ทำยังไงดีเมื่อแม่บังเกิดเกล้าด่า "อี :)"ในวันที่ตกงานไม่มีเงินส่งให้

หลังจบม.หกเราก็หางานทำเลย ไม่ต่อมหาลัยเพราะกลัวแม่จะแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว มะก่อนแม่ทำงานส่ง แต่ส่งเงินเข้าบัญชีตาคนเดียว โดยที่ไม่ให้บัญชีแยก ซึ่งตาเป็นคนขี้เหนียวมาก แกไม่ชอบให้เงินเราแม้ตอนเรียนอยู่ม.ปลายเราไม่มีชุดนักเรียนใส่ ตาก้ไม่ให้เงินไปซื้อพร้อมไล่ให้ออกเรียนไปหางานทำ แกบอกว่า "เรียนอยู่ก้เสียเงินเสียทองเปล่าๆ ออกไปหางานทำซะ อยู่นี่ ข้าวก้ข้าวกู น้ำก้น้ำกู ไม่มีรายได้มาให้ก็เปลื่องข้าว เปลืองน้ำ" ได้ยินคำนี้มันเจ็บจี๊ดที่อกเลยค่ะ อยากจะร้องไห้เออกมาก็ไม่ได้ จะไปทำงานที่ไหนเรียนแค่ม.สี่ เอาวะ อดทนกลั้นใจเอา เค้าไม่ให้เงินที่แม่ส่งมาให้ก้ทำงานรับจ้างเค้าเอา เราหยุดเรียนไปอาทิตย์นึงเต็มๆจนครูประจำชั้นโทร.ตาม เพื่อที่จะทำงานวันละ 180 บาท เก็บวันละ 100 อีก 80 ขาทตั้องซื้อกินอาหารสามมื้อ นี้รวมห่อข้าวไปกินที่สวนแบ่งให้ตากินทั้งวัน ซึ่งพอแกเห็นว่ามีงานทำแล้วแกก้ไม่ออกเงินช่วยอะไรซักอย่าง รอกินกะเราอย่างเดียว ทำงาน7วันเก็บเงินได้ 700 ซื้อชุดนักเรียนได้ 2 ชุด กระโปรง 1 ตัว ใส่สลับกับตัวเก่าตอนม.ต้นเอา ตั้งแต่นั้นมาปิดเทอมก้ไปรับจ้างทำงานในสวนของเพื่อนในห้อง เสาอาทิตย์ก้ทำงานรับจ้าง วันไปเรียนก้ทำงานในสหกรณ์โรงเรียนได้วันละ 25 ลำบากสุดๆคือค่ารถไปโรงเรียนเดือนละ 700 และตาก้ไม่ยอมจ่ายให้อีกเช่นเคย จะกู้กยศ. ตาก้ไม่ค้ำให้ กลัวเป็นหนี้เดี๋ยวเค้าจะมายึดบ้านไม่มีที่อยู่ เลยไปขอทุนกับอาจารย์ แล้วก้ได้ทุนเรียนให้ปล่าวแต่ว่าต้องเรียนให้จบชั้นการศึกษาภาคบังคับนั้นๆ เดือนละ 1000 บาทโดยช่วยงานกิจกรรมของโรงเรียนไปด้วย ชีวิตเราวนเวียนอยู่แบบนี้จนจบม.หก โดยที่ไม่ได้บอกแม่ซักนิดว่าที่ส่งมาให้ใช้ เราไม่ได้ และไม่ได้จะคิดรบกวนแกเลย จบมาก้ออกจากบ้านมาหางานทำเลย มีโอกาสก้ได้สมัครเรียน มสธ เอา ไปสอบแค่เสาอาทิตย์ (ซึ่งตอนนี้ก้กำลังเรียนอยู่) คือพึ่งตัวเองมาตลอดค่ะ และก้คิดว่าหากแม่ยังทำงานอยู่และส่งไปบัญชีตา ก้จะไม่ต้องกังวลเรื่องของเราอีก เพราะเราได้ออกไปเติบโตข้างนอกแล้ว ทำงานตจว.มาได้4 ปี ระหว่างนั้นแม่ได้มีสามีฝรั่งและเค้าเลี้ยงดู แม่เป็นคนใจกว้าง ชอบเลี้ยงคนโอ่อ่าหรูหรา ซึ่งในนั้นไม่มีเรา เราจะถูกแม่กดดันเสมอว่าต้องให้ได้ดีกว่าคนนั้นคนนี้นะ ให้เป็นในอย่างที่เค้าอยากให้เป็น ส่วนตัว รู้ว่าเค้าหวังดีแหละ แต่มันอึดอัด เราเองก้อยากเป็นในสิ่งที่เราเป็น แกมีเงินแกก้คิดจะบงการชีวิตเราให้เป็นในแบบที่เค้าวาดฝันเอาไว้ อ้าว แล้วฝันของเราล่ะ แกไม่เคยถามหรือสนับสนุนเลย