คือเราเป็นคนที่ชอบคิดมาก คิดมากทุกเรื่อง
เรารู้สึกหงุดหงุดมากกว่าปกติมากๆ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เราเริ่มเคียดสะสมมานานมากๆ
เจอเรื่องแย่มาเยอะมาก เกินผญคนนึงจะรับไหว
บ่อยครั้งที่เราคิดว่าโลกมันทำไมถึงเหนื่อยแบบนี้
ทำไมชีวิตถึงโชคร้ายจังเลย เราเคยเคียดจนหาวิธีฆ่าตัวตาย แต่เราก็ไม่ทำเพราะแว๊บแรกเรานึกถึงหน้าแม่ เราร้องไห้กับเรื่องเล็กๆ
แค่เราคีบตุ๊กตาในตู้คีบไม่ได้เราก็เคียดมาก มานั่งร้องไห้ ว่าทำไมคนอื่นยังคีบได้ เราทำไมคีบไม่ได้
เรามันไม่เคยมีดวงอะไรเลย ไม่เคยทำอะไรสำเร็จ
คือแค่เรื่องเล็กๆเราก็เอามาคิดให้มันใหญ่โต
เหมือนเราเป็นบ้า คือจะเล่าก่อนว่าเราเจออะไรมาบ้าง(ยาวหน่อย)
เราไม่รู้นะว่ามันจะเกี่ยวกับอาการที่เราเป็นอยู่รึป่าว
ตั้งแต่เด็ก พ่อแม่เราเลิกกัน แม่เราพาเราทาอยู่กับปู่ย่าและอา(ผช) แล้วแม่ก็ไปทำงานกทม. แล้วเราก็อยู่กับปู่ย่าอามาตั้งแต่เด็ก อาเปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของเราเลย เขาเลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็ก จนขึ้นม.ต้น แม่เราก็พาเราไปอยู่ด้วย ด้วยความที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันมา ก็มีทะเลาะกันกับแม่ตลอด3ปีที่อยู่ด้วยกัน เราก็อยากกลับมาอยู่กับปู่ย่าอา ตลอดเวลาที่อยู่กับแม่3ปี เราเลิกเรียนมาก็เข้าห้อง เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง แต่เราก็ไม่ได้เคียดอะไรมากตอนนั้น เราแค่มีโทรสับ โน้ตบุ้คเราก็อยู่ได้ เราคิดเสมอว่า ตอนเด็กเราอยากได้ความรักจากแม่จากพ่อมากๆ แต่สิ่งที่แม่ให้เราอย่างเดียวคือเงิน สิ่งของนอกกายทุกอย่างที่เขาส่งมา เรากลับรู้สึกว่าจริงๆแล้วเราไม่ได้อยากได้ของพวกนี่เลย เราอยากให้พ่อแม่เรากลับมารักกัน แต่พอเราโตขึ้น เข้าม.ปลาย เราได้ย้ายกลับมาหาปู่ย่าอา ซึ่งตอนนี้อาแต่งงานแล้ว
แต่ก็ยังอยู่บ้านหลังเดิม เขาก็รักเราเหมือนลูก เขาบอกจะเอาเรามาเป็นลูก แต่แฟนเขาไม่ได้ยินดีด้วยเลย
เราคิดว่าชีวิตเราจากนี้คงมีความสุขแล้วแน่ๆ..
