Backpack:Ethiopia ใครไม่เปีย....แต่เอธิโอเปีย ตอนแรก :
https://ppantip.com/topic/37538639
Backpack:Ethiopia ใครไม่เปีย....แต่เอธิโอเปีย Episode2 :
https://ppantip.com/topic/37539254
Backpack:Ethiopia ใครไม่เปีย....แต่เอธิโอเปีย Episode4(ตอนจบ) :
https://ppantip.com/topic/37575020
สิบโมงเช้าของวันที่ 31 ธค นั่งเครื่องจากสนามบิน
Makele ไปที่ เมือง
Lalibela ใช้ระยะเวลาประมาณ 1ชั่วโมง จากสนามบิน
Lalibela นั่งรถจากสนามบินเข้าไปในตัวเมือง ประมาณ20นาที ไกลจากสนามบินพอสมควรครับ เมือง
Lalibelaเป็นเมืองแห่งหุบเขา และโบสถ์ วิวซ้ายขวากจะมีแต่ภูเขา เป็นภูเขาสีเขียว มีต้นไม้ จะไม่เหมือนโซน
Danakil ที่เป็นภูเขาหัวโล้นดินแดงๆ แห้งแล้ง เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่บนความสูงกว่า 2,500เมตร เหนือระดับน้ำทะเล อากาศเลยหนาวเย็นเช่นเคย
เมืองนี้มีความสำคัญทางด้านของคริสตศาสนาระดับภูมิภาคเลยนะครับ ชาวคริสต์เชื่อว่าเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ และเป็นศูนย์กลางของการแสวงบุญของชาวคริสต์ นิกายออโทดอกซ์ ในภูมิภาคนี้(ชาวคริสต์ในเอธิโอเปียเกือบส่วนใหญ่เป็นออโทดอกซ์) ถ้าซาอุดิอาระเบียมีเมืองเม็กกะ เอธิโอเปีย ก็มีเมืองลาลิเบลล่า เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นโดย
King Lalibela ชื่อเต็มๆยาวๆผมจำไม่ได้ เป็นกษัตริย์ที่ปกครองEthiopiaในสมัยก่อน ได้ไปเห็น เมือง
Yerusalem มา และช่วงนั้นเมือง Jerusalem ถูก อิสลามเข้ายึดครองอยู่ จึงหวังจะสร้าง
New Jerusalem ขึ้นมาใหม่ เพื่อไว้เป็นอนุสรณ์ให้กับชาวคริสต์ ที่เมือง
Lalibela แห่งนี้ พระองค์สั่งให้สร้างโบสถ์ขึ้นมากมาย และหนึ่งในนั้น มีโบสถ์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหินภูเขาไฟก้อนเดียวทั้งก้อน แกะสลักลงไปเป็นโบสถ์!! โครตAmazing โบสถ์นั้น มีชื่อว่า
Biete Giyoris หรือ
Church of saint George ได้รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับแปดของโลกเลยทีเดียว และได้ถูกขึ้นทะเบียนโดยองกรยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย
….แต่เรายังไม่ไปวันนี้ครับ….ผมรู้สึกไม่สบายตั้งแต่อยุ่ที่สนามบิน
Makele ละ พอมาถึงก็เลยนอนพักซะหน่อย จนถึงบ่ายๆ หายป่วยเลยออกไปเดินเล่นสำรวจเมืองซักหน่อย ไม่รีบ เพราะมีเวลาอยู่ที่เมืองนี้ 3วัน
จะเรียกตัวเมืองก็ยังไงอยู่ เหมือนมีสภาพคล้ายๆหมู่บ้านมากกว่า ไม่มีตึก ส่วนมากจะเป็นบ้านหลังเล็กๆ ในหมู่บ้านมีธงสีๆแขวนอยู่ตามถนนเต็มไปหมด ตอนแรกนึกว่าธงเฉลิมฉลองเพื่อเตรียมงานปีใหม่ ผมตั้งใจไว้ว่าจะมีฉลอง count down ที่นี่ แต่ พลาดครับ ชาวเอธิโอเปียเค้าไม่ได้ยึดปีใหม่ตามแบบเรา เค้ามีปีใหม่ของเค้า คือ 11กันยา ส่วนธงสีๆที่ติดนั้น เนื่องในโอกาสช่วงใกล้คริสมาสต์ สำหรับชาวคริสต์
orthodoxที่
Ethiopia ถือวันที่ 7 มกราคม เป็นวันคริสต์มาส
ที่เมืองนี้อย่างที่บอกว่ามีความสำคัญทางด้านคริสต์ศาสนา จึงคึกคักเป็นพิเศษ ชาวคริสต์ทั่วทุกทิศหลั่งไหลกันมาที่นี่เพื่อเฉลิมฉลองในวันคริสมาสต์ ชาวเมืองจึงจัดเตรียมต้อนรับแขก มีพิธีล้างเท้าให้แขกที่มาจากต่างเมืองด้วย ที่บริเวณลานกลางถนนของหมู่บ้าน
ผมเดินเล่นไปเรื่อยๆ มีชาวบ้านมาทักทาย เสนอเป็นไกด์นำเที่ยวเป็นระยะๆ ผมก็ปฎิเสธเพราะยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะจ้างไกด์ หรือเดินลุยเองในการไปเที่ยวโบสถ์พรุ่งนี้
เดินเล่นไปเรื่อยๆก็มีเด็กน้อยชาวเอธิฯสองคน อายุประมาณ 10-13ปี พูดอังกฤษเก่งใช้ได้ ถือว่าสื่อสารพอได้เลยล่ะ ในมือถืออุปกรณ์ขัดรองเท้า อาสามาขัดรองเท้าให้ ผมก็บอกว่าตอนนี้ยังไม่อยากขัด เพราะว่ารองเท้ามันสะอาดอยู่เลย น้องก็จะอาสาพาไปเดินชมหมู่บ้าน ผมก็บอกว่าไม่เป็นไรอยากเดินเล่นไปเรื่อยๆเอง หมู่บ้านก็ไม่ได้ใหญ่จนน่าหลงทาง
การที่มีเด็กมาเสนอขัดรองเท้า และอาสาเป็นไกด์เพื่อแลกกับเงิน เดินตามเราตลอด ถ้ามองในแง่เราเป็นนักท่องเที่ยวเราอาจจะรำคาญ แต่ถ้ากลับกัน มองในมุมเค้า เค้าเป็นเด็ก บ้านยากจน แค่อยากจะหาเงินช่วยครอบครัว อาชีพสุจริตที่เค้าทำได้ไม่กี่อย่างสำหรับเด็กก็คือการรับขัดรองเท้าให้นักท่องเที่ยว หรืออาสาเป็นไกด์พาเที่ยว แทนที่เค้าจะไปวิ่งเล่นกับเด็กคนอื่นๆ หรือเดินมาขอเงิน ขอสิ่งของตรงๆ แต่เค้าเลือกที่จะมาหารายได้ ผมว่าน้องเค้าโครตเจ๋งเลยนะ
ผมบอกว่าอยากเดินเที่ยวเองมากกว่า น้องบอกว่าอยากฝึกพูดภาษาอังกฤษ ขออาสาพาเที่ยว ผมเลยบอกไปว่า ถ้าอยากพาไปเที่ยวผมยินดีมากๆ แต่ว่าผมไม่มีmoney หรือ candy จะให้นะ (ตอนแรกคิดว่าจะมาขอตังหลังพาเที่ยวเสร็จ เลยพูดลัดไว้ก่อนเลยว่า i dont have candy or money ) น้องก็บอก don’t worry เค้าเป็นนักเรียน อยากฝึกพูดภาษาอังกฤษ (จริงๆน้องก็พอสื่อสารรู้เรื่องดีทีเดียวครับ) และเห็นผมมาคนเดียว เลยอยากพาเดินเที่ยว ผมเลยตกลงให้น้องๆพาเที่ยวชมเมือง น้องชื่อ บาเนส และโยฮันเนส อายุน่าจะประมาณ13-15ปี เรียนอยู่ชั้นเกรดอะไรผมจำไม่ได้ เป็นเพื่อนในชั้นเรียนเดียวกัน วันนี้เป็นวันหยุด ไม่มีเรียน
น้องบอกว่าเดี๋ยวจะพาไปบ้านบาเนสก่อน พร้อมเอาอุปกรณ์ขัดรองเท้าไปเก็บด้วย น้องพาเดินเข้าไปในซอยเล็กๆ ตอนแรกๆผมก็กลัว จะโดนหลอกไปปล้นชิงทรัพย์ป่าววะเนี่ย ไปถึงก็เจอบ้านคนจริงๆครับ
ทางไปบ้านน้องบาเนส
น้องบาเนสรีบวิ่งเอาที่ขัดรองเท้าไปเก็บในบ้านแล้ว พวกเราก็ไปบ้าน
yohanesต่อ น้องบอกว่าจะพาไปกินกาแฟ ที่บ้าน
yohanes ซึ่งอยู่ไม่ไกบจากบ้านของบาเนส ตัวบ้านก็เป็นลักษณะเดียวกัน ตัวบ้านเป็นบ้านดิน ประตู หน้าต่าง และหลังคา ทำด้วยสังกะสี
เสื้อแดงน้อง yonanes เสื้อดำ น้อง บาเนส ที่บ้านของ น้องYohanes
น้องของhohanes มาแจม น้องๆพาเดินไปข้างบ้านบอกว่าจะให้ดูอะไร เป็นคอกสี่เหลี่ยม หลังเล็กๆ
เปิดประตูไปดู ก็เจอนี่ครับ
คอกแกะ
จากนั้นน้องก็พาผมไปชมในบ้าน ในบ้านจะมีห้องโถงกลางห้อง ขนาดประมาณ 4x4เมตร ได้ ไม่เกินนี้ มีห้องต่อเติมออกไปด้านนอกเป็นห้องไว้ทำอาหารและมีถังน้ำไว้เก็บน้ำดื่ม น้ำใช้ และห้องอาบน้ำ แต่ไม่มีส้วมนะครับ ผมถามน้อง น้องบอกว่า ส้วมจะต้องไปใช้ส้วมสาธารณะ ที่ทำไว้ใช้ร่วมกับหลายๆบ้าน ฟังแล้วตกใจ ไม่รู้มาก่อนเลย เค้าไม่มีส้วมในบ้าน ถ้าจะถ่ายต้องเดินออกไปนอกบ้าน ถ้าปวดขึ้นมาตอนกลางคืนทำไงล่ะเนี่ย
ห้องโถงในบ้าน นอนกันห้าคน
เดินเข้าไปในบ้านเจอแม่ของน้อง และน้องสาวน้องชายของ
yohanes น้องบอกว่า ที่บ้าน อยู่กันห้าคน มีแม่
yohanesเป็นพี่ชายคนโต มีน้องชายอีก 2คน และน้องสาวอีก 1คน ถ้านอนห้าคนนี่คงเต็มบ้านพอดีครับ บ้านขนาดเล็กสำหรับห้าคนมาก
แม่น้องชวนดื่มกาแฟ แม่น้องพูดภาษอังกฤษไม่ได้นะครับ คุยกันผ่านทางน้อง
yohanes คุณแม่ใจดี ทำกาแฟแบบ
traditional Ethiopian coffee ให้ดื่ม
ระหว่างรอแม่คั่วกาแฟ ก็นั่งเล่นกับแก๊งเด็กๆ เปิดคลิปหมาที่บ้านในมือถือให้ดู เอารูปที่ถ่ายในมือถือจากเมืองไทยให้ดู น้องเห็นทะเลแล้วบอกว่าทะเลสวยมาก อยากเที่ยวทะเล ( ที่ประเทศเอธิโอเปีย เป็นประเทศ LandLock คือไม่มีทางออกสู่ทะเลเลย เวลาจะส่งออก นำเข้าสินค้า ก็จะใช้ช่องทางออกสู่ทะเลที่ประเทศ
Jibutiครับ ไม่ใช้ทาง
Eritria เพราะไม่ถูกกัน)
ผมถามน้องว่าเคยไปเที่ยวเมืองไหนมาบ้าง น้องตอบว่า
Lalibela น้องอยู่แค่ในเมืองนี้ ยังไม่เคยไปไหนเลย เมืองหลวงก็ยังไม่เคยไปเลยครับ เคยเห็นแต่รูปเมืองหลวงจากในทีวี และจากอินเตอร์เนตตอนครูเปิดให้ดูที่โรงเรียนเท่านั้น น้องบอกว่าซักวันอยากไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง
หลังจากดื่มกาแฟเสร็จน้องก็พาไปดูจุดชมวิว ที่น้องบอกว่าที่นี่แหล่ สวยที่สุด จุดชมวิวนี้จะอยู่ในเขตของโรงแรม
Sora Lodge Lalibella คล้ายๆรีสอร์ท คือต้องเดินเข้าไปในเขตโรงแรม พอถึงหน้าประตู มียามอยู่ น้องมันก็บอก ให้เดินเข้าไปเลย เดี๋ยวจะรออยู่ข้างนอก อ้าวว ไหงอย่างงี้ มันเข้าไปได้จริงเหรอ เริ่มลังเล 5555 หลอกกันป่าวเนี่ย แต่ก็ลองดูซักหน่อย ผมก็เดินผ่านประตูไป ไปเจอยาม ยามก็ทักทาย ถามผมว่ามีอะไรให้ช่วยไหม ถ้าจะบอกเค้าไปว่าจะเดินเข้ามาดูวิว มันก็แปลกๆอยู่ เลยถามว่า ที่นี่มี café ไหม (จริงๆคือข้างหน้าผมเห็นเขียนตัวใหญ่เท่าบ้านว่า Sora café เป็นร้านอาหารของโรงแรม 555) เค้าก็ชี้ไปข้างหน้า อาคารร้านอาหารนั่นหล่ะ ผมก็ thank you แล้วเดินไป แว้บไปดูตรงชมวิว ก็ตามนี้เลยครับ….
แล้วก็เดินออกมาหาแก๊งเด็กๆ ที่ยังยืนรออยู่หน้าประตู ชมวิวเสร็จก็เริ่มจะเย็นๆแล้ว น้องๆก็แนะนำให้ไปร้านอาหารเย็น ซึ่งเป็นร้านอาหารยอดฮิตของเมืองนี้ ชื่อเสียงดังที่สุดของ
Lalibella ชื่อว่า
Ben abeba ผมอ่าน lonely planet มาก่อน ร้านนี้ lonely planet ให้ติดดาวเลยทีเดียว เลยลองไปดู น้องพาไปส่งขึ้นรถตุ๊กๆ น้องไม่ขอเงินหรือสิ่งของอะไรเลยครับ พร้อมกับกล่าวลา ผมนั่งรถตุ๊กๆออกจากเมืองไปประมาณ15-20นาทีก็สังเกตเห็น สิ่งก่อสร้างที่คล้ายในรูปที่ดูมา
แล้วเราก็มาถึงแล้วครับ ร้านBen abeba
เป็นไงครับ สมกับเป็นร้านอันดับหนึ่งใน lalibela ไหม แถมวิว 360องศา
[CR] Backpack:Ethiopia ใครไม่เปีย....แต่เอธิโอเปีย Episode3
Backpack:Ethiopia ใครไม่เปีย....แต่เอธิโอเปีย ตอนแรก : https://ppantip.com/topic/37538639
Backpack:Ethiopia ใครไม่เปีย....แต่เอธิโอเปีย Episode2 : https://ppantip.com/topic/37539254
Backpack:Ethiopia ใครไม่เปีย....แต่เอธิโอเปีย Episode4(ตอนจบ) :https://ppantip.com/topic/37575020
สิบโมงเช้าของวันที่ 31 ธค นั่งเครื่องจากสนามบิน Makele ไปที่ เมือง Lalibela ใช้ระยะเวลาประมาณ 1ชั่วโมง จากสนามบินLalibela นั่งรถจากสนามบินเข้าไปในตัวเมือง ประมาณ20นาที ไกลจากสนามบินพอสมควรครับ เมืองLalibelaเป็นเมืองแห่งหุบเขา และโบสถ์ วิวซ้ายขวากจะมีแต่ภูเขา เป็นภูเขาสีเขียว มีต้นไม้ จะไม่เหมือนโซนDanakil ที่เป็นภูเขาหัวโล้นดินแดงๆ แห้งแล้ง เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่บนความสูงกว่า 2,500เมตร เหนือระดับน้ำทะเล อากาศเลยหนาวเย็นเช่นเคย
เมืองนี้มีความสำคัญทางด้านของคริสตศาสนาระดับภูมิภาคเลยนะครับ ชาวคริสต์เชื่อว่าเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ และเป็นศูนย์กลางของการแสวงบุญของชาวคริสต์ นิกายออโทดอกซ์ ในภูมิภาคนี้(ชาวคริสต์ในเอธิโอเปียเกือบส่วนใหญ่เป็นออโทดอกซ์) ถ้าซาอุดิอาระเบียมีเมืองเม็กกะ เอธิโอเปีย ก็มีเมืองลาลิเบลล่า เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นโดย King Lalibela ชื่อเต็มๆยาวๆผมจำไม่ได้ เป็นกษัตริย์ที่ปกครองEthiopiaในสมัยก่อน ได้ไปเห็น เมือง Yerusalem มา และช่วงนั้นเมือง Jerusalem ถูก อิสลามเข้ายึดครองอยู่ จึงหวังจะสร้าง New Jerusalem ขึ้นมาใหม่ เพื่อไว้เป็นอนุสรณ์ให้กับชาวคริสต์ ที่เมือง Lalibela แห่งนี้ พระองค์สั่งให้สร้างโบสถ์ขึ้นมากมาย และหนึ่งในนั้น มีโบสถ์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหินภูเขาไฟก้อนเดียวทั้งก้อน แกะสลักลงไปเป็นโบสถ์!! โครตAmazing โบสถ์นั้น มีชื่อว่า Biete Giyoris หรือ Church of saint George ได้รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับแปดของโลกเลยทีเดียว และได้ถูกขึ้นทะเบียนโดยองกรยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย
….แต่เรายังไม่ไปวันนี้ครับ….ผมรู้สึกไม่สบายตั้งแต่อยุ่ที่สนามบินMakele ละ พอมาถึงก็เลยนอนพักซะหน่อย จนถึงบ่ายๆ หายป่วยเลยออกไปเดินเล่นสำรวจเมืองซักหน่อย ไม่รีบ เพราะมีเวลาอยู่ที่เมืองนี้ 3วัน
จะเรียกตัวเมืองก็ยังไงอยู่ เหมือนมีสภาพคล้ายๆหมู่บ้านมากกว่า ไม่มีตึก ส่วนมากจะเป็นบ้านหลังเล็กๆ ในหมู่บ้านมีธงสีๆแขวนอยู่ตามถนนเต็มไปหมด ตอนแรกนึกว่าธงเฉลิมฉลองเพื่อเตรียมงานปีใหม่ ผมตั้งใจไว้ว่าจะมีฉลอง count down ที่นี่ แต่ พลาดครับ ชาวเอธิโอเปียเค้าไม่ได้ยึดปีใหม่ตามแบบเรา เค้ามีปีใหม่ของเค้า คือ 11กันยา ส่วนธงสีๆที่ติดนั้น เนื่องในโอกาสช่วงใกล้คริสมาสต์ สำหรับชาวคริสต์ orthodoxที่Ethiopia ถือวันที่ 7 มกราคม เป็นวันคริสต์มาส
ที่เมืองนี้อย่างที่บอกว่ามีความสำคัญทางด้านคริสต์ศาสนา จึงคึกคักเป็นพิเศษ ชาวคริสต์ทั่วทุกทิศหลั่งไหลกันมาที่นี่เพื่อเฉลิมฉลองในวันคริสมาสต์ ชาวเมืองจึงจัดเตรียมต้อนรับแขก มีพิธีล้างเท้าให้แขกที่มาจากต่างเมืองด้วย ที่บริเวณลานกลางถนนของหมู่บ้าน
ผมเดินเล่นไปเรื่อยๆ มีชาวบ้านมาทักทาย เสนอเป็นไกด์นำเที่ยวเป็นระยะๆ ผมก็ปฎิเสธเพราะยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะจ้างไกด์ หรือเดินลุยเองในการไปเที่ยวโบสถ์พรุ่งนี้
เดินเล่นไปเรื่อยๆก็มีเด็กน้อยชาวเอธิฯสองคน อายุประมาณ 10-13ปี พูดอังกฤษเก่งใช้ได้ ถือว่าสื่อสารพอได้เลยล่ะ ในมือถืออุปกรณ์ขัดรองเท้า อาสามาขัดรองเท้าให้ ผมก็บอกว่าตอนนี้ยังไม่อยากขัด เพราะว่ารองเท้ามันสะอาดอยู่เลย น้องก็จะอาสาพาไปเดินชมหมู่บ้าน ผมก็บอกว่าไม่เป็นไรอยากเดินเล่นไปเรื่อยๆเอง หมู่บ้านก็ไม่ได้ใหญ่จนน่าหลงทาง
การที่มีเด็กมาเสนอขัดรองเท้า และอาสาเป็นไกด์เพื่อแลกกับเงิน เดินตามเราตลอด ถ้ามองในแง่เราเป็นนักท่องเที่ยวเราอาจจะรำคาญ แต่ถ้ากลับกัน มองในมุมเค้า เค้าเป็นเด็ก บ้านยากจน แค่อยากจะหาเงินช่วยครอบครัว อาชีพสุจริตที่เค้าทำได้ไม่กี่อย่างสำหรับเด็กก็คือการรับขัดรองเท้าให้นักท่องเที่ยว หรืออาสาเป็นไกด์พาเที่ยว แทนที่เค้าจะไปวิ่งเล่นกับเด็กคนอื่นๆ หรือเดินมาขอเงิน ขอสิ่งของตรงๆ แต่เค้าเลือกที่จะมาหารายได้ ผมว่าน้องเค้าโครตเจ๋งเลยนะ
ผมบอกว่าอยากเดินเที่ยวเองมากกว่า น้องบอกว่าอยากฝึกพูดภาษาอังกฤษ ขออาสาพาเที่ยว ผมเลยบอกไปว่า ถ้าอยากพาไปเที่ยวผมยินดีมากๆ แต่ว่าผมไม่มีmoney หรือ candy จะให้นะ (ตอนแรกคิดว่าจะมาขอตังหลังพาเที่ยวเสร็จ เลยพูดลัดไว้ก่อนเลยว่า i dont have candy or money ) น้องก็บอก don’t worry เค้าเป็นนักเรียน อยากฝึกพูดภาษาอังกฤษ (จริงๆน้องก็พอสื่อสารรู้เรื่องดีทีเดียวครับ) และเห็นผมมาคนเดียว เลยอยากพาเดินเที่ยว ผมเลยตกลงให้น้องๆพาเที่ยวชมเมือง น้องชื่อ บาเนส และโยฮันเนส อายุน่าจะประมาณ13-15ปี เรียนอยู่ชั้นเกรดอะไรผมจำไม่ได้ เป็นเพื่อนในชั้นเรียนเดียวกัน วันนี้เป็นวันหยุด ไม่มีเรียน
น้องบอกว่าเดี๋ยวจะพาไปบ้านบาเนสก่อน พร้อมเอาอุปกรณ์ขัดรองเท้าไปเก็บด้วย น้องพาเดินเข้าไปในซอยเล็กๆ ตอนแรกๆผมก็กลัว จะโดนหลอกไปปล้นชิงทรัพย์ป่าววะเนี่ย ไปถึงก็เจอบ้านคนจริงๆครับ
น้องบาเนสรีบวิ่งเอาที่ขัดรองเท้าไปเก็บในบ้านแล้ว พวกเราก็ไปบ้าน yohanesต่อ น้องบอกว่าจะพาไปกินกาแฟ ที่บ้านyohanes ซึ่งอยู่ไม่ไกบจากบ้านของบาเนส ตัวบ้านก็เป็นลักษณะเดียวกัน ตัวบ้านเป็นบ้านดิน ประตู หน้าต่าง และหลังคา ทำด้วยสังกะสี
เสื้อแดงน้อง yonanes เสื้อดำ น้อง บาเนส ที่บ้านของ น้องYohanes
น้องของhohanes มาแจม น้องๆพาเดินไปข้างบ้านบอกว่าจะให้ดูอะไร เป็นคอกสี่เหลี่ยม หลังเล็กๆ
เปิดประตูไปดู ก็เจอนี่ครับ
จากนั้นน้องก็พาผมไปชมในบ้าน ในบ้านจะมีห้องโถงกลางห้อง ขนาดประมาณ 4x4เมตร ได้ ไม่เกินนี้ มีห้องต่อเติมออกไปด้านนอกเป็นห้องไว้ทำอาหารและมีถังน้ำไว้เก็บน้ำดื่ม น้ำใช้ และห้องอาบน้ำ แต่ไม่มีส้วมนะครับ ผมถามน้อง น้องบอกว่า ส้วมจะต้องไปใช้ส้วมสาธารณะ ที่ทำไว้ใช้ร่วมกับหลายๆบ้าน ฟังแล้วตกใจ ไม่รู้มาก่อนเลย เค้าไม่มีส้วมในบ้าน ถ้าจะถ่ายต้องเดินออกไปนอกบ้าน ถ้าปวดขึ้นมาตอนกลางคืนทำไงล่ะเนี่ย
เดินเข้าไปในบ้านเจอแม่ของน้อง และน้องสาวน้องชายของyohanes น้องบอกว่า ที่บ้าน อยู่กันห้าคน มีแม่ yohanesเป็นพี่ชายคนโต มีน้องชายอีก 2คน และน้องสาวอีก 1คน ถ้านอนห้าคนนี่คงเต็มบ้านพอดีครับ บ้านขนาดเล็กสำหรับห้าคนมาก
แม่น้องชวนดื่มกาแฟ แม่น้องพูดภาษอังกฤษไม่ได้นะครับ คุยกันผ่านทางน้องyohanes คุณแม่ใจดี ทำกาแฟแบบ traditional Ethiopian coffee ให้ดื่ม
ระหว่างรอแม่คั่วกาแฟ ก็นั่งเล่นกับแก๊งเด็กๆ เปิดคลิปหมาที่บ้านในมือถือให้ดู เอารูปที่ถ่ายในมือถือจากเมืองไทยให้ดู น้องเห็นทะเลแล้วบอกว่าทะเลสวยมาก อยากเที่ยวทะเล ( ที่ประเทศเอธิโอเปีย เป็นประเทศ LandLock คือไม่มีทางออกสู่ทะเลเลย เวลาจะส่งออก นำเข้าสินค้า ก็จะใช้ช่องทางออกสู่ทะเลที่ประเทศ Jibutiครับ ไม่ใช้ทาง Eritria เพราะไม่ถูกกัน)
ผมถามน้องว่าเคยไปเที่ยวเมืองไหนมาบ้าง น้องตอบว่า Lalibela น้องอยู่แค่ในเมืองนี้ ยังไม่เคยไปไหนเลย เมืองหลวงก็ยังไม่เคยไปเลยครับ เคยเห็นแต่รูปเมืองหลวงจากในทีวี และจากอินเตอร์เนตตอนครูเปิดให้ดูที่โรงเรียนเท่านั้น น้องบอกว่าซักวันอยากไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง
หลังจากดื่มกาแฟเสร็จน้องก็พาไปดูจุดชมวิว ที่น้องบอกว่าที่นี่แหล่ สวยที่สุด จุดชมวิวนี้จะอยู่ในเขตของโรงแรม Sora Lodge Lalibella คล้ายๆรีสอร์ท คือต้องเดินเข้าไปในเขตโรงแรม พอถึงหน้าประตู มียามอยู่ น้องมันก็บอก ให้เดินเข้าไปเลย เดี๋ยวจะรออยู่ข้างนอก อ้าวว ไหงอย่างงี้ มันเข้าไปได้จริงเหรอ เริ่มลังเล 5555 หลอกกันป่าวเนี่ย แต่ก็ลองดูซักหน่อย ผมก็เดินผ่านประตูไป ไปเจอยาม ยามก็ทักทาย ถามผมว่ามีอะไรให้ช่วยไหม ถ้าจะบอกเค้าไปว่าจะเดินเข้ามาดูวิว มันก็แปลกๆอยู่ เลยถามว่า ที่นี่มี café ไหม (จริงๆคือข้างหน้าผมเห็นเขียนตัวใหญ่เท่าบ้านว่า Sora café เป็นร้านอาหารของโรงแรม 555) เค้าก็ชี้ไปข้างหน้า อาคารร้านอาหารนั่นหล่ะ ผมก็ thank you แล้วเดินไป แว้บไปดูตรงชมวิว ก็ตามนี้เลยครับ….
แล้วก็เดินออกมาหาแก๊งเด็กๆ ที่ยังยืนรออยู่หน้าประตู ชมวิวเสร็จก็เริ่มจะเย็นๆแล้ว น้องๆก็แนะนำให้ไปร้านอาหารเย็น ซึ่งเป็นร้านอาหารยอดฮิตของเมืองนี้ ชื่อเสียงดังที่สุดของ Lalibella ชื่อว่า Ben abeba ผมอ่าน lonely planet มาก่อน ร้านนี้ lonely planet ให้ติดดาวเลยทีเดียว เลยลองไปดู น้องพาไปส่งขึ้นรถตุ๊กๆ น้องไม่ขอเงินหรือสิ่งของอะไรเลยครับ พร้อมกับกล่าวลา ผมนั่งรถตุ๊กๆออกจากเมืองไปประมาณ15-20นาทีก็สังเกตเห็น สิ่งก่อสร้างที่คล้ายในรูปที่ดูมา
เป็นไงครับ สมกับเป็นร้านอันดับหนึ่งใน lalibela ไหม แถมวิว 360องศา
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น