สวัสดีค่ะ “พี่หยอดวัดยาง” จะมารีวิวเที่ยวบินกันบ้าง
ทริปที่ผ่านมาไปเที่ยวที่ประเทศ Switzerland “พี่หยอด” ใช้บริการของสายการบิน
Etihad Airways ค่ะ
บินจาก Bangkok ไปยังเมือง Zurich และขากลับบินออกจาก Geneva มายัง Bangkok
โดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่ Abu Dhabi โดยมีรายละเอีย Flight ตามนี้ค่ะ
จริงๆ แล้วมีสายการบินหลายสายที่ให้บริการเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพไปยังเมืองต่างๆ ในประเทศ Switzerland นะคะ
แต่พอดีด้วยความที่ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบนั่งเครื่องแบบยาวๆนานๆ ก็เลยอยากขอแวะพักซักแป๊ปนึง
ซึ่ง Flight ที่เลือกบินไปนี้ก็เวลาค่อนข้างดีคือ ออกจากเมืองไทยช่วงค่ำ แวะเปลี่ยนเครื่องประมาณ 2 ชม. และถึงที่ Zurich ในช่วงเช้าของอีกวัน เที่ยวต่อได้เลยสบายๆ
แต่ๆๆๆๆ... ในทุกๆการเดินทาง ย่อมมี surprise ตลอด อะไรๆก็เดินขึ้นได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ความ Delay มาเยือนตั้งแต่เริ่มต้นทริป ไว้จะเล่าให้ฟังนะ อ่านกันไปยาวๆ
ถือซะว่าเป็นเรื่องมา "เล่าสู่กันฟัง" นะคะ
โดยทริปนี้เดินทางเมื่อช่วงต้นเดือน มีนาคม ที่ผ่านมาค่ะ แต่ว่าจองตั๋วไว้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว...
จองแบบไม่ได้คาดหวังราคาโปรหรือส่วนลดเพราะเน้นวันเดินทางที่เราสะดวกเป็นหลักค่ะ
สุดท้ายเลยตั๋วไป-กลับ ที่นั่งชั้นประหยัด มาในราคา 25,675 บาท/คน ค่ะ
โดยราคานี้เราสามารถโหลดประเป๋าได้ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 23 กิโลกรัม หิ้วกระเป๋า carry on ขึ้นเครื่องได้อีก 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม และระบุที่นั่งให้เราเรียบร้อยแล้ว
เอาล่ะ มาถึงวันเดินทางกันแล้ว เรามุ่งหน้าไปยังสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่ซักประมาณ 5 โมงเย็น เพราะกลัวว่าจะเจอรถติด คิว check-in ยาว ตม.นาน
แต่พอเอาเข้าจริงๆ ใช้เวลาผ่านกระบวนการทั้งหมดทั้งมวลเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเอง !! ไม่อยากจะเชื่อ...แต่ต้องเชื่อค่ะ
โดยสายการบิน Etihad Airways จะต้อง check-in ที่ Row Q ค่ะ
ถ้าเป็นไปได้ อยากแนะนำให้ทำการ check-in online มาก่อนค่ะ เพื่อที่ว่าพอมาถึงสนามบินเราก็จะแค่เพียง drop baggage ซึ่งจะมีช่องทางพิเศษสำหรับผู้โดยสารที่ check-in online มาแล้ว รวดเร็วมากๆ ค่ะ
เมื่อเรา drop baggage เรียบร้อย จะได้ boarding pass มาเลย 2 ใบค่ะ คือ Bangkok-Abu Dhabi และ Abu Dabhi-Zurich ส่วนกระเป๋าเดินทางทั้งหมดก็จะส่งตรงยาวๆไปให้เราที่ปลายทางเลย
สำหรับ Flight นี้เราไปขึ้นเครื่องกันที่ Gate E1 ค่ะ
โดยในเส้นทาง EY401 Bangkok-Abu Dhabi จะใช้เวลาบินประมาณ 7 ชั่วโมงค่ะ เป็นเครื่อง Boeing B777-300 ที่นั่งแบบ 3 ล็อค 3-4-3
เครื่องไม่ใหม่มาก ออกแนวใช้งานมานาน ดูได้จากกระเป๋าหน้าที่นั่งที่จะมีความย้วยนิดๆ และเบาะที่นั่งที่จะมีความซีดหน่อยๆ
แต่ก็ยังดีที่แต่ละที่นั่งมีจอส่วนตัวค่ะ แต่เป็นจอแบบเก่านะ คือเวลา touch screen จะไม่เร็วได้ดั่งใจ ประมาณว่าพอจิ้มไปแล้วต้องหายใจเฮือกนึงถึงจะทำงาน !! จอแบบนี้เราก็ต้องใจเย็นนิดนึงนะ เวลาเล่นอะไรก็ให้เวลาเครื่องเค้า process ซักแป๊ป
บนเบาะนั่งก็มีผ้าห่มและหูฟังวางไว้ให้พร้อมค่ะ ในกระเป๋าหน้าที่นั่ง ก็มี Safety Instruction มีนิตยาสารประจำสายการบินก็คือ Atlas และมีแผ่นข้อมูลเกี่ยวกับ Wifi on Board เผื่อว่าใครสนใจจะใช้งาน แต่ไม่ฟรีนะคะ เสียค่าใช้งานมีเป็น package ให้เลือก
เมื่อเครื่องขึ้นได้ซักพัก พนักงานต้อนรับบนเครื่องก็นำ snack และเครื่องดื่มมาแจกค่ะ
เป็นขนม cracker ถุงเล็กๆ เคี้ยวเพลินๆแป๊ปเดียวหมดละ...