พอเราอยู่มาได้สักพัก เราก็ช่วยงานเขาทุกอย่าง(ที่บ้านเขาเปิดร้านอาหาร) เราก็ไปช่วยเสริฟ ล้างจาน เช็ดโต๊ะ ทุกอย่าง ช่วงที่ขึ้นม.ปลาย เปิดเทอมแรกๆ งานก็เยอะแล้ว เราก็ไปทำงานถ่ายวีดีโอกับเพื่อน กลับประมาน1ทุ่ม (ปกติเวลาเลิกเรียนเราจะต้องกลับบ้านเอากระเป๋าไปไว้แล้วออกมาช่วยที่ร้าน) แต่วันนี้เรากลับ1ทุ่ม แต่เราบอกอาแล้วว่าจะกลับช้านะ เพราะต้องถ่ายวีดีโอ แล้วพอถ่ายวีดีโอเสร็จ ประมาน1ทุ่มกว่าเราก็คิดว่าไปช่วยที่ร้านก่อนเลยดีกว่า เลยไม่ได้เข้าบ้าน แล้วเราก็ช่วยงานที่ร้านอยู่เพราะคนเยอะ อาโทรมาว่าเราด้วยคำพูดที่แทงใจเรามาก ว่าทำไมเดี๋ยวนี้ทำตัวเหลวไหล นี่เอาให้แล้วนะ แบบคือตอนนั้นเราจุกมาก คือเราก็บอกเขาทุกอย่าง แต่เขาก็มาว่าเรา
เราดาวมากความรู้สึก แล้วเขาก็ว่าเราว่าไปทำงานกลุ่มไปหาผช คือกลุ่มเราที่ทำงานด้วยกัน มีผชอยู่ด้วย ซึ่งเป็นแค่เพื่อนกัน แล้วก็ทำที่โรงเรียน ไม่ว่าเราจะพูดยังไงเขาก็ไม่ฟังเลย เราเลยเงียบ ไม่พูดแล้ว เรารู้สึกเหนื่อยและท้อมากๆ กับการที่เราทำดีแทบตาย เขาไม่เคยเห็นเลย เราพยายามทำให้ดีทุกอย่าง เราอยากเป็นแอร์ เพราะเราอยากพาครอบครัวเราไปเที่ยว ต่างประเทศ เราฝันไว้แบบนั้น แต่พอเรามาเจอเหตุการต่างๆในบ้านเรา เราสับสนทุกอย่างกับชีวิต ปู่เราป่วยกะทันหัน ย่าเราก็ต้องผ่าตัดลำไส้ เรารู้สึกแย่มาก
แล้วอาสะใภ้ เขาก็ชอบพูดบอกว่า เงินที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ก็เงินอาผชทั้งนั้น พ่อแม่ส่งมาให้แค่นั้นจะพออะไร
คือเราก็ได้เงินวันละ100 กลับบ้านมาก็ไม่ได้เพิ่ม
จากวันที่เขาพูดแบบนั้นเราก็ไม่ขอเงินเขาอีกเลย
แต่เขาก็พูดอยู่เรื่อยๆ จนเราทนไม่ไหว เขาเป็นแฟนกัน เราไม่รู้ว่าอาผญจะพูดอะไรกับอาเราบ้าง
หลังจากกลับมาจากปิดเทอมเราไม่หาพ่อมาตอนปิดเทอม พอเรากลับมา ก็ไม่มีใครพูดกับเราเลย รวมทั้งอาเรา เราก็โอเค ยังมีปู่กับย่า (ปู่เราป่วยเป็นอัมพึกครึ่งซีกพูดได้ไม่ชัด ย่าเรากำลังพักฟื้น เพราะพึ่งผ่าตัดเสร็จ)
แต่ว่าเราเจอมาหนักกว่าที่เราเล่ามาเยอะ จนที่ทำให้เราทนไม่ไหว เราเลยหนีออกมาจากบ้าน ก่อนออกจากบ้านเรากราบปู่กับย่า แล้วเราตั้งปณิธานว่าจะไม่กลับมาเหยียบอีก เราแค่นใจ เสียใจมาก ที่เขาทำกับเราได้ลง เราเลยออกมา โดยอย่างแรกที่เราเก็บมาคือชุดนร ชุดพละ รองเท้านร รองเท้าพละ แต่หนังสือเรียน เสื้อผ้าเราเอาไปแค่3ชุด แค่นั้น
