ท้อง และต้องแต่งงาน พ่อแม่ไม่คืนสินสอดให้ไปเลี้ยงลูก เราควรรู้สึกยังไงดี ?

ท้าวความก่อนค่ะ เรากับแฟนอยู่ในวัยทำงาน ยังใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย เงินเดือนออก ปาร์ตี้กัน กินนั่นกินนี่ วางแผนเก็บเงินแต่ก็ไม่สำเร็จทุกที ต่างคนต่างอยากเที่ยว ไม่เคยคิดว่าจะมีน้องมาก่อน
ส่วนตัวก็ทานยาคุมกำเนิดตลอดค่ะ ไม่เคยลืม จนวันที่ตรวจเจอว่ามีน้องเราก็ตกใจ แต่ด้วยความที่เขามาแล้ว เราก็ทำใจในระดับนึงและยอมรับ ตัดสินใจบอกกับแฟนไป บอกทางบ้านแฟนและบ้านเราให้รับรู้

ทางบ้านแฟนพอรู้ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมรับผิดชอบและรีบไปคุยกับที่บ้านเรา ว่าต้องการจัดงานยังไง ถามพ่อแม่ฝั่งเราว่าอยากได้แบบไหน ตอนแรกพ่อกับแม่เราบอกว่า "ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรค่ะ ขอแค่ลูกเจอครอบครัวที่ดีก็พอแล้ว ส่วนเรื่องสินสอดทองหมั้น ก็แล้วแต่ฝั่งชายจะให้ ตามสมควร"

ตอนได้ยินคำว่าสินสอด ทางบ้านแฟนเขาแปลกใจค่ะ ด้วยความที่เป็นครอบครัวสมัยใหม่และเป็นคนจีน ปกติแล้วเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งนั้นเลย และแทบไม่มีเรื่องสินสอดอยู่แล้ว แต่ทางบ้านเราเป็นคนอีสานค่ะ เลยให้ความสำคัญ

พอได้ยินแบบนั้น เรากับแฟนก็ปรึกษากัน ว่าจะให้เขาตามสมควรยังไงดี ฝั่งบ้านแฟนเขาอยากรับผิดชอบตามประเพณีที่บ้านเราอยากให้ทำค่ะ ก็หาข้อมูลว่าสินสอดนี่มันคือยังไง ต้องเท่าไหร่ถึงจะไม่น่าเกลียด แต่ก็พบว่า ถ้าฉุกเฉินจริงๆเขาจะให้วางเป็นหน้าเป็นตาฝ่ายหญิง ไม่ให้พ่อแม่เสียหน้า แต่ส่วนมากเขาจะให้ลูกๆคืนมาไปตั้งตัว
พอรู้แบบนั้นก็สบายใจ คุยกันไว้ว่า วางให้บ้านเรา 1 แสนก็ไม่ได้น่าเกลียดเกินไป ถือว่า 1 แสนก็ไม่มากไม่น้อย แม้ว่าตอนนี้เราจะมีเงินเก็บไม่ถึง 4 หมื่นก็ตาม

แฟนเราบอกว่า หาได้ หาทัน และคิดกันไว้ว่า ยังไงเขาก็ให้คืนมาอยู่ดี (ครอบครัวส่วนมากเป็นแบบนั้นค่ะ ทั้งเพื่อนพี่น้อง พ่อแม่เขาคืนสินสอดทุกบาทจากที่ถามมา เราก็คิดว่าเขาจะให้คืน เพราะเรามีน้องทำให้เรามีค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะฝากท้อง คลอดลูก หรือค่าอุปกรณ์เลี้ยงลูก มันหลายอย่าง คิดว่าเขาคงเข้าใจ และคงไม่ใจร้ายกับเราเกินไป)

