พลิกพงศาวดาร
ก่อแล้วต้องสาน
พ.สมานคุรุกรรม
สมเด็จพระนารายณ์ได้ฟังคำของพระขนิษฐา แลทรงพระราชดำริแล้ว จึ่งให้หาขุนนางเข้ามาในพระราชวัง แจ้งประพฤติเหตุที่จะทำยุทธนากับพระเจ้าอานั้น ขุนนางทั้งหลายต่างก็ทูลอาสา ขอเอาชีวิตเป็นแดนแทนพระคุณทุกคน สมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้าได้ทรงฟัง ก็มีพระทัยปราโมทย์ยิ่งนัก แล้วก็ให้สักการะบูชาพระศรีรัตนตรัย พระอิศวร แลเทพดาผู้มีฤทธิสิทธิศักดาทั้งปวง ดำรัสสั่งขันเสนาชัย ขุนจันทราเทพ ขุนทิพมนตรี ขุนเทพมนตรี ขุนสิทธิคชรัตน์ ขุนเทพศรีธรรมรัตน์ ให้คุมไพร่พลร้อยหนึ่งอยู่รักษาพระราชวังบวรมงคลสถาน
ในวันพฤหัสบดี ขึ้นสิบค่ำ เดือนสิบสอง เพลาชายแล้วห้านาฬิกาเศษ สมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้า ก็เสด็จทรงช้างต้นพลายมงคลไอยเรศ ตรัสให้พระเทพเดชะ เป็นกลางช้างพระที่นั่ง ขุนพระศรีควาญ และตรัสให้ พระอินทราธิราชผู้เป็นอนุชาทรงช้างต้นพังกะพัดทอง ขุนพรหมธิบาลเป็นกลางช้างพระที่นั่ง หมื่นเทพกุญชรควาญ แลให้หมื่นราชกุญชร ขี่ช้างต้นพังตลับนำช้างพระที่นั่ง เสด็จกรีธาพลพยุหยาตราไปโดยทางหน้าวัดพลับพลาชัย จึ่งพระยาเสนาภิมุข พระยา ไชยาสุรคุมญี่ปุ่นสี่สิบมากราบทูลขออาสาราชการ แล้วเสด็จพระราชดำเนินโดยทางชีกุน
ฝ่ายสมเด็จบรมบพิตรพระศรีสุธรรมราชา รู้ว่าสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้า ยกเข้ามาแต่พระราชวังบวรสถานมงคล ก็สั่งแก่พระมหาเทพ หลวงอินทรเดช ให้เอาขุนบำเรอภักดิ์ แลไอ้มั่นผู้เป็นทาส ไปพิฆาตเสียที่หน้าบางตรา แต่ขุนบำเรอภักดิ์หนีรอดไปได้ จึงกราบถวายบังคมสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้าถึงหน้าวัดฉัททันต์ แลสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้ามาหยุดช้างต้นหน้าพระที่นั่งจักรวรรดิ์ พระยาอนันทกะยอสู พระยาอนันทกะยอถาง พระราชมนตรี หลวงโยธาทิพ หลวงอมรวงศา หลวงพิชิตเดช ขุนตรัส ขุนทรงพานิช ขุนสนิทวาที มีรายาฝันเมาลามักเมาะตาด ให้คุมไพร่พลไปอยู่ด้านศาลาลูกขุน ให้รายาลิลาคุมศรีต่วนแลแขกชวาแขกจามอยู่ด้านหน้าพระที่นั่งสรรเพชญปราสาท ให้หลวงเทพวรชุน คุมไพร่พลอยู่ประตูศรีสรรพทวาร ให้พระจุฬานัง คุมไพร่พลอยู่ทางสระแก้ว หลวงวิสุทธิสงครามคุมไพร่สารวัต หลังวัดรามาวาสแลประตูสแดงราม จนถึง ประตูหอพระ
ไพร่พลฝ่ายข้างสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราช แลไพร่พลข้างสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้าก็ได้รบพุ่งกันแต่ค่ำจนรุ่ง แลญี่ปุ่นที่คุมกันเข้ามาอาสา ก็ได้เข้าช่วยรบพุ่งด้านรายาลิลา ไพร่พลล้มตายบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย จึ่งสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้า ตรัสสั่งขุนจันทราเทพ แลพันทิราช เอาปืนใหญ่สามกระบอกตั้ง ณ ท้องสนามหลวงยิงเข้าไปในพระราชวังเป็นหลายนัด
