อารยธรรมคือการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหาสิ่งที่ดีกว่าและลงตัวจากบทเรียนในอดีต และนี่คือสุดยอดอารยธรรมจากฟุตบอลยุค 90 ที่ยังใช้ได้และมีผลกับโลกฟุตบอลมาจนถึงตอนนี้
1.กฎล้ำหน้า
นับตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา IFAB(องค์กรที่รับผิดชอบหน้าที่ร่างกฎกติกาเกมลูกหนัง) ได้เปลี่ยนแปลงกฎล้ำหน้าเพื่อให้ฝ่ายรุกไม่ได้ประโยชน์มากเกินไป ให้กองหน้าห้ามยืนสูงกว่ากองหลังตัวสุดท้าย ก่อนที่ในปี 1995 จะมีการแสดงการล้ำหน้าด้วยการยกธงขึ้นเพื่อบอกให้ผู้ตัดสินได้รู้
แม้ว่าจะเป็นการเพิ่มงานให้ไลน์แมน แต่ดูเหมือนจะเป็นการทำให้แฟนบอลได้ดูเกมที่ยอดเยี่ยมมากขึ้นนะ
2.กฎคืนหลัง
หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 1990 ได้มีออกแบบกฎใหม่หลังจากได้ดูเกมฟุตบอลอิตาลียุค 90 ที่ทำให้เขาถึงกับหัวร้อน ดังนั้นตั้งแต่ปี 1992 เป็นต้นมาผู้รักษาประตูไม่สามารถใช้มือรับบอลส่งคืนหลังได้โดยตรงอีกเเล้ว
เรียกได้ว่าแต่ก่อนในช่วงเวลาที่เกมกำลังกฎดันเน้นผลก็ไม่ต้องคิดอะไรมากผู้รักษาประตูปล่อยบอลให้กับกองหลังและส่งกลับที่ผู้รักษาประตูอีกครั้ง ตอนที่บังคับใช้กฎนี้แรกๆอาจจะมีการมึนงงกันบ้างแต่สุดท้ายทุกคนก็ปรับตัวได้
ในปี 2018 ตำแหน่ง สวีปเปอร์ คีปเปอร์ เกิดขึ้นใหม่น่นคือผู้รักษาประตูที่เล่นลูกกับเท้าได้ดีพอๆกับการใช้มือ และยังนำความตื่นจากความอันตรายในการเสียประตูได้อีกต่างหาก
3.กล้องจับตานักเตะรายคน
นปี 1999 สกายสปอร์ต เปิดตัวครั้งใหญ่สำหรับการถ่ายทอดสดซึ่งทำให้ผู้ชมสามารถเลือกดูมุมกล้องจากหลายมุมทั้งมุมสูง มุมผู้บรรยาย หรือแม้แต่แฟนโซน ซึ่งเป็นจุดที่จะทำให้คุณได้เห็นพวกขี้เมาเถียงกันเรื่องคำตัดสินของกรรมการ
อย่างไรก็ตามมุมมองที่ฮ็อตฮิตที่สุดคื Player cam หรือกล้องจับตานักเตะคนใคนหนึ่งตลอดทั้งเกมซึ่งเป็นหนึ่งในที่มาของภาพยนตร์ Zidane: A 21st Century Portrait ของ ซีเนอดีน ซีดาน
Player cam ใช้งานได้ไม่นานนักแต่ก็กลับนำมาใช้ในเกมสุดท้ายของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในปี 2015 นอกจากนี้ตอนที่ เอมิล เฮสกีย์ ย้ายไปอยู่กับทีมในเอลีกยังมีมุมกล้องแบบ เฮสกีย เเคม อีกด้วย ซึ่งเจ้ากล้องนี้เองมีการวิเคราะห์ว่าเหล่านักเตะระดับท็อปใช้เวลาในการมองหาพื้นที่รอบตัวบ่อยมาก นักเตะอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด และ เจอร์ราร์ด นั้นสำรวจพื้นที่รอบตัวถึง 36 ครั้งต่อนาทีเลยทีเดียว
4.รองเท้าพรีเดเตอร์
หลังมีการเปิดตัว อาดิดาส รุ่นพรีเดเตอร์ในปี 1994 ซึ่งรองเท้าคู่นี้เองที่กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดในวันเปิดฤดูกาล 1996/97 เมื่อ เดวิด เบ็คแฮม สวมใส่มันและยิงประตูจากครึ่งสนาม(แม้ว่าความตั้งใจแรกพรีเซนเตอร์หลักจะเป็น ชาร์ลี มิลเลอร์ ของ กลาสโกว เรนเจอร์ส มากกว่า) หลังจากนั้นพรีเดเตอร์ก็แพร่หลายไปทั่วทุกสภาพสนามทั่วโลก
