สวัสดีค่ะ
วันนี้ขอมาเล่าประสบการณ์การไปสอบ IELTS ครั้งแรกของเรานะคะ ก่อนสอบเราได้ประโยชน์มากมายจากรีวิว พอสอบไปแล้วเลยอยากมารีวิวเผื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้าง
เราเรียนจบมาสามปีแล้ว ทำงานได้ซักพักก็อยากไปเรียนต่อ(สายวิทยาศาสตร์)ในยุโรปค่ะ รู้ตัวว่าอยากเรียนต่อมานานแล้ว เลยเตรียมตัวเรื่องการท่องศัพท์มาได้สักพัก (ทำ flashcard ไว้ท่อง มีไว้ท่องตอนว่างๆที่โต๊ะทำงานค่ะ) แต่ว่าตอนแรกเราอยากไปอเมริกา เลยไปเน้นท่อง GRE (ซึ่งถือว่าไม่มีประโยชน์สักเท่าไรเลยต่อการสอบ IELTS สำหรับเรา) เรามาตัดสินใจว่าจะไปยุโรปได้ซักเดือน7ที่ผ่านมา แล้วก็ตัดสินใจสมัครสอบ IELTS โดยทันทีค่ะ วันที่เราเลือกสอบคือ 09/09 ไม้ได้ถือฤกษ์อะไรทั้งสิ้นแต่ว่าเราคิดว่าสอบรอบนี้ ถ้าคะแนนไม่ดีก็ยังมีโอกาสอีกรอบค่ะ เพราะต้องยื่นใบสมัครปลายปี (แต่อยากสอบรอบเดียวผ่าน ค่าสอบ 6780 แพงนำ้ตาไหล)
หลังจากดูรีวิว อ่านคอมเมนต์ในกลุ่มเฟสบุค ในที่สุดก็เลือกสอบกับ British Council ค่ะ เหตุผลของเราคือ
1.เราคุ้นสำเนียงบริทิชมากกว่าออสเตรเลีย
2. มีคนคอมเมนต์ว่า BC ได้ writing ดี แต่กด speaking ส่วน IDP จะกลับกัน (ความคิดเห็นส่วนตัวของเจ้าของเม้นต์นั้นนะคะ เราเคยสอบแค่ของ BC แล้วก็ไม่ทราบจริงๆว่าเป็นไปตามนั้นหรือไม่) แต่เราคิดว่า writing เราอ่อนว่า speaking เลยเลือกมา BC ค่ะ
3. เราเคยไปโรงแรมแลนด์มาร์ก คิดว่ามันเดินทางสะดวกดี ขึ้นBTSได้ เราก็คุ้นเคยอยู่แล้ว ไม่น่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อย่างเช่น รถติดหรือหลงทาง
การสมัครก็คือสมัครผ่านเว็บไซต์ เลือกวันสอบ กับวันสอบ speaking (มีทั้งสอบวันเดียวกันคือวันเสาร์ วันอาทิตย์และวันอังคารถัดไป) หลักฐานที่ใช้คือ passport หรือ บัตรปชช (ที่ยังไม่หมดอายุ) และเราต้องมีหลักฐานตัวจริงไปแสดงได้ด้วยในวันสอบ การสมัครทางเน็ตจะราคาถูกกว่าสมัครออฟไลน์หน่อยนึง แต่ต้องจ่ายผ่านบัตรเครดิตค่ะ
พอสมัครสอบเสร็จก็เริ่มอ่านหนังสือค่ะ จากกระทู้รีวิวทั้งหลาย ก็ได้ว่า barron เหมือนจะง่ายไป ให้ทำ practice test ของ cambridge ซึ่งมี 12 เล่ม (search pdf ได้เลยค่ะ มีลิงค์ให้ load ได้เยอะแยะ) เราเริ่มทำจากเล่ม 1 ไป โดยที่ตอนแรกเราเน้น listening เพราะว่าฝึกสะดวกที่สุด เราเข้าเว็บ ieltsonlinetests มีแบบฝึกหัดออนไลน์ที่เราเปิดเข้าไปทำ แล้วกดส่ง