คนที่เป็นแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจของ "ฉาย บุนนาค" ที่คุณอาจจะยังไม่รู้ ...

“บุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจของผมคือ คุณปิ่น จักกะพาก...

เมื่อก่อนคุณปิ่นเป็นเจ้านายของคุณแม่ที่บริษัทเงินลงทุนหลักทรัพย์เอกธนกิจ หรือ FIN-1 ใคร ๆ ต่างเรียกเขาว่า พ่อมดการเงิน เพราะเขามีอาณาจักรการเงินที่ยิ่งใหญ่มาก

ผมเองไม่ได้สนิทกับคุณปิ่นเป็นการส่วนตัว นะครับ ได้รู้จักผ่านคุณแม่

แต่ก็ได้ศึกษาข้อมูลของเขาว่าเขาใช้ชีวิตอย่างไร บริหารงานอย่างไร

คุณปิ่นเขาดังมากในวงการเงิน ในสายตาของผม เขาไม่ได้เล่นหุ้น แต่เป็นนักบริหารที่เก่งมาก เป็นผู้สร้าง Value ให้เกิดกับทุกบริษัทที่เขาทำ

คุณปิ่นเป็นตัวอย่างของผม ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต ทั้งเรื่องการทำงาน ผมชอบเขาทั้ง 2 ด้านเลยครับ ในด้านการใช้ชีวิตเท่าที่ผมสัมผัสได้ คือคุณปิ่น เป็นคนรักครอบครัว จะดูแลครอบครัวดีมาก

ที่ผมชื่นชมที่สุดคือคุณปิ่นเป็นคนรักบริษัท รักสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมา อย่างสมัยที่หุ้น FIN-1 ขึ้นไปสูงมาก คุณปิ่นไม่เคยขายออกเลย ถึงแม้จะดีจะเลวอย่างไร เขาก็ไม่เคยทิ้งบริษัท ถึงตอนสุดท้าย บริษัทจะล่มหรือถูกปิดไป ก็ยังไม่มีการขายหุ้นออก ซึ่งถ้าขายหุ้นออกเงินที่ได้น่าจะเป็นหมื่นล้านนะครับ แต่เขาก็ไม่ขาย เขาเชื่อมั่นว่าบริษัทจะกลับมาได้ ผมเห็นถึงความรักบริษัทไม่น้อยกว่าคนอื่นของคุณปิ่น ไม่ใช่ว่าตั้งบริษัท มาแล้วก็ทิ้ง

ตอนนี้คุณปิ่นโดนคดีที่เมืองไทย เลยต้องไปอยู่ที่อังกฤษ เวลาที่ผมเดินทางไปเที่ยวอังกฤษ ผมก็ได้ไปเจอคุณปิ่นบ่อย ๆ งานอดิเรกของคุณปิ่น คือเล่นสกี และผมก็ชอบเล่นสกีเหมือนกัน”

ฉาย บุนนาค

http://www.hiclasssociety.com/?p=7462

พลันที่ถูกเจ้าพ่อสื่ออย่าง คุณฉาย บุนนาค แจ้งความคดีหมิ่นประมาท ในฐานะผู้ต้องหา ที่ไม่เคยรู้จักคุณฉาย บุนนาค ไม่เคยพบปะ ไม่เคยเจอตัว ไม่เคยพูดคุยกัน มาก่อน ก็ต้องรีบไปค้นหาข้อมูลว่าคุณฉาย บุนนาค เป็นใคร และมีทัศนะต่อการทำงานของสื่อมวลชนอย่างไร เพื่อที่ว่าเมื่อไปพบปะกันในชั้นใดชั้นหนึ่งของกระบวนการดำเนินคดี จะได้ไม่เผลอไผลพูดอะไรให้เป็นที่ขัดเคืองทัศนะกันอีก

หาไม่ยากเลย ข้อมูลคุณฉาย บุนนาค ใน Google มีให้สืบค้นมากมาย

น่าสนใจที่สุด ก็คือบทสัมภาษณ์ที่ปรากฏในเว็บไซต์ http://www.hiclasssociety.com/?p=7462 อ้างอิงมาจาก นิตยสาร Hi-class ฉบับที่ 285 ซึ่งได้สัมภาษณ์คุณฉาย บุนนาค เป็นบทสัมภาษณ์ที่ไม่ยาวนัก แต่ก็ทำให้ได้เห็นตัวตนของคุณฉาย บุนนาค และ ได้เห็นคนต้นแบบของคุณฉาย บุนนาค แบบแจ่มชัดอย่างยิ่ง