ได้เวลานอนยาวๆ บอกตามตรงมา Flight นี้แทบไม่ได้ใช้จอที่ติดมากับที่นั่งเลยค่ะ เพราะนอนยาวลูกเดียวเลย ตื่นมาอีกทีคือโดยแอร์สาวสวยปลุกมารับอาหารค่ะ สำหรับอาการมื้อแรกกับ Ethihad นั้นพอไหวในระดับนึงค่ะ เราเลือก Rice with Chicken พอทานๆดู อ๋อ....มันคือข้าว เขียวหวานไก่นี่แหละ
ส่วนอีกคนได้เป็นข้าวผัดเนื้อแกะ รสชาติก็จะแปลกๆดี ซึ่งในเซ็ทที่เสริฟมานี้ก็จะมี ของว่างเป็นเส้นบะหมี่ผัด ขนมปัง-เนย และขนมเป็นเค้กกล้วยหอมและหน้าเป็นช็อคโกแลตค่ะ
ทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ซักพักเครื่องก็ landing ที่ Abu Dhabi Airport, Abu Dhabi TERMINAL 3 ค่ะ ที่นี่เราต้องผ่านกรรมวิธีสแกนร่างกาย สแกนกระเป๋า carry on กันอีกรอบ ตรวจกันจริงจัง จากนั้นเดินตามป้าย Flight Transfer มาเรื่อยๆ ก็จะเจอกับหน้าจอแสดงเวลา Flight ต่อไปของเรา
และแล้ว Surprise แรกของการเดินทางไป Switzerland ครั้งนี้ก็เกิดขึ้น
Flight ต่อไปที่เราจะต้องเดินทางไปก็คือ Abu Dhabi-Zurich ซึ่งตามตารางเวลานั้น เราจะใช้เวลาเปลี่ยนเครื่อง 2 ชั่วโมง 40 นาที ซึ่งก็ไม่นานจนเกินไป... เราพยายามมองหา Flight ของเราจากหน้าจอตารางบิน แต่ก็เอะใจว่าทำไมเวลามันไม่ขึ้นนะ... ก็ยังคิดในแง่ดีว่าคงยังไม่ถึงเวลาละมั้ง...
ด้วยความสงสัยและแอบรู้สึกถึงพลังบางอย่างว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ เลยต่อเน็ตด้วย Wifi Free ของสนามบิน เปิด E-mail ปรากฏว่ามีเมล์ส่งมาแจ้งว่า Flight ที่เราจะต้องเดินทางไปต่อนั้น...
delay ไปอีก 4 ชั่วโมง จากที่ต้องออกเดินทางในเวลา 02.45AM กลายเป็น 07.05 AM
(เมล์น่าจะส่งมาตอนที่เราอยู่บนเครื่องนี่แหละค่ะ เพราะก่อนเดินทางเช็คเมล์ยังไม่มีอะไรแจ้งมา)
OMG เวลาตี 1 ณ สนามบิน Abu Dhabi เราจะทำอะไร?