เราก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า แล้วก็ขับมอไซ(ของเรา) ออกไปเลย ตอนนั้นมีแต่แฟนอาที่อยู่ อาเราไปข้างนอก. เราขับออกมาทั้งน้ำตา เราขับไปหอเพื่อน เพราะเราไม่มีที่พึ่งแล้ว เราเคว้งคว้างมาก จนที่บ้านเรารู้ว่าเราหนีออกมา ก็โทรมาบอกแม่เรา แม่เราโทรมาว่าเรา ทำไมทำแบบนี้ว่าสารพัด จนเราพูดคำนึงกับเขาบอกว่า ขนาดแม่ยังไม่ฟังหนู แล้วจะมีใครฟังหนู หนูไม่เหลือใครแล้ว แม่เราเงียบ แล้วบอกพนจะมาหา แล้วแม่ก็มาจริงๆ แม่มาเช่าหอให้เรา แม่ก็บอกกับเราว่า เห็นมั้ยแม่บอกแล้ว ว่าเขาไม่ใช่พ่อแม่เรา แล้วเป็นยังไงล่ะ ตอนนั้นเรารู้ซึ้งเลย ว่าไม่มีใครในโลกดีเท่าแม่อีกแล้ว
แล้วจากนั้นเราก็ไม่เคยยุ่งกับบ้านนั้นอีกเลย เราพยายามหลีกเลี่ยงสถานที่ ที่จะเจอที่บ้าน เช่นแถวบ้าน แถวร้านอาหาร เราไม่ไปเลย
เราอยู่แบบนั้นมา ปีกว่า เราก็อยู่คนเดียวได้สบาย มีเพื่อน ปกติดี เราเข้าวงดนตรี เล่นดนตรี ได้เจอคนเยอะ เราก็ได้เรียนรู้ประสบการอะไรมากมายหลายอย่าง
เราก็สนิทกับครูที่สอนคนนึง เราคิดกับเขาเหมือนพ่อเลย แบบว่าทำไมครูคนนี้เหมือนพ่อเราจัง เรารักเขาเหมือนพ่อ ตอนนั้นเราหน้าโง่มากที่คิดแบบนั้น เราโง่มากไม่รู้อะไรเลย เราคิดว่าเขาคงเอ็นดูเราเหมือนลูก เพราะเขารู้เรื่องที่เอาออกจากบ้านมา เจออะไรมา
แล้วเขาชอบพาไปกิน นู่นกินนี่ เราก็โง่ไม่รู้เรื่องเลย
เขาชอบไลน์มา แต่เขามีลูกมีเมียแล้ว เราไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้เลย เราเกือบโดนเขาข่มขืน เรารอดมาได้หวุดหวิดมาก เราร้องไห้ตัวสั่นเป็นหลายชม
เราก็เริ่มคิดแล้วว่าโลกความจริงมันโหดร้าย ขนานคนที่เราไว้ใจยังไว้ใจไม่ได้เลย
เราก็ไม่อยากเจอหน้าเขาเลย แต่เพราะต้องเรียนกับเขา เราพยายามไม่มองหน้า พอเขาเข้ามาใกล้เรากลัวมาก เราสะดุ้ง ตัวสั่น แต่เราพยายามเก็บอาการ
เพื่อนเราให้แจ้งความแต่ เราไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ เราไม่อยากให้แม่เราเป็นห่วง เราบอกเพื่อนสนิทเราไม่กี่คน เพราะอยากให้เพื่อนระวังตัว
จากนั้น เราก็เข้าวงประสานเสียง เราก็ร้องได้ แต่เราเป็นรุ่นพี่ เราโดนด่าโดนว่าตลอด จนเราเก็บไปร้องไห้ เราเคียดมากที่ทำไม่ได้สะที เราซ้อมหนักมาก ทุกวันๆ เราเคียด แล้วเราเคยพยายามหาวิธีที่ตายแบบไม่ทรมาน แต่นานมาแล้ว กลับมาปัจจุบันที่เราเป็นอยู่ตอนนี้คือเราเบื่อกับชีวิตมาก เราคิดมากทุกเรื่อง
เราอยากให้แม่เราสบาย กลัวทำให้แม่ภูมิใจไม่ได้
เราไม่เก่งเหมือนเมื่อก่อน เรารู้สึกการเรียนเราแย่ลงมากๆหลังจากมาอยู่หอคนเดียว เราไม่มีสมาธิทำอะไรเลย เราพยายามตั้งใจเรียน แต่ทำยังไงก็ไม่รู้ ทั้งๆที่เมื่อก่อน ฟังแปปเดียวก็เข้าใจ แต่ตอนนี้เราไม่มีสมาธิทำอะไรเลย เรากลัวว่าเราจะสอบเข้ามหาลัยที่แม่ให้เข้าไม่ได้ แม่อยากให้เราเข้านานาชาติ แต่เราไม่เก่งภาษาอังกฤษขนาดนั้น เราคิดว่าตัวเองไม่เคยมีโชคอะไรเลย ทำไมถึงต้องเกิดมา ไม่น่าเกิดมาเลย