พอทำงานมานานเข้าเราได้เรียนรู้วิถีที่เป็นแบบเรา อะไรที่มันใช่ที่ไม่เดือดร้อนชาวบ้านเราก้ทำ แต่มันขัดอุดมการของแม่ ก้เลยขัดกัน ไม่ค่อยถูกใจกันเท่าไร จนกระทั่งฝรั่งทิ้งแม่ไปมีคนใหม่ แม่เลยกลับมาอยู่บ้าน คราวนี้แกไม่มีเงินเดือนใช้ หลังจากเคยได้อยู่กินสบายๆไม่ได้ทำงานหนัก ก้เลยหันมาโทษเรา ซะงั้น เร่งให้เราเรียนจบไวๆ จะได้มีงานดีๆทำแล้วส่งเค้าเหมือนที่เค้าเคยส่ง แต่ส่งเค้าบันชีตา ซึ่งเราไม่ได้ไง คือตอนนั้นยอมรับว่าส่ง ให้ เป็นเงินบ้าง เป็นสิ่งของบ้างจะให้เยอะก้อย่างวันสำคัญ ปีใหม่ สงกรานต์ วันเกิด วันพ่อ วันแม่ ประมานนี้ ซึ่งเราก้ส่งจนเค้าเริ่มเคย คือ ใช้เงินกินเหล้าฟุ่มเฟือย ไม่พอใช้ก้ขอใหม่ เดือนละ 3-4พัน ซึ่งตอนนั้นเราทำงานในบ.โลจิสติก กะเช้ารวมกะกลางคืนรวมโอทีทำทั้งเดือนลบประกันสังคมได้ประมาน 14000 ซื่งค่ากินอยู่ ค่าน้ำมัน ก้ตกไป 8-9000แล้ว ไม่เหลือเก็บเลยตอนนั้น เพราะส่งไปให้ที่บ้านตามคำเรียกร้อง จนกระทั่งมาป่วยหนัก เงินที่จะได้ส่งกลับบ้านดันไปเข้าคลีนิคเกือบหมด เหลืออยู่ 2000 สุดท้าย แม่ก้ส่งข้อความมาน่าสงสาร เลยจำใจส่งก้อนนั้นไปให้ หลังจากนั้นเราก้แอดมิทนอนโรงบาล โดยที่แม่ที่ได้เงินสองพันนั้นไปกลับไม่ได้มาเฝ้าบอกว่าเงินที่ส่งไปหมดแล้ว ไม่มีตังมาเฝ้า แฟนก้ไม่อยู่ เพื่อนๆรุ่นเดียวกันเค้าก้เรียน คือตอนนั้นอยากจะร้องไห้มาก งานที่ทำเป็นซับคอนแทรคหยุดมากเค้าก้ให้ออก ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเราควรจะมีเงินเก็บไว้ใช้ยามไม่มีงานบ้าง เพราะตอนนั้นเราทุกข์ ไม่มีใครเลยจิงๆที่ยื่นมาช่วยแม้แต่แม่ตัวเอง ตั้งแต่นั้นมาเราก้ไม่ค่อยได้ส่งไปให้ที่บ้านเท่าไรเพราะผ่อนประกัน และเก็บออมไว้ ยังให้ที่บ้านอยู่แต่เป็นในลักษณะ ซื้อประกันชีวิตดีๆให้ ซื้อทองให้ ซื้อทีวีให้ แบบนี้ คือที่เหลือให้เค้าพึ่งพาตัวเองซึ่งแม่ก้ยังไม่แก่เท่าไร ยังพอทำงานได้เราก้ซื้อประกันไว้กันเหนียว เผื่อแกล้มไรประมานนี้ คือเน้นให้เค้าช่วยเหลือตัวเองบ้าง แค่นั้น แต่สิ่งนี้ยิ่งทำให้แม่ไม่พอใจมากขึ้น คือเค้าไม่ได้มาสนใจเราเลยว่าจะอยู่กินลำบากหากไม่มีเงินเก็บเงินก้อน มาถึงตอนนี้แล้วเพื่อนๆ จะว่าเราอกตัญญูก้เชิญนะคะ ตั้งแต่เราได้งานใหม่ได้เงินถูกกว่าที่เก่าเดือนละ 11000 แต่เราก้ประหยัดลงกินอาหารแค่พอแก้หิว ตัวเราผอมเหมือนผี จนหมอบอกให้ไปตรวจโรค แต่เราทำเพราะอยากเก็บเงินเอาไว้ลงทุนหรือฉุกเฉินเผื่อตกงานอีกเราจะได้มีสำรองเวลาหางานใหม่ และแล้วเราก้ตกงานอีกรอบ (*หมายเหตุเค้าไม่ให้ไปสอบทั้งที่วันนั้นเป็นเสาร์หยุด แต่บังคับโอที คือเราปฏิเสธเค้าและไปสอบ เค้าเลยให้ออก) แต่ตอนนั้นยอมรับเลยว่าตกต่ำจริงๆ หลังออกจากงาน เงินติดตัวเหลืออยู่ 4000 เพราะจ่ายค่าประกันชีวิตให้เราและแม่ไปหมดแล้ว เลยโทร.