เวลาช็อปปิ้งก็ไม่ใช่ ผู้โดยสารที่รอจะต่อเครื่องเริ่มเกิดอาการหงุดหงิด ง่วงก็ง่วงยังต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก...
หลายคนเริ่มที่จะเรียกร้องถึงความเสียเวลาในครั้งนี้
เจ้าหน้าที่ของสายการบินแจ้งว่า เราสามารถนำ Boarding Pass เที่ยวบินที่ delay นี้ไปรับอาหารได้ 1 มื้อ ร้านไหนก็ได้ในบริเวณ terminal3 (ยกเว้นร้านคาเฟ่บางร้านนะ)
แต่ที่แอบไม่โอเคคือ เจ้าหน้าที่จะบอกเงื่อนไงการชดเชยอาหารนี้ กับผู้โดยสารที่เข้าไปสอบถามเท่านั้น ประมาณว่าถ้าใครไม่โวยวายก็จะไม่แจ้งว่าเราสามารถไปแลกอาหารได้นะ !! (ไม่มีการประกาศบอกผู้โดยสารที่ติดค้างอยู่แบบเป็นทางการ)
ตัวเราเองไม่ได้โวยวายอะไร แค่ไปแอบยืนฟัง ก็เลยรู้ และใช้สิทธิ์ในทันที 555
เดินวนอยู่ตรงโซนร้านอาหารอยู่หลายรอบ สรุปจบที่ร้าน Burger King เราได้ 1 ชุดใหญ่มาแบบฟรีๆ โดยพนักงานร้านจะปั๊มตราปั๊มลงบน Boarding Pass ของเราถ้าเราได้ใช้สิทธิ์ไปแล้ว โดย 1 คนใช้ได้แค่ 1 สิทธิ์เท่านั้น
อิ่มไปอีกหนึ่งมื้อ ก็ยังไม่ถึงเวลาขึ้นเครื่องค่ะ เหลือเวลาอีก 2-3 ชั่วโมง ก็เลยไปหาที่นอน
Surprise ที่ 2 ก็ตามมาติดๆ ทันใดนั้นนึกขึ้นได้ ว่าเราได้ลืมเสื้อหนาว Ultra Light Down ไว้บนเครื่องเมื่อตอนขามาจากกรุงเทพ
โอ้วววว มันคือเสื้อตัวโปรดที่เราพกไปทุกทริป เราหยิบออกมาจะไว้หนุนคอบนเครื่อง พอตอนลงลืมมมมมมมเอาลงมา อยากจะร้องไห้ออกมาเป็นภาษาอาหรับ
แต่ด้วยความที่เรายังเหลือเวลาอีกเกือบ 2 ชั่วโมงที่ต้องรอเครื่อง
เราจึงเดินไปถามเจ้าหน้าที่ที่สนามบินว่าพอจะมีวิธีไหนที่เราจะขอรับเสื้อเราคืนได้หรือไม่
เราเดินไปที่ Information จากนั้นก็ชี้ๆต่อให้ไปถามเจ้าหน้าที่อีกคน แล้วก็โดนชี้ให้ไปถามเจ้าหน้าที่อีกคน แล้วก็โดนชี้ให้ไปถามเจ้าหน้าที่อีกคน
สรุปเราต้องเดินวนไปวนมา เข้าๆออกๆ เครื่องสแกนอยู่ 2-3 รอบ จนสุดท้ายมาจบที่ Transfer desk
เจ้าหน้าที่แจ้งว่าวิธีเดียวที่ทำได้คือ ให้ e-mail ไปแจ้งว่าลืมของที่ AUHBaggageServices@etihad.ae
ในใจก็แอบดราม่านิดนึง เพราะของที่ลืมไว้นั้นอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก... แต่เอาคืนไม่ได้ แต่ก็เข้าใจว่าก็คงเป็นไปตามกฏของสายการบิน ก็เลยส่งเมล์ไปแจ้งรายละเอียดทุกอย่าง หนึ่งชั่วโมงต่อมาเจ้าหน้าที่ตอบกลับหาเรา เรานี่ดีใจสุด เจ้าหน้าที่ส่งมาแจ้งว่าเจอของที่เราลืมไว้แล้วและสามารถมารับของที่ออฟฟิตเค้าที่ Abu Dhabi ได้เลย แต่ ณ ตอนนั้นก็ใกล้เวลา Boarding แล้วถ้าวิ่งไปรับของอาจจะไม่ทันเดี๋ยวงานจะเข้าอีก
ก็เลยขอใช้ขอเสนอของทางเจ้าหน้าที่ที่แจ้งว่า ทางเค้ามีความยินดีจะส่งของกลับมาให้เราที่ Bangkok ซึ่งเราสามารถรับได้ที่ออฟฟิตที่ Bangkok ในวันที่เราบินกลับ ซึ่งก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และเราก็รู้สึกประทับใจกับการช่วยเหลือในครั้งนี้