คะแนนก็จะขึ้นมาเลยค่ะ เราก็ซ้อมทำในมือถือ ทำตอนนั่งรถเมล์ เข้าห้องน้ำ พักกลางวัน ก่อนนอน หรือตอนอื่นๆที่มีเวลาน้อย (ไม่ถึง 1 ชม) หรือตอนที่ไม่ค่อยมีสมาธิพอที่จะฝึก reading ทำไปทำมาก็หมดไป 8 เล่มค่ะ ตอนแรกๆได้ 5.5-6.5 แต่พอทำไปเรื่อยๆ คะแนนก็ขึ้นมาเองค่ะ พอถึงเล่ม 8 คะแนนเราอยู่ที่ 7-7.5 บางทีขึ้นไป 8-8.5 ได้เต็ม 9.0 ก็เคย (ไม่บ่อยนะคะ ครั้งสองครั้ง) ทำไปซักพักก็จะรู้เทคนิคค่ะ เช่น
1. ควรเขียนคำตอบทั้งหมดด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ เพราะบางทีมีชื่อเฉพาะที่ต้องเขียนพิมพ์ใหญ่เสมอ ถ้าเราเขียนปนกัน อาจพลาดได้ค่ะ
2. ตัวสะกดสำคัญมาก สะกดผิด/เว้นวรรคผิดนี่คือเสียคะแนนเลย, คำไหนต้องมี a หรือ the ก็ต้องใส่, มี s ก็ห้ามพลาด ต้องฟังดีๆค่ะ
3. ต้องดูคำสั่งดีๆว่า ONE word only หรือ Up to THREE words หรือ TWO words or/and A number ถ้าเขียนไม่ตรงตามคำสั่งก็คือไม่ได้ค่ะ
4. ถ้ามีการสะกดคำหรือตัวเลขเมื่อไร ให้รีบเขียน เพราะส่วนใหญ่มันคือคำตอบค่ะ
ส่วน reading เราก็ทำใน cambridge practice test ด้วยเหมือนกัน แต่เรา print มาทำง่ายกว่าค่ะ พอทำเสร็จแล้วก็เอาไปกรอกในเว็บ ieltsonlinetests ก็จะเห็นคะแนนพร้อมกับ highlight ให้ดูด้วยว่าทำไมข้อนี้ต้องตอบแบบนี้ ตอนแรกทำได้ประมาน 5.5 พอทำเรื่อยๆก็ชึ้นมาเรื่อยๆค่ะ ก่อนสอบได้ประมาน 6.5-7.5 ได้ 8.0 ขึ้นไปบ้างประปราย ส่วนนี้มี 3 เรื่องให้อ่าน มีคำถาม 40 ข้อ เวลา 1 ชั่วโมง รูปแบบคำถามก็จะวนๆ ประมานนี้
1. มีคำถามมา เป็นคำถามจากเรื่อง เราก็เลือกช้อยส์ที่เป็นคำตอบ
2. มีประโยคมาให้ แล้วให้เราตอบว่า ประโยคนั้น YES/No/Not given หรือ FALSE/TRUE/NOT GIVEN สองอันนี้คล้ายกัน เวลาเขียนตอบให้ดูคำถามด้วยว่าเค้าถามอะไร แล้วก็ห้ามเอาความรู้หรือความเห็นตัวเองมาตอบ ให้อ้างอิงเฉพาะจากเรื่องที่อ่านเท่านั้นค่ะ อีกอย่างที่ต้องระวังคือ ประโยคบางประโยคที่เขาไม่ได้กล่าวในบทความ บางทีมันไม่ใช่ FALSE ค่ะ มันแค่ NOT GIVEN อย่าพลาดตรงนี้นะคะ
3.ให้จับคู่ว่า ข้อความนี้ ใคร(ที่ถูกกล่าวถึงในบทความ)เป็นคนพูด
4. (ยากที่สุดสำหรับเรา) การจับคู่ topic กับ paragraph ให้ topic มาแล้วจับคู่ว่า paragraph นี้ควรมี topic ว่าอะไร
