บันทึกเรื่องราว ขอทุนฟรีไปเรียนนอก ตอนที่ 1: Timeline และรวมทุนเรียนฟรีในยุโรป
สวัสดีค่ะ
เราตั้งกระทู้นี้มาเพื่อบันทึกเรื่องราวของเราเองในการตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโท ตั้งแต่การตัดสินใจว่าจะไปเรียนต่อ ว่าแต่ละขั้นเราทำอะไรบ้าง เพราะก่อนหน้านี้เราก็หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตแล้วหาได้บ้าง ไมได้บ้าง เลยขอมาเล่าไว้ในนี้ เผื่อมีคนมาอ่านแล้วจะนำไปปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ค่ะ
จขกท ตั้งใจไว้ว่าจะเล่าตั้งแต่การหาข้อมูลและเลือกมหาวิทยาลัยที่จะสมัคร, ทุนต่างๆ, การเขียนจดหมาย หรือ SoP, การขอ recommendation letter จากอาจารย์, การสมัคร, การส่งเมล์ไปหา proffessor, การตัดสินใจเลือก Offer ต่างๆ ไปจนถึงหารทำ VISA ก่อนไปเรียนเลยค่ะ
จขกท เริ่มขั้นตอนทั้งหมดเมื่อประมาน 1 ปีที่แล้ว จนตอนนี้ก็กำลังเตรียมตัว จัดกระเป๋าไปเรียนแล้วค่ะ แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ต้องยอมรับว่าเหนื่อยมากๆ เสียเหงื่อ เสียเวลานอน เสียสุขภาพ (แต่ไม่เสียน้ำตานะ อิอิ) ไปเยอะจริงๆ คิดไว้แล้วว่าการสมัครเรียนนั้นยาก(โดยเฉพาะตอนที่เราทำงานไปด้วย สมัครเรียนไปด้วย) ก็เลยไม่ท้อค่ะ ในที่สุดก็มีที่เรียนจนได้ จขกท ก็เลยอยากจะให้กำลังใจกับคนที่กำลังจะสมัครเรียนแล้วมาอ่านกระทู้นี้ไว้ ณ ที่นี้ก่อนเลยนะคะ เราทำได้ คุณก็ทำได้ค่ะ
กระทู้แรกเลยจะขอเล่าคร่าวๆถึง timeline ที่ จขกท ทำ และรวบรวมทุนที่ จขกท สนใจและรวบรวมมา (แน่นอนว่าไม่ครบทุกทุน หากคนอ่านจะแชร์ทุนที่คุณทราบไว้ในกระทู้นี้ด้วย ก็จะเป็นกุศลมากค่ะ คนอื่นๆที่เข้ามาอ่านจะได้ได้ประโยชน์ด้วย)
Timeline
ขอเกริ่นก่อนว่า จขกท อยากเรียนต่อนอกมานานแล้ว เลยเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรและทุนต่างๆตั้งแต่ปลายปี 2016 แต่เพิ่งตัดสินใจว่าจะไปเรียนต่อเมื่อกลางปี 2017 ค่ะ
เนื่องจาก จขกท เป็นคนจน 555 เลยต้องหาทุนที่เป็นทุนเต็มจำนวน แล้ว จขกท ก็ดันเป็นคนที่ไม่ชอบการผูกมัดค่ะ (เคยรับทุนที่มีข้อผูกพันมาแล้ว รู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไร) เลยโฟกัสเฉพาะทุนให้เปล่าเท่านั้นด้วยค่ะ อันไหนที่ต้องออกเงินเอง หรือต้องเซ็นต์สัญญานี่ จขกท คัดออกจากลิสต์ไปก่อนเลยค่ะ อ้อ อีกอย่างคือ จขกท มีความฝันอยากไปเรียนในยุโรปค่ะ เนื่องจากเคยได้รับโอกาสไปทำวิจัยระยะสั้นแล้วชอบชีวิตและบรรยากาศที่นั่นมากๆ จขกท เลยดูเฉพาะทุนในยุโรปนะคะ
ปลายปี 2016 - พฤษภาคม 2017: หาข้อมูล
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ จขกท ยังไม่ได้ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะไปเรียน การหาข้อมูลเลยเหมือนเป็นกิจกรรมยามว่างเอาไว้เฉยๆ ถ้าใครตัดสินใจแล้วว่าไปแน่ๆก็น่าจะใช้เวลาน้อยกว่าที่ จขกท ใช้นะคะ