แน่นอนที่สุดว่ารองเท้าคู่เดียวไม่อาจเปลี่ยนคุณจากไอ้อ่อนให้เป็นยอดฝีมือได้ แต่ พรีเดเตอร์ ทำให้คนเกิดเชื่อและคิดว่าตัวเองเก่งขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น...แบบนี้เขาเรียกว่าความรู้สึกฟินนั่นเอง
5. แฟนตาซีฟุตบอล
รากำลังพูดถึงเกมที่ได้รับแรงบันดาลใจของกีฬาฝั่งอเมริกัน ในปี 1991 ก็มีการเปิดตัวในฝั่ง ยูเค โดย แอนดรูว เวนสไตน์ รายงานประตูในทุกๆคืรวันอาทิตย์และเสิร์ฟข้อมูลทางสถิติให้กับแฟนบอลที่กำลังคันไม้คันมือ
เกมดังกล่าวได้รับความนิยมและทำเลียนแบบเยอะมากตามสำนักข่าวหนังสือพิมพ์ ลากยาวมาถึง ณ ปัจจุบันมีคนเล่นเกมแฟนตาซีพรีเมียร์ลีกถึง 5 ล้านคน และได้มีการนำไอเดียการซื้อผู้เล่นแบบดราฟต์แบบกีฬาอเมริกันด้วย
การอัพเดททีมแฟนตาซีของคุณ ถือว่าเป็นตัวเพิ่มเติมความสนุกในการดูฟุตบอลได้เป็นอย่างดี และทั้งหมดนี้เริ่มต้นในยุค 1990 เป็นต้นมา
6.เกมฟุตบอลที่มีกราฟฟิกเสมือนจริง
สำหรับบางคนเเล้ว FIFA99 ยังเป็นสุดยอดเกมตลอดกาลด้วยความเทิดทูนของเก่ากราฟฟิกของเกมทำให้ถูกพูดถึงในแง่ของผู้เปลี่ยนแปลง รวมถึงการกดใช้ท่า บันนี่ ฮ็อปส์ (กระโดดงัดบอล) และการเตะผู้รักษาประตูตอนถือบอล
นั่นทำให้เกิดคู่แข่งอย่าง ISS Pro หรือ Pro Evo ในปัจจุบันได้พยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเกมฟุตบอลที่ในยุคก่อนเป็นเพียง 2D ในช่วงปี 80 รวมถึงการเคลื่อนที่ของนักเตะที่ไม่มีอิสระเท่าไรนัก
ในช่วงกลางยุค '90 เราได้ลองเล่น ISS Pro ซึ่งก็น่าสนใจแต่ก็ต้องเจอกับอารมณ์แย่ๆสำหรับตัวผู้บรรยายการแข่งขัน ขณะที่ ฟีฟ่า ได้เริ่มพัฒนาขึ้นในปี 1993 และพัฒนาเป็นกราฟฟิกแบบ 3D ในปี 1996
จนกระทั่งฟีฟ่า 99 เข้ามาสรัางความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไม่ว่าจะเป็นการใช้ เดนิส เบิร์กแคมป์ เปิดตัวรวมถึงการใช้เพลงของ Fat Boy Slim ประกอบตัวเกมนอกจากนี้ทั้งเรื่องรูปร่างส่วนสูงของนักเตะและการแสดงออกทางสีหน้าก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนติดเกมนี้กันแบบงอมแงมเลยทีเดียว
7. ฟุตบอลอิตาลี
เมื่อ กัซเซตต้า ฟุตบอล อิตาเลีย เปิดตัวรายการฉายไฮไลต์ครั้งแรกในปี 19992 เพื่อติดตามดู พอล แกสคอยน์ ที่ไปค้าแข้งกับ ลาซิโอ ใน เซเรีย อา
แกซซ่า ทำให้ช่อง 4 ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล อิตาลี ราคา 1.5 ล้านปอนด์ เกมแรกจบลงด้วยการเสมอกัน 3-3 ระหว่าง ลาซิโอ กับ ซามพ์โดเรีย ซึ่งมีผู้เข้าชมกว่า 3 ล้านวิว ซึ่งเป็นยอดวิวจากแฟนของ แกสคอยน์ คนเดียวก็ปาไป 800,000 วิวต่อสัปดาห์ ทำให้กลายเป็นรายการที่เรตติ้งดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของช่อง 4 เลยทีเีดยว