Speaking เราดูยูทูปค่ะ ตัวอย่างเยอะมาก ตอนแรกฟัง tips จาก ieltsmasterLee แล้วก็ search ตัวอย่างโดยใช้ key word ว่า ielts speaking band 9 ค่ะ ต้องยอมรับว่าเราแทบไม่ได้ฝึกพูดเองเลย ฟังตัวอย่างอย่างเดียว (ปกติทำงานก็พูดภาษาอังกฤษบ้างเลยคิดว่าน่าจะสอบผ่านได้ค่ะ เลยเอาเวลาไปฝึกอย่างอื่นมากกว่า)
Writing เราอ่านเทคนิคจากหลายเว็บ เว็บที่เราชอบคือ ieltsLiz ค่ะ สอนเข้าใจง่ายดี เทคนิคก็ดี แล้วก็ไปหาตัวอย่างข้อสอบมานั่งเขียนเองค่ะ (เสียตรงที่ไม่มีคนตรวจให้ เขียนแล้วก็เก็บไว้) อีกอย่างคือเราไปโหลดตัวอย่าง answer sheet จริงๆที่จะใช้ตอนสอบ มาใช้เขียนเลยค่ะ จะได้ตัดกังวลเรื่องความยาวของ essay เพราะการซ้อมในกระดาษคำตอบจริงจะทำให้เรารู่า ลายมือเรา ขนาดตัวหนังสือที่เราเขียนนั้นจะต้องเขียนประมานกี่บรรทัดถึงจะพอ ส่วนวิธีเขียนก็ดูยูทูป กับหาหัวข้อเองค่ะ กูเกิลว่า ielts writing task 2 topic 2017 แค่นี้ก็เขียนไม่ไหวแล้วค่ะ
ทั้งหมดนี้เราเตรียมตัวประมานสองเดือน งด hang out ทำงานเสร็จรีบออกกำลังกาย(ห้ามงดเด็ดขาด) แล้วรีบกลับบ้านอ่านหนังสือค่ะ อ่านตั้งแต่สองทุ่มถึงเที่ยงคืนครึ่ง ตื่นหกโมงครึ่ง(นอนหกชั่วโมงพอดี)ไปทำงานค่ะ ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็อ่านมากหน่อย นอนดึกตื่นสายได้
เล่าประสบการณ์สอบ IELTS (British Council) เตรียมตัวเอง ไม่ได้เรียนพิเศษค่ะ
วันนี้ขอมาเล่าประสบการณ์การไปสอบ IELTS ครั้งแรกของเรานะคะ ก่อนสอบเราได้ประโยชน์มากมายจากรีวิว พอสอบไปแล้วเลยอยากมารีวิวเผื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้าง
เราเรียนจบมาสามปีแล้ว ทำงานได้ซักพักก็อยากไปเรียนต่อ(สายวิทยาศาสตร์)ในยุโรปค่ะ รู้ตัวว่าอยากเรียนต่อมานานแล้ว เลยเตรียมตัวเรื่องการท่องศัพท์มาได้สักพัก (ทำ flashcard ไว้ท่อง มีไว้ท่องตอนว่างๆที่โต๊ะทำงานค่ะ) แต่ว่าตอนแรกเราอยากไปอเมริกา เลยไปเน้นท่อง GRE (ซึ่งถือว่าไม่มีประโยชน์สักเท่าไรเลยต่อการสอบ IELTS สำหรับเรา) เรามาตัดสินใจว่าจะไปยุโรปได้ซักเดือน7ที่ผ่านมา แล้วก็ตัดสินใจสมัครสอบ IELTS โดยทันทีค่ะ วันที่เราเลือกสอบคือ 09/09 ไม้ได้ถือฤกษ์อะไรทั้งสิ้นแต่ว่าเราคิดว่าสอบรอบนี้ ถ้าคะแนนไม่ดีก็ยังมีโอกาสอีกรอบค่ะ เพราะต้องยื่นใบสมัครปลายปี (แต่อยากสอบรอบเดียวผ่าน ค่าสอบ 6780 แพงนำ้ตาไหล)
หลังจากดูรีวิว อ่านคอมเมนต์ในกลุ่มเฟสบุค ในที่สุดก็เลือกสอบกับ British Council ค่ะ เหตุผลของเราคือ
1.เราคุ้นสำเนียงบริทิชมากกว่าออสเตรเลีย