ช่วงนี้เป็นช่วงหาข้อมูลหลักสูตรที่สนใจ ทุนให้เปล่าต่างๆ มหาวิทยาลัย ประเทศที่จะเรียน และช่วงเวลาการเปิด-ปิด รับสมัคร
มิถุนายน - กันยายน 2017: สอบ IELTS
จขกท ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไปเรียนในเดือนมิถุนายน ก็คิดได้ว่าอย่างแรกที่ต้องทำคือสอบภาษาอังกฤษค่ะ เลยหาข้อมูลการสอบ IELTS (ว่าสอบที่ไหนดี และต้องสอบสกิลไหนบ้าง ฝึกทำเว็บไหน หนังสือเล่มไหนดี สมัครอย่างไร ไปสอบยังไง)
จขกท คิดว่าตั้งใจสอบรอบเดียวไปเลยดีกว่า (ค่าสอบ 6xxx ถือว่าแพงมากๆๆๆๆ สำหรับ จขกท) เลยตั้งใจอ่านหนังสือเยอะๆ ใช้เวลาเต็มที่เลย 2 เดือน คิดว่าเอาให้ได้ในครั้งเดียว คะแนนออกมาได้ 7.5 แต่มีบางสกิลไม่พอสำหรับการสมัครบางมหาวิทยาลัยที่ จขกท เล็งไว้ เลยต้องไปสอบอีกรอบหนึ่งค่ะ ครั้งที่สองได้ 8.0 เรื่องราวที่เกิดขึ้น จขกท บันทึกไว้ในกระทู้ข้างล่างนี้ค่ะ
รายละเอียดเรื่องการสอบ IELTS, การขอให้ตรวจใหม่ (remark), การฝึกเขียน, ฯลฯ จขกท เคยไปรีวิวไว้ในกระทู้สองกระทู้ ข้างล่างนี้ค่ะ
เล่าประสบการณ์สอบ IELTS (British Council) เตรียมตัวเอง ไม่ได้เรียนพิเศษค่ะ
https://ppantip.com/topic/36904704
รีวิวสอบ IELTS เพิ่ม Writing จาก 6.5 ไป 7.5 ในหนึ่งเดือน (อ่านเองค่ะ)
https://ppantip.com/topic/37166429
ตุลาคม - ธันวาคม 2017: เขียนจดหมายและส่งใบสมัคร
ช่วงนี้เป็นช่วงที่มหาวิทยาลัยต่างๆเริ่มเปิดรับสมัคร นศ โท-เอก จขกท ตั้งใจไว้ว่าจะเขียน SoP, เขียนตอบคำถามต่างๆในช่วงนี้ แต่ว่าดันต้องไปสอบ IELTS ครั้งที่สอง จขกท เลยเครียดมากและเหนื่อยมากในช่วงนี้ เพราะต้องเตรียมสอบด้วยและเขียนใบสมัครด้วย แต่ในที่สุด จขกท ก็ผ่านมาได้ค่ะ จขกท ส่งใบสมัครทั้งหมด 6 ที่ (เกือบทุกที่ ปิดรับสมัครสิ้นปีพอดีค่ะ)
จขกท กลับไปขอเอกสารที่จำเป็นต่างๆจากมหาวิทยาลัย (จขกท เรียน ป ตรี ในมหาวิทยาลัย ตจว ค่ะ) เข้าไปคุยกับอาจารย์ที่ จขกท จะขอ recommendation letter สมัยเรียน จขกท ค่อนข้างตั้งใจเรียน ทำกิจกรรมเยอะ เลยค่อนข้างสนิทและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาจารย์หลายๆท่านค่ะ แต่ก่อนเข้าไปคุย(ตัวต่อตัว)และส่งอีเมล์กับอาจารย์ จขกท ก็หาข้อมูลและแคร์เรื่องมารยาทต่างๆในการขอจดหมายอยู่เหมือนกันค่ะ เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังทีหลังนะคะ
พอได้เอกสารแล้ว ติดต่อขอจดหมายจากอาจารย์แล้ว ก็มาเขียนใบสมัครค่ะ อย่านึกว่าเขียน SoP เสร็จแล้วจะจบนะคะ ส่วนใหญ่แต่ละหลักสูตรจะมีคำถามเฉพาะให้เราต้องเขียนตอบและทำ research ก่อนเขียน ยิ่งถ้าเราสมัครทุนด้วย ก็ยิ่งต้องมีใบสมัครทุนต่างๆให้เราต้องกรอกขอทุนอีก ถ้าเขียนดี ใบสมัครก็จะน่าสนใจ มีโอกาสได้ทุนเยอะ ทุนดีๆก็ต้องมีคู่แข่งเยอะ ถ้าเขียนส่งๆแล้วล่ะก็ เลิกหวังทุนได้เลยค่ะ
