ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า นี่เป็นบทความครั้งแรกของเรา อาจจะไม่ค่อยดีเท่าไรนักแต่เขียนจากใจคุณแม่มือใหม่คนนึงเลย เป้าหมายคืออยากเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการให้นมลูก การที่ลูกไม่ดูดนมจากเต้า การที่ลูกติดจุก กับ คลินิกนมแม่ ซึ่งเราเห็นว่ายังไม่ค่อยมีข้อมูลในเน็ตเท่าไรนัก แต่เราสามารถให้นมจากเต้ากับลูกเราได้ก็เพราะที่นี่จริงๆ ตอนนี้ลูกเราเสพติดเต้าแม่มากกก ฟินทุกครั้งที่ได้ดูด เพื่อให้เข้าใจปัญหาอย่างแท้ทรู เราก็จะเล่าที่ไปที่มายาวนิดนึงนะคะ แต่คิดว่าทุกคนอ่านแล้วน่าจะประจักษ์แจ้งแก่ใจมากๆ และหลายคนอาจจะเป็นแบบเราไม่มากก็น้อย
--- เหตุการณ์ก่อนหน้า ---
เราคลอดลูกเมื่อวันที่ 15 กุมภา 61 (ตรุษจีนพอดี) เป็นลูกสาว ชื่อเล่นว่า "รดา" ระหว่างที่อยู่โรงพยาบาล คุณพยาบาลก็พยายามเอาลูกมาให้เข้าเต้าทุกสองชั่วโมง แต่ว่าลูกหงุดหงิดเวลาดูดเต้าเรา สาเหตุเพราะ
• หัวนมเราสั้น - ไม่ใช่สั้นธรรมดา เรียกว่าไม่มีจุกนมเลย จุกเป็นเหมือนเม็ดก๋วยจี๊ จริงๆ แล้วเราว่าเกือบบอดด้วยซ้ำ แต่พยาบาลใช้คำว่าหัวนมสั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ลูกงับไม่ได้ งับแล้วหลุด ยิ่งเวลาเต้าตึงก็หาหัวนมไม่เจอเลย คล้ายรูปด้านล่าง ไม่กล้าถ่ายของจริง เขิลล์
• เนื้อเต้าเยอะ - เราเป็นคนอวบอ้วน เต้าเรามันจะย้อยๆ คล้ายๆ ถุงชงโอเลี้ยงอะไรแบบนั้น
• น้ำนมไหลน้อยมาก - ไหลแบบซึม ๆ
• ลูกได้กินนมจากแก้วสบายๆ จากโรงพยาบาล - อันนี้เราเดาเอาเองว่าเค้าไม่ต้องพยายามมาก เพราะเวลางมางับเต้า งับแล้วหลุด เค้าก็เลยหงุดหงิด เลยพาลไม่งับเต้าซะงั้น ร้องไห้โวยวาย
ก่อนออกจากโรงพยาบาลก็ถามคุณหมอว่าทำยังงัยถ้าน้ำนมยังมาซึมๆ แบบนี้ ลูกจะอิ่มไหม คุณหมอก็บอกว่าให้เสริมนมผงไปก่อนได้ เราก็เลยไม่ได้กังวลอะไร ประกอบกับว่า เราคิดมาเสมอว่าเราอวบอ้วน ต้องเป็นแม่พันธุ์แน่ๆ น้ำนมต้องไหลมาเทมาสิ แค่รอเวลา
ผลปรากฏว่า วันแรกที่กลับบ้านไป ลูกพยายามดูดเต้าเป็นเวลาสองชั่วโมง แต่ไม่ได้น้ำนมเลย เพราะงับหลุด งับหลุด !!!!