เราเป็นแบบนี้มานาน
เรานอนไม่หลับ ไม่ว่าจะข่มตายังไงก็ไม่หลับ
จนเราต้องนอนเกือบเข้าทุกวัน ตี5-6 เช้า เราถึงจะหลับลง เราไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร ทำไมเราถึงคิดแบบนี้
เราว่าเราเหมือนเป็นบ้า เราจะไปหาหมอดีมั้ย
หรือมันเป็นเรื่องธรรมดาใครๆก็เป็นกัน
ช่วยตอบหน่อยนะคะ ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิต
อาการแบบนี้ควรไปพบแพทย์ดีมั้ย
เรารู้สึกหงุดหงุดมากกว่าปกติมากๆ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เราเริ่มเคียดสะสมมานานมากๆ
เจอเรื่องแย่มาเยอะมาก เกินผญคนนึงจะรับไหว
บ่อยครั้งที่เราคิดว่าโลกมันทำไมถึงเหนื่อยแบบนี้
ทำไมชีวิตถึงโชคร้ายจังเลย เราเคยเคียดจนหาวิธีฆ่าตัวตาย แต่เราก็ไม่ทำเพราะแว๊บแรกเรานึกถึงหน้าแม่ เราร้องไห้กับเรื่องเล็กๆ
แค่เราคีบตุ๊กตาในตู้คีบไม่ได้เราก็เคียดมาก มานั่งร้องไห้ ว่าทำไมคนอื่นยังคีบได้ เราทำไมคีบไม่ได้
เรามันไม่เคยมีดวงอะไรเลย ไม่เคยทำอะไรสำเร็จ
คือแค่เรื่องเล็กๆเราก็เอามาคิดให้มันใหญ่โต
เหมือนเราเป็นบ้า คือจะเล่าก่อนว่าเราเจออะไรมาบ้าง(ยาวหน่อย)
เราไม่รู้นะว่ามันจะเกี่ยวกับอาการที่เราเป็นอยู่รึป่าว
ตั้งแต่เด็ก พ่อแม่เราเลิกกัน แม่เราพาเราทาอยู่กับปู่ย่าและอา(ผช) แล้วแม่ก็ไปทำงานกทม. แล้วเราก็อยู่กับปู่ย่าอามาตั้งแต่เด็ก อาเปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของเราเลย เขาเลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็ก จนขึ้นม.ต้น แม่เราก็พาเราไปอยู่ด้วย ด้วยความที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันมา ก็มีทะเลาะกันกับแม่ตลอด3ปีที่อยู่ด้วยกัน เราก็อยากกลับมาอยู่กับปู่ย่าอา ตลอดเวลาที่อยู่กับแม่3ปี เราเลิกเรียนมาก็เข้าห้อง เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง แต่เราก็ไม่ได้เคียดอะไรมากตอนนั้น เราแค่มีโทรสับ โน้ตบุ้คเราก็อยู่ได้ เราคิดเสมอว่า ตอนเด็กเราอยากได้ความรักจากแม่จากพ่อมากๆ แต่สิ่งที่แม่ให้เราอย่างเดียวคือเงิน สิ่งของนอกกายทุกอย่างที่เขาส่งมา เรากลับรู้สึกว่าจริงๆแล้วเราไม่ได้อยากได้ของพวกนี่เลย เราอยากให้พ่อแม่เรากลับมารักกัน แต่พอเราโตขึ้น เข้าม.ปลาย เราได้ย้ายกลับมาหาปู่ย่าอา ซึ่งตอนนี้อาแต่งงานแล้ว
แต่ก็ยังอยู่บ้านหลังเดิม เขาก็รักเราเหมือนลูก เขาบอกจะเอาเรามาเป็นลูก แต่แฟนเขาไม่ได้ยินดีด้วยเลย
เราคิดว่าชีวิตเราจากนี้คงมีความสุขแล้วแน่ๆ..