ตอนนี้เราสามารถจะดูการถ่ายทอดสดทุกลีกทั่วโลก แต่รสชาติแรกของลีกอิตาลีในเเดนผู้ดี มันเป็นอะไรที่เทียบกันไม่ได้จริงๆ
8. เสื้อและกางเกงที่ดูดีขึ้น
ยุค 80 เป็นยุคที่นักเตะใส่กางเกงสั้นแล้วสั้นอีกและเราแทบจะไม่ได้เห็นนักเตะบินไปเก็บตัวที่ดูไบในตอนนี้หรอก
และหลังจากนั้นในช่วงยุค 90 เข้ามาดูเหมือนว่าแฟชั่นและการผลิตชุดแข่งขันและอุปกรณ์กีฬาที่นำมาซึ่งความคลาสสิคจนถึงทุกวันนี้ รวมถึงมุมกล้องในการถ่ายทอดสดด้วย
9. ธีมเเชมเปี้ยนส์ลีก
การเปลี่ยนแปลงจาก ยูโรเปี้ยน คัพ มาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถือว่าเป็นประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งโลโก้ของการแข่งขันที่มีดาวกับลูกฟุตบอล
นอกจากนี้เพลงธีมของรายการยยังได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงจากการใช้การร้องแบบโอเปร่า ที่ได้ยินที่ไรก็รู้เลยว่ารายการอะไร และยังเป็นเพลงที่เกี่ยวกับฟุตบอลที่คลาสสิคสุดๆอีกด้วย
10.ฟุตบอลโลกหญิง
สมาคุมฟุตบอลอังกฤษไม่ได้เปิดรับลีกของผู้หญิงจนกระทั่งปี 1971 หลังจากนั้นอีกหลายปีต่อมามีการแข่งขันระดับฟีฟ่า เกิดขึ้นที่เมืองจีนในปี 1991 โดย อเมริกา เอาชนะ นอร์เวย์ ในรอบชิงชนะเลิศ และเริ่มได้รับความนิยมได้มากขึ่นในปี 1999 ที่ อเมริกา เอาชนะจุดโทษจีนในรอบชิงชนะเลิศ
และฟุตบอลหญิงกลายเป็นเกมที่มีรายละเอียดและคุณภาพสูงขึ้นเรื่อยๆในตอนนี้
11. กฎบอสแมน
ย้อยกลับไปเมื่อ 1990 เรื่องของ ฌอง มาร์ค บอสเเมน กลายเป็นกฎที่ทำให้มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงกับโลกฟุตบอล
สโมสรไม่สามารถปฎิเสธการปล่อยตัวนักเตะได้อีกต่อไปแล้วหากนักเตะใกล้จะหมดสัญญา นอกจากนี้ยังมีการยกเลิกโควต้านักเตะยุโรปอีกด้วย เรียกได้ว่าการพิจารณากฎบอสแมนก่อให้เกิดนักเตะฝีเท้าดีมากมายเข้ามาค้าแข้งในอังกฤษอย่างแท้จริง
12.เข้าข้างหลัง
แน่นอนว่านักเตะต่างชาติหลายคนจะต้องเจอกับนักฆ่าภาคพื้นดินอย่าง วินนี่ โจนส์ เล่นงานเสมอจนกระทั้งในฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ฝรั่งเศส IFAB สามารถเปลี่ยนแปลงการพิจารณาการเข้าบอล+ข้างหลังที่รุนแรนเกินเหตุ
ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงให้พวกจอมโหดมีโอกาสโดนใบเเดงมากขึ้น และในปี 1998 เป็นต้นมาเป็นการแจกใบเเดงโดยตรงทันทีหากมีเข้าบอลในจังหวะที่คู่แข่งได้ครอบครองบอลอยู่
มันทำให้เกมการเล่นเปลี่ยนไปทำให้เกมรุกมีจินตนาการมากขึ้น ไม่อย่างนั้นเราคงเห็นนักเตะอย่างเมสซี่โดนเตะคว่ำในทุกเกมและตะโกนใส่หน้าว่าให้รีบเลิกสำออยซะและลุกขึ้นมาซะไอ้หน้าอ่อน...อะไรแบบนี้