ครั้นเพลาชายแล้วประมาณหนึ่งนาฬิกาเศษ มีผู้มากราบทูลว่า สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชทรงช้างออกมายืนอยู่ ณ ศาลาหลังลูกขุน จึ่งสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้า ก็ขับช้างพระที่นั่งเข้าไปถึงนอกกำแพงหน้าศาลาลูกขุน ไพร่พลทั้งสองฝ่ายได้รบพุ่งต่อแย้งกัน แลทหารอาสาสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้า ก็ยิงปืนนกสับ ต้องพระพาหุสมเด็จพระสุธรรมราชาธิราช ฝ่ายทหารสมเด็จพระสุธรรมราชาธิราชก็ยิงปืนนกสับ ต้องหลังพระบาทซ้ายสมเด็จพระนารายณ์ เป็นเจ้า เผินไปหน่อยหนึ่ง แลสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชก็กลับช้างเข้าไปในพระราชวัง แลไพร่พลฝ่ายข้างสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราช ก็แตกฉานซ่านเซ็นหนีเข้าไปในพระราชวัง แล้วปิดประตูวังไว้
สมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้าก็เสด็จขึ้นมายังพระที่นั่งจักรวรรดิ์ จึงพระไตรภูวนาทิตยวงศ์พระอนุชา เสด็จทรงช้างต้นออกมาแต่ในพระราชวังถวายบังคม จึ่งตรัสใช้ให้ทหารอาสาคุมกันไปทำลายประตูพระราชวัง พระสิทธิชัยเปิดทวารออกมา ทหารก็ตรูกันเข้าไปในพระราชวังได้ มหาดเล็กนำพระสิทธิชัยมาถวายบังคม ณ พระที่นั่งจักรวรรดิ์ กราบทูลว่าทหารอาสาเข้าไปในพระราชวังได้แล้ว แลพระสิทธิชัยบอกว่าสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิาชหนีลงไปยังวังหลัง สมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้าจึงเสด็จเข้าในพระราชวัง เสด็จขึ้นราชมณเทียรพระวิหารสมเด็จในวันเดียวนั้น เสนาบดีก็ไปตามสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชได้ ณ วังหลัง ก็ให้เอาไปสำเร็จโทษเสียที่วัดโคกพระยาตามประเพณี
ในเมื่อสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้ามีชัยชำนะแก่ราชศัตรูด้วยเดชบุญญานุภาพนั้น ลุศักราช ๑๐๑๘ ปีวอก อัฐศก วันศุกร์ ขึ้นสิบเอ็ดค่ำ เดือนสิบสอง เพลาชายแล้วสองนาฬิกาสี่บาท พระศรีสุธรรมราชาธิราช เสวยราชสมบัติได้สองเดือนกับยี่สิบวัน
อีกเจ็ดวันต่อมา พระมหาราชครู พระราชครูแลท้าวพระยาสามนตราชเสนาบดีมนตรีทั้งปวงก็อัญเชิญสมเด็จบรมบพิตรพระนารายณ์เป็นเจ้าเสด็จปราบดาภิเษก เสวยราชสมบัติ ถวัลยราชประเพณี โดยบุรพมหากษัตราธิราชเจ้าแต่ก่อน ถวายพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชา ธิราชรามาธิบดีศรีสรรเพชญราชาบรมมหาจักรพรรดิศวร ฯ บรมบพิตรพระพุทธเจ้า พระเจ้ากรุงเทพพระมหานคร บวรทราวดีศรีอยุธยามหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ แลถวายเครื่องเบญจกกุธภัณฑ์เครื่องราโชปโภคทั้งปวง แลบูชาบรมเทพอัษฎามุรติอันประเสริฐ สถิตสถาวรในพระองค์โดยยถาศาสตร์แลถวายอาเศียรพาทอภิเษก จำเริญพระพรบวรราชศรีสวัสดิพิพัฒน มงคลนิฤมลพระองค์ คือพระนารายณ์เป็นเจ้าสังขจักรคทาธรอันกอรปด้วยพระเดชเดชาฤทธา นุภาพอันประเสริฐ เพื่อจะรักษาสมณพราหมณาจารย์แลท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุขประชา ราษฎรทั้งปวงให้สุขเกษมเปรมปรีดิ์ทั่วธานีจำเริญสืบต่อไปเมื่อหน้า