อีกอย่างที่ต้องไม่ลืมคือ ส่งเมล์ไปหา professor คนที่เราอยากเรียนด้วยค่ะ แนะนำตัว คุยว่าเราอยากทำงานด้วย อาจารย์รับนศในปีนี้หรือไม่ ฯลฯ ถ้ามีอะไรไม่คาดฝัน จะได้แก้ไขทันค่ะ (จขกท เคยส่งไปแล้วเจอว่าอาจารย์กำลังจะเกษียณ ไม่รับเด็ก จขกท สตันไปหลายวันค่ะ กว่าจะตั้งตัวใหม่ได้ถูก) เรื่องนี้เดี๋ยวมาเล่าละเอียดทีหลังนะคะ
มกราคม - มีนาคม 2018: รอฟังผลและเตรียมตัวสัมภาษณ์
หลังจากเครียดมานับครึ่งปี พอปีใหม่ จขกท ก็ได้โอกาสนอนพักผ่อนให้พอ ดูซีรีย์ที่อยากดู กินอาหารที่อยากกิน มีเวลาเล่นกับหมาที่บ้านค่ะ 555
แต่หลังจากปีใหม่มาสองสัปดาห์ จขกท ก็เริ่มมารีวิวว่าหลักสูตรไหนที่มีการสัมภาษณ์ก่อนเข้าเรียนบ้าง (บางที่ก็ไม่มี จะตัดสินจากใบสมัครอย่างเดียวเลย) แล้วก็เตรียมตัวสัมภาษณ์ค่ะ เอาข้อมูลที่ research ไว้ตอนเขียน SoP มาเรียบเรียง อ่านทบทวน SoP ของตัวเอง หาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนข้อความที่เราเขียนไว้ใน SoP ร่างสิ่งที่ จขกท อยากจะพูดตอนสัมภาษณ์ เข้าเว็บต่างๆ เพื่อดูว่า เวลาสัมภาษณ์ เค้าถามอะไรกันบ้าง (การสัมภาษณ์บางมหาวิทยาลัย จะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และยากมาก ตัวอย่างเช่น Oxbridge ยิ่งแบบนี้ยิ่งต้องทำการบ้านเยอะๆค่ะ ไปโหลดเปเปอร์ของ prof มาอ่าน หาความรู้เพิ่มเติม อ่านข่าว อ่านเปเปอร์เยอะๆ)
ในช่วงเดียวกันนี้เอง จขกท ก็เริ่มได้จดหมาย offer ตอบกลับมาแล้วค่ะ มีอีเมล์มานัดสัมภาษณ์ บางมหาวิทยาลัยก็ให้ unconditional offer มาเลย ก็เป็นช่วงที่ต้องตัดสินใจและสับรางให้ดี
มีนาคม - พฤษภาคม 2018: ทำวีซ่าและเตรียมตัวเดินทาง
หลังจากตัดสินใจแล้วว่าจะเรียนที่ไหน ก็ต้องเริ่มทำวีซ่าค่ะ จขกท กำลังอยู่ในขั้นตอนนี้ เลยไม่มี detail มาเล่าเยอะในกกระทู้แรกนี้ เอาไว้จะไปเล่าละเอียดในตอนถัดๆไปละกันนะคะ
ข้างบนเป็นลำดับเหตุการณ์ของ จขกท เอง (จขกท ตัดสินใจช้าและสอบภาษาสองรอบ)สำหรับคนปกติที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไปเรียน และคิดว่าจะสอบภาษารอบเดียว จขกท ก็เอาแพลนมาแปะไว้ให้ข้างล่างนี้ด้วยค่ะ
https://www.hotcourses.in.th/study-abroad-info/applying-to-university/how-to-plan-study-abroad-in-1-year/
รวบรวมทุน (ที่ จขกท รู้)
อย่างที่บอกไปแล้วว่า จขกท เน้นทุนให้เปล่าและทุนเต็มจำนวน ดังนั้นทุนส่วนใหญ่ก็จะเป็นทุนแบบนี้ค่ะ เนื่องจาก จขกท จะไปเรียนโทสายวิทยาศาสตร์ เลยไม่ได้รวมทุนสายศิลป์มานะคะ
1. Erasmus Mundus Program: พูดถึงทุนยุโรป ทุนนี้ก็ต้องมาก่อนเพื่อนเลยค่ะ
2. Netherland Fellowship Program ทุนเต็มจำนวนของประเทศเนเธอแลนด์ ปัจจุบันแคมเปญทุนนี้จบไปแล้ว มีแคมเปญใหม่มาแทน เปลี่ยนชื่อใหม่ด้วยค่ะ ลองง search ดูละกันนะคะ