credit : www.fourfourtwo.com/th
ดีงามข้ามกาลเวลา : 12 สุดยอดวิวัฒนาการจากโลกลูกหนังยุค '90
1.กฎล้ำหน้า
นับตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา IFAB(องค์กรที่รับผิดชอบหน้าที่ร่างกฎกติกาเกมลูกหนัง) ได้เปลี่ยนแปลงกฎล้ำหน้าเพื่อให้ฝ่ายรุกไม่ได้ประโยชน์มากเกินไป ให้กองหน้าห้ามยืนสูงกว่ากองหลังตัวสุดท้าย ก่อนที่ในปี 1995 จะมีการแสดงการล้ำหน้าด้วยการยกธงขึ้นเพื่อบอกให้ผู้ตัดสินได้รู้
แม้ว่าจะเป็นการเพิ่มงานให้ไลน์แมน แต่ดูเหมือนจะเป็นการทำให้แฟนบอลได้ดูเกมที่ยอดเยี่ยมมากขึ้นนะ
2.กฎคืนหลัง
หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 1990 ได้มีออกแบบกฎใหม่หลังจากได้ดูเกมฟุตบอลอิตาลียุค 90 ที่ทำให้เขาถึงกับหัวร้อน ดังนั้นตั้งแต่ปี 1992 เป็นต้นมาผู้รักษาประตูไม่สามารถใช้มือรับบอลส่งคืนหลังได้โดยตรงอีกเเล้ว
เรียกได้ว่าแต่ก่อนในช่วงเวลาที่เกมกำลังกฎดันเน้นผลก็ไม่ต้องคิดอะไรมากผู้รักษาประตูปล่อยบอลให้กับกองหลังและส่งกลับที่ผู้รักษาประตูอีกครั้ง ตอนที่บังคับใช้กฎนี้แรกๆอาจจะมีการมึนงงกันบ้างแต่สุดท้ายทุกคนก็ปรับตัวได้
ในปี 2018 ตำแหน่ง สวีปเปอร์ คีปเปอร์ เกิดขึ้นใหม่น่นคือผู้รักษาประตูที่เล่นลูกกับเท้าได้ดีพอๆกับการใช้มือ และยังนำความตื่นจากความอันตรายในการเสียประตูได้อีกต่างหาก
3.กล้องจับตานักเตะรายคน
นปี 1999 สกายสปอร์ต เปิดตัวครั้งใหญ่สำหรับการถ่ายทอดสดซึ่งทำให้ผู้ชมสามารถเลือกดูมุมกล้องจากหลายมุมทั้งมุมสูง มุมผู้บรรยาย หรือแม้แต่แฟนโซน ซึ่งเป็นจุดที่จะทำให้คุณได้เห็นพวกขี้เมาเถียงกันเรื่องคำตัดสินของกรรมการ
อย่างไรก็ตามมุมมองที่ฮ็อตฮิตที่สุดคื Player cam หรือกล้องจับตานักเตะคนใคนหนึ่งตลอดทั้งเกมซึ่งเป็นหนึ่งในที่มาของภาพยนตร์ Zidane: A 21st Century Portrait ของ ซีเนอดีน ซีดาน
Player cam ใช้งานได้ไม่นานนักแต่ก็กลับนำมาใช้ในเกมสุดท้ายของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในปี 2015 นอกจากนี้ตอนที่ เอมิล เฮสกีย์ ย้ายไปอยู่กับทีมในเอลีกยังมีมุมกล้องแบบ เฮสกีย เเคม อีกด้วย ซึ่งเจ้ากล้องนี้เองมีการวิเคราะห์ว่าเหล่านักเตะระดับท็อปใช้เวลาในการมองหาพื้นที่รอบตัวบ่อยมาก นักเตะอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด และ เจอร์ราร์ด นั้นสำรวจพื้นที่รอบตัวถึง 36 ครั้งต่อนาทีเลยทีเดียว
4.รองเท้าพรีเดเตอร์
หลังมีการเปิดตัว อาดิดาส รุ่นพรีเดเตอร์ในปี 1994 ซึ่งรองเท้าคู่นี้เองที่กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดในวันเปิดฤดูกาล 1996/97 เมื่อ เดวิด เบ็คแฮม สวมใส่มันและยิงประตูจากครึ่งสนาม(แม้ว่าความตั้งใจแรกพรีเซนเตอร์หลักจะเป็น ชาร์ลี มิลเลอร์ ของ กลาสโกว เรนเจอร์ส มากกว่า) หลังจากนั้นพรีเดเตอร์ก็แพร่หลายไปทั่วทุกสภาพสนามทั่วโลก