วันต่อมา เราโทรถามว่า "ตามสมควรคือเท่าไหร่ บอกมาได้เลย ทางฝ่ายชายจะได้หาทัน  วาง1แสนไหม เพราะไม่ค่อยมีเงิน แสนนึงมันก็ไม่มากไม่น้อย" แม่เราบอกว่า "วาง 3 แสน คืน 2 แสน (เอาไป 1 แสน)"
เราจึงเจรจาไปว่า "1 แสนวางได้ แต่ว่าอีก 2 แสน ไม่รู้ว่าจะมีไหม เพราะค่าใช้จ่ายมันก็เยอะ ในระยะเวลาไม่กี่เดือนคงเก็บไม่ถึง 3 แสนแน่ๆ"
ทางบ้านบอก "มีไม่ถึงไม่เป็นไร (เงินวาง) อยากถ่ายรูปเฉยๆ จะเอาจริงๆแค่แสนเดียว"
เราจึงถามไปว่า "ในก้อน 1 แสน ขอเอาไปคลอดลูกได้ไหม 3แสนวางได้ ให้เป็นหน้าเป็นตา แต่คงต้องยืมเพื่อนๆพี่ๆมาทบกันบ้าง เพราะถ้าให้ไปหมด เงินหมดกระเป๋า เราจะไม่มีค่าคลอดเลย ไหนจะค่านม แพมเพิส ค่าเด็กแรกคลอดมันจะเยอะมาก"
แต่ทางบ้านบอก ไม่ได้ค่ะ ให้แล้วมันก็คือต้องให้ ถ้าให้แล้วเอาคืนจะให้มาทำไม จริงๆแล้วมีหลายคำพูดมากกว่านั้น ที่ทำให้เราสับสน ว่าพ่อแม่รักเราจริงๆไหม? ในฐานะที่เราก็กำลังจะเป็นแม่คนเหมือนกัน

เช่น
เราขอเวลาเก็บเงินอีกนิด คงต้องเลื่อนงานแต่งไปก่อน เพราะเงินแสนกว่าจะเก็บได้ และเงินวางอีก2แสนต้องหาอีก เขาบอกเราว่า "ไหนบอกว่าอยากรีบรับผิดชอบ แต่พอขอไปทำไมถึงเลื่อน? แล้วมันรีบตรงไหน"

และ ตอนที่เราบอกว่า "ขอเอาลูกมาเป็นอันดับแรกนะ เด็กต้องใช้เงินเยอะมากๆ คงเอาเงินไปทำอย่างอื่นไม่ได้ในตอนนี้จริงๆ" บ้านเราบอกว่า "เอาเด็กมาไว้อันดับแรกทำไม แล้วพ่อกับแม่ล่ะ?"

สรุปเรื่องงานแต่ง ที่ต้องจัดจริงๆ คือ เช้าทำบุญเลี้ยงพระ ขอขมาพ่อแม่ วางเงินสินสอด ถ่ายรูปครอบครัว เป็นอันเสร็จ

คุยกับแฟน แฟนเราตอบตกลง แฟนโอเค เขาปลอบใจว่า เรายังหาใหม่ได้อีกเยอะ

แต่เป็นเราเองที่ยังรู้สึกสับสน เราเข้าใจว่าเงินสินสอด ถ้าให้มันก็คือต้องให้เลย ไม่ต้องคืน ไม่ผิด แต่ในกรณีนี้เราลำบาก และถ้าให้ไปหมด เราจะเอาที่ไหนเลี้ยงลูก ถึงมันจะหาได้ใหม่ก็จริง แต่ถ้ามีคนเห็นใจ เราก็คงลำบากน้อยลงเยอะ

ตกลงแล้ว ทุกคนคิดว่าพ่อกับแม่รักเราจริงไหม ?์
หรือเขาเลี้ยงลูกสาวมาเพื่อเงินตอบแทน เราจะได้รู้ และเข้าใจ

ส่วนตัวคิดว่า ถ้ามีลูกสาว ก็จะไม่เอาสินสอดเลยสักบาท และทางบ้านสามีก็คงคิดเหมือนกัน
และถ้ามีลูกชาย แฟนลูกอยากแต่ง มีเงินสินสอด ก็เอาเลยลูกกก แม่พร้อมสนับสนุน มองว่าความรักมันจะเป็นไปในรูปแบบไหนก็ได้
กำลังจะได้เป็นแม่คนแล้ว อะไรที่ทำให้ลูกมีความสุข เราก็พร้อม แม้จะแลกมาด้วยศักดิ์ศรีก็แลกไปเถอะ เนอะ ถ้าไม่ทำให้พวกเขาลำบาก แม่เองก็มีความสุข
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่