3. DAAD ทุนของประเทศเยอรมันค่ะ ให้เยอะมาก ค่าเรียนที่เยอรมันส่วนใหญ่จะฟรีอยู่แล้ว นี่ให้ค่ากินอยู่ ประกันสุขภาพ มีคุ่สมรสก็พาไปด้วยได้อีกนะ ที่ DAAD Thailand แถวๆเเกอเธ่อเขาก็มีจัดแนะแนวเรียนต่อเยอรมันทุกเดือนค่ะ ใครสนใจ search google หือ facebook แล้วลองไปฟังได้เลย ฟรีค่ะ
4. Franco-Thai ทุนเรียนฟรีที่ฝรั่งเศส อันนี้ จขกทเองไม่เคยสมัคร แปะลิงค์ไว้ให้แล้วกันนะคะ
http://www.thailande.campusfrance.org/th/node/292721
5. Gates Cambridge Schlolarships: อันนี้เป็นทุนให้โดย Gates foundation สำหรับนักเรียนเคมบริดจ์โดยเฉพาะ ทุนค่อนข้างให้เยอะ แต่ก็ competitive มากๆค่ะ ตอนสมัครจะมีคำถามที่เราต้องตอบเพิ่ม และทุนนี้ยังขอจดหมายรับรองเพิ่มจากอาจารย์อีกหนึ่งฉบับค่ะ รายละเอียดของทุน ดูได้ที่
https://www.gatescambridge.org นอกจากทุนนี้ เคมบริดจ์ก็ยังมีทุนให้อีกเยอะ เช่นทุนของคอลเลจ ทุนอื่นๆของมหาวิทยาลัยค่ะ ลองใช้เครื่องมือหาทุนในเว็บไซต์ได้ค่ะ
https://www.cambridgetrust.org/scholarships/ พวกทุนอื่นๆที่ไม่ใช่ Gates Cambridge จะไม่ต้องตอบคำถามเพิ่ม แค่กรอกใบสมัครไปตามปกติค่ะ จขกท เข้าใจว่า Oxford ก็มีทุนคล้ายๆกัน แต่จขกท ไม่ได้สมัครเลยไม่มีข้อมูลนะคะ (ถ้าสนใจ คุณผู้อ่านก็ลองกูเกิ้ลดูนะคะ)
6. ทุนที่มหาวิทยาลัยต่างประเทศให้ผ่านสมเด็จพระเทพฯ จขกท เคยเห็นหลายทุนเลยค่ะ เช่นที่ นันยาง ซุนกุนวาน ดับลิน ฯลฯ ทุนเหล่านี้ จขกท เคยเห็นประกาศในเว็บไซต์ กพ ใต้หัข้อทุนวิจัย/ฝึกอบรม >> ทุนในพระบรมราขานุเคราะห์ของสมเด็จพระเทพฯ
http://www.ocsc.go.th/scholarship/king
7. ทุนที่มหาวิทยาลัย/ ทุนที่คณะ มอบให้เอง อันนี้ต้องเข้าไปดูในเว็บของคณะนั้นๆเองค่ะ บางที่ก็มีทุนให้เต็มจำนวนโดยเฉพาะเลย ตัวอย่างที่จขกท เคยเห็นก็มีที TUDelft ค่ะ
8. Chevening ทุนของอังกฤษค่ะ ให้ฟรีเต็มจำนวน มอบให้คนที่มีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 2 ปีและมีเงื่อนไขคือจบแล้วต้องกลับไทยนะคะ
9. เว็บหาทุน
** ข้อมูลเพิ่มเติม และแหล่งอ้างอิง (ส่วนใหญ่ จขกท ดูจาก dek-d.com , facebook scholarships.in.th, research in Germany, DAAD)
1. สมัครทุนให้เปล่าสิครับ จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่น (ต้นฉบับจากเฟสบุค แต่ตอนนี้เปิดไม่ได้ เลยเอามาจาก post today ค่ะ)
https://www.posttoday.com/social/think/413397
2. ไม่มีเงินเรียนต่อ อย่างนี้ต้องขอทุน
https://www.dek-d.com/studyabroad/28149/
3. ถ้าผู้อ่านคนไหนมีอีก ก็โพสต์เพิ่มเติมข้างล่างได้เลยนะคะ
จบตอนแรก ถือว่ายาวมากๆเลยค่ะ สำหรับ จขกท ถ้าใครแวะมาอ่านแล้วจะมาคุยกันเล่นๆในกระทู้นี้ก็ได้นะคะ จขกท เข้าพันทิปค่อนข้างบ่อย ถ้ามีคำถามอะไรที่ จขกท ช่วยตอบได้ก็ยินดีค่ะ หรือใครมีอะไรอยากแนะนำ จขกท ก็ยินดีเช่นกันค่ะ