แน่นอนที่สุดว่ารองเท้าคู่เดียวไม่อาจเปลี่ยนคุณจากไอ้อ่อนให้เป็นยอดฝีมือได้ แต่ พรีเดเตอร์ ทำให้คนเกิดเชื่อและคิดว่าตัวเองเก่งขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น...แบบนี้เขาเรียกว่าความรู้สึกฟินนั่นเอง
5. แฟนตาซีฟุตบอล
รากำลังพูดถึงเกมที่ได้รับแรงบันดาลใจของกีฬาฝั่งอเมริกัน ในปี 1991 ก็มีการเปิดตัวในฝั่ง ยูเค โดย แอนดรูว เวนสไตน์ รายงานประตูในทุกๆคืรวันอาทิตย์และเสิร์ฟข้อมูลทางสถิติให้กับแฟนบอลที่กำลังคันไม้คันมือ
เกมดังกล่าวได้รับความนิยมและทำเลียนแบบเยอะมากตามสำนักข่าวหนังสือพิมพ์ ลากยาวมาถึง ณ ปัจจุบันมีคนเล่นเกมแฟนตาซีพรีเมียร์ลีกถึง 5 ล้านคน และได้มีการนำไอเดียการซื้อผู้เล่นแบบดราฟต์แบบกีฬาอเมริกันด้วย
การอัพเดททีมแฟนตาซีของคุณ ถือว่าเป็นตัวเพิ่มเติมความสนุกในการดูฟุตบอลได้เป็นอย่างดี และทั้งหมดนี้เริ่มต้นในยุค 1990 เป็นต้นมา
6.เกมฟุตบอลที่มีกราฟฟิกเสมือนจริง
สำหรับบางคนเเล้ว FIFA99 ยังเป็นสุดยอดเกมตลอดกาลด้วยความเทิดทูนของเก่ากราฟฟิกของเกมทำให้ถูกพูดถึงในแง่ของผู้เปลี่ยนแปลง รวมถึงการกดใช้ท่า บันนี่ ฮ็อปส์ (กระโดดงัดบอล) และการเตะผู้รักษาประตูตอนถือบอล
นั่นทำให้เกิดคู่แข่งอย่าง ISS Pro หรือ Pro Evo ในปัจจุบันได้พยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเกมฟุตบอลที่ในยุคก่อนเป็นเพียง 2D ในช่วงปี 80 รวมถึงการเคลื่อนที่ของนักเตะที่ไม่มีอิสระเท่าไรนัก
ในช่วงกลางยุค '90 เราได้ลองเล่น ISS Pro ซึ่งก็น่าสนใจแต่ก็ต้องเจอกับอารมณ์แย่ๆสำหรับตัวผู้บรรยายการแข่งขัน ขณะที่ ฟีฟ่า ได้เริ่มพัฒนาขึ้นในปี 1993 และพัฒนาเป็นกราฟฟิกแบบ 3D ในปี 1996
จนกระทั่งฟีฟ่า 99 เข้ามาสรัางความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไม่ว่าจะเป็นการใช้ เดนิส เบิร์กแคมป์ เปิดตัวรวมถึงการใช้เพลงของ Fat Boy Slim ประกอบตัวเกมนอกจากนี้ทั้งเรื่องรูปร่างส่วนสูงของนักเตะและการแสดงออกทางสีหน้าก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนติดเกมนี้กันแบบงอมแงมเลยทีเดียว
7. ฟุตบอลอิตาลี
เมื่อ กัซเซตต้า ฟุตบอล อิตาเลีย เปิดตัวรายการฉายไฮไลต์ครั้งแรกในปี 19992 เพื่อติดตามดู พอล แกสคอยน์ ที่ไปค้าแข้งกับ ลาซิโอ ใน เซเรีย อา
แกซซ่า ทำให้ช่อง 4 ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล อิตาลี ราคา 1.5 ล้านปอนด์ เกมแรกจบลงด้วยการเสมอกัน 3-3 ระหว่าง ลาซิโอ กับ ซามพ์โดเรีย ซึ่งมีผู้เข้าชมกว่า 3 ล้านวิว ซึ่งเป็นยอดวิวจากแฟนของ แกสคอยน์ คนเดียวก็ปาไป 800,000 วิวต่อสัปดาห์ ทำให้กลายเป็นรายการที่เรตติ้งดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของช่อง 4 เลยทีเีดยว