ไปบอกแม่ว่าตกงานแล้วนะ คงไม่ได้ส่งเงินอะไรไปช่วงนี้ ก้เลยตัดสินใจกลับบ้านไปหาตา ยื่นเงินให้แกแค่พันเดียวก่อนกลับมาหางานต่อ วันนั้นแม่ไม่อยู่ ก้ยื่นให้แค่ตาคนเดียว และถ้าให้อีกกว่านี้เราเองก้จะแย่ พอแม่กลับมา แม่รู้ว่าเราไปบ้าน แต่แม่ไม่ได้เงิน เลยโวยวาย ทั้งที่เราก้บอกเค้าแล้วว่าตกงานอยู่แต่ดูเหมือนคำตรงนี้เค้าไม่ได้สนใจเลยซักนิดเลย เค้าโกรธเราหนักมากที่ไม่ให้เงินแก เพราะแกเองไม่เคยได้เงินจากตาเลย (เหมือนเราเปี๊ยบ) แต่เราไม่โวยวายนะไม่มีเราก้หางานทำ ไม่เรียกร้องอะไรเลย แต่เค้ากลับมาโทษเรา สารพัด อ้างถึงบุญคุณมากมายหลายแสน คือ ทองเราก้เคยซื้อให้ เงินเราก้เคยส่ง ประกันเราซื้อดีๆแพงๆให้ แต่ตรงนี้ไม่มีความดีเลย พอเราตกงาน ไม่มีเงินให้เค้า คำสุดท้ายที่ทำให้เราน้ำตาตก เจ็บ จุกจิงๆ คือ แม่ด่าเรา ว่า "อียิ้มนิ ไม่ยอมให้เงินกู อีสันดาน" โหยยย... คือ ตกงาน หางานใหม่ยังว่าท้อเเล้วมาเจอคำนี้ก้เข่าอ่อนเลยค่ะ ท้อ จนต้นท้อจะงอกออกมาแล้ว ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่นี่..  คือ
และเเกใช้วิธีหว่านล้อมคนรอบข้างแก ให้มาประโคมด่าโจมตีเราอีกที ว่าไม่ส่งเงินไปให้ ปล่อยให้แม่อด คือเราก้ทุกข์พอเราอ่ะ เค้าไม่เคยให้แม้แต่กำลังใจเราเลย บางครั้งเราก้คิดว่าแม่ไม่รักเรานะ เค้ารักแต่เงิน แต่ไม่อยากคิดแบบนั้นเพราะมันยิ่งทำให้เราทุกข์ขึ้นอีก
ตอนนี้ผ่านมาสี่เดือนแล้วแต่เรายังไม่ได้งานใหม่แค่รับของเค้ามาขายตามตลาดนัดนิดๆหน่อยพอเลี้ยงชีพ เรื่องงานเรากะว่าจะตั้งใจเรียนให้จบปีนี้แล้วเริ่มสมัครใหม่เอา เราท้อมามาก น้ำตาแตกมามากแล้ว เงินก้ไม่ได้ส่งไปที่บ้านแล้ว ใครจะว่ายังไงไม่สนแล้ว เราขาดการติดต่อกับแม่ตั้งแต่เจอคำว่า อี ยิ้ม ก้เลยคิดว่า เราคง ยิ้มจริงๆไม่มีตังส่ง เพราะตอนเค้ามีฝรั่งเลี้ยงกินดีอยู่ดีเค้าไม่เคยมาวุ่นวายกับเราเลย ไม่เคยส่งตัง ของ อะไรมาให้ด้วย ส่วนตัวเราคิดว่าถ้าหากเรียนจบแล้วได้งานดีๆทำก้จะส่งให้เค้าหรือไม่ก้ลงทุนอะไรให้เค้าขายอะไรไป แต่ตอนนี้เรายังไม่พร้อม ทั้งทรัพย์ ทั้งจิตใจเลยจริงๆ ขอเวลาซ่อมความรู้สึกก่อน ดีแล้วค่อยไปเริ่มใหม่เอา


คำถาม: คือเราทำแบบนี้ถือว่าเรา  ยิ้ม อย่างที่แม่ด่าเราใช่มั้ยคะ และควรปรับทัศนคติอย่างไรดี


ขอขอบคุณทุกท่านที่มาแสดงความคิดเห็นค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ตอนนี้ได้งานทำหรือยังค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่