โตแล้วไปไหน ตอนที่ 1: Timeline และรวมทุนเรียนฟรีในยุโรป
สวัสดีค่ะ
เราตั้งกระทู้นี้มาเพื่อบันทึกเรื่องราวของเราเองในการตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโท ตั้งแต่การตัดสินใจว่าจะไปเรียนต่อ ว่าแต่ละขั้นเราทำอะไรบ้าง เพราะก่อนหน้านี้เราก็หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตแล้วหาได้บ้าง ไมได้บ้าง เลยขอมาเล่าไว้ในนี้ เผื่อมีคนมาอ่านแล้วจะนำไปปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ค่ะ
จขกท ตั้งใจไว้ว่าจะเล่าตั้งแต่การหาข้อมูลและเลือกมหาวิทยาลัยที่จะสมัคร, ทุนต่างๆ, การเขียนจดหมาย หรือ SoP, การขอ recommendation letter จากอาจารย์, การสมัคร, การส่งเมล์ไปหา proffessor, การตัดสินใจเลือก Offer ต่างๆ ไปจนถึงหารทำ VISA ก่อนไปเรียนเลยค่ะ
จขกท เริ่มขั้นตอนทั้งหมดเมื่อประมาน 1 ปีที่แล้ว จนตอนนี้ก็กำลังเตรียมตัว จัดกระเป๋าไปเรียนแล้วค่ะ แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ต้องยอมรับว่าเหนื่อยมากๆ เสียเหงื่อ เสียเวลานอน เสียสุขภาพ (แต่ไม่เสียน้ำตานะ อิอิ) ไปเยอะจริงๆ คิดไว้แล้วว่าการสมัครเรียนนั้นยาก(โดยเฉพาะตอนที่เราทำงานไปด้วย สมัครเรียนไปด้วย) ก็เลยไม่ท้อค่ะ ในที่สุดก็มีที่เรียนจนได้ จขกท ก็เลยอยากจะให้กำลังใจกับคนที่กำลังจะสมัครเรียนแล้วมาอ่านกระทู้นี้ไว้ ณ ที่นี้ก่อนเลยนะคะ เราทำได้ คุณก็ทำได้ค่ะ
กระทู้แรกเลยจะขอเล่าคร่าวๆถึง timeline ที่ จขกท ทำ และรวบรวมทุนที่ จขกท สนใจและรวบรวมมา (แน่นอนว่าไม่ครบทุกทุน หากคนอ่านจะแชร์ทุนที่คุณทราบไว้ในกระทู้นี้ด้วย ก็จะเป็นกุศลมากค่ะ คนอื่นๆที่เข้ามาอ่านจะได้ได้ประโยชน์ด้วย)
Timeline
ขอเกริ่นก่อนว่า จขกท อยากเรียนต่อนอกมานานแล้ว เลยเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรและทุนต่างๆตั้งแต่ปลายปี 2016 แต่เพิ่งตัดสินใจว่าจะไปเรียนต่อเมื่อกลางปี 2017 ค่ะ
เนื่องจาก จขกท เป็นคนจน 555 เลยต้องหาทุนที่เป็นทุนเต็มจำนวน แล้ว จขกท ก็ดันเป็นคนที่ไม่ชอบการผูกมัดค่ะ (เคยรับทุนที่มีข้อผูกพันมาแล้ว รู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไร) เลยโฟกัสเฉพาะทุนให้เปล่าเท่านั้นด้วยค่ะ อันไหนที่ต้องออกเงินเอง หรือต้องเซ็นต์สัญญานี่ จขกท คัดออกจากลิสต์ไปก่อนเลยค่ะ อ้อ อีกอย่างคือ จขกท มีความฝันอยากไปเรียนในยุโรปค่ะ เนื่องจากเคยได้รับโอกาสไปทำวิจัยระยะสั้นแล้วชอบชีวิตและบรรยากาศที่นั่นมากๆ จขกท เลยดูเฉพาะทุนในยุโรปนะคะ
ปลายปี 2016 - พฤษภาคม 2017: หาข้อมูล
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ จขกท ยังไม่ได้ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะไปเรียน การหาข้อมูลเลยเหมือนเป็นกิจกรรมยามว่างเอาไว้เฉยๆ ถ้าใครตัดสินใจแล้วว่าไปแน่ๆก็น่าจะใช้เวลาน้อยกว่าที่ จขกท ใช้นะคะ