2. มีคนคอมเมนต์ว่า BC ได้ writing ดี แต่กด speaking ส่วน IDP จะกลับกัน (ความคิดเห็นส่วนตัวของเจ้าของเม้นต์นั้นนะคะ เราเคยสอบแค่ของ BC แล้วก็ไม่ทราบจริงๆว่าเป็นไปตามนั้นหรือไม่) แต่เราคิดว่า writing เราอ่อนว่า speaking เลยเลือกมา BC ค่ะ
3. เราเคยไปโรงแรมแลนด์มาร์ก คิดว่ามันเดินทางสะดวกดี ขึ้นBTSได้ เราก็คุ้นเคยอยู่แล้ว ไม่น่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อย่างเช่น รถติดหรือหลงทาง
การสมัครก็คือสมัครผ่านเว็บไซต์ เลือกวันสอบ กับวันสอบ speaking (มีทั้งสอบวันเดียวกันคือวันเสาร์ วันอาทิตย์และวันอังคารถัดไป) หลักฐานที่ใช้คือ passport หรือ บัตรปชช (ที่ยังไม่หมดอายุ) และเราต้องมีหลักฐานตัวจริงไปแสดงได้ด้วยในวันสอบ การสมัครทางเน็ตจะราคาถูกกว่าสมัครออฟไลน์หน่อยนึง แต่ต้องจ่ายผ่านบัตรเครดิตค่ะ
พอสมัครสอบเสร็จก็เริ่มอ่านหนังสือค่ะ จากกระทู้รีวิวทั้งหลาย ก็ได้ว่า barron เหมือนจะง่ายไป ให้ทำ practice test ของ cambridge ซึ่งมี 12 เล่ม (search pdf ได้เลยค่ะ มีลิงค์ให้ load ได้เยอะแยะ) เราเริ่มทำจากเล่ม 1 ไป โดยที่ตอนแรกเราเน้น listening เพราะว่าฝึกสะดวกที่สุด เราเข้าเว็บ ieltsonlinetests มีแบบฝึกหัดออนไลน์ที่เราเปิดเข้าไปทำ แล้วกดส่ง คะแนนก็จะขึ้นมาเลยค่ะ เราก็ซ้อมทำในมือถือ ทำตอนนั่งรถเมล์ เข้าห้องน้ำ พักกลางวัน ก่อนนอน หรือตอนอื่นๆที่มีเวลาน้อย (ไม่ถึง 1 ชม) หรือตอนที่ไม่ค่อยมีสมาธิพอที่จะฝึก reading ทำไปทำมาก็หมดไป 8 เล่มค่ะ ตอนแรกๆได้ 5.5-6.5 แต่พอทำไปเรื่อยๆ คะแนนก็ขึ้นมาเองค่ะ พอถึงเล่ม 8 คะแนนเราอยู่ที่ 7-7.5 บางทีขึ้นไป 8-8.5 ได้เต็ม 9.0 ก็เคย (ไม่บ่อยนะคะ ครั้งสองครั้ง) ทำไปซักพักก็จะรู้เทคนิคค่ะ เช่น
1. ควรเขียนคำตอบทั้งหมดด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ เพราะบางทีมีชื่อเฉพาะที่ต้องเขียนพิมพ์ใหญ่เสมอ ถ้าเราเขียนปนกัน อาจพลาดได้ค่ะ
2. ตัวสะกดสำคัญมาก สะกดผิด/เว้นวรรคผิดนี่คือเสียคะแนนเลย, คำไหนต้องมี a หรือ the ก็ต้องใส่, มี s ก็ห้ามพลาด ต้องฟังดีๆค่ะ
3. ต้องดูคำสั่งดีๆว่า ONE word only หรือ Up to THREE words หรือ TWO words or/and A number ถ้าเขียนไม่ตรงตามคำสั่งก็คือไม่ได้ค่ะ
4. ถ้ามีการสะกดคำหรือตัวเลขเมื่อไร ให้รีบเขียน เพราะส่วนใหญ่มันคือคำตอบค่ะ