พอเราอยู่มาได้สักพัก เราก็ช่วยงานเขาทุกอย่าง(ที่บ้านเขาเปิดร้านอาหาร) เราก็ไปช่วยเสริฟ ล้างจาน เช็ดโต๊ะ ทุกอย่าง ช่วงที่ขึ้นม.ปลาย เปิดเทอมแรกๆ งานก็เยอะแล้ว เราก็ไปทำงานถ่ายวีดีโอกับเพื่อน กลับประมาน1ทุ่ม (ปกติเวลาเลิกเรียนเราจะต้องกลับบ้านเอากระเป๋าไปไว้แล้วออกมาช่วยที่ร้าน) แต่วันนี้เรากลับ1ทุ่ม แต่เราบอกอาแล้วว่าจะกลับช้านะ เพราะต้องถ่ายวีดีโอ แล้วพอถ่ายวีดีโอเสร็จ ประมาน1ทุ่มกว่าเราก็คิดว่าไปช่วยที่ร้านก่อนเลยดีกว่า เลยไม่ได้เข้าบ้าน แล้วเราก็ช่วยงานที่ร้านอยู่เพราะคนเยอะ อาโทรมาว่าเราด้วยคำพูดที่แทงใจเรามาก ว่าทำไมเดี๋ยวนี้ทำตัวเหลวไหล นี่เอาให้แล้วนะ แบบคือตอนนั้นเราจุกมาก คือเราก็บอกเขาทุกอย่าง แต่เขาก็มาว่าเรา
เราดาวมากความรู้สึก แล้วเขาก็ว่าเราว่าไปทำงานกลุ่มไปหาผช คือกลุ่มเราที่ทำงานด้วยกัน มีผชอยู่ด้วย ซึ่งเป็นแค่เพื่อนกัน แล้วก็ทำที่โรงเรียน ไม่ว่าเราจะพูดยังไงเขาก็ไม่ฟังเลย เราเลยเงียบ ไม่พูดแล้ว เรารู้สึกเหนื่อยและท้อมากๆ กับการที่เราทำดีแทบตาย เขาไม่เคยเห็นเลย เราพยายามทำให้ดีทุกอย่าง เราอยากเป็นแอร์ เพราะเราอยากพาครอบครัวเราไปเที่ยว ต่างประเทศ เราฝันไว้แบบนั้น แต่พอเรามาเจอเหตุการต่างๆในบ้านเรา เราสับสนทุกอย่างกับชีวิต ปู่เราป่วยกะทันหัน ย่าเราก็ต้องผ่าตัดลำไส้ เรารู้สึกแย่มาก
แล้วอาสะใภ้ เขาก็ชอบพูดบอกว่า เงินที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ก็เงินอาผชทั้งนั้น พ่อแม่ส่งมาให้แค่นั้นจะพออะไร
คือเราก็ได้เงินวันละ100 กลับบ้านมาก็ไม่ได้เพิ่ม
จากวันที่เขาพูดแบบนั้นเราก็ไม่ขอเงินเขาอีกเลย
แต่เขาก็พูดอยู่เรื่อยๆ จนเราทนไม่ไหว เขาเป็นแฟนกัน เราไม่รู้ว่าอาผญจะพูดอะไรกับอาเราบ้าง
หลังจากกลับมาจากปิดเทอมเราไม่หาพ่อมาตอนปิดเทอม พอเรากลับมา ก็ไม่มีใครพูดกับเราเลย รวมทั้งอาเรา เราก็โอเค ยังมีปู่กับย่า (ปู่เราป่วยเป็นอัมพึกครึ่งซีกพูดได้ไม่ชัด ย่าเรากำลังพักฟื้น เพราะพึ่งผ่าตัดเสร็จ)
แต่ว่าเราเจอมาหนักกว่าที่เราเล่ามาเยอะ จนที่ทำให้เราทนไม่ไหว เราเลยหนีออกมาจากบ้าน ก่อนออกจากบ้านเรากราบปู่กับย่า แล้วเราตั้งปณิธานว่าจะไม่กลับมาเหยียบอีก เราแค่นใจ เสียใจมาก ที่เขาทำกับเราได้ลง เราเลยออกมา โดยอย่างแรกที่เราเก็บมาคือชุดนร ชุดพละ รองเท้านร รองเท้าพละ แต่หนังสือเรียน เสื้อผ้าเราเอาไปแค่3ชุด แค่นั้น
เราก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า แล้วก็ขับมอไซ(ของเรา) ออกไปเลย ตอนนั้นมีแต่แฟนอาที่อยู่ อาเราไปข้างนอก. เราขับออกมาทั้งน้ำตา เราขับไปหอเพื่อน เพราะเราไม่มีที่พึ่งแล้ว เราเคว้งคว้างมาก จนที่บ้านเรารู้ว่าเราหนีออกมา ก็โทรมาบอกแม่เรา แม่เราโทรมาว่าเรา ทำไมทำแบบนี้ว่าสารพัด จนเราพูดคำนึงกับเขาบอกว่า ขนาดแม่ยังไม่ฟังหนู แล้วจะมีใครฟังหนู หนูไม่เหลือใครแล้ว แม่เราเงียบ แล้วบอกพนจะมาหา แล้วแม่ก็มาจริงๆ แม่มาเช่าหอให้เรา แม่ก็บอกกับเราว่า เห็นมั้ยแม่บอกแล้ว ว่าเขาไม่ใช่พ่อแม่เรา แล้วเป็นยังไงล่ะ ตอนนั้นเรารู้ซึ้งเลย ว่าไม่มีใครในโลกดีเท่าแม่อีกแล้ว