ช่วงนี้เป็นช่วงหาข้อมูลหลักสูตรที่สนใจ ทุนให้เปล่าต่างๆ มหาวิทยาลัย ประเทศที่จะเรียน และช่วงเวลาการเปิด-ปิด รับสมัคร
มิถุนายน - กันยายน 2017: สอบ IELTS
จขกท ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไปเรียนในเดือนมิถุนายน ก็คิดได้ว่าอย่างแรกที่ต้องทำคือสอบภาษาอังกฤษค่ะ เลยหาข้อมูลการสอบ IELTS (ว่าสอบที่ไหนดี และต้องสอบสกิลไหนบ้าง ฝึกทำเว็บไหน หนังสือเล่มไหนดี สมัครอย่างไร ไปสอบยังไง)
จขกท คิดว่าตั้งใจสอบรอบเดียวไปเลยดีกว่า (ค่าสอบ 6xxx ถือว่าแพงมากๆๆๆๆ สำหรับ จขกท) เลยตั้งใจอ่านหนังสือเยอะๆ ใช้เวลาเต็มที่เลย 2 เดือน คิดว่าเอาให้ได้ในครั้งเดียว คะแนนออกมาได้ 7.5 แต่มีบางสกิลไม่พอสำหรับการสมัครบางมหาวิทยาลัยที่ จขกท เล็งไว้ เลยต้องไปสอบอีกรอบหนึ่งค่ะ ครั้งที่สองได้ 8.0 เรื่องราวที่เกิดขึ้น จขกท บันทึกไว้ในกระทู้ข้างล่างนี้ค่ะ
รายละเอียดเรื่องการสอบ IELTS, การขอให้ตรวจใหม่ (remark), การฝึกเขียน, ฯลฯ จขกท เคยไปรีวิวไว้ในกระทู้สองกระทู้ ข้างล่างนี้ค่ะ
เล่าประสบการณ์สอบ IELTS (British Council) เตรียมตัวเอง ไม่ได้เรียนพิเศษค่ะ
https://ppantip.com/topic/36904704
รีวิวสอบ IELTS เพิ่ม Writing จาก 6.5 ไป 7.5 ในหนึ่งเดือน (อ่านเองค่ะ)
https://ppantip.com/topic/37166429
ตุลาคม - ธันวาคม 2017: เขียนจดหมายและส่งใบสมัคร
ช่วงนี้เป็นช่วงที่มหาวิทยาลัยต่างๆเริ่มเปิดรับสมัคร นศ โท-เอก จขกท ตั้งใจไว้ว่าจะเขียน SoP, เขียนตอบคำถามต่างๆในช่วงนี้ แต่ว่าดันต้องไปสอบ IELTS ครั้งที่สอง จขกท เลยเครียดมากและเหนื่อยมากในช่วงนี้ เพราะต้องเตรียมสอบด้วยและเขียนใบสมัครด้วย แต่ในที่สุด จขกท ก็ผ่านมาได้ค่ะ จขกท ส่งใบสมัครทั้งหมด 6 ที่ (เกือบทุกที่ ปิดรับสมัครสิ้นปีพอดีค่ะ)
จขกท กลับไปขอเอกสารที่จำเป็นต่างๆจากมหาวิทยาลัย (จขกท เรียน ป ตรี ในมหาวิทยาลัย ตจว ค่ะ) เข้าไปคุยกับอาจารย์ที่ จขกท จะขอ recommendation letter สมัยเรียน จขกท ค่อนข้างตั้งใจเรียน ทำกิจกรรมเยอะ เลยค่อนข้างสนิทและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาจารย์หลายๆท่านค่ะ แต่ก่อนเข้าไปคุย(ตัวต่อตัว)และส่งอีเมล์กับอาจารย์ จขกท ก็หาข้อมูลและแคร์เรื่องมารยาทต่างๆในการขอจดหมายอยู่เหมือนกันค่ะ เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังทีหลังนะคะ
พอได้เอกสารแล้ว ติดต่อขอจดหมายจากอาจารย์แล้ว ก็มาเขียนใบสมัครค่ะ อย่านึกว่าเขียน SoP เสร็จแล้วจะจบนะคะ ส่วนใหญ่แต่ละหลักสูตรจะมีคำถามเฉพาะให้เราต้องเขียนตอบและทำ research ก่อนเขียน ยิ่งถ้าเราสมัครทุนด้วย ก็ยิ่งต้องมีใบสมัครทุนต่างๆให้เราต้องกรอกขอทุนอีก ถ้าเขียนดี ใบสมัครก็จะน่าสนใจ มีโอกาสได้ทุนเยอะ ทุนดีๆก็ต้องมีคู่แข่งเยอะ ถ้าเขียนส่งๆแล้วล่ะก็ เลิกหวังทุนได้เลยค่ะ