แล้วก็ให้เบิกท้าวพระยาสามลตราช เสนาบดีมนตรีมุขทุกกระทรวงการทั้งหลาย ถวายบังคมแลถวายสัตยานุสัตยาธิษฐาน ถือน้ำพิพัฒน์ ตามบุรพประเพณีแล้วเสร็จ เมื่อเสด็จปราบดาภิเษกถวัลยราชประเพณีแล้วนั้น พระชนม์ได้ยี่สิบห้าพรรษา
พระบาทสมเด็จพระนารายณ์บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็ทรงมีพระกรุณาแก่ประชาราษฎรทั้งปวง ให้ลดส่วยอากรขนอนตลาดแก่ประชาราษฎรทั้งปวง มิให้เข้าท้องพระคลังเป็นเวลาสามขวบปี แล้วก็ตรัสให้แต่งการซึ่งจะถวายพระเพลิงสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง คือพระเมรุมาศสูงสองเส้น สิบเอ็ดวาศอกคืบ แลเมรุทิศเมรุรายประดับด้วยฉัตรทองฉัตรนาคฉัตรเงินฉัตรเบญจรงค์ธงเทียว จึ่งอัญเชิญพระศพเสด็จเหนือบุษบก แล้วอัญเชิญพระศพเสด็จลีลาศ คราเคลื่อนเครื่องแห่แหนโดยขบวนเสด็จรถยาราชวัต ไปยังพระเมรุมาศ แลให้บำเรอด้วยดุริยดนตรีแตรสังข์ ฆ้องกลอง โขนหนังระบำบันฟ้อนมโหฬารมหรสพทั้งปวง แลนิมนต์พระสงฆ์สบสังวาสหมื่นหนึ่ง ถวายทักษิณทานบูชาแก่พระสงฆ์ทั้งปวงด้วยเครื่องไทยทานโดยโบราณราชประเพณีพระมหากษัตราธิราชเจ้าแต่ก่อน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ถวายพระเพลิง แล้วให้รับพระอัฐธาตุเข้ามาวัดพระศรีสรรเพชญ นิมนต์พระสงฆ์สดับปกรณ์แล้วก็บรรจุพระอัฐธาตุ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็บำเพ็ญพระราชกุศลนานาประการ แล้วก็เสด็จพระราชดำเนินออกไปประทับยัง พระราชวังบวรมงคลสถาน
สมเด็จพระนารายณ์บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชสมบัติได้เพียงสองเดือน ก็มีข้าหลวงเอาเนื้อความมากราบทูลว่า อำแดงแก่นผู้เป็นข้าพระไตรภูวนาทิตยวงศ์ เอาเนื้อความอันเป็นโกหกว่าข้าหลวงฝ่ายพระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว กล่าวหาว่า พระไตรภูวนาทิตยวงศ์แลข้าไททั้งปวงนั้น เข้าด้วยสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชช่วยรบพุ่ง ครั้นสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชปราชัย พระไตรภูวนาทิตยวงศ์แลข้าไททั้งปวงก็มาบรรจบเข้าด้วยข้าหลวง แลอำแดงแก่นได้ทูลยุยงเป็นหลายครั้ง พระไตรภูวนาตยวงศ์ก็มิได้พิจารณา ฟังแต่คนถ่อยนั้น ก็คิดซ่องสุมผู้คนไว้นอกกรุงเทพมหานครเป็นอันมาก
สมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณา ตรัสสั่งให้ข้าหลวงอันมีใจซื่อสัตย์นั้น ออกไปฟังกิตติศัพท์ดูจงมั่นแม่น ถ้าแม้นจริงไซร้ก็ให้ข้าหลวงคิดอุบายว่าจะเข้าด้วย
ครั้นข้าหลวงออกไปได้แจ้งเนื้อความนั้นเป็นหลายแห่งว่า พระไตรภูวนาทิตยวงศ์ให้ซ่องสุมผู้คนเป็นมั่นแม่น จึ่งข้าหลวงซึ่งออกไปนั้นก็แสร้งอุบายว่าจะเข้าด้วย จึงให้สัญญานัดวันคืนแก่กันว่าจะยกเข้ามา แลข้าหลวงนั้นก็ลากลับคืนเข้ามากราบทูลพระกรุณาตามเนื้อความนั้น
##########