ตอนนั้นเราประหม่ามาก ตื่นเต้น เหงื่อแตก เต่าแตกกันเลยทีเดียว ตอนนั้นก็สามทุ่มแล้ว ลูกยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่สี่โมงเย็นเพราะเค้าหลับมาตลอดทางจนถึงบ้าน แล้วมาหลับต่ออีก ดีที่มีครอบครัวน้องสาวของสามีมาเยี่ยม เค้าก็เลยรีบบึ่งไปซุปเปอร์ที่ใกล้ที่สุดแบบพวกวิลล่า ท๊อป เพื่อหาซื้อนมผงมา เราก็คิดในใจว่าดีนะ เราซื้อขวดนมเตรียมไว้ ไม่งั้นแย่แน่ๆ ตอนนั้นทุกคนใจจดใจจ่อรอนมผง คุณปู่ที่มาเยี่ยมก็เตรียมขวดนม ล้าง ลวก เตรียมน้ำต้มสุกรอชงนมไว้อย่างดี ทางลูกสาวสุดที่รักก็ร้องไห้ไปเรื่อยๆ เป็นชั่วโมง ร้องๆ หยุดๆ จนในที่สุดนมก็มาถึง พวกเราทุกคนดีใจมาก คิดว่ารอดแล้ว รีบชงแล้วป้อน ลูกดูดจ๊วบๆ ด้วยความหิวโหยจนหลับคาขวดไปในที่สุด
ชีวิตนมผงก็ดำเนินไปได้สักสามวัน ทุกอย่างดูเหมือนไปได้ด้วยดี ลูกอิ่ม นอนหลับนาน ไม่งอแง เลี้ยงง่าย ถ่ายคล่อง เราก็มีเอาลูกเข้าเต้าบ้าง เค้าก็ยังพยายามงับ พยายามดูด แต่เราคิดว่าเพราะเรายังไม่มีน้ำนมเยอะ เค้าก็เลยดูดไม่เต็มที่ แต่ก็เอาเข้าเต้าไว้เพื่อไม่ให้ติดจุก และเราก็เชื่อจริงๆ ว่าการทำแบบนี้จะทำให้เค้าไม่ติดจุก แต่หารู้ไม่ว่าวันเวลาผ่านไป เค้าก็เริ่มพยายามน้อยลงจนถึงขั้นไม่ดูดเต้าเลย เราแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน คือมารู้อีกทีลูกก็ไม่เอาแล้ว กระบวนการติดจุกนี้เกิดขึ้นภายในสัปดาห์เดียว
ด้วยความที่เป็นคุณแม่สายกู (เกิ้ล) ซึ่งเชื่อว่าทุกคนเป็นเหมือนกัน สิ่งแรกที่ทำก็คือ search google สิ หาข้อมูล ก็เจอบทความต่างๆ รวมถึงประสบการณ์ต่างๆ ที่คุณแม่มาแชร์ไว้มากมาย เราก็ลองทำตาม เช่น
• นวดเปิดท่อน้ำนม - ตอนนั้นเท่าไรก็ยอมจ่าย ปรากฎว่าน้ำนมก็มามากขึ้นเล็กน้อย มานวดชั่วโมงนึง จ่ายไปพันแปด T T
• ใช้ Nipple Shield
• ปั๊มนมให้หัวนมขึ้นก่อนแล้วให้ลูกดูด
• ปั๊มนมเก็บไว้ก่อน - เอาใส่ขวดให้ลูกกินก็ได้ แต่ต้องมีวินัย แต่...บางทฤษฎีก็บอกว่าไม่ได้ เพราะต้องใช้ลูกกระตุ้น ซึ่งตอนนั้นเราปั๊มนมได้น้อยมาก ครั้งละไม่ถึงออนซ์ แล้วก็ไม่รู้จะปั๊มทุกสองชั่วโมงยังงัย เพราะติดเลี้ยงลูกตลอด
จนในที่สุด เรื่องราวนี้ก็ไปถึงครอบครัวของเพื่อนคนหนึ่งที่สนิทกัน คือ คุณแม่ของเพื่อนทำกับข้าวเรียกน้ำนมมาให้กินเกือบทุกวัน เลยมีโอกาสได้เล่าเรื่องลูกไม่ดูดเต้าให้คุณแม่ฟัง คุณแม่เพื่อนก็นำความไปเล่าให้ลูกสะใภ้ฟัง ซึ่งเค้าก็เพิ่งผ่านประสบการณ์นี้มา ทั้งครอบครัวก็ขับรถมาหาเราในคืนวันนั้นเลย แล้วมาตรวจสอบดูหัวนม, อาการของลูกเรา และ พยายามสอนเราเข้าเต้าก็ไม่ได้ผล จนเค้าขอลองเอาลูกเราเข้าเต้าเค้าดู (อันนี้คือถ้าไม่รู้จักกันจริงๆ ไม่ได้เลยนะ) ปรากฏว่า ลูกเราดูดเต้าเค้าจ๊วบๆ เฉยเลย !?!? สร้างความงุนงงผสมความดีใจให้เราว่า ลูกเราดูดเป็นนี่หว่า เราเลยโทษตัวเองอย่างเดียวเลยว่าเพราะน้ำนมเราน้อย
เค้าก็เลยแนะนำเราว่าให้รีบไปคลีนิกนมแม่ของโรงพยาบาลเด็ก แว้บแรกเราก็แบบ ไม่เอานะ โรงพยาบาลรัฐ จะดีหรอ เรายอมจ่ายอะไรที่แบบเอกชนอ่ะ แบบดีๆ แต่เค้าก็บอกว่าเค้าไปมาแล้วหลายที่ เรียกว่าท่องยุทธจักรเลย เพราะเป็นคุณแม่ที่นอยด์มาก เสียเงินไปหลายทีเดียว รับรองได้ว่าที่นี่ดีที่สุด เอาล่ะ..เราเห็นเค้ารับประกันเป็นมั่นเป็นเหมาะก็เบาใจ วันรุ่งขึ้นก็รีบโทรไปทำนัดทันที
วันที่โทรไปตอนนั้น รดาอายุได้เก้าวัน เรากำลังอยู่ไฟวันที่สองพอดี ปรากฎว่าได้คิวอีกสี่วันต่อมา ซึ่งเรายังอยู่ไฟไม่เสร็จเลยขอเลื่อน แต่พยาบาลบอกว่าไม่ได้ค่ะคุณแม่ ให้รีบมา มาเร็วเท่าไรยิ่งดี เลยได้ไปที่คลีนิกตอนลูกอายุสิบสามวัน
--- เหตุการณ์ ณ คลินิกนมแม่ ---
ก่อนวันเข้าคอร์สบำบัดเลิกจุก (เราว่ามันเหมือนการบำบัดจริงๆ นะ) ทางคลีนิกนมแม่ก็ให้ข้อมูลทางไลน์เป็นอย่างดี ส่งภาพห้องของคลินิก, แผนที่, รายละเอียดการจอดรถมาให้เพราะเป็นโรงพยาบาลรัฐ จอดรถไม่เพียงพอ คือบอกตรงๆ ว่าใส่ใจระดับสูงสุด รวมถึงแจ้งให้เราเตรียมของไปด้วย ดังนี้
• แพมเพิส และ กระดาษเปียกไว้เช็ดก้น - จริงๆ คลินิกมี แต่เราพกไปก็ดี
• เสื้อผ้าสำรองของลุกเผื่อเสื้อผ้าที่ใส่ไปเลอะ
• เครื่องปั๊มนม (หากไม่แน่ใจว่าเครื่องปั๊มนมที่เราใช้อยู่โอเคไหม ถ้าคิดว่าโอเคก็ไม่ต้องเอาไปก็ได้)
• กระเป๋าเก็บความเย็นพร้อมขวดนมเผื่อเอานมแม่กลับบ้าน - เราจะได้ปั๊มนมระหว่างอยู่ที่คลินิก
• นมผงที่เราให้ลูกกิน - ไม่ต้องพวกขวดนมที่ใช้ป้อนลูกไปเลย เพราะลูกต้องเลิกดูดขวดโดยเด็ดขาด
ภาพสถานที่
เมื่อไปถึง เราถึงกะสตั๊นท์เพราะความใหม่ ความสะอาด ความเป็นระเบียบทุกสิ่งอันมาก แบบไม่น่าเชื่อนี่คือโรงพยาบาลรัฐหรือนี่ !! เปิดประตูเข้าไป คุณพยาบาลก็ให้การต้อนรับอย่างดี กรอกประวัติ พูดคุยด้วยความเป็นกันเอง เป็นบรรยากาศที่ดี ส่งพลังเชิงบวกมาก ความมั่นใจว่ามันต้องได้ผลสิของเราพุ่งปรี๊ดทันที
หลังจากกรอกประวัติเสร็จ จะมีพยาบาลหนึ่งคนมาประกบเรา ขั้นตอนต่อไปคือ
• ซักถามประวัติ เช่น น้ำหนัก/ส่วนสูงตอนเกิด, กินนมผงมานานเท่าไร, ยี่ห้ออะไร, ปัสสาวะและขับถ่ายวันละกี่ครั้ง, ใช้เครื่องปั๊มนมยี่ห้ออะไร, ปั๊มนมวันละกี่ครั้ง, ได้กี่ออนซ์ต่อครั้ง
• นำลูกชั่งโป๊ - ถอดแพมเพิส และ เสื้อผ้าทุกอย่างออกหมดเพื่อชั่งน้ำหนัก
• ชั่งแบบไม่โป๊ - ใส่แพมเพิส และ เสื้อผ้าทุกอย่างเพื่อชั่งน้ำหนัก
รายละเอียดต่างๆ ด้านบนจะถูกบันทึกไว้อย่างดีในแบบฟอร์มของทางคลินิก
เมื่อเข้าไปในคลินิกแล้ว ก็เจอบรรดาคุณแม่อีกสามสี่คน (ที่นี่จะรับเคสน้อยเพื่อให้เวลาคุณแม่แต่ละท่านได้เต็มที่) ก็อุ่นใจว่าไม่ได้มีเรามีปัญหาคนเดียวนะ มีผู้ร่วมชะตากรรมอีกหลายคน
และแล้วก็ถึงเวลาเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริง คือ ฝึกเข้าเต้า......ผลที่เกิดขึ้นคือ ลูกเราร้องไห้หนักมากแบบหน้าแดง แบบร้องเหมือนจะขาดใจให้ได้ เราก็ใจไม่ได้ ความมั่นใจดิ่งลงแทบจะทันที เราก็ถามพยาบาลเลยว่าเพราะเราไม่มีน้ำนมใช่ไหม หัวนมเราสั้นใช่ไหม นู่นนี่นั่น สิ่งที่คุณพยาบาลบอกเราก็คือ "ไม่ใช่ค่ะ"
คุณพยาบาลอธิบายเราว่า
• คนที่หัวนมบอดเลย อาการหนักกว่าคุณแม่ยังให้นมน้องได้เลย
• คุณแม่ต้องปรับท่าให้นมให้ถูกต้องเพื่อให้น้องนอนกินนมได้สบาย
• น้องไม่พยายามแม้แต่จะงับเต้าคุณแม่ ดังนั้นก็ไม่เกี่ยวกับน้ำนมเพราะน้องยังไม่รู้เลยว่าคุณแม่มีน้ำนมหรือไม่มี
พอได้ยินแบบนี้เราก็ใจชื้นขึ้น ในวันนั้น คุณพยาบาลก็ประกบเราเพื่อสอนท่าให้นมลูกแบบถูกต้อง รวมถึงสอนวิธี finger feeding เพื่อให้ใช้แทนการดูดขวด เดี๋ยวเราจะอธิบายในลำดับต่อไปว่า finger feeding คืออะไร
ตารางคอร์สบำบัดเลิกจุก
8.30-10.00 ฝึกเข้าเต้ารอบ 1 - จริงๆ จะไปถึงคลินิกก่อน 8.30 น. ก็ได้ คุณพยาบาลที่นี่มาทำงานเช้ามากกก เราเคยไปถึงตั้งแต่ 7.30 น. ก็ไปนอนเพราะลูกยังหลับอยู่ แต่อย่าไปเกินสิบโมงเพราะจะไม่ค่อยได้ฝึกอะไรเลย
10.00-11.30 คุณพยาบาลจะช่วยเอาลูกเข้านอนให้ ส่วนเราก็ปั๊มนม 15 นาที แต่ถ้าเรามีคนไปด้วยกับเรา คุณพยาบาลจะให้คนนั้นช่วยดูลูกระหว่างคุณแม่ปั๊มนม ให้เอาลูกนอนกันเอง และ ไปหาข้าวทาน เพราะคุณพยาบาลจะพักทานข้าวตอน 12.00 น.
12.00-13.00 ระหว่างคุณพยาบาลพักทานข้าว ถ้าลูกตื่น เราก็ฝึกให้นมลูกไป ถ้าลูกหลับ คุณพยาบาลก็จะแนะนำให้เรานอนด้วย เพราะคุณแม่ให้นมลูกควรนอนกลางวันอย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่อวัน
13.00-14.30 ฝึกเข้าเต้ารอบ 2 / ปั๊มนม / เตรียมตัวกลับบ้าน / ทำนัดครั้งต่อไป / คำนวณค่าใช้จ่ายเพื่อให้นำไปจ่ายที่การเงิน
ในการไปคลินิก เราสามารถพาคนที่เป็นผู้หญิงไปด้วยได้ ย้ำว่าผู้หญิงนะ เพราะไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้าเลยแม้แต่คุณพ่อ เพราะมีคุณแม่ท่านอื่นๆ เปิดเต้าให้นมลูก ส่วนใหญ่คนที่ไปก็เป็นคุณยายของน้องนี่แหละ บางคนก็พาพี่เลี้ยงไป หรือ คนที่จะช่วยเราเลี้ยงลูกเวลากลับบ้านเพราะจะได้มีความเข้าใจเรื่องนมนมนี้ มีคุณแม่ท่านหนึ่งมีลูกแฝด ก็ต้องพาพี่สาวที่จะช่วยเลี้ยงลูกไปด้วย คุณพยาบาลก็สอนวิธีการต่างๆ ให้คุณป้าของน้องแฝดด้วย
การฝึกเข้าเต้า คุณพยาบาลจะให้เราพยายามอยู่ครั้งละประมาณ 30 นาที ถ้าลูกยังไม่ยอมดูดจากเต้า คุณพยาบาลก็จะให้เรา finger feeding เพื่อให้แน่ใจว่าลูกได้กินนม โดยใช้นมแม่ที่ปั๊มไว้ แต่ถ้านมแม่ไม่พอ ก็ใช้นมผงที่เราเอาไปด้วย ก่อนและหลังกินนมแม่ คุณพยาบาลจะให้ชั่งน้ำหนักเพื่อบันทึกว่ากินนมแม่ได้เท่าไร ต้องเสริมโดยการไม่ดูดเต้าเท่าไร เพื่อให้แน่ใจว่าลูกอิ่ม
การเตรียมตัวกลับบ้าน คุณพยาบาลก็จะถามว่าเรามั่นใจกับการ finger feeding หรือไม่ จะลองทำซ้ำก่อนกลับไหม และอธิบายสิ่งที่เราต้องทำเมื่อกลับบ้านไป และเตรียมอุปกรณ์สำหรับ finger feeding ให้เรานำกลับบ้าน และหากเรามีคำถามอะไร ให้ถามได้เลย ถามไปเยอะๆ เลยเพื่อจะได้รับมือถูก แต่เราคิดว่าหลายคนคงตื้อๆ เหมือนเรา ไม่รู้จะถามอะไรดีจนกลับบ้านนี่แหละถึงนึกออก แต่ไม่ต้องกังวลไป เราสามารถโทรหาคุณพยาบาลได้ทุกวันไม่เว้นเสาร์-อาทิตย์ เวลา 8.00-18.00 น.