อีกอย่างที่ต้องไม่ลืมคือ ส่งเมล์ไปหา professor คนที่เราอยากเรียนด้วยค่ะ แนะนำตัว คุยว่าเราอยากทำงานด้วย อาจารย์รับนศในปีนี้หรือไม่ ฯลฯ ถ้ามีอะไรไม่คาดฝัน จะได้แก้ไขทันค่ะ (จขกท เคยส่งไปแล้วเจอว่าอาจารย์กำลังจะเกษียณ ไม่รับเด็ก จขกท สตันไปหลายวันค่ะ กว่าจะตั้งตัวใหม่ได้ถูก) เรื่องนี้เดี๋ยวมาเล่าละเอียดทีหลังนะคะ
มกราคม - มีนาคม 2018: รอฟังผลและเตรียมตัวสัมภาษณ์
หลังจากเครียดมานับครึ่งปี พอปีใหม่ จขกท ก็ได้โอกาสนอนพักผ่อนให้พอ ดูซีรีย์ที่อยากดู กินอาหารที่อยากกิน มีเวลาเล่นกับหมาที่บ้านค่ะ 555
แต่หลังจากปีใหม่มาสองสัปดาห์ จขกท ก็เริ่มมารีวิวว่าหลักสูตรไหนที่มีการสัมภาษณ์ก่อนเข้าเรียนบ้าง (บางที่ก็ไม่มี จะตัดสินจากใบสมัครอย่างเดียวเลย) แล้วก็เตรียมตัวสัมภาษณ์ค่ะ เอาข้อมูลที่ research ไว้ตอนเขียน SoP มาเรียบเรียง อ่านทบทวน SoP ของตัวเอง หาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนข้อความที่เราเขียนไว้ใน SoP ร่างสิ่งที่ จขกท อยากจะพูดตอนสัมภาษณ์ เข้าเว็บต่างๆ เพื่อดูว่า เวลาสัมภาษณ์ เค้าถามอะไรกันบ้าง (การสัมภาษณ์บางมหาวิทยาลัย จะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และยากมาก ตัวอย่างเช่น Oxbridge ยิ่งแบบนี้ยิ่งต้องทำการบ้านเยอะๆค่ะ ไปโหลดเปเปอร์ของ prof มาอ่าน หาความรู้เพิ่มเติม อ่านข่าว อ่านเปเปอร์เยอะๆ)
ในช่วงเดียวกันนี้เอง จขกท ก็เริ่มได้จดหมาย offer ตอบกลับมาแล้วค่ะ มีอีเมล์มานัดสัมภาษณ์ บางมหาวิทยาลัยก็ให้ unconditional offer มาเลย ก็เป็นช่วงที่ต้องตัดสินใจและสับรางให้ดี
มีนาคม - พฤษภาคม 2018: ทำวีซ่าและเตรียมตัวเดินทาง
หลังจากตัดสินใจแล้วว่าจะเรียนที่ไหน ก็ต้องเริ่มทำวีซ่าค่ะ จขกท กำลังอยู่ในขั้นตอนนี้ เลยไม่มี detail มาเล่าเยอะในกกระทู้แรกนี้ เอาไว้จะไปเล่าละเอียดในตอนถัดๆไปละกันนะคะ
ข้างบนเป็นลำดับเหตุการณ์ของ จขกท เอง (จขกท ตัดสินใจช้าและสอบภาษาสองรอบ)สำหรับคนปกติที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไปเรียน และคิดว่าจะสอบภาษารอบเดียว จขกท ก็เอาแพลนมาแปะไว้ให้ข้างล่างนี้ด้วยค่ะ
https://www.hotcourses.in.th/study-abroad-info/applying-to-university/how-to-plan-study-abroad-in-1-year/
รวบรวมทุน (ที่ จขกท รู้)
อย่างที่บอกไปแล้วว่า จขกท เน้นทุนให้เปล่าและทุนเต็มจำนวน ดังนั้นทุนส่วนใหญ่ก็จะเป็นทุนแบบนี้ค่ะ เนื่องจาก จขกท จะไปเรียนโทสายวิทยาศาสตร์ เลยไม่ได้รวมทุนสายศิลป์มานะคะ
1. Erasmus Mundus Program: พูดถึงทุนยุโรป ทุนนี้ก็ต้องมาก่อนเพื่อนเลยค่ะ
2. Netherland Fellowship Program ทุนเต็มจำนวนของประเทศเนเธอแลนด์ ปัจจุบันแคมเปญทุนนี้จบไปแล้ว มีแคมเปญใหม่มาแทน เปลี่ยนชื่อใหม่ด้วยค่ะ ลองง search ดูละกันนะคะ