ตอนนี้เราสามารถจะดูการถ่ายทอดสดทุกลีกทั่วโลก แต่รสชาติแรกของลีกอิตาลีในเเดนผู้ดี มันเป็นอะไรที่เทียบกันไม่ได้จริงๆ
8. เสื้อและกางเกงที่ดูดีขึ้น
ยุค 80 เป็นยุคที่นักเตะใส่กางเกงสั้นแล้วสั้นอีกและเราแทบจะไม่ได้เห็นนักเตะบินไปเก็บตัวที่ดูไบในตอนนี้หรอก
และหลังจากนั้นในช่วงยุค 90 เข้ามาดูเหมือนว่าแฟชั่นและการผลิตชุดแข่งขันและอุปกรณ์กีฬาที่นำมาซึ่งความคลาสสิคจนถึงทุกวันนี้ รวมถึงมุมกล้องในการถ่ายทอดสดด้วย
9. ธีมเเชมเปี้ยนส์ลีก
การเปลี่ยนแปลงจาก ยูโรเปี้ยน คัพ มาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถือว่าเป็นประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งโลโก้ของการแข่งขันที่มีดาวกับลูกฟุตบอล
นอกจากนี้เพลงธีมของรายการยยังได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงจากการใช้การร้องแบบโอเปร่า ที่ได้ยินที่ไรก็รู้เลยว่ารายการอะไร และยังเป็นเพลงที่เกี่ยวกับฟุตบอลที่คลาสสิคสุดๆอีกด้วย
10.ฟุตบอลโลกหญิง
สมาคุมฟุตบอลอังกฤษไม่ได้เปิดรับลีกของผู้หญิงจนกระทั่งปี 1971 หลังจากนั้นอีกหลายปีต่อมามีการแข่งขันระดับฟีฟ่า เกิดขึ้นที่เมืองจีนในปี 1991 โดย อเมริกา เอาชนะ นอร์เวย์ ในรอบชิงชนะเลิศ และเริ่มได้รับความนิยมได้มากขึ่นในปี 1999 ที่ อเมริกา เอาชนะจุดโทษจีนในรอบชิงชนะเลิศ
และฟุตบอลหญิงกลายเป็นเกมที่มีรายละเอียดและคุณภาพสูงขึ้นเรื่อยๆในตอนนี้
11. กฎบอสแมน
ย้อยกลับไปเมื่อ 1990 เรื่องของ ฌอง มาร์ค บอสเเมน กลายเป็นกฎที่ทำให้มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงกับโลกฟุตบอล
สโมสรไม่สามารถปฎิเสธการปล่อยตัวนักเตะได้อีกต่อไปแล้วหากนักเตะใกล้จะหมดสัญญา นอกจากนี้ยังมีการยกเลิกโควต้านักเตะยุโรปอีกด้วย เรียกได้ว่าการพิจารณากฎบอสแมนก่อให้เกิดนักเตะฝีเท้าดีมากมายเข้ามาค้าแข้งในอังกฤษอย่างแท้จริง
12.เข้าข้างหลัง
แน่นอนว่านักเตะต่างชาติหลายคนจะต้องเจอกับนักฆ่าภาคพื้นดินอย่าง วินนี่ โจนส์ เล่นงานเสมอจนกระทั้งในฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ฝรั่งเศส IFAB สามารถเปลี่ยนแปลงการพิจารณาการเข้าบอล+ข้างหลังที่รุนแรนเกินเหตุ
ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงให้พวกจอมโหดมีโอกาสโดนใบเเดงมากขึ้น และในปี 1998 เป็นต้นมาเป็นการแจกใบเเดงโดยตรงทันทีหากมีเข้าบอลในจังหวะที่คู่แข่งได้ครอบครองบอลอยู่
มันทำให้เกมการเล่นเปลี่ยนไปทำให้เกมรุกมีจินตนาการมากขึ้น ไม่อย่างนั้นเราคงเห็นนักเตะอย่างเมสซี่โดนเตะคว่ำในทุกเกมและตะโกนใส่หน้าว่าให้รีบเลิกสำออยซะและลุกขึ้นมาซะไอ้หน้าอ่อน...อะไรแบบนี้
credit : www.fourfourtwo.com/th