คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
อหังการ มมังการ และมานานุสัย
คำว่าอหังการ มมังการ ก็คือความยึดถือของสรรพสัตว์ทั้งหลายว่า นี่เป็นเรา-อหังการ นี่เป็นของเรา-มมังการ และความคิดว่าเราดีกว่าเขาบ้าง เราด้อยกว่าเขาบ้าง เราเสมอกับเขาบ้าง-มานานุสัย ดำว่าอหังการ มมังการนั้น ย่อมนำไปสู่การปกป้อง หวงแหน ว่านี่สิ่งที่รักของเรา นี่ไม่ใช่ที่ท่านจะมายึดถือได้ เพราะการปกป้องนี้ถึงนำไปสู่การทะเลาะวิวาท กล่าวว่ากู มีง และการจับอาวุธขึ้นมาทำร้ายกัน (ที่กล่าวมานี้เป็นพระพุทธวจนะครับ ไม่ใช่ผมกล่าวเอง) ส่วนคำว่ามานานุสัยนั้นพระผู้มีพระภาคตรัสว่าเป็นอุปาทาน ดังความจริงที่ว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม ย่อมมีเป้าหมายสูงสุดในชีวิตคือการหลุดพ้นจากวัฏฏสงสาร ท่านที่หลุดพ้นแล้วนั้นหมายถึงว่าละกิเลสคือราคะ โทสะ โมหะได้ เมื่อเป็นเช่นนี้จะยึดถือไปทำไมว่าเราดีกว่าท่าน เราด้อยกว่าท่าน เราเสมอกันกับท่าน แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นศาสดาเอก ทรงรู้แจ้งในโลกก็ยังทรงเสด็จดับขันธปรินิพพาน ก็แต่ว่าผู้ประพฤติผิด หรือยึดถือเอามิจฉาทิฏฐิ มีบาปธรรมย่อมเสวยทุกข์เพราะผลกรรมเป็นธรรมดา
คำว่าอหังการ มมังการ ก็คือความยึดถือของสรรพสัตว์ทั้งหลายว่า นี่เป็นเรา-อหังการ นี่เป็นของเรา-มมังการ และความคิดว่าเราดีกว่าเขาบ้าง เราด้อยกว่าเขาบ้าง เราเสมอกับเขาบ้าง-มานานุสัย ดำว่าอหังการ มมังการนั้น ย่อมนำไปสู่การปกป้อง หวงแหน ว่านี่สิ่งที่รักของเรา นี่ไม่ใช่ที่ท่านจะมายึดถือได้ เพราะการปกป้องนี้ถึงนำไปสู่การทะเลาะวิวาท กล่าวว่ากู มีง และการจับอาวุธขึ้นมาทำร้ายกัน (ที่กล่าวมานี้เป็นพระพุทธวจนะครับ ไม่ใช่ผมกล่าวเอง) ส่วนคำว่ามานานุสัยนั้นพระผู้มีพระภาคตรัสว่าเป็นอุปาทาน ดังความจริงที่ว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม ย่อมมีเป้าหมายสูงสุดในชีวิตคือการหลุดพ้นจากวัฏฏสงสาร ท่านที่หลุดพ้นแล้วนั้นหมายถึงว่าละกิเลสคือราคะ โทสะ โมหะได้ เมื่อเป็นเช่นนี้จะยึดถือไปทำไมว่าเราดีกว่าท่าน เราด้อยกว่าท่าน เราเสมอกันกับท่าน แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นศาสดาเอก ทรงรู้แจ้งในโลกก็ยังทรงเสด็จดับขันธปรินิพพาน ก็แต่ว่าผู้ประพฤติผิด หรือยึดถือเอามิจฉาทิฏฐิ มีบาปธรรมย่อมเสวยทุกข์เพราะผลกรรมเป็นธรรมดา
แสดงความคิดเห็น
มีฌานก็เหมือนไม่มีฌาน
๑. วิเวกสูตร
ว่าด้วยปฐมฌาน
สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถ-
*บิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น เป็นเวลาเช้า ท่านพระสารีบุตรนุ่งแล้ว ถือบาตร
และจีวร เข้าไปสู่พระนครสาวัตถีเพื่อบิณฑบาต ครั้นเที่ยวบิณฑบาตในพระนครสาวัตถีแล้ว
กลับจากบิณฑบาตภายหลังภัต เข้าไปยังป่าอันธวัน เพื่อพักกลางวัน ถึงป่าอันธวันแล้ว นั่ง
พักกลางวัน ณ โคนไม้แห่งหนึ่ง. ครั้งนั้นเป็นเวลาเย็น ท่านพระสารีบุตรออกจากที่พักผ่อนแล้ว
เข้าไปยังพระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี. ท่านพระอานนท์ได้เห็นท่านพระ
สารีบุตรว่า อาวุโสสารีบุตร อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก สีหน้าของท่านหมดจด ผ่องใส วันนี้
ท่านพระสารีบุตรอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไร?
ท่านพระสารีบุตรตอบว่า อาวุโส ดังเราจะบอก เราสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
เข้าปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่. อาวุโส เรานั้นไม่ได้คิดอย่างนี้ว่า เรา
เข้าปฐมฌานอยู่ หรือว่าเข้าปฐมฌานแล้ว หรือว่าออกจากปฐมฌานแล้ว. แท้จริง ท่านพระสารี-
*บุตรถอนทิฏฐิคืออหังการ ตัณหาคือมมังการ และอนุสัยคือมานะออกได้นานแล้ว ฉะนั้น ท่าน
พระสารีบุตรจึงไม่คิดอย่างนี้ว่า เราเข้าปฐมฌานอยู่ หรือว่าเข้าปฐมฌานแล้ว หรือว่าออกจาก
ปฐมฌานแล้ว.