พออ่านมาถึงตรงนี้ ใครที่กำลังมีปัญหาเหมือนเราคงต้องการเบอร์โทรติดต่อแล้ว >> 0816278008
สำหรับค่าใช้จ่ายนั้นถูกแสนถูก ที่ต้องจ่ายแน่นอนเลยจะอยู่ที่ประมาณ 260 บาท และก็จะมี
• ค่าปั๊มนมครั้งละ 30 บาท ซึ่งส่วนใหญ่คุณแม่ก็ปั๊มได้สองครั้งต่อวันที่ไปเข้าคอร์ส ก็จะรวมเป็น 60 บาท
• ค่าอุปกรณ์ที่จะเอากลับไป finger feeding ชิ้นละ15 บาท ก็แล้วแต่เราว่าจะเอากลับไปกี่ชิ้น แต่ให้พอใช้จนถึงนัดต่อไป
รวมทั้งหมดเราจ่ายไม่เคยเกิน 500 บาทต่อครั้ง
ต่อไปก็ถึงเวลาที่ต้องเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้งโดยไม่มีคุณพยาบาลคอยช่วย เดี๋ยวเราจะมาเล่าให้ฟังว่าหลังจากเข้าคอร์สไปครั้งแรก พอกลับบ้านแล้วเป็นอย่างไร หวังว่าที่เราเล่าไปแล้วจะมีประโยชน์กับคุณแม่บางท่านบ้างนะคะ
รดาพากินนม ตอนที่ 1 (เรื่องนมนม ณ คลินิกนมแม่ โรงพยาบาลเด็ก)
--- เหตุการณ์ก่อนหน้า ---
เราคลอดลูกเมื่อวันที่ 15 กุมภา 61 (ตรุษจีนพอดี) เป็นลูกสาว ชื่อเล่นว่า "รดา" ระหว่างที่อยู่โรงพยาบาล คุณพยาบาลก็พยายามเอาลูกมาให้เข้าเต้าทุกสองชั่วโมง แต่ว่าลูกหงุดหงิดเวลาดูดเต้าเรา สาเหตุเพราะ
• หัวนมเราสั้น - ไม่ใช่สั้นธรรมดา เรียกว่าไม่มีจุกนมเลย จุกเป็นเหมือนเม็ดก๋วยจี๊ จริงๆ แล้วเราว่าเกือบบอดด้วยซ้ำ แต่พยาบาลใช้คำว่าหัวนมสั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ลูกงับไม่ได้ งับแล้วหลุด ยิ่งเวลาเต้าตึงก็หาหัวนมไม่เจอเลย คล้ายรูปด้านล่าง ไม่กล้าถ่ายของจริง เขิลล์
• เนื้อเต้าเยอะ - เราเป็นคนอวบอ้วน เต้าเรามันจะย้อยๆ คล้ายๆ ถุงชงโอเลี้ยงอะไรแบบนั้น
• น้ำนมไหลน้อยมาก - ไหลแบบซึม ๆ
• ลูกได้กินนมจากแก้วสบายๆ จากโรงพยาบาล - อันนี้เราเดาเอาเองว่าเค้าไม่ต้องพยายามมาก เพราะเวลางมางับเต้า งับแล้วหลุด เค้าก็เลยหงุดหงิด เลยพาลไม่งับเต้าซะงั้น ร้องไห้โวยวาย
ก่อนออกจากโรงพยาบาลก็ถามคุณหมอว่าทำยังงัยถ้าน้ำนมยังมาซึมๆ แบบนี้ ลูกจะอิ่มไหม คุณหมอก็บอกว่าให้เสริมนมผงไปก่อนได้ เราก็เลยไม่ได้กังวลอะไร ประกอบกับว่า เราคิดมาเสมอว่าเราอวบอ้วน ต้องเป็นแม่พันธุ์แน่ๆ น้ำนมต้องไหลมาเทมาสิ แค่รอเวลา
ผลปรากฏว่า วันแรกที่กลับบ้านไป ลูกพยายามดูดเต้าเป็นเวลาสองชั่วโมง แต่ไม่ได้น้ำนมเลย เพราะงับหลุด งับหลุด !!!!
ตอนนั้นเราประหม่ามาก ตื่นเต้น เหงื่อแตก เต่าแตกกันเลยทีเดียว ตอนนั้นก็สามทุ่มแล้ว ลูกยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่สี่โมงเย็นเพราะเค้าหลับมาตลอดทางจนถึงบ้าน แล้วมาหลับต่ออีก ดีที่มีครอบครัวน้องสาวของสามีมาเยี่ยม เค้าก็เลยรีบบึ่งไปซุปเปอร์ที่ใกล้ที่สุดแบบพวกวิลล่า ท๊อป เพื่อหาซื้อนมผงมา เราก็คิดในใจว่าดีนะ เราซื้อขวดนมเตรียมไว้ ไม่งั้นแย่แน่ๆ ตอนนั้นทุกคนใจจดใจจ่อรอนมผง คุณปู่ที่มาเยี่ยมก็เตรียมขวดนม ล้าง ลวก เตรียมน้ำต้มสุกรอชงนมไว้อย่างดี ทางลูกสาวสุดที่รักก็ร้องไห้ไปเรื่อยๆ เป็นชั่วโมง ร้องๆ หยุดๆ จนในที่สุดนมก็มาถึง พวกเราทุกคนดีใจมาก คิดว่ารอดแล้ว รีบชงแล้วป้อน ลูกดูดจ๊วบๆ ด้วยความหิวโหยจนหลับคาขวดไปในที่สุด
ชีวิตนมผงก็ดำเนินไปได้สักสามวัน ทุกอย่างดูเหมือนไปได้ด้วยดี ลูกอิ่ม นอนหลับนาน ไม่งอแง เลี้ยงง่าย ถ่ายคล่อง เราก็มีเอาลูกเข้าเต้าบ้าง เค้าก็ยังพยายามงับ พยายามดูด แต่เราคิดว่าเพราะเรายังไม่มีน้ำนมเยอะ เค้าก็เลยดูดไม่เต็มที่ แต่ก็เอาเข้าเต้าไว้เพื่อไม่ให้ติดจุก และเราก็เชื่อจริงๆ ว่าการทำแบบนี้จะทำให้เค้าไม่ติดจุก แต่หารู้ไม่ว่าวันเวลาผ่านไป เค้าก็เริ่มพยายามน้อยลงจนถึงขั้นไม่ดูดเต้าเลย เราแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน คือมารู้อีกทีลูกก็ไม่เอาแล้ว กระบวนการติดจุกนี้เกิดขึ้นภายในสัปดาห์เดียว
ด้วยความที่เป็นคุณแม่สายกู (เกิ้ล) ซึ่งเชื่อว่าทุกคนเป็นเหมือนกัน สิ่งแรกที่ทำก็คือ search google สิ หาข้อมูล ก็เจอบทความต่างๆ รวมถึงประสบการณ์ต่างๆ ที่คุณแม่มาแชร์ไว้มากมาย เราก็ลองทำตาม เช่น
• นวดเปิดท่อน้ำนม - ตอนนั้นเท่าไรก็ยอมจ่าย ปรากฎว่าน้ำนมก็มามากขึ้นเล็กน้อย มานวดชั่วโมงนึง จ่ายไปพันแปด T T
• ใช้ Nipple Shield
• ปั๊มนมให้หัวนมขึ้นก่อนแล้วให้ลูกดูด
• ปั๊มนมเก็บไว้ก่อน - เอาใส่ขวดให้ลูกกินก็ได้ แต่ต้องมีวินัย แต่...บางทฤษฎีก็บอกว่าไม่ได้ เพราะต้องใช้ลูกกระตุ้น ซึ่งตอนนั้นเราปั๊มนมได้น้อยมาก ครั้งละไม่ถึงออนซ์ แล้วก็ไม่รู้จะปั๊มทุกสองชั่วโมงยังงัย เพราะติดเลี้ยงลูกตลอด
จนในที่สุด เรื่องราวนี้ก็ไปถึงครอบครัวของเพื่อนคนหนึ่งที่สนิทกัน คือ คุณแม่ของเพื่อนทำกับข้าวเรียกน้ำนมมาให้กินเกือบทุกวัน เลยมีโอกาสได้เล่าเรื่องลูกไม่ดูดเต้าให้คุณแม่ฟัง คุณแม่เพื่อนก็นำความไปเล่าให้ลูกสะใภ้ฟัง ซึ่งเค้าก็เพิ่งผ่านประสบการณ์นี้มา ทั้งครอบครัวก็ขับรถมาหาเราในคืนวันนั้นเลย แล้วมาตรวจสอบดูหัวนม, อาการของลูกเรา และ พยายามสอนเราเข้าเต้าก็ไม่ได้ผล จนเค้าขอลองเอาลูกเราเข้าเต้าเค้าดู (อันนี้คือถ้าไม่รู้จักกันจริงๆ ไม่ได้เลยนะ) ปรากฏว่า ลูกเราดูดเต้าเค้าจ๊วบๆ เฉยเลย !?!? สร้างความงุนงงผสมความดีใจให้เราว่า ลูกเราดูดเป็นนี่หว่า เราเลยโทษตัวเองอย่างเดียวเลยว่าเพราะน้ำนมเราน้อย
เค้าก็เลยแนะนำเราว่าให้รีบไปคลีนิกนมแม่ของโรงพยาบาลเด็ก แว้บแรกเราก็แบบ ไม่เอานะ โรงพยาบาลรัฐ จะดีหรอ เรายอมจ่ายอะไรที่แบบเอกชนอ่ะ แบบดีๆ แต่เค้าก็บอกว่าเค้าไปมาแล้วหลายที่ เรียกว่าท่องยุทธจักรเลย เพราะเป็นคุณแม่ที่นอยด์มาก เสียเงินไปหลายทีเดียว รับรองได้ว่าที่นี่ดีที่สุด เอาล่ะ..เราเห็นเค้ารับประกันเป็นมั่นเป็นเหมาะก็เบาใจ วันรุ่งขึ้นก็รีบโทรไปทำนัดทันที
วันที่โทรไปตอนนั้น รดาอายุได้เก้าวัน เรากำลังอยู่ไฟวันที่สองพอดี ปรากฎว่าได้คิวอีกสี่วันต่อมา ซึ่งเรายังอยู่ไฟไม่เสร็จเลยขอเลื่อน แต่พยาบาลบอกว่าไม่ได้ค่ะคุณแม่ ให้รีบมา มาเร็วเท่าไรยิ่งดี เลยได้ไปที่คลีนิกตอนลูกอายุสิบสามวัน
--- เหตุการณ์ ณ คลินิกนมแม่ ---
ก่อนวันเข้าคอร์สบำบัดเลิกจุก (เราว่ามันเหมือนการบำบัดจริงๆ นะ) ทางคลีนิกนมแม่ก็ให้ข้อมูลทางไลน์เป็นอย่างดี ส่งภาพห้องของคลินิก, แผนที่, รายละเอียดการจอดรถมาให้เพราะเป็นโรงพยาบาลรัฐ จอดรถไม่เพียงพอ คือบอกตรงๆ ว่าใส่ใจระดับสูงสุด รวมถึงแจ้งให้เราเตรียมของไปด้วย ดังนี้
• แพมเพิส และ กระดาษเปียกไว้เช็ดก้น - จริงๆ คลินิกมี แต่เราพกไปก็ดี
• เสื้อผ้าสำรองของลุกเผื่อเสื้อผ้าที่ใส่ไปเลอะ
• เครื่องปั๊มนม (หากไม่แน่ใจว่าเครื่องปั๊มนมที่เราใช้อยู่โอเคไหม ถ้าคิดว่าโอเคก็ไม่ต้องเอาไปก็ได้)
• กระเป๋าเก็บความเย็นพร้อมขวดนมเผื่อเอานมแม่กลับบ้าน - เราจะได้ปั๊มนมระหว่างอยู่ที่คลินิก
• นมผงที่เราให้ลูกกิน - ไม่ต้องพวกขวดนมที่ใช้ป้อนลูกไปเลย เพราะลูกต้องเลิกดูดขวดโดยเด็ดขาด
ภาพสถานที่
เมื่อไปถึง เราถึงกะสตั๊นท์เพราะความใหม่ ความสะอาด ความเป็นระเบียบทุกสิ่งอันมาก แบบไม่น่าเชื่อนี่คือโรงพยาบาลรัฐหรือนี่ !! เปิดประตูเข้าไป คุณพยาบาลก็ให้การต้อนรับอย่างดี กรอกประวัติ พูดคุยด้วยความเป็นกันเอง เป็นบรรยากาศที่ดี ส่งพลังเชิงบวกมาก ความมั่นใจว่ามันต้องได้ผลสิของเราพุ่งปรี๊ดทันที
หลังจากกรอกประวัติเสร็จ จะมีพยาบาลหนึ่งคนมาประกบเรา ขั้นตอนต่อไปคือ
• ซักถามประวัติ เช่น น้ำหนัก/ส่วนสูงตอนเกิด, กินนมผงมานานเท่าไร, ยี่ห้ออะไร, ปัสสาวะและขับถ่ายวันละกี่ครั้ง, ใช้เครื่องปั๊มนมยี่ห้ออะไร, ปั๊มนมวันละกี่ครั้ง, ได้กี่ออนซ์ต่อครั้ง
• นำลูกชั่งโป๊ - ถอดแพมเพิส และ เสื้อผ้าทุกอย่างออกหมดเพื่อชั่งน้ำหนัก
• ชั่งแบบไม่โป๊ - ใส่แพมเพิส และ เสื้อผ้าทุกอย่างเพื่อชั่งน้ำหนัก
รายละเอียดต่างๆ ด้านบนจะถูกบันทึกไว้อย่างดีในแบบฟอร์มของทางคลินิก
เมื่อเข้าไปในคลินิกแล้ว ก็เจอบรรดาคุณแม่อีกสามสี่คน (ที่นี่จะรับเคสน้อยเพื่อให้เวลาคุณแม่แต่ละท่านได้เต็มที่) ก็อุ่นใจว่าไม่ได้มีเรามีปัญหาคนเดียวนะ มีผู้ร่วมชะตากรรมอีกหลายคน
และแล้วก็ถึงเวลาเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริง คือ ฝึกเข้าเต้า......ผลที่เกิดขึ้นคือ ลูกเราร้องไห้หนักมากแบบหน้าแดง แบบร้องเหมือนจะขาดใจให้ได้ เราก็ใจไม่ได้ ความมั่นใจดิ่งลงแทบจะทันที เราก็ถามพยาบาลเลยว่าเพราะเราไม่มีน้ำนมใช่ไหม หัวนมเราสั้นใช่ไหม นู่นนี่นั่น สิ่งที่คุณพยาบาลบอกเราก็คือ "ไม่ใช่ค่ะ"
คุณพยาบาลอธิบายเราว่า
• คนที่หัวนมบอดเลย อาการหนักกว่าคุณแม่ยังให้นมน้องได้เลย
• คุณแม่ต้องปรับท่าให้นมให้ถูกต้องเพื่อให้น้องนอนกินนมได้สบาย
• น้องไม่พยายามแม้แต่จะงับเต้าคุณแม่ ดังนั้นก็ไม่เกี่ยวกับน้ำนมเพราะน้องยังไม่รู้เลยว่าคุณแม่มีน้ำนมหรือไม่มี
พอได้ยินแบบนี้เราก็ใจชื้นขึ้น ในวันนั้น คุณพยาบาลก็ประกบเราเพื่อสอนท่าให้นมลูกแบบถูกต้อง รวมถึงสอนวิธี finger feeding เพื่อให้ใช้แทนการดูดขวด เดี๋ยวเราจะอธิบายในลำดับต่อไปว่า finger feeding คืออะไร
ตารางคอร์สบำบัดเลิกจุก
8.30-10.00 ฝึกเข้าเต้ารอบ 1 - จริงๆ จะไปถึงคลินิกก่อน 8.30 น. ก็ได้ คุณพยาบาลที่นี่มาทำงานเช้ามากกก เราเคยไปถึงตั้งแต่ 7.30 น. ก็ไปนอนเพราะลูกยังหลับอยู่ แต่อย่าไปเกินสิบโมงเพราะจะไม่ค่อยได้ฝึกอะไรเลย
10.00-11.30 คุณพยาบาลจะช่วยเอาลูกเข้านอนให้ ส่วนเราก็ปั๊มนม 15 นาที แต่ถ้าเรามีคนไปด้วยกับเรา คุณพยาบาลจะให้คนนั้นช่วยดูลูกระหว่างคุณแม่ปั๊มนม ให้เอาลูกนอนกันเอง และ ไปหาข้าวทาน เพราะคุณพยาบาลจะพักทานข้าวตอน 12.00 น.