แล้วจากนั้นเราก็ไม่เคยยุ่งกับบ้านนั้นอีกเลย เราพยายามหลีกเลี่ยงสถานที่ ที่จะเจอที่บ้าน เช่นแถวบ้าน แถวร้านอาหาร เราไม่ไปเลย
เราอยู่แบบนั้นมา ปีกว่า เราก็อยู่คนเดียวได้สบาย มีเพื่อน ปกติดี เราเข้าวงดนตรี เล่นดนตรี ได้เจอคนเยอะ เราก็ได้เรียนรู้ประสบการอะไรมากมายหลายอย่าง
เราก็สนิทกับครูที่สอนคนนึง เราคิดกับเขาเหมือนพ่อเลย แบบว่าทำไมครูคนนี้เหมือนพ่อเราจัง เรารักเขาเหมือนพ่อ ตอนนั้นเราหน้าโง่มากที่คิดแบบนั้น เราโง่มากไม่รู้อะไรเลย เราคิดว่าเขาคงเอ็นดูเราเหมือนลูก เพราะเขารู้เรื่องที่เอาออกจากบ้านมา เจออะไรมา
แล้วเขาชอบพาไปกิน นู่นกินนี่ เราก็โง่ไม่รู้เรื่องเลย
เขาชอบไลน์มา แต่เขามีลูกมีเมียแล้ว เราไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้เลย เราเกือบโดนเขาข่มขืน เรารอดมาได้หวุดหวิดมาก เราร้องไห้ตัวสั่นเป็นหลายชม
เราก็เริ่มคิดแล้วว่าโลกความจริงมันโหดร้าย ขนานคนที่เราไว้ใจยังไว้ใจไม่ได้เลย
เราก็ไม่อยากเจอหน้าเขาเลย แต่เพราะต้องเรียนกับเขา เราพยายามไม่มองหน้า พอเขาเข้ามาใกล้เรากลัวมาก เราสะดุ้ง ตัวสั่น แต่เราพยายามเก็บอาการ
เพื่อนเราให้แจ้งความแต่ เราไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ เราไม่อยากให้แม่เราเป็นห่วง เราบอกเพื่อนสนิทเราไม่กี่คน เพราะอยากให้เพื่อนระวังตัว
จากนั้น เราก็เข้าวงประสานเสียง เราก็ร้องได้ แต่เราเป็นรุ่นพี่ เราโดนด่าโดนว่าตลอด จนเราเก็บไปร้องไห้ เราเคียดมากที่ทำไม่ได้สะที เราซ้อมหนักมาก ทุกวันๆ เราเคียด แล้วเราเคยพยายามหาวิธีที่ตายแบบไม่ทรมาน แต่นานมาแล้ว กลับมาปัจจุบันที่เราเป็นอยู่ตอนนี้คือเราเบื่อกับชีวิตมาก เราคิดมากทุกเรื่อง
เราอยากให้แม่เราสบาย กลัวทำให้แม่ภูมิใจไม่ได้
เราไม่เก่งเหมือนเมื่อก่อน เรารู้สึกการเรียนเราแย่ลงมากๆหลังจากมาอยู่หอคนเดียว เราไม่มีสมาธิทำอะไรเลย เราพยายามตั้งใจเรียน แต่ทำยังไงก็ไม่รู้ ทั้งๆที่เมื่อก่อน ฟังแปปเดียวก็เข้าใจ แต่ตอนนี้เราไม่มีสมาธิทำอะไรเลย เรากลัวว่าเราจะสอบเข้ามหาลัยที่แม่ให้เข้าไม่ได้ แม่อยากให้เราเข้านานาชาติ แต่เราไม่เก่งภาษาอังกฤษขนาดนั้น เราคิดว่าตัวเองไม่เคยมีโชคอะไรเลย ทำไมถึงต้องเกิดมา ไม่น่าเกิดมาเลย
เราเป็นแบบนี้มานาน
เรานอนไม่หลับ ไม่ว่าจะข่มตายังไงก็ไม่หลับ
จนเราต้องนอนเกือบเข้าทุกวัน ตี5-6 เช้า เราถึงจะหลับลง เราไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร ทำไมเราถึงคิดแบบนี้
เราว่าเราเหมือนเป็นบ้า เราจะไปหาหมอดีมั้ย
หรือมันเป็นเรื่องธรรมดาใครๆก็เป็นกัน
ช่วยตอบหน่อยนะคะ ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิต