สวัสดีค่ะทุกคน นี่เป็นกระทู้แรกนะคะ ผิดพลาดประการใดโปรดให้อภัยด้วยค่า จริงๆเราไม่ใช่กูรูอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่การกระ
กระสนเอาตัวรอดจากช่วงที่มืดดำที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตเรา ทำให้เราอยากแชร์ เพราะเรารู้ว่ายังมีผู้คนอีกมากที่หากำลังใจจากพันทิป และเราคือหนึ่งในนั้น ตามคาด มันรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยเลย มา!เราจะเล่าเรื่องของเราให้ฟังคร่าวๆ
เรื่องก็มีอยู่ว่า เราเริ่มคุยกับคนคนหนึ่งอย่างเพื่อน จริงๆเราก็รู้สึกดีกว่านั้นน่ะแหละ ถ้าระยะทางระหว่างเพื่อนกับแฟนถูกลากยาวด้วยเส้นจำนวน ความรู้สึกของเราคงจะอยู่บนตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งบนเส้นจำนวนนั้น และมันขยับที่ซ้ายขวาเรื่อยๆแล้วแต่วัน งงมะ5555 จนกระทั่งวันหนึ่งมันเริ่มมีคำบางคำที่เราเลือกใช้ในบทสนทนานั้น ที่คนเป็นเพื่อนกันเค้าไม่นิยมใช้ แต่..พบได้ในคนที่เป็นแฟนกันเป็นส่วนมาก หวานนนนนสนิท แต่เรากลัวจะเสียเค้าไป เราก็ยังยืนยันว่าเราคือเพื่อน และรักเค้ามากแค่นั้น ตัวเค้าเองก็คงวางใจ และสนทนากับเราอย่างที่เราลองแคบช่วงสั้นๆไปให้ใครอ่านทุกคนจะต้องร้องโอ้โหหหหห...เพื่อนกันไม่พูดแบบเน้..และเราก็มีความสุขมาก
ในระหว่างนั้นตัวเค้าก็มีคนคุยเป็นระยะๆ เราสนิทกันมากกก ไปไหนตัวติดกันตลอด หลายคนที่เค้ามองเข้ามาในความสัมพันธ์ของเราแบบเผินๆคิดว่าเราเป็นแฟนกัน จนมีหลายคนเอ่ยปากถามต่อหน้า ว่าเป็นแฟนกันรึ เป็นกิ๊กกันเหรอ แล้วแต่คนจะเรียก แต่ไม่เคยมีคำตอบจากฝ่ายใดเลย ได้แต่ยิ้มหวานๆกันไป จนกระทั่งระยะหลัง เราคิดคว่าเค้าคงรำคาญ หรือหมดสิ้นความสนใจในตัวเราแล้ว ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นอีกต่อไป บทสนทนาเริ่มน้อยลง ไม่มีการแชร์ชีวิตประจำวันจากฝั่งเค้าอีกเลย มีก็น้อยมาก
และแทบไม่ต้องเดา ทางเรานั้นตอบไลน์ภายในเวลา 5 นาทีทุกครั้ง บอกเค้าทุกอย่างว่าอยู่ไหน ทำอะไร กับใคร กินอะไร อาบน้ำหรือยัง นอนหรือยัง ซึ่งนั่นก็นเป็นวัฒนธรรมการแชทที่เค้าส่งต่อมาให้เราทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ตอนนี้เค้าไม่ทำอย่างนั้นกับเราอีกต่อไปแล้ว เค้าเริ่มตอบคำถามแชทเราห่างออกไปทีละครึ่ง ชม. 1 ชม. ครึ่งวัน หรือแม้กระทั่ง ทั้งวัน ซึ่งนั่นก็ถือว่ามากแล้วถ้าเทียบกับที่ผ่านๆมา ยัง...ยังไม่สาแก่ใจ ทางเราก็ยังส่งข้อความรูทีน ทุกเช้า เที่ยง เย็น ก่อนนอน ด้วยความรู้สึกที่ว่าตัดใจไม่ได้ เสียดายโหมดฟรุ้งฟริ้งที่ผ่านๆมา ระหว่างทางที่เค้าเริ่มเปลี่ยนไปเพราะเค้ามีคนที่คุยด้วยที่เค้ารู้สึกด้วยมากกกกกเสียแล้ว หัวใจของเราเริ่มเจ็บปวด มากขึ้น...มากขึ้น...แล้วก็มากขึ้นทุกที ในขณะที่เค้าคงใช้ชีวิตตามปกติ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว มีเรื่องก็คุย ไม่มีก็เงียบ เริ่มไม่มีความไร้สาระอะไรให้เห็นในบทสนทนานั้นอีกต่อไป จนกระทั่งเราทนไม่ไหว เคยบอกกับเค้าไปครั้งหนึ่งว่าเรารู้สึกว่าเธอเปลี่ยน แต่เค้าบอกเค้าไม่เปลี่ยน แล้วก็คุยกันเหมือนเดิม ในแบบที่ไม่เหมือนเดิมนั่นล่ะ
ถ้าเล่าละเอียดกว่านี้ วันใดเค้าผ่านมาอ่านข้อความนี้เข้า เค้าจะรู้ทันที เพราะงั้นขออภัยในความไม่สะดวกที่พาดพิงบุคคลผู้นั้นนะคะ แต่นี่ก็จัดว่ามากแล้ว ถ้าเค้าเอะใจสักนิดก็คงเดาออกได้ไม่ยาก เพราะเราสนิทกันมาก สำนวนการเขียนนี่ก็เป็นเราเสียเหลือเกิน แต่ก็ไม่รู้จะแกล้งเป็นคนอื่นได้ยังไง ก็ปล่อยไปเนอะ เอาเท่าที่ได้ละกัน
กลับมาๆ จริงๆเราคิดว่าเค้าน่าจะรู้ว่าเราคิดกับเค้ามากกว่านั้นแน่ๆ เพราะว่าเราเก็บอาการเก่งมากกกก(ประชด) และนางก็ฉลาดเป็นกรด(และแกล้งโง่ได้เนียนมากเว่อร์) เราซื้อของให้ไม่ยั้ง มันก็ไม่ได้มากมายอะไรหรอก แต่ถ้าไปไหนก็เอาเป็นว่านึกถึงตลอด ไม่ว่าเค้าจะบ่นอะไร เราจะจำได้ และถ้ามีโอกาสเราก็ไม่ลังเลที่จะหามาให้ เห็นอะไรที่คิดว่าจะเหมาะกับเค้าเราเก็บมาหมด ถ้าคิดว่าเค้าไม่มีเวลาซื้อข้าวเราจะซื้อไปส่ง วันไหนเค้าเศร้าใจเราจะไม่เป็นอันทำอะไร อะไรที่เราเคยสนใจเรากลับไม่สนใจ พุ่งความสนใจไปที่คนๆเดียวก็คือเค้าคนนั้น นิยายที่เคยอ่านคืนเดียวจบ ก็นั่งอ่านเป็นสัปดาห์ก็ยังไม่ถึงไหน
อ่ะ....อธิบายมาพอเป็นกระไส มาดูอาการอกหักของเรากันบ้าง
เรื่องของเราวันไม่มีวันที่พอจะเรียกได้ว่ามันคือวันนั้นที่เราอกหัก มันคือการเปลี่ยนแปลง ความเสื่อมสลายของความรู้สึกดีๆที่เค้ามีต่อเรา หรือการค่อยๆหมดความสนใจ ลงทีละน้อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าอาการอกหักที่ว่านั่นก็จะเกิดตามความรู้สึกที่มากขึ้นๆเรื่อยๆ ตามระยะ (อย่าไปอิงทฤษฎีอะไร นี่คือความในใจของชะนีล้วนๆ)
ระยะที่ 1 เรียกว่า ระยะ ปฏิเสธ
ก็คืออากการเข้าข้างตัวเองว่า" ไม่หรอกน่าาาา เค้ายุ่งอยู่ คนเราก็มีปัญหาในชีวิตกันบ้าง เดี๋ยวเค้าก็ดีขึ้น" สิ่งที่เราทำคือ เดินเข้าหาเค้ามากขึ้น ชิดเข้าไปอีก...ชิดเข้าไปอีก (หารู้ไม่ว่าความบรรลัยกำลังจะมาถึง) เพราะคิดว่าการใส่ใจ การดูแลเค้าดีๆจะเยียวยาทุกสิ่ง แต่ไม่เลย สำหรับเค้าเรากำลังทำตัวน่าเบื่อ และน่ารำคาญกว่าเดิม ความห่วงใยที่เราให้ไปถูกตีความหมายเป็นความรุงรัง และปฏิกิริยาตอบกลับก็คือการเมินเฉย และเราก็เริ่มร้องไห้ จากการคาดหวังมากขึ้นๆตามที่เราใส่ใจ หรือให้ใจกับเค้าไป เพลงประจำตัวตอนนั้นก็คือ เติมใจเธอไม่เคยเต็ม ของพี่กบทรงสิทธิ์ แบบนั้นเป๊ะเลย
ระยะที่ 2 เรียกว่าระยะทำใจ แต่ไม่เป็นผล
ก็คืออาการเริ่มรู้สึกละ ว่านั่นเป็นปัญหา แต่ยังมีความหวังลมๆแล้งๆอยู่เราเริ่มโทรหาเพื่อน เล่าเรื่องต่างๆนาๆให้ฟัง ร้องขอความเห็นใจ ขอให้เพื่อนช่วยชี้ทางออก ไม่ว่าเพื่อนจะแนะนำอย่างไร เราก็จะกลับไปทำตามเสียงของหัวใจอย่างเดิม คือโทรหา เดินตามต้อยๆ ส่งข้อความหาทุกระยะ ทำราวกับว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนไปสักนิด ทั้งที่มันแทบจะไม่เหลืออะไรที่เหมือนเดิมอีกแล้ว เป็นระยะทรยศตัวเองเต็มขั้น ไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี จากที่เคยฉลาดหลักแหลมอยู่ดีๆ โง่เง่าขึ้นมากระทันหัน และทำอย่างนั้นวนๆซ้ำๆ ร้องไห้ โทรหาเพื่อน เพื่อนปลอบ ร้องไห้ โทรหาเพื่อน เพื่อนปลอบและเริ่มด่า .....ในที่สุดก็เกิดความละอาย ไม่กล้าโทรหาใครอีกเลย เจ็บปวดอยู่ในใจเงียบๆคนเดียว และร้องไห้หนักกว่าเดิม
ระยะสิ้นหวัง
ถ้าพวกคุณทั้งหลายอ่านมาถึงระยะนี้แล้วคุณจะรู้ว่า นี่คือระยะที่ความเจ็บปวดเริ่มเบาบาง เรายอมรับความจริงแล้วว่ามันคงจะไม่กลับมาเหมือนเดิมอีกต่อไป แต่มันยังคงเป็นปัญหา ว่าเวลาที่เหลือจากที่เคยใช้ร่วมกันกับเค้าคนนั้น จะเอาไปทำอะไรดี ในเมื่อแรงบันดาลใจในการทำสิ่งต่างๆล้วนเหือดแห้งไปพร้อมกับความรักของเค้าคนนั้น กลายเป็นเอาเวลาไปนึกถึงความหลัง และยังคงร้องไห้ทุกครั้งที่นึกถึง
และแพคเกจที่มากับการรักเพื่อนก็คือ เรายังต้องใช้ชีวิตอยู่กับเค้าตรงนั้น ราวกับมันไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน ถ้าเพื่อนคนนั้นเมตตาเราสักนิดเค้าจะให้พื้นที่กับเราได้หายใจหายคอ ได้ทำใจบ้าง แต่ถ้าความเมตตาหามีไม่ หรือเรียกว่าก็ไม่ได้ใจร้ายหรอก แค่ไม่ได้สนใจว่าเราจะเป็นอย่างไรเท่านั้นเอง พวกนางก็จะทำตัวเหมือนเดิม สบายใจ นั่นล่ะความหายนะล้อตสุดท้ายที่เรายังต้องใช้เวลากับมันนานนนน ราวชั่วกัปชั่วกัลป์
[:broken
ทางรอดของคนอกหัก2018
แน่นอนที่สุดว่ากว่าที่เราจะหาตัวช่วยแบบพันทิปนี้ก็ต่อเมื่อเรายอมรับแล้ว ว่าข้าคือคนอกหัก2018 ทำอย่างไรจึงจะมีชีวิตต่อไปได้บนความทรมานสาหัสสากรรจ์แบบนี้ เรียกว่าหายใจเข้าออกคือความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งสิ้น อยากจะว้าบไปตอนที่อาการดีขึ้นแล้วเลยได้หรือไม่ อะไรอย่างนั้น
ขั้นที่ 1 จงยอมรับเถอะค่ะ ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันคือความจริง มันไม่มีทางใด หรือต่อให้คุณพยายามมากแค่ไหน มันจะไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมได้อีก อย่าไปคิดหาเหตุผลของคนที่จากไปเพราะคุณจะไม่มีวันได้คำตอบ ถึงถามเค้าก็ไม่บอก ถึงบอกเราก็ไม่มีวันเข้าใจ เพราะคนเราจะเลือกได้ยินสิ่งที่เราอยากได้ยินเท่านั้น ที่เค้าว่ากันว่า คนเราเริ่มใหม่ได้เสมอมันใช่ แต่เราไม่มีทางเริ่มใหม่ได้กับคนๆเดิม ในแบบที่เหมือนเดิมได้อีก และอยากเตือนเอาไว้ อย่างที่รุ่นพี่อกหักคนหนึ่งควรจะเตือนรุ่นน้องก็คือ ความดีไม่ได้ช่วยอะไร ต่อให้เราทำดีกับเค้ามากแค่ไหน มันจะไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องลองดูอีกรอบ เชื่อเลยเถอะ เพราะถึงลองไป มีแต่จะเจ็บซ้ำที่เดิมลงไปอีก เพราะยิ่งเราวางเดิมพันด้วยความดีมากเท่าไหร่ เราจะยิ่งคาดหวังผลตอบรับมากขึ้นเท่านั้น อยู่นิ่งๆสักพัก อยากร้องไห้ ร้องเลย ร้องให้พอ ร้องไห้ไม่เสียตัง ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม เดินออกจากที่เดิมๆก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา
ขั้นที่ 2 ตัดช่องทางการสื่อสาร ในที่นี้คือคนผู้นั้นเค้าไม่น่าจะอยากสื่อสารกับเราแล้วล่ะ มันคือการตัดช่องทางสื่อสารทางเดียวจากตัวเราต่างหาก ทิปจากตัวเราเองคือ sign out Facebook instagram ให้หมด ลบแอพที่ว่านั้นจากมือถือไปเลย อย่าคิดว่าโอยย แล้วจะติดต่อเพื่อนๆทำไง ทางอื่นมันมี ที่แน่ๆเพื่อนมันรู้กันหมดแล้วว่าเราต้องรักษาตัว มันจะเข้าใจแน่นอน หากพวกคุณไม่ทำอย่างนี้ ทันทีที่เข้าแอพพวกนั้นได้เชื่อเหอะ ที่แรกที่คุณไปจะไม่ใช่เฟสเพื่อนหรอก แต่เป็นช่องคนผู้นั้นต่างหาก แล้วมันก็จะเจ็บปวดขึ้นมาอีกระลอก มันจะทำให้คอร์สการรักษาใช้เวลายาวนานขึ้นไปอีกอย่างไม่มีที่สิ้นสุดง่ายๆ สิ่งเดียวที่จะสื่อไปถึงเค้าได้แบบที่ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง นั่นคือความคิดถึง คิดแล้วคิดอีก ไม่รู้จะคิดให้มันได้อะไรขึ้นมา แต่ก็นั่นล่ะ ของอย่างนี้มันห้ามกันได้ที่ไหน ปล่อยไหลไปก่อน ทางแก้อยู่ที่ข้อต่อไป
ขั้นที่ 3 หักห้ามความคิดถึง เราก็ตั้งชื่อไปอย่างนั้น ของมันห้ามกันได้ที่ไหน อยากให้รีบๆลืมยิ่งทำไม่ได้ คุณขุนเขา สินธุเสนได้เคยบอกเอาไว้ว่า ยิ่งเราย้ำคิดเท่าไหร่ ว่าฉันต้องลืมเธอให้ได้ สมองมันจะยิ่งจำ เพราะสมองของเราถูกสร้างมาเพื่อให้เรามีชีวิตรอดอยยู่ได้ในสถานการณ์นั้นๆ ถ้าเราลืมคนที่ทำให้เราเจ็บปวดที่สุด นั่นเท่ากับปล่อยให้ชีวิตเราอยู่ในอันตราย สมองจะทำไม่ได้เด็ดขาด เพราะฉนั้น อยู่กับมันให้ได้ แต่จงอย่าทำให้มันมีผลต่อความนึกคิดของเราอีกต่อไป เทคนิคก็คือการย้ายโฟกัส จากคนๆนั้น ไปอยู่กับกิจกรรมเมืองไทยประกันชีวิต...(ขำหน่อยย) ยิ่งนก ตกปลา เล่นกับหมา เรียนเปียโน ท่องเที่ยว อยู่กับคนที่เรารัก นอนหนุนตักพ่อแม่ เล่นกีฬา ออกกำลังกาย หาผู้ชายคนใหม่(ก็รวมอยู่ในนี้ด้วยนะ..แม้จะไม่ใช่ทางเลือกที่ดี แต่ถ้ามันมีก็คุยๆไปเถอะ5555)บลาๆๆ แรกๆจะฝืนๆหน่อย ต้องแซะร่างออกจากเตียงไปกันเลยทีเดียว แต่ขอให้เชื่อมั่น..ว่ามันจะดีขึ้นๆแน่ๆ
จริงๆหลักง่ายๆมีแค่เท่านี้เอง วันใดที่เราเปลี่ยนโฟกัสไปอยู่ที่อื่นได้ เราจะลืมนึกถึงเรื่องนั้นไปเอง แล้วก็ไม่ต้องไปคิดเจ็บใจ แค้นเคือง หรือเอาคืน เพราะนั่น..คือช่องทางที่เราจะจดจำเค้าได้แม่นขึ้นอีก ปล่อยให้เค้ากลายเป็นอากาศธาตูไปเถอะ ดีที่สุด
ความทุกข์ที่เรามีในช่วงนี้ก็มักจะเกิดจากการเร่งวันเร่งคืนให้เวลามันผ่านไปเร็วๆ แต่ก็เหมือนกับพระเจ้ากลั่นแกล้ง ช่วงเวลานั้นวันคืนจะยาวนานออกไปราวกับจะไม่มีวันสิ้นสุด..ตั้งสติกันหน่อยยย มองไปรอบๆตัว ลองตัดความรู้สึกโง่ๆของเราออกไปก่อน เราจะพบว่า เหตุการณ์ต่างๆรอบตัวเรายังดำเนินไปเช่นเดิม แต่แว่นตาของเราต่างหากที่ทำให้ภาพพวกนั้นมันเปลี่ยนไป จากสีชมพูกลายเป็นสีเทา ลองมองทุกอย่างตามความเป็นจริง สิ่งเดียวที่ขาดหายไปคือคนๆนั้น ซึ่งแทบจะไม่นับเป็นอะไรเลย เอาจริงๆเราก็ยังเดินได้ กินได้ ขรี้ก็ได้ พูดได้ นอนได้ คุณ Dr.pop ว่าคนๆนั้นแทบจะไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นเลยถ้าเทียบกับประชากรทั้งโลก จุดทศนิยมหนึ่งก็ยังไม่ใช่ อย่าไปคิดว่าเค้าเป็นโลกทั้งใบของช้านนน มันไม่จริง เค้าไม่ใช่อะไรเลยจนกว่าคุณจะไปให้ค่านั้นกับมันเอง และนาทีนั้นคุณไม่ควรเห็นค่าใครไปมากกว่าคุณค่าที่คุณมีอยู่ในตัว คุณผ่านมาถึงวันนี้ได้นั่นคือคุณที่ยอดเยี่ยม และอดทนที่สุดคนหนึ่ง และเราจะผ่านนาทีที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างสวยงามแน่ๆขอให้มั่นใจ
มีต่อค่ะ
อกหักเพราะรักเพื่อน..และทางรอดในปี 2018
เรื่องก็มีอยู่ว่า เราเริ่มคุยกับคนคนหนึ่งอย่างเพื่อน จริงๆเราก็รู้สึกดีกว่านั้นน่ะแหละ ถ้าระยะทางระหว่างเพื่อนกับแฟนถูกลากยาวด้วยเส้นจำนวน ความรู้สึกของเราคงจะอยู่บนตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งบนเส้นจำนวนนั้น และมันขยับที่ซ้ายขวาเรื่อยๆแล้วแต่วัน งงมะ5555 จนกระทั่งวันหนึ่งมันเริ่มมีคำบางคำที่เราเลือกใช้ในบทสนทนานั้น ที่คนเป็นเพื่อนกันเค้าไม่นิยมใช้ แต่..พบได้ในคนที่เป็นแฟนกันเป็นส่วนมาก หวานนนนนสนิท แต่เรากลัวจะเสียเค้าไป เราก็ยังยืนยันว่าเราคือเพื่อน และรักเค้ามากแค่นั้น ตัวเค้าเองก็คงวางใจ และสนทนากับเราอย่างที่เราลองแคบช่วงสั้นๆไปให้ใครอ่านทุกคนจะต้องร้องโอ้โหหหหห...เพื่อนกันไม่พูดแบบเน้..และเราก็มีความสุขมาก ในระหว่างนั้นตัวเค้าก็มีคนคุยเป็นระยะๆ เราสนิทกันมากกก ไปไหนตัวติดกันตลอด หลายคนที่เค้ามองเข้ามาในความสัมพันธ์ของเราแบบเผินๆคิดว่าเราเป็นแฟนกัน จนมีหลายคนเอ่ยปากถามต่อหน้า ว่าเป็นแฟนกันรึ เป็นกิ๊กกันเหรอ แล้วแต่คนจะเรียก แต่ไม่เคยมีคำตอบจากฝ่ายใดเลย ได้แต่ยิ้มหวานๆกันไป จนกระทั่งระยะหลัง เราคิดคว่าเค้าคงรำคาญ หรือหมดสิ้นความสนใจในตัวเราแล้ว ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นอีกต่อไป บทสนทนาเริ่มน้อยลง ไม่มีการแชร์ชีวิตประจำวันจากฝั่งเค้าอีกเลย มีก็น้อยมาก
และแทบไม่ต้องเดา ทางเรานั้นตอบไลน์ภายในเวลา 5 นาทีทุกครั้ง บอกเค้าทุกอย่างว่าอยู่ไหน ทำอะไร กับใคร กินอะไร อาบน้ำหรือยัง นอนหรือยัง ซึ่งนั่นก็นเป็นวัฒนธรรมการแชทที่เค้าส่งต่อมาให้เราทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ตอนนี้เค้าไม่ทำอย่างนั้นกับเราอีกต่อไปแล้ว เค้าเริ่มตอบคำถามแชทเราห่างออกไปทีละครึ่ง ชม. 1 ชม. ครึ่งวัน หรือแม้กระทั่ง ทั้งวัน ซึ่งนั่นก็ถือว่ามากแล้วถ้าเทียบกับที่ผ่านๆมา ยัง...ยังไม่สาแก่ใจ ทางเราก็ยังส่งข้อความรูทีน ทุกเช้า เที่ยง เย็น ก่อนนอน ด้วยความรู้สึกที่ว่าตัดใจไม่ได้ เสียดายโหมดฟรุ้งฟริ้งที่ผ่านๆมา ระหว่างทางที่เค้าเริ่มเปลี่ยนไปเพราะเค้ามีคนที่คุยด้วยที่เค้ารู้สึกด้วยมากกกกกเสียแล้ว หัวใจของเราเริ่มเจ็บปวด มากขึ้น...มากขึ้น...แล้วก็มากขึ้นทุกที ในขณะที่เค้าคงใช้ชีวิตตามปกติ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว มีเรื่องก็คุย ไม่มีก็เงียบ เริ่มไม่มีความไร้สาระอะไรให้เห็นในบทสนทนานั้นอีกต่อไป จนกระทั่งเราทนไม่ไหว เคยบอกกับเค้าไปครั้งหนึ่งว่าเรารู้สึกว่าเธอเปลี่ยน แต่เค้าบอกเค้าไม่เปลี่ยน แล้วก็คุยกันเหมือนเดิม ในแบบที่ไม่เหมือนเดิมนั่นล่ะ