ส่วน reading เราก็ทำใน cambridge practice test ด้วยเหมือนกัน แต่เรา print มาทำง่ายกว่าค่ะ พอทำเสร็จแล้วก็เอาไปกรอกในเว็บ ieltsonlinetests ก็จะเห็นคะแนนพร้อมกับ highlight ให้ดูด้วยว่าทำไมข้อนี้ต้องตอบแบบนี้ ตอนแรกทำได้ประมาน 5.5 พอทำเรื่อยๆก็ชึ้นมาเรื่อยๆค่ะ ก่อนสอบได้ประมาน 6.5-7.5 ได้ 8.0 ขึ้นไปบ้างประปราย ส่วนนี้มี 3 เรื่องให้อ่าน มีคำถาม 40 ข้อ เวลา 1 ชั่วโมง รูปแบบคำถามก็จะวนๆ ประมานนี้
1. มีคำถามมา เป็นคำถามจากเรื่อง เราก็เลือกช้อยส์ที่เป็นคำตอบ
2. มีประโยคมาให้ แล้วให้เราตอบว่า ประโยคนั้น YES/No/Not given หรือ FALSE/TRUE/NOT GIVEN สองอันนี้คล้ายกัน เวลาเขียนตอบให้ดูคำถามด้วยว่าเค้าถามอะไร แล้วก็ห้ามเอาความรู้หรือความเห็นตัวเองมาตอบ ให้อ้างอิงเฉพาะจากเรื่องที่อ่านเท่านั้นค่ะ อีกอย่างที่ต้องระวังคือ ประโยคบางประโยคที่เขาไม่ได้กล่าวในบทความ บางทีมันไม่ใช่ FALSE ค่ะ มันแค่ NOT GIVEN อย่าพลาดตรงนี้นะคะ
3.ให้จับคู่ว่า ข้อความนี้ ใคร(ที่ถูกกล่าวถึงในบทความ)เป็นคนพูด
4. (ยากที่สุดสำหรับเรา) การจับคู่ topic กับ paragraph ให้ topic มาแล้วจับคู่ว่า paragraph นี้ควรมี topic ว่าอะไร
Speaking เราดูยูทูปค่ะ ตัวอย่างเยอะมาก ตอนแรกฟัง tips จาก ieltsmasterLee แล้วก็ search ตัวอย่างโดยใช้ key word ว่า ielts speaking band 9 ค่ะ ต้องยอมรับว่าเราแทบไม่ได้ฝึกพูดเองเลย ฟังตัวอย่างอย่างเดียว (ปกติทำงานก็พูดภาษาอังกฤษบ้างเลยคิดว่าน่าจะสอบผ่านได้ค่ะ เลยเอาเวลาไปฝึกอย่างอื่นมากกว่า)
Writing เราอ่านเทคนิคจากหลายเว็บ เว็บที่เราชอบคือ ieltsLiz ค่ะ สอนเข้าใจง่ายดี เทคนิคก็ดี แล้วก็ไปหาตัวอย่างข้อสอบมานั่งเขียนเองค่ะ (เสียตรงที่ไม่มีคนตรวจให้ เขียนแล้วก็เก็บไว้) อีกอย่างคือเราไปโหลดตัวอย่าง answer sheet จริงๆที่จะใช้ตอนสอบ มาใช้เขียนเลยค่ะ จะได้ตัดกังวลเรื่องความยาวของ essay เพราะการซ้อมในกระดาษคำตอบจริงจะทำให้เรารู่า ลายมือเรา ขนาดตัวหนังสือที่เราเขียนนั้นจะต้องเขียนประมานกี่บรรทัดถึงจะพอ ส่วนวิธีเขียนก็ดูยูทูป กับหาหัวข้อเองค่ะ กูเกิลว่า ielts writing task 2 topic 2017 แค่นี้ก็เขียนไม่ไหวแล้วค่ะ
ทั้งหมดนี้เราเตรียมตัวประมานสองเดือน งด hang out ทำงานเสร็จรีบออกกำลังกาย(ห้ามงดเด็ดขาด) แล้วรีบกลับบ้านอ่านหนังสือค่ะ อ่านตั้งแต่สองทุ่มถึงเที่ยงคืนครึ่ง ตื่นหกโมงครึ่ง(นอนหกชั่วโมงพอดี)ไปทำงานค่ะ ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็อ่านมากหน่อย นอนดึกตื่นสายได้