส่วนใหญ่ผมมักจะได้ยินจากการซุบซิบนินทาของฝ่ายคนไทยซะมากกว่า ดังนั้น เรื่องนี้ผมคงต้องย้อนกลับไปถามคห. คุณหินผลึกนะครับมองเรื่องนี้อย่างไร? อนึ่ง ภาคอีสานสมัยก่อน หากหนุ่มสาวรักกันจริงๆ คนโบราณเขาก็มีประเพณี “เปิดทาง” ให้มีการหลีกเลี่ยง “ค่าสินสอด” ได้ โดยหญิงสาวแอบนัดให้ไอ้หนุ่มปีนหน้าต่างย่องขึ้นบ้านแล้วหลับนอนได้เสียกัน เมื่อได้เป็นคู่ผัวตัวเมียกันแล้ว พ่อแม่ฝ่ายหญิงก็คงต้องยอมล่ะ ไม่ยอมดูสิ...เป็นได้โจษขานลือกันทั้งตำบล ถึงตอนนี้ฝ่ายชายก็ต้องแต่ง “ขันธ์ห้า” ดอกไม้ธูปเทียนอย่างละห้าคู่พร้อมข้าวยาปลาปลิ้งมาทำพิธีขอสุมา (ขอขมา)ต่อทั้งพ่อแม่และผีบ้านผีเรือน (เพราะทำผิดผี) ถ้าใครเคยอ่าน “ลูกอีสาน” ของคำพูน บุญทวีก็จะทราบประเพณีนี้ดี
ทรัพย์สินศฤงคาร พิธีกรรมอันหรูหราอลังการ เสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับราคาแพง....เหล่านี้ไม่ใช่มาตรวัดค่าของความรัก..
เมื่อใดที่ใจสองดวงปฏิพัทธ์............แม้ดอกหญ้าเพียงดอกเดียวก็เลอค่าฯ วัชรานนท์
มีต่อ.......แบบว่ากำลังร่ายสดน่ะครับ
....ความรักไทยกับต่างชาติ./..ค่าสินสอด/...การเมือง.../บุพเพสันนิวาส..../วัชรานนท์
“ค่าสินสอด” เชื่อว่าหลายประเทศก็คงจะมี และมีมาตั้งแต่ยุคโบราณด้วยซ้ำ อาจจะไม่ใช่ในรูปแบบเงินทอง เช่นเป็นสัตว์แทน อย่างชาวเขาบางเผ่าก็เรียกร้องสินสอดแบบหมูเก้าตัวสิบตัว หลายสิบปีมานี่กระแสหญิงไทยแต่งงานกับฝรั่งเยอะมาก ฝรั่งที่ไม่คุ้นเคยประเพณีไทยเมื่อเจอการเรียกร้องค่า “สินสอด” ก็ถึงกับอึ้ง ประมาณว่าขายลูกสาวกินหรือไร? บางรายก็น่าเห็นใจถึงกับเลิกรักไปเลยก็มี
เรื่องอย่างนี้สามารถมองได้หลากหลายมุมมองไม่ว่าฝั่งไทยหรือฝั่งฝรั่ง ถ้าต่างฝ่ายต่างมีฐานะด้วยกันทั้งคู่ ไม่น่าจะมีคำครหาจากทั้งสองฝ่าย และนั่นจะถูกมองว่าทำตามประเพณีไทย แต่ถ้าฝ่ายหญิงมีฐานะไม่ดีและเรียกร้องค่าสินสอดไป....ทิศทางของคำครหาส่วนหนึ่งสามารถเดาได้ว่าครอบครัวของฝ่ายหญิงกำลังขายลูกกิน สำหรับฝรั่งแล้ว...โดยทั่วๆ ไปเขาไม่ได้วิจารณ์เรื่องนี้มากมายหรือรุนแรงอะไรมากนัก (คหสตและจากประสบการณ์) เสียงนินทาครหาส่วนใหญ่ผมมักจะได้ยินจากการซุบซิบนินทาของฝ่ายคนไทยซะมากกว่า ดังนั้น เรื่องนี้ผมคงต้องย้อนกลับไปถามคห. คุณหินผลึกนะครับมองเรื่องนี้อย่างไร? อนึ่ง ภาคอีสานสมัยก่อน หากหนุ่มสาวรักกันจริงๆ คนโบราณเขาก็มีประเพณี “เปิดทาง” ให้มีการหลีกเลี่ยง “ค่าสินสอด” ได้ โดยหญิงสาวแอบนัดให้ไอ้หนุ่มปีนหน้าต่างย่องขึ้นบ้านแล้วหลับนอนได้เสียกัน เมื่อได้เป็นคู่ผัวตัวเมียกันแล้ว พ่อแม่ฝ่ายหญิงก็คงต้องยอมล่ะ ไม่ยอมดูสิ...เป็นได้โจษขานลือกันทั้งตำบล ถึงตอนนี้ฝ่ายชายก็ต้องแต่ง “ขันธ์ห้า” ดอกไม้ธูปเทียนอย่างละห้าคู่พร้อมข้าวยาปลาปลิ้งมาทำพิธีขอสุมา (ขอขมา)ต่อทั้งพ่อแม่และผีบ้านผีเรือน (เพราะทำผิดผี) ถ้าใครเคยอ่าน “ลูกอีสาน” ของคำพูน บุญทวีก็จะทราบประเพณีนี้ดี
ทรัพย์สินศฤงคาร พิธีกรรมอันหรูหราอลังการ เสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับราคาแพง....เหล่านี้ไม่ใช่มาตรวัดค่าของความรัก..
เมื่อใดที่ใจสองดวงปฏิพัทธ์............แม้ดอกหญ้าเพียงดอกเดียวก็เลอค่าฯ วัชรานนท์
มีต่อ.......แบบว่ากำลังร่ายสดน่ะครับ