ถ้าเล่าละเอียดกว่านี้ วันใดเค้าผ่านมาอ่านข้อความนี้เข้า เค้าจะรู้ทันที เพราะงั้นขออภัยในความไม่สะดวกที่พาดพิงบุคคลผู้นั้นนะคะ แต่นี่ก็จัดว่ามากแล้ว ถ้าเค้าเอะใจสักนิดก็คงเดาออกได้ไม่ยาก เพราะเราสนิทกันมาก สำนวนการเขียนนี่ก็เป็นเราเสียเหลือเกิน แต่ก็ไม่รู้จะแกล้งเป็นคนอื่นได้ยังไง ก็ปล่อยไปเนอะ เอาเท่าที่ได้ละกัน
กลับมาๆ จริงๆเราคิดว่าเค้าน่าจะรู้ว่าเราคิดกับเค้ามากกว่านั้นแน่ๆ เพราะว่าเราเก็บอาการเก่งมากกกก(ประชด) และนางก็ฉลาดเป็นกรด(และแกล้งโง่ได้เนียนมากเว่อร์) เราซื้อของให้ไม่ยั้ง มันก็ไม่ได้มากมายอะไรหรอก แต่ถ้าไปไหนก็เอาเป็นว่านึกถึงตลอด ไม่ว่าเค้าจะบ่นอะไร เราจะจำได้ และถ้ามีโอกาสเราก็ไม่ลังเลที่จะหามาให้ เห็นอะไรที่คิดว่าจะเหมาะกับเค้าเราเก็บมาหมด ถ้าคิดว่าเค้าไม่มีเวลาซื้อข้าวเราจะซื้อไปส่ง วันไหนเค้าเศร้าใจเราจะไม่เป็นอันทำอะไร อะไรที่เราเคยสนใจเรากลับไม่สนใจ พุ่งความสนใจไปที่คนๆเดียวก็คือเค้าคนนั้น นิยายที่เคยอ่านคืนเดียวจบ ก็นั่งอ่านเป็นสัปดาห์ก็ยังไม่ถึงไหน
อ่ะ....อธิบายมาพอเป็นกระไส มาดูอาการอกหักของเรากันบ้าง
เรื่องของเราวันไม่มีวันที่พอจะเรียกได้ว่ามันคือวันนั้นที่เราอกหัก มันคือการเปลี่ยนแปลง ความเสื่อมสลายของความรู้สึกดีๆที่เค้ามีต่อเรา หรือการค่อยๆหมดความสนใจ ลงทีละน้อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าอาการอกหักที่ว่านั่นก็จะเกิดตามความรู้สึกที่มากขึ้นๆเรื่อยๆ ตามระยะ (อย่าไปอิงทฤษฎีอะไร นี่คือความในใจของชะนีล้วนๆ)
ระยะที่ 1 เรียกว่า ระยะ ปฏิเสธ
ก็คืออากการเข้าข้างตัวเองว่า" ไม่หรอกน่าาาา เค้ายุ่งอยู่ คนเราก็มีปัญหาในชีวิตกันบ้าง เดี๋ยวเค้าก็ดีขึ้น" สิ่งที่เราทำคือ เดินเข้าหาเค้ามากขึ้น ชิดเข้าไปอีก...ชิดเข้าไปอีก (หารู้ไม่ว่าความบรรลัยกำลังจะมาถึง) เพราะคิดว่าการใส่ใจ การดูแลเค้าดีๆจะเยียวยาทุกสิ่ง แต่ไม่เลย สำหรับเค้าเรากำลังทำตัวน่าเบื่อ และน่ารำคาญกว่าเดิม ความห่วงใยที่เราให้ไปถูกตีความหมายเป็นความรุงรัง และปฏิกิริยาตอบกลับก็คือการเมินเฉย และเราก็เริ่มร้องไห้ จากการคาดหวังมากขึ้นๆตามที่เราใส่ใจ หรือให้ใจกับเค้าไป เพลงประจำตัวตอนนั้นก็คือ เติมใจเธอไม่เคยเต็ม ของพี่กบทรงสิทธิ์ แบบนั้นเป๊ะเลย
ระยะที่ 2 เรียกว่าระยะทำใจ แต่ไม่เป็นผล
ก็คืออาการเริ่มรู้สึกละ ว่านั่นเป็นปัญหา แต่ยังมีความหวังลมๆแล้งๆอยู่เราเริ่มโทรหาเพื่อน เล่าเรื่องต่างๆนาๆให้ฟัง ร้องขอความเห็นใจ ขอให้เพื่อนช่วยชี้ทางออก ไม่ว่าเพื่อนจะแนะนำอย่างไร เราก็จะกลับไปทำตามเสียงของหัวใจอย่างเดิม คือโทรหา เดินตามต้อยๆ ส่งข้อความหาทุกระยะ ทำราวกับว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนไปสักนิด ทั้งที่มันแทบจะไม่เหลืออะไรที่เหมือนเดิมอีกแล้ว เป็นระยะทรยศตัวเองเต็มขั้น ไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี จากที่เคยฉลาดหลักแหลมอยู่ดีๆ โง่เง่าขึ้นมากระทันหัน และทำอย่างนั้นวนๆซ้ำๆ ร้องไห้ โทรหาเพื่อน เพื่อนปลอบ ร้องไห้ โทรหาเพื่อน เพื่อนปลอบและเริ่มด่า .....ในที่สุดก็เกิดความละอาย ไม่กล้าโทรหาใครอีกเลย เจ็บปวดอยู่ในใจเงียบๆคนเดียว และร้องไห้หนักกว่าเดิม