ก่อแล้วต้องสาน ๓ เม.ย.๖๑
ก่อแล้วต้องสาน
พ.สมานคุรุกรรม
สมเด็จพระนารายณ์ได้ฟังคำของพระขนิษฐา แลทรงพระราชดำริแล้ว จึ่งให้หาขุนนางเข้ามาในพระราชวัง แจ้งประพฤติเหตุที่จะทำยุทธนากับพระเจ้าอานั้น ขุนนางทั้งหลายต่างก็ทูลอาสา ขอเอาชีวิตเป็นแดนแทนพระคุณทุกคน สมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้าได้ทรงฟัง ก็มีพระทัยปราโมทย์ยิ่งนัก แล้วก็ให้สักการะบูชาพระศรีรัตนตรัย พระอิศวร แลเทพดาผู้มีฤทธิสิทธิศักดาทั้งปวง ดำรัสสั่งขันเสนาชัย ขุนจันทราเทพ ขุนทิพมนตรี ขุนเทพมนตรี ขุนสิทธิคชรัตน์ ขุนเทพศรีธรรมรัตน์ ให้คุมไพร่พลร้อยหนึ่งอยู่รักษาพระราชวังบวรมงคลสถาน
ในวันพฤหัสบดี ขึ้นสิบค่ำ เดือนสิบสอง เพลาชายแล้วห้านาฬิกาเศษ สมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้า ก็เสด็จทรงช้างต้นพลายมงคลไอยเรศ ตรัสให้พระเทพเดชะ เป็นกลางช้างพระที่นั่ง ขุนพระศรีควาญ และตรัสให้ พระอินทราธิราชผู้เป็นอนุชาทรงช้างต้นพังกะพัดทอง ขุนพรหมธิบาลเป็นกลางช้างพระที่นั่ง หมื่นเทพกุญชรควาญ แลให้หมื่นราชกุญชร ขี่ช้างต้นพังตลับนำช้างพระที่นั่ง เสด็จกรีธาพลพยุหยาตราไปโดยทางหน้าวัดพลับพลาชัย จึ่งพระยาเสนาภิมุข พระยา ไชยาสุรคุมญี่ปุ่นสี่สิบมากราบทูลขออาสาราชการ แล้วเสด็จพระราชดำเนินโดยทางชีกุน
ฝ่ายสมเด็จบรมบพิตรพระศรีสุธรรมราชา รู้ว่าสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้า ยกเข้ามาแต่พระราชวังบวรสถานมงคล ก็สั่งแก่พระมหาเทพ หลวงอินทรเดช ให้เอาขุนบำเรอภักดิ์ แลไอ้มั่นผู้เป็นทาส ไปพิฆาตเสียที่หน้าบางตรา แต่ขุนบำเรอภักดิ์หนีรอดไปได้ จึงกราบถวายบังคมสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้าถึงหน้าวัดฉัททันต์ แลสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้ามาหยุดช้างต้นหน้าพระที่นั่งจักรวรรดิ์ พระยาอนันทกะยอสู พระยาอนันทกะยอถาง พระราชมนตรี หลวงโยธาทิพ หลวงอมรวงศา หลวงพิชิตเดช ขุนตรัส ขุนทรงพานิช ขุนสนิทวาที มีรายาฝันเมาลามักเมาะตาด ให้คุมไพร่พลไปอยู่ด้านศาลาลูกขุน ให้รายาลิลาคุมศรีต่วนแลแขกชวาแขกจามอยู่ด้านหน้าพระที่นั่งสรรเพชญปราสาท ให้หลวงเทพวรชุน คุมไพร่พลอยู่ประตูศรีสรรพทวาร ให้พระจุฬานัง คุมไพร่พลอยู่ทางสระแก้ว หลวงวิสุทธิสงครามคุมไพร่สารวัต หลังวัดรามาวาสแลประตูสแดงราม จนถึง ประตูหอพระ
ไพร่พลฝ่ายข้างสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราช แลไพร่พลข้างสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้าก็ได้รบพุ่งกันแต่ค่ำจนรุ่ง แลญี่ปุ่นที่คุมกันเข้ามาอาสา ก็ได้เข้าช่วยรบพุ่งด้านรายาลิลา ไพร่พลล้มตายบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย จึ่งสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้า ตรัสสั่งขุนจันทราเทพ แลพันทิราช เอาปืนใหญ่สามกระบอกตั้ง ณ ท้องสนามหลวงยิงเข้าไปในพระราชวังเป็นหลายนัด
ครั้นเพลาชายแล้วประมาณหนึ่งนาฬิกาเศษ มีผู้มากราบทูลว่า สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชทรงช้างออกมายืนอยู่ ณ ศาลาหลังลูกขุน จึ่งสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้า ก็ขับช้างพระที่นั่งเข้าไปถึงนอกกำแพงหน้าศาลาลูกขุน ไพร่พลทั้งสองฝ่ายได้รบพุ่งต่อแย้งกัน แลทหารอาสาสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้า ก็ยิงปืนนกสับ ต้องพระพาหุสมเด็จพระสุธรรมราชาธิราช ฝ่ายทหารสมเด็จพระสุธรรมราชาธิราชก็ยิงปืนนกสับ ต้องหลังพระบาทซ้ายสมเด็จพระนารายณ์ เป็นเจ้า เผินไปหน่อยหนึ่ง แลสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชก็กลับช้างเข้าไปในพระราชวัง แลไพร่พลฝ่ายข้างสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราช ก็แตกฉานซ่านเซ็นหนีเข้าไปในพระราชวัง แล้วปิดประตูวังไว้
สมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้าก็เสด็จขึ้นมายังพระที่นั่งจักรวรรดิ์ จึงพระไตรภูวนาทิตยวงศ์พระอนุชา เสด็จทรงช้างต้นออกมาแต่ในพระราชวังถวายบังคม จึ่งตรัสใช้ให้ทหารอาสาคุมกันไปทำลายประตูพระราชวัง พระสิทธิชัยเปิดทวารออกมา ทหารก็ตรูกันเข้าไปในพระราชวังได้ มหาดเล็กนำพระสิทธิชัยมาถวายบังคม ณ พระที่นั่งจักรวรรดิ์ กราบทูลว่าทหารอาสาเข้าไปในพระราชวังได้แล้ว แลพระสิทธิชัยบอกว่าสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิาชหนีลงไปยังวังหลัง สมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้าจึงเสด็จเข้าในพระราชวัง เสด็จขึ้นราชมณเทียรพระวิหารสมเด็จในวันเดียวนั้น เสนาบดีก็ไปตามสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชได้ ณ วังหลัง ก็ให้เอาไปสำเร็จโทษเสียที่วัดโคกพระยาตามประเพณี
ในเมื่อสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้ามีชัยชำนะแก่ราชศัตรูด้วยเดชบุญญานุภาพนั้น ลุศักราช ๑๐๑๘ ปีวอก อัฐศก วันศุกร์ ขึ้นสิบเอ็ดค่ำ เดือนสิบสอง เพลาชายแล้วสองนาฬิกาสี่บาท พระศรีสุธรรมราชาธิราช เสวยราชสมบัติได้สองเดือนกับยี่สิบวัน
อีกเจ็ดวันต่อมา พระมหาราชครู พระราชครูแลท้าวพระยาสามนตราชเสนาบดีมนตรีทั้งปวงก็อัญเชิญสมเด็จบรมบพิตรพระนารายณ์เป็นเจ้าเสด็จปราบดาภิเษก เสวยราชสมบัติ ถวัลยราชประเพณี โดยบุรพมหากษัตราธิราชเจ้าแต่ก่อน ถวายพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชา ธิราชรามาธิบดีศรีสรรเพชญราชาบรมมหาจักรพรรดิศวร ฯ บรมบพิตรพระพุทธเจ้า พระเจ้ากรุงเทพพระมหานคร บวรทราวดีศรีอยุธยามหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ แลถวายเครื่องเบญจกกุธภัณฑ์เครื่องราโชปโภคทั้งปวง แลบูชาบรมเทพอัษฎามุรติอันประเสริฐ สถิตสถาวรในพระองค์โดยยถาศาสตร์แลถวายอาเศียรพาทอภิเษก จำเริญพระพรบวรราชศรีสวัสดิพิพัฒน มงคลนิฤมลพระองค์ คือพระนารายณ์เป็นเจ้าสังขจักรคทาธรอันกอรปด้วยพระเดชเดชาฤทธา นุภาพอันประเสริฐ เพื่อจะรักษาสมณพราหมณาจารย์แลท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุขประชา ราษฎรทั้งปวงให้สุขเกษมเปรมปรีดิ์ทั่วธานีจำเริญสืบต่อไปเมื่อหน้า