สำหรับคนรุ่นหลัง อาจจะไม่รู้จัก คุณปิ่น จักกะพาก ซึ่งเป็นคนต้นแบบ หรือ The Idol ที่คุณฉาย บุนนาค ยึดถือเป็นต้นแบบการดำเนินชีวิต การทำงาน การบริหารงาน และเป็นบุคคลที่คุณฉาย บุนนาค มีความประทับใจ และชื่นชอบอย่างยิ่ง จนถึงกับต้องบินไปพบปะพูดคุยด้วยบ่อย ๆ ครั้ง เมื่อไปอังกฤษ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน ทั้ง ๆ ที่คุณปิ่น จักกะพาก “โดนคดี” ที่เมืองไทย

ใช่แล้ว... คนต้นแบบ หรือ The Idol ของคุณฉาย บุนนาค ที่ชื่อ... ปิ่น จักกะพาก เป็นผู้ต้องหาหนีคดีที่ถูกธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวหากระทำความผิด พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 โดยคุณปิ่น หนีคดีออกจากประเทศไทย ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว

20 กว่าปีก่อน คุณปิ่น จักกะพาก เคยได้รับการยกย่อง เป็น “พ่อมดการเงิน” ในวงการการเงิน และวงการหุ้น ของประเทศไทย “อาณาจักรเอกธนกิจ” เติบโตอย่างรวดเร็ว และแผ่ขยายเครือข่ายไปกว้างขวาง จนแทบจะเป็นรายใหญ่ครอบงำธุรกิจการเงินของประเทศไทย ไว้ในมือ และก็เพราะความทะเยอทะยาน และความสนุกกับเกมการเงินของผู้บริหารอาณาจักรเอกธนกิจ โดยใช้เงินฝากของประชาชน และผู้ถือหุ้น มาเป็นทุนของตัวเอง ในที่สุด “อาณาจักรเอกธนกิจ” ก็พังทลาย ล่มสลายในที่สุด

คุณปิ่น จักกะพาก ในฐานะแม่ทัพใหญ่ของเอกธนกิจ ถูกธนาคารแห่งประเทศไทย แจ้งความดำเนินคดี และคุณปิ่น จักกะพาก ตัดสินใจที่จะหลบหนีออกจากประเทศไทย ไม่เข้าต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม

จวบจนวันนี้ เป็นเวลา 20 ปีที่คุณปิ่น จักกะพาก หนีคดีออกจากประเทศไทย และมีสถานะผู้ต้องหาคดีอาญาทางเศรษฐกิจ ติดตัวไปตลอดชีวิต

คุณปิ่น จักกะพาก เป็นที่จดจำ เป็นบทเรียน เป็นตำนานที่เจ็บปวดที่สุดบทหนึ่งของประเทศไทยหลังการล่มสลาย พังทลายของอาณาจักรเอกธนกิจ ซึ่งแทบจะเป็นโดมิโนตัวแรก ๆ ที่ล้ม และทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจประเทศไทยปี 2540 ที่ส่งผลให้สถาบันการเงิน ทั้งธนาคาร และ บริษัทเงินทุน ล้มหายตายจากไปถึง 56 แห่ง พร้อม ๆ กับเงินฝากของประชาชนต้องสูญเสียไปหลายแสนล้านบาท จนรัฐบาลต้องเอาเงินภาษีประชาชน เกือบล้านล้านบาท มารับภาระแทน และเป็นสาเหตุที่ประเทศไทย ต้องเดินเข้าสู่มาตรการของ “ไอเอ็มเอฟ” ซึ่งก็เปรียบเสมือน การยอมรับสภาพล้มละลาย และเข้าสู่แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาติ ตามที่ต่างชาติกำหนด ซึ่งผลของวิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2540 ครั้งนั้น ยังส่งผลกระทบต่อวงการธุรกิจ และเศรษฐกิจประเทศไทย มาจนถึงทุกวันนี้

ในความทรงจำของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย ชื่อ “คุณปิ่น จักกะพาก” ได้รับการจารึกไว้หลากหลายรูปแบบ ทั้งดีและร้าย แต่ในแฟ้มคดีอาญาทางเศรษฐกิจ ชื่อ “ปิ่น จักกะพาก” ยังเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดี นับแต่วันนั้นจนวันนี้ แม้ว่าคดีจะหมดอายุความไปแล้วก็ตาม แต่คุณปิ่น จักกะพาก ก็เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ ไม่กลับไทย อีกเลย