3. DAAD ทุนของประเทศเยอรมันค่ะ ให้เยอะมาก ค่าเรียนที่เยอรมันส่วนใหญ่จะฟรีอยู่แล้ว นี่ให้ค่ากินอยู่ ประกันสุขภาพ มีคุ่สมรสก็พาไปด้วยได้อีกนะ ที่ DAAD Thailand แถวๆเเกอเธ่อเขาก็มีจัดแนะแนวเรียนต่อเยอรมันทุกเดือนค่ะ ใครสนใจ search google หือ facebook แล้วลองไปฟังได้เลย ฟรีค่ะ
4. Franco-Thai ทุนเรียนฟรีที่ฝรั่งเศส อันนี้ จขกทเองไม่เคยสมัคร แปะลิงค์ไว้ให้แล้วกันนะคะ http://www.thailande.campusfrance.org/th/node/292721
5. Gates Cambridge Schlolarships: อันนี้เป็นทุนให้โดย Gates foundation สำหรับนักเรียนเคมบริดจ์โดยเฉพาะ ทุนค่อนข้างให้เยอะ แต่ก็ competitive มากๆค่ะ ตอนสมัครจะมีคำถามที่เราต้องตอบเพิ่ม และทุนนี้ยังขอจดหมายรับรองเพิ่มจากอาจารย์อีกหนึ่งฉบับค่ะ รายละเอียดของทุน ดูได้ที่ https://www.gatescambridge.org นอกจากทุนนี้ เคมบริดจ์ก็ยังมีทุนให้อีกเยอะ เช่นทุนของคอลเลจ ทุนอื่นๆของมหาวิทยาลัยค่ะ ลองใช้เครื่องมือหาทุนในเว็บไซต์ได้ค่ะ https://www.cambridgetrust.org/scholarships/ พวกทุนอื่นๆที่ไม่ใช่ Gates Cambridge จะไม่ต้องตอบคำถามเพิ่ม แค่กรอกใบสมัครไปตามปกติค่ะ จขกท เข้าใจว่า Oxford ก็มีทุนคล้ายๆกัน แต่จขกท ไม่ได้สมัครเลยไม่มีข้อมูลนะคะ (ถ้าสนใจ คุณผู้อ่านก็ลองกูเกิ้ลดูนะคะ)
6. ทุนที่มหาวิทยาลัยต่างประเทศให้ผ่านสมเด็จพระเทพฯ จขกท เคยเห็นหลายทุนเลยค่ะ เช่นที่ นันยาง ซุนกุนวาน ดับลิน ฯลฯ ทุนเหล่านี้ จขกท เคยเห็นประกาศในเว็บไซต์ กพ ใต้หัข้อทุนวิจัย/ฝึกอบรม >> ทุนในพระบรมราขานุเคราะห์ของสมเด็จพระเทพฯ http://www.ocsc.go.th/scholarship/king
7. ทุนที่มหาวิทยาลัย/ ทุนที่คณะ มอบให้เอง อันนี้ต้องเข้าไปดูในเว็บของคณะนั้นๆเองค่ะ บางที่ก็มีทุนให้เต็มจำนวนโดยเฉพาะเลย ตัวอย่างที่จขกท เคยเห็นก็มีที TUDelft ค่ะ
8. Chevening ทุนของอังกฤษค่ะ ให้ฟรีเต็มจำนวน มอบให้คนที่มีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 2 ปีและมีเงื่อนไขคือจบแล้วต้องกลับไทยนะคะ
9. เว็บหาทุน
** ข้อมูลเพิ่มเติม และแหล่งอ้างอิง (ส่วนใหญ่ จขกท ดูจาก dek-d.com , facebook scholarships.in.th, research in Germany, DAAD)
1. สมัครทุนให้เปล่าสิครับ จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่น (ต้นฉบับจากเฟสบุค แต่ตอนนี้เปิดไม่ได้ เลยเอามาจาก post today ค่ะ) https://www.posttoday.com/social/think/413397
2. ไม่มีเงินเรียนต่อ อย่างนี้ต้องขอทุน https://www.dek-d.com/studyabroad/28149/
3. ถ้าผู้อ่านคนไหนมีอีก ก็โพสต์เพิ่มเติมข้างล่างได้เลยนะคะ
จบตอนแรก ถือว่ายาวมากๆเลยค่ะ สำหรับ จขกท ถ้าใครแวะมาอ่านแล้วจะมาคุยกันเล่นๆในกระทู้นี้ก็ได้นะคะ จขกท เข้าพันทิปค่อนข้างบ่อย ถ้ามีคำถามอะไรที่ จขกท ช่วยตอบได้ก็ยินดีค่ะ หรือใครมีอะไรอยากแนะนำ จขกท ก็ยินดีเช่นกันค่ะ