แล้วก็ให้เบิกท้าวพระยาสามลตราช เสนาบดีมนตรีมุขทุกกระทรวงการทั้งหลาย ถวายบังคมแลถวายสัตยานุสัตยาธิษฐาน ถือน้ำพิพัฒน์ ตามบุรพประเพณีแล้วเสร็จ เมื่อเสด็จปราบดาภิเษกถวัลยราชประเพณีแล้วนั้น พระชนม์ได้ยี่สิบห้าพรรษา
พระบาทสมเด็จพระนารายณ์บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็ทรงมีพระกรุณาแก่ประชาราษฎรทั้งปวง ให้ลดส่วยอากรขนอนตลาดแก่ประชาราษฎรทั้งปวง มิให้เข้าท้องพระคลังเป็นเวลาสามขวบปี แล้วก็ตรัสให้แต่งการซึ่งจะถวายพระเพลิงสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง คือพระเมรุมาศสูงสองเส้น สิบเอ็ดวาศอกคืบ แลเมรุทิศเมรุรายประดับด้วยฉัตรทองฉัตรนาคฉัตรเงินฉัตรเบญจรงค์ธงเทียว จึ่งอัญเชิญพระศพเสด็จเหนือบุษบก แล้วอัญเชิญพระศพเสด็จลีลาศ คราเคลื่อนเครื่องแห่แหนโดยขบวนเสด็จรถยาราชวัต ไปยังพระเมรุมาศ แลให้บำเรอด้วยดุริยดนตรีแตรสังข์ ฆ้องกลอง โขนหนังระบำบันฟ้อนมโหฬารมหรสพทั้งปวง แลนิมนต์พระสงฆ์สบสังวาสหมื่นหนึ่ง ถวายทักษิณทานบูชาแก่พระสงฆ์ทั้งปวงด้วยเครื่องไทยทานโดยโบราณราชประเพณีพระมหากษัตราธิราชเจ้าแต่ก่อน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ถวายพระเพลิง แล้วให้รับพระอัฐธาตุเข้ามาวัดพระศรีสรรเพชญ นิมนต์พระสงฆ์สดับปกรณ์แล้วก็บรรจุพระอัฐธาตุ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็บำเพ็ญพระราชกุศลนานาประการ แล้วก็เสด็จพระราชดำเนินออกไปประทับยัง พระราชวังบวรมงคลสถาน
สมเด็จพระนารายณ์บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชสมบัติได้เพียงสองเดือน ก็มีข้าหลวงเอาเนื้อความมากราบทูลว่า อำแดงแก่นผู้เป็นข้าพระไตรภูวนาทิตยวงศ์ เอาเนื้อความอันเป็นโกหกว่าข้าหลวงฝ่ายพระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว กล่าวหาว่า พระไตรภูวนาทิตยวงศ์แลข้าไททั้งปวงนั้น เข้าด้วยสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชช่วยรบพุ่ง ครั้นสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชปราชัย พระไตรภูวนาทิตยวงศ์แลข้าไททั้งปวงก็มาบรรจบเข้าด้วยข้าหลวง แลอำแดงแก่นได้ทูลยุยงเป็นหลายครั้ง พระไตรภูวนาตยวงศ์ก็มิได้พิจารณา ฟังแต่คนถ่อยนั้น ก็คิดซ่องสุมผู้คนไว้นอกกรุงเทพมหานครเป็นอันมาก
สมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณา ตรัสสั่งให้ข้าหลวงอันมีใจซื่อสัตย์นั้น ออกไปฟังกิตติศัพท์ดูจงมั่นแม่น ถ้าแม้นจริงไซร้ก็ให้ข้าหลวงคิดอุบายว่าจะเข้าด้วย
ครั้นข้าหลวงออกไปได้แจ้งเนื้อความนั้นเป็นหลายแห่งว่า พระไตรภูวนาทิตยวงศ์ให้ซ่องสุมผู้คนเป็นมั่นแม่น จึ่งข้าหลวงซึ่งออกไปนั้นก็แสร้งอุบายว่าจะเข้าด้วย จึงให้สัญญานัดวันคืนแก่กันว่าจะยกเข้ามา แลข้าหลวงนั้นก็ลากลับคืนเข้ามากราบทูลพระกรุณาตามเนื้อความนั้น
##########