12.00-13.00 ระหว่างคุณพยาบาลพักทานข้าว ถ้าลูกตื่น เราก็ฝึกให้นมลูกไป ถ้าลูกหลับ คุณพยาบาลก็จะแนะนำให้เรานอนด้วย เพราะคุณแม่ให้นมลูกควรนอนกลางวันอย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่อวัน
13.00-14.30 ฝึกเข้าเต้ารอบ 2 / ปั๊มนม / เตรียมตัวกลับบ้าน / ทำนัดครั้งต่อไป / คำนวณค่าใช้จ่ายเพื่อให้นำไปจ่ายที่การเงิน
ในการไปคลินิก เราสามารถพาคนที่เป็นผู้หญิงไปด้วยได้ ย้ำว่าผู้หญิงนะ เพราะไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้าเลยแม้แต่คุณพ่อ เพราะมีคุณแม่ท่านอื่นๆ เปิดเต้าให้นมลูก ส่วนใหญ่คนที่ไปก็เป็นคุณยายของน้องนี่แหละ บางคนก็พาพี่เลี้ยงไป หรือ คนที่จะช่วยเราเลี้ยงลูกเวลากลับบ้านเพราะจะได้มีความเข้าใจเรื่องนมนมนี้ มีคุณแม่ท่านหนึ่งมีลูกแฝด ก็ต้องพาพี่สาวที่จะช่วยเลี้ยงลูกไปด้วย คุณพยาบาลก็สอนวิธีการต่างๆ ให้คุณป้าของน้องแฝดด้วย
การฝึกเข้าเต้า คุณพยาบาลจะให้เราพยายามอยู่ครั้งละประมาณ 30 นาที ถ้าลูกยังไม่ยอมดูดจากเต้า คุณพยาบาลก็จะให้เรา finger feeding เพื่อให้แน่ใจว่าลูกได้กินนม โดยใช้นมแม่ที่ปั๊มไว้ แต่ถ้านมแม่ไม่พอ ก็ใช้นมผงที่เราเอาไปด้วย ก่อนและหลังกินนมแม่ คุณพยาบาลจะให้ชั่งน้ำหนักเพื่อบันทึกว่ากินนมแม่ได้เท่าไร ต้องเสริมโดยการไม่ดูดเต้าเท่าไร เพื่อให้แน่ใจว่าลูกอิ่ม
การเตรียมตัวกลับบ้าน คุณพยาบาลก็จะถามว่าเรามั่นใจกับการ finger feeding หรือไม่ จะลองทำซ้ำก่อนกลับไหม และอธิบายสิ่งที่เราต้องทำเมื่อกลับบ้านไป และเตรียมอุปกรณ์สำหรับ finger feeding ให้เรานำกลับบ้าน และหากเรามีคำถามอะไร ให้ถามได้เลย ถามไปเยอะๆ เลยเพื่อจะได้รับมือถูก แต่เราคิดว่าหลายคนคงตื้อๆ เหมือนเรา ไม่รู้จะถามอะไรดีจนกลับบ้านนี่แหละถึงนึกออก แต่ไม่ต้องกังวลไป เราสามารถโทรหาคุณพยาบาลได้ทุกวันไม่เว้นเสาร์-อาทิตย์ เวลา 8.00-18.00 น. พออ่านมาถึงตรงนี้ ใครที่กำลังมีปัญหาเหมือนเราคงต้องการเบอร์โทรติดต่อแล้ว >> 0816278008
สำหรับค่าใช้จ่ายนั้นถูกแสนถูก ที่ต้องจ่ายแน่นอนเลยจะอยู่ที่ประมาณ 260 บาท และก็จะมี
• ค่าปั๊มนมครั้งละ 30 บาท ซึ่งส่วนใหญ่คุณแม่ก็ปั๊มได้สองครั้งต่อวันที่ไปเข้าคอร์ส ก็จะรวมเป็น 60 บาท
• ค่าอุปกรณ์ที่จะเอากลับไป finger feeding ชิ้นละ15 บาท ก็แล้วแต่เราว่าจะเอากลับไปกี่ชิ้น แต่ให้พอใช้จนถึงนัดต่อไป
รวมทั้งหมดเราจ่ายไม่เคยเกิน 500 บาทต่อครั้ง
ต่อไปก็ถึงเวลาที่ต้องเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้งโดยไม่มีคุณพยาบาลคอยช่วย เดี๋ยวเราจะมาเล่าให้ฟังว่าหลังจากเข้าคอร์สไปครั้งแรก พอกลับบ้านแล้วเป็นอย่างไร หวังว่าที่เราเล่าไปแล้วจะมีประโยชน์กับคุณแม่บางท่านบ้างนะคะ