ระยะสิ้นหวัง
ถ้าพวกคุณทั้งหลายอ่านมาถึงระยะนี้แล้วคุณจะรู้ว่า นี่คือระยะที่ความเจ็บปวดเริ่มเบาบาง เรายอมรับความจริงแล้วว่ามันคงจะไม่กลับมาเหมือนเดิมอีกต่อไป แต่มันยังคงเป็นปัญหา ว่าเวลาที่เหลือจากที่เคยใช้ร่วมกันกับเค้าคนนั้น จะเอาไปทำอะไรดี ในเมื่อแรงบันดาลใจในการทำสิ่งต่างๆล้วนเหือดแห้งไปพร้อมกับความรักของเค้าคนนั้น กลายเป็นเอาเวลาไปนึกถึงความหลัง และยังคงร้องไห้ทุกครั้งที่นึกถึง
และแพคเกจที่มากับการรักเพื่อนก็คือ เรายังต้องใช้ชีวิตอยู่กับเค้าตรงนั้น ราวกับมันไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน ถ้าเพื่อนคนนั้นเมตตาเราสักนิดเค้าจะให้พื้นที่กับเราได้หายใจหายคอ ได้ทำใจบ้าง แต่ถ้าความเมตตาหามีไม่ หรือเรียกว่าก็ไม่ได้ใจร้ายหรอก แค่ไม่ได้สนใจว่าเราจะเป็นอย่างไรเท่านั้นเอง พวกนางก็จะทำตัวเหมือนเดิม สบายใจ นั่นล่ะความหายนะล้อตสุดท้ายที่เรายังต้องใช้เวลากับมันนานนนน ราวชั่วกัปชั่วกัลป์
[:broken
ทางรอดของคนอกหัก2018
แน่นอนที่สุดว่ากว่าที่เราจะหาตัวช่วยแบบพันทิปนี้ก็ต่อเมื่อเรายอมรับแล้ว ว่าข้าคือคนอกหัก2018 ทำอย่างไรจึงจะมีชีวิตต่อไปได้บนความทรมานสาหัสสากรรจ์แบบนี้ เรียกว่าหายใจเข้าออกคือความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งสิ้น อยากจะว้าบไปตอนที่อาการดีขึ้นแล้วเลยได้หรือไม่ อะไรอย่างนั้น
ขั้นที่ 1 จงยอมรับเถอะค่ะ ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันคือความจริง มันไม่มีทางใด หรือต่อให้คุณพยายามมากแค่ไหน มันจะไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมได้อีก อย่าไปคิดหาเหตุผลของคนที่จากไปเพราะคุณจะไม่มีวันได้คำตอบ ถึงถามเค้าก็ไม่บอก ถึงบอกเราก็ไม่มีวันเข้าใจ เพราะคนเราจะเลือกได้ยินสิ่งที่เราอยากได้ยินเท่านั้น ที่เค้าว่ากันว่า คนเราเริ่มใหม่ได้เสมอมันใช่ แต่เราไม่มีทางเริ่มใหม่ได้กับคนๆเดิม ในแบบที่เหมือนเดิมได้อีก และอยากเตือนเอาไว้ อย่างที่รุ่นพี่อกหักคนหนึ่งควรจะเตือนรุ่นน้องก็คือ ความดีไม่ได้ช่วยอะไร ต่อให้เราทำดีกับเค้ามากแค่ไหน มันจะไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องลองดูอีกรอบ เชื่อเลยเถอะ เพราะถึงลองไป มีแต่จะเจ็บซ้ำที่เดิมลงไปอีก เพราะยิ่งเราวางเดิมพันด้วยความดีมากเท่าไหร่ เราจะยิ่งคาดหวังผลตอบรับมากขึ้นเท่านั้น อยู่นิ่งๆสักพัก อยากร้องไห้ ร้องเลย ร้องให้พอ ร้องไห้ไม่เสียตัง ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม เดินออกจากที่เดิมๆก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา
ขั้นที่ 2 ตัดช่องทางการสื่อสาร ในที่นี้คือคนผู้นั้นเค้าไม่น่าจะอยากสื่อสารกับเราแล้วล่ะ มันคือการตัดช่องทางสื่อสารทางเดียวจากตัวเราต่างหาก ทิปจากตัวเราเองคือ sign out Facebook instagram ให้หมด ลบแอพที่ว่านั้นจากมือถือไปเลย อย่าคิดว่าโอยย แล้วจะติดต่อเพื่อนๆทำไง ทางอื่นมันมี ที่แน่ๆเพื่อนมันรู้กันหมดแล้วว่าเราต้องรักษาตัว มันจะเข้าใจแน่นอน หากพวกคุณไม่ทำอย่างนี้ ทันทีที่เข้าแอพพวกนั้นได้เชื่อเหอะ ที่แรกที่คุณไปจะไม่ใช่เฟสเพื่อนหรอก แต่เป็นช่องคนผู้นั้นต่างหาก แล้วมันก็จะเจ็บปวดขึ้นมาอีกระลอก มันจะทำให้คอร์สการรักษาใช้เวลายาวนานขึ้นไปอีกอย่างไม่มีที่สิ้นสุดง่ายๆ สิ่งเดียวที่จะสื่อไปถึงเค้าได้แบบที่ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง นั่นคือความคิดถึง คิดแล้วคิดอีก ไม่รู้จะคิดให้มันได้อะไรขึ้นมา แต่ก็นั่นล่ะ ของอย่างนี้มันห้ามกันได้ที่ไหน ปล่อยไหลไปก่อน ทางแก้อยู่ที่ข้อต่อไป
ขั้นที่ 3 หักห้ามความคิดถึง เราก็ตั้งชื่อไปอย่างนั้น ของมันห้ามกันได้ที่ไหน อยากให้รีบๆลืมยิ่งทำไม่ได้ คุณขุนเขา สินธุเสนได้เคยบอกเอาไว้ว่า ยิ่งเราย้ำคิดเท่าไหร่ ว่าฉันต้องลืมเธอให้ได้ สมองมันจะยิ่งจำ เพราะสมองของเราถูกสร้างมาเพื่อให้เรามีชีวิตรอดอยยู่ได้ในสถานการณ์นั้นๆ ถ้าเราลืมคนที่ทำให้เราเจ็บปวดที่สุด นั่นเท่ากับปล่อยให้ชีวิตเราอยู่ในอันตราย สมองจะทำไม่ได้เด็ดขาด เพราะฉนั้น อยู่กับมันให้ได้ แต่จงอย่าทำให้มันมีผลต่อความนึกคิดของเราอีกต่อไป เทคนิคก็คือการย้ายโฟกัส จากคนๆนั้น ไปอยู่กับกิจกรรมเมืองไทยประกันชีวิต...(ขำหน่อยย) ยิ่งนก ตกปลา เล่นกับหมา เรียนเปียโน ท่องเที่ยว อยู่กับคนที่เรารัก นอนหนุนตักพ่อแม่ เล่นกีฬา ออกกำลังกาย หาผู้ชายคนใหม่(ก็รวมอยู่ในนี้ด้วยนะ..แม้จะไม่ใช่ทางเลือกที่ดี แต่ถ้ามันมีก็คุยๆไปเถอะ5555)บลาๆๆ แรกๆจะฝืนๆหน่อย ต้องแซะร่างออกจากเตียงไปกันเลยทีเดียว แต่ขอให้เชื่อมั่น..ว่ามันจะดีขึ้นๆแน่ๆ
จริงๆหลักง่ายๆมีแค่เท่านี้เอง วันใดที่เราเปลี่ยนโฟกัสไปอยู่ที่อื่นได้ เราจะลืมนึกถึงเรื่องนั้นไปเอง แล้วก็ไม่ต้องไปคิดเจ็บใจ แค้นเคือง หรือเอาคืน เพราะนั่น..คือช่องทางที่เราจะจดจำเค้าได้แม่นขึ้นอีก ปล่อยให้เค้ากลายเป็นอากาศธาตูไปเถอะ ดีที่สุด
ความทุกข์ที่เรามีในช่วงนี้ก็มักจะเกิดจากการเร่งวันเร่งคืนให้เวลามันผ่านไปเร็วๆ แต่ก็เหมือนกับพระเจ้ากลั่นแกล้ง ช่วงเวลานั้นวันคืนจะยาวนานออกไปราวกับจะไม่มีวันสิ้นสุด..ตั้งสติกันหน่อยยย มองไปรอบๆตัว ลองตัดความรู้สึกโง่ๆของเราออกไปก่อน เราจะพบว่า เหตุการณ์ต่างๆรอบตัวเรายังดำเนินไปเช่นเดิม แต่แว่นตาของเราต่างหากที่ทำให้ภาพพวกนั้นมันเปลี่ยนไป จากสีชมพูกลายเป็นสีเทา ลองมองทุกอย่างตามความเป็นจริง สิ่งเดียวที่ขาดหายไปคือคนๆนั้น ซึ่งแทบจะไม่นับเป็นอะไรเลย เอาจริงๆเราก็ยังเดินได้ กินได้ ขรี้ก็ได้ พูดได้ นอนได้ คุณ Dr.pop ว่าคนๆนั้นแทบจะไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นเลยถ้าเทียบกับประชากรทั้งโลก จุดทศนิยมหนึ่งก็ยังไม่ใช่ อย่าไปคิดว่าเค้าเป็นโลกทั้งใบของช้านนน มันไม่จริง เค้าไม่ใช่อะไรเลยจนกว่าคุณจะไปให้ค่านั้นกับมันเอง และนาทีนั้นคุณไม่ควรเห็นค่าใครไปมากกว่าคุณค่าที่คุณมีอยู่ในตัว คุณผ่านมาถึงวันนี้ได้นั่นคือคุณที่ยอดเยี่ยม และอดทนที่สุดคนหนึ่ง และเราจะผ่านนาทีที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างสวยงามแน่ๆขอให้มั่นใจ
มีต่อค่ะ