ไม่แน่ใจว่า คุณปิ่น จักกะพาก จะเคยรู้หรือไม่ว่า ชีวิตผู้ต้องหา ที่ถูกกล่าวโทษว่าเป็นอาชญากรเศรษฐกิจของเขา ก็เป็นต้นแบบการดำเนินชีวิตที่มีคนอย่างคุณฉาย บุนนาค ชื่นชอบ และดำเนินรอยตามมาจนกระทั่งได้รับฉายาว่า “พ่อมดการเงินน้อย” จากสื่อมวลชน และไม่แน่ใจว่าคุณปิ่น จักกะพาก จะมีความภาคภูมิใจกับ คุณฉาย บุนนาค ที่เดินตามรอยเท้าคุณปิ่น และประสบความสำเร็จ พร้อมด้วยประสบการณ์อันโชกโชนจากตลาดหุ้น ด้วยหรือไม่

อ่านบทสัมภาษณ์คุณฉาย บุนนาค จบลง แวบแรกของความคิด นึกไปถึง “ตี๋ใหญ่” จอมโจร ที่ถูกตำรวจจับตาย แต่ชีวิตและเรื่องราวการก่อคดีอาชญากรรมของเขา ซึ่งถูกนำมาเขียนเป็นนิยายอาชญากรรม และถูกถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ เป็นละครโทรทัศน์ กลับเป็นที่ชื่นชอบของนักเลงรุ่นหลัง และดำเนินรอยตามวิถีโจร “ตี๋ใหญ่” อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะนักเลงรุ่นหลังเหล่านั้น ยก “ตี๋ใหญ่” เป็นคนต้นแบบ หรือ The Idol และหลายคนก็มีจุดจบแบบ “ตี๋ใหญ่” คนต้นแบบของเขา ไปแล้ว

เมื่อค้นหา คุณฉาย บุนนาค ใน Google ก็ได้พบเรื่องราวของที่ใกล้เคียงกับคุณปิ่น จักกะพาก ซึ่งเป็น The Idol ของคุณฉาย อยู่บ้างเช่นกัน เมื่อพบว่า ในอดีต คุณฉาย บุนนาค ก็เคยถูก ก.ล.ต. ร้องทุกข์ กล่าวโทษ ดำเนินคดี แต่คุณฉาย เลือกที่จะต่อสู้คดี พิสูจน์ตัวเอง และ ก็หลุดพ้นข้อกล่าวหาของ ก.ล.ต. มาได้ จนเป็นที่กล่าวขานกันถึงความเป็น “ฉาย บุนนาค” ที่มากความสามารถของคลื่นลูกหลัง ที่แรงกว่าคลื่นลูกแรก อย่างชัดเจน

แต่ด้วยความที่ไม่เคยรู้จัก คุณฉาย บุนนาค ก็ขอหยิบยกเอาบทความในคอลัมน์ “พอเพียง..อย่างพอใจ” ที่คุณฉาย บุนนาค เขียนถึงตัวเอง ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ที่เป็นการย้อนอดีตของตัวเอง ตอนหนึ่งว่า...

“ช่วงนั้นผมเล่นหุ้นเหมือนการพนัน ผมไม่เคยรู้กฎระเบียบ และไม่คิดจะศึกษามัน ความผิดพลาดนั้นส่งผลให้ผมถูกเปรียบเทียบปรับจาก ก.ล.ต. ผมผิดพลาด เพราะติดกับอยู่ในแนวคิดว่า การที่เห็นคนอื่นทำสิ่งผิดแล้วไม่ถูกจับ…ไม่ได้หมายความว่าเราทำได้แล้วไม่ผิด”

ก่อนหน้านั้น หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 22 ธันวาคม 2557 รวบรวมข้อมูลการถูก ก.ล.ต. ตรวจสอบและกล่าวโทษของคุณฉาย บุนนาค ว่า

“ฉาย บุนนาค ถือเป็นบุคคลที่มีคดีเกี่ยวโยงกับการปั่นหุ้นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นไทย หากพิจารณาจากข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รอบ 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า ฉาย ถูกกล่าวโทษ โดยตรงถึง 4 คดี และถูกส่งให้ดีเอสไอดำเนินการตรวจสอบถึง 3 คดี โดยยอมเปรียบเทียบปรับ 1 คดี ...

ล่าสุดถูกกล่าวโทษอีก 1 คดี กรณีปั่นหุ้นบริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) “SLC” ทั้งนี้ ถือว่า ฉาย เป็นบุคคลมีคดีความที่เกี่ยวข้องกับการปั่นหุ้นมากที่สุดตอนนี้”

เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 20 มกราคม 2559 นำเสนอข่าว

“อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติสั่งฟ้อง ฉาย บุนนาค กับพวกรวม 11 ราย ฐานปั่นหุ้นเอสแอลซี หลังพิจารณาสำนวนพร้อมหลักฐานประกอบ 10 ลัง”

โดยมีรายละเอียดข่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค.59 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยว่า ได้ลงนามเห็นชอบอนุมัติสั่งฟ้องผู้ต้องหา ในคดีปั่นหุ้น บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) ตามที่พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนและเสนอขอความเห็นชอบมายังสำนักงานอธิบดี ดีเอสไอ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับเอกสารหลักฐานประกอบสำนวนจำนวน 10 ลังกระดาษ

ขั้นตอนต่อไป พนักงานสอบสวนจะนัดผู้ต้องหามาพบเพื่อนำตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนคดีที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องและหลักฐานประกอบ ไปส่งมอบให้พนักงานอัยการพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นี่..น่าจะเป็นจุด พีค สุด.. สุด.. คุณฉาย บุนนาค เคยกล่าวถึงตัวเอง ในวันที่ได้ใช้สื่อ และ ใช้บทบาทคนทำสื่อ สลายภาพ “พ่อมดการเงิน” ที่เขาเองก็รู้ตัวว่า คนมากมายมองเขาเป็น “นักปั่นหุ้น” ที่น่ากลัว... จนมีคนกลัวที่จะรู้จัก...

ฉายา “พ่อมดน้อย” และนิทานเรื่องราวมหากาพย์มากมายถูกเล่าขานเกี่ยวกับผมอย่างเกินจริง ทั้งในบทบาทของ “เทพ” และ “มารร้าย” ราวกับผมคือผู้หยั่งรู้ทุกอย่าง และสามารถเนรมิตหุ้นขึ้น-ลงได้ดั่งใจหวัง

ความจริงผมก็คือมนุษย์อาชีพนักลงทุน ที่พลาดพลั้งและตัดสินใจผิดเป็นเหมือนคนปกติ ผมกลายเป็นบุคคลที่ทั้งควรรัก ทั้งควรเกลียด คนมากมายมองผมเป็น “นักปั่นหุ้น” ที่น่ากลัว… แต่ทุกคนก็จะถามผมทุกครั้งที่พบหน้าว่า “ซื้อหุ้นตัวไหนดี ?”

อีกด้านของความจริงในสังคมผลประโยชน์ คือ มีเจ้าของบริษัทในตลาดหุ้นมากมายกว่า 50 บริษัท เคยพยายามทาบทามและขอผมให้ซื้อหุ้นหรือเข้าไปเก็งกำไร หากแต่เวลาพวกเขาพบเจอผมในที่สาธารณะจะทำเป็นไม่รู้จักผม เพราะกลัวเสียภาพพจน์ …

ประโยคยอดนิยมที่เรามักได้ยินกันคือ “เค้าบอกให้เก็บหุ้น… เค้าบอกว่าเจ้ามือจะเล่น… เค้าบอกว่าหุ้นนี้ดี…” แล้ว “เค้า” ที่ว่าคือใคร?

คุณฉาย บุนนาค เฉลยว่า “เค้า” คนนี้อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เค้าก็คือ ความโลภของคุณเอง … คือตัวร้ายที่แท้จริงแห่งตลาดหุ้น ??

บทสรุปที่เฉียบคมของคุณฉาย บุนนาค ต่อกรณีที่ตลาดหุ้นปั่นป่วน หลายต่อหลายครั้ง และนักลงทุนในตลาดหุ้น เจ๊งย่อยยับ เพราะได้รับข่าวต่าง ๆ มาเป็นปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจซื้อหุ้น ก็คือ ตัวนักลงทุน นั่นล่ะ ที่เป็นต้นเหตุ อย่าไปกล่าวโทษใครเลย

หากยึดบทสรุปของคุณฉาย เป็นหลักคิด

บทสรุปของ 1morenews ต่อกรณีที่ ก.ล.ต.กล่าวโทษคุณฉาย บุนนาค ก็คือ คุณฉาย ไม่ใช่คนกระทำความผิด และไม่ควรถูกลงโทษ เนื่องจาก “ความโลภ” ของนักลงทุนต่างหาก ที่เป็นคนผิด เป็นจำเลย

ในขณะที่คนหรือกลุ่มคน ที่สร้างขบวนการให้นักลงทุนเกิดความโลภ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติของตลาดหุ้น แม้ว่าจะมีขบวนการกี่ขบวนการที่มาสร้างความโลภให้นักลงทุน หากนักลงทุนไม่หลงเชื่อ ไม่โลภ ก็จะไม่มีใครได้ ไม่มีใครเสีย และจะไม่มีการกล่าวโทษ “ปั่นหุ้น” นั่นเอง

นี่คือ คุณฉาย บุนนาค ที่ 1morenews ไม่เคยรู้จัก และไม่คิดที่จะรู้จัก หลังจากที่ได้สืบค้นข้อมูลจากบทสัมภาษณ์ และบทความที่คุณฉาย บุนนาค บอกเล่าความเป็นตัวตนของ “ฉาย บุนนาค”

อ่านมาจาก เพจ 1morenews

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่