"เกษตรฯ" ยันต้องทำตามกฎหมายไทย ห้ามนำเข้าสุกรปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดง
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สัปดาห์หน้ากระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกรมปศุสัตว์จะเดินทางไปเจรจาด้านการค้ากับสหรัฐเรื่องการนำเข้าเนื้อสุกร ซึ่งสืบเนื่องจากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางเยือนสหรัฐ และทางสหรัฐต้องการส่งออกเนื้อสุกรมายังประเทศไทย แต่เนื้อสุกรของสหรัฐมีสารเร่งเนื้อแดง ทำให้มีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย จนนายกรัฐมนตรีสั่งให้ตั้งคณะกรรมการศึกษาเรื่องการนำเข้าเนื้อสุกรนี้อีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ครบ 6 เดือนแล้ว กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงเตรียมไปให้คำตอบกับสหรัฐ
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้คณะทำงานในการหารือเรื่องของการนำเข้าเนื้อสุกรจากสหรัฐ เตรียมเดินทางไปเจรจาเงื่อนไขการนำเข้า ซึ่งน่าจะเป็นการเจรจาด้านเทคนิค โดยกรมปศุสัตว์ รับผิดชอบ พ.ร.บ.ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2558 ที่ห้ามผู้เลี้ยงผสมสารเร่งเนื้อแดงในอาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์ รวมถึงสุกร จะร่วมเป็นคณะเจรจาด้วย เบื้องต้นกระทรวงเกษตรฯ ยังคงยืนยันไม่ให้นำเข้าหมูที่ใช้สารเร่งเนื้อแดง ซึ่งฟาร์มหมูของสหรัฐยังอนุญาตให้ใช้ได้
นายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า หากสหรัฐต้องการเปิดตลาดก็ต้องมาจากฟาร์มที่ปลอดภัย ไม่มีการใช้สารเร่งเนื้อแดงเท่านั้น ซึ่งขณะนี้มาตรฐานที่ไทยกำหนดถือว่าดีอยู่แล้ว เนื้อสุกรในประเทศไม่มีปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดงเลย นอกจากนี้ปริมาณผลผลิตสุกรในประเทศไทย ขณะนี้ก็ล้นตลาดเกินความต้องการอยู่จำนวนมาก ทำให้ราคาตกต่ำมาระยะหนึ่งแล้ว จนต้องมีมาตรการลดแม่พันธุ์ นำลูกไปทำหมูหัน และเชือดสุกรขุนเก็บในห้องเย็นเพื่อไม่ให้ออกสู่ตลาดจนราคาตกต่ำ
“ที่ผ่านมาไทยซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท หากมีการให้นำเข้าหมูเข้ามาขายในเมืองไทยอีก ถือว่าเป็นการซ้ำเติมตลาดหมูในประเทศที่มีผลผลิตเกินกว่าความต้องการอยู่แล้วทุกปี กรมปศุสัตว์จึงยังยืนยันเหมือนเดิมคือไม่ให้มีการนำเข้าหมูจากสหรัฐ”
ส่วนผลผลิตสุกรที่ล้นตลาดอยู่ขณะนี้ ไทยกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อส่งออกไปจีน คาดว่าไม่มีปัญหาเพราะขณะนี้จีนได้นำเข้าไก่ไปแล้ว ต้องให้เวลาสักระยะเพื่อเจรจาในรายละเอียดต่อไป
ที่มา:·กรุงเทพธุรกิจ
http://www.komchadluek.net/news/agricultural/319594
มั่นใจในการเจารจาค่ะ ประเทศไทยไม่เคยเป็นรองเสียเปรียบใคร
🐖🐷~มาลาริน~เรื่องที่บางคนยังไม่ทราบ...นำมาให้อ่านค่ะ...ปศุสัตว์ยันห้ามนำเข้าหมูสหรัฐเปื้อนสาร ทราบแล้วนะคะ
"เกษตรฯ" ยันต้องทำตามกฎหมายไทย ห้ามนำเข้าสุกรปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดง
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สัปดาห์หน้ากระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกรมปศุสัตว์จะเดินทางไปเจรจาด้านการค้ากับสหรัฐเรื่องการนำเข้าเนื้อสุกร ซึ่งสืบเนื่องจากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางเยือนสหรัฐ และทางสหรัฐต้องการส่งออกเนื้อสุกรมายังประเทศไทย แต่เนื้อสุกรของสหรัฐมีสารเร่งเนื้อแดง ทำให้มีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย จนนายกรัฐมนตรีสั่งให้ตั้งคณะกรรมการศึกษาเรื่องการนำเข้าเนื้อสุกรนี้อีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ครบ 6 เดือนแล้ว กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงเตรียมไปให้คำตอบกับสหรัฐ
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้คณะทำงานในการหารือเรื่องของการนำเข้าเนื้อสุกรจากสหรัฐ เตรียมเดินทางไปเจรจาเงื่อนไขการนำเข้า ซึ่งน่าจะเป็นการเจรจาด้านเทคนิค โดยกรมปศุสัตว์ รับผิดชอบ พ.ร.บ.ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2558 ที่ห้ามผู้เลี้ยงผสมสารเร่งเนื้อแดงในอาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์ รวมถึงสุกร จะร่วมเป็นคณะเจรจาด้วย เบื้องต้นกระทรวงเกษตรฯ ยังคงยืนยันไม่ให้นำเข้าหมูที่ใช้สารเร่งเนื้อแดง ซึ่งฟาร์มหมูของสหรัฐยังอนุญาตให้ใช้ได้
นายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า หากสหรัฐต้องการเปิดตลาดก็ต้องมาจากฟาร์มที่ปลอดภัย ไม่มีการใช้สารเร่งเนื้อแดงเท่านั้น ซึ่งขณะนี้มาตรฐานที่ไทยกำหนดถือว่าดีอยู่แล้ว เนื้อสุกรในประเทศไม่มีปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดงเลย นอกจากนี้ปริมาณผลผลิตสุกรในประเทศไทย ขณะนี้ก็ล้นตลาดเกินความต้องการอยู่จำนวนมาก ทำให้ราคาตกต่ำมาระยะหนึ่งแล้ว จนต้องมีมาตรการลดแม่พันธุ์ นำลูกไปทำหมูหัน และเชือดสุกรขุนเก็บในห้องเย็นเพื่อไม่ให้ออกสู่ตลาดจนราคาตกต่ำ
“ที่ผ่านมาไทยซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท หากมีการให้นำเข้าหมูเข้ามาขายในเมืองไทยอีก ถือว่าเป็นการซ้ำเติมตลาดหมูในประเทศที่มีผลผลิตเกินกว่าความต้องการอยู่แล้วทุกปี กรมปศุสัตว์จึงยังยืนยันเหมือนเดิมคือไม่ให้มีการนำเข้าหมูจากสหรัฐ”
ส่วนผลผลิตสุกรที่ล้นตลาดอยู่ขณะนี้ ไทยกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อส่งออกไปจีน คาดว่าไม่มีปัญหาเพราะขณะนี้จีนได้นำเข้าไก่ไปแล้ว ต้องให้เวลาสักระยะเพื่อเจรจาในรายละเอียดต่อไป
ที่มา:·กรุงเทพธุรกิจ
http://www.komchadluek.net/news/agricultural/319594
มั่นใจในการเจารจาค่ะ ประเทศไทยไม่เคยเป็นรองเสียเปรียบใคร