(เรื่องนี้ยังไม่จบ...มีภาคต่อตอนท้ายนะคะ)
[CR] เที่ยวรัวรัว : Bangkok - Zurich สายการบิน Etihad Airways
ทริปที่ผ่านมาไปเที่ยวที่ประเทศ Switzerland “พี่หยอด” ใช้บริการของสายการบิน Etihad Airways ค่ะ
บินจาก Bangkok ไปยังเมือง Zurich และขากลับบินออกจาก Geneva มายัง Bangkok
โดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่ Abu Dhabi โดยมีรายละเอีย Flight ตามนี้ค่ะ
จริงๆ แล้วมีสายการบินหลายสายที่ให้บริการเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพไปยังเมืองต่างๆ ในประเทศ Switzerland นะคะ
แต่พอดีด้วยความที่ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบนั่งเครื่องแบบยาวๆนานๆ ก็เลยอยากขอแวะพักซักแป๊ปนึง
ซึ่ง Flight ที่เลือกบินไปนี้ก็เวลาค่อนข้างดีคือ ออกจากเมืองไทยช่วงค่ำ แวะเปลี่ยนเครื่องประมาณ 2 ชม. และถึงที่ Zurich ในช่วงเช้าของอีกวัน เที่ยวต่อได้เลยสบายๆ
แต่ๆๆๆๆ... ในทุกๆการเดินทาง ย่อมมี surprise ตลอด อะไรๆก็เดินขึ้นได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ความ Delay มาเยือนตั้งแต่เริ่มต้นทริป ไว้จะเล่าให้ฟังนะ อ่านกันไปยาวๆ
ถือซะว่าเป็นเรื่องมา "เล่าสู่กันฟัง" นะคะ
โดยทริปนี้เดินทางเมื่อช่วงต้นเดือน มีนาคม ที่ผ่านมาค่ะ แต่ว่าจองตั๋วไว้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว...
จองแบบไม่ได้คาดหวังราคาโปรหรือส่วนลดเพราะเน้นวันเดินทางที่เราสะดวกเป็นหลักค่ะ
สุดท้ายเลยตั๋วไป-กลับ ที่นั่งชั้นประหยัด มาในราคา 25,675 บาท/คน ค่ะ
โดยราคานี้เราสามารถโหลดประเป๋าได้ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 23 กิโลกรัม หิ้วกระเป๋า carry on ขึ้นเครื่องได้อีก 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม และระบุที่นั่งให้เราเรียบร้อยแล้ว
เอาล่ะ มาถึงวันเดินทางกันแล้ว เรามุ่งหน้าไปยังสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่ซักประมาณ 5 โมงเย็น เพราะกลัวว่าจะเจอรถติด คิว check-in ยาว ตม.นาน
แต่พอเอาเข้าจริงๆ ใช้เวลาผ่านกระบวนการทั้งหมดทั้งมวลเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเอง !! ไม่อยากจะเชื่อ...แต่ต้องเชื่อค่ะ
โดยสายการบิน Etihad Airways จะต้อง check-in ที่ Row Q ค่ะ
ถ้าเป็นไปได้ อยากแนะนำให้ทำการ check-in online มาก่อนค่ะ เพื่อที่ว่าพอมาถึงสนามบินเราก็จะแค่เพียง drop baggage ซึ่งจะมีช่องทางพิเศษสำหรับผู้โดยสารที่ check-in online มาแล้ว รวดเร็วมากๆ ค่ะ
เมื่อเรา drop baggage เรียบร้อย จะได้ boarding pass มาเลย 2 ใบค่ะ คือ Bangkok-Abu Dhabi และ Abu Dabhi-Zurich ส่วนกระเป๋าเดินทางทั้งหมดก็จะส่งตรงยาวๆไปให้เราที่ปลายทางเลย
สำหรับ Flight นี้เราไปขึ้นเครื่องกันที่ Gate E1 ค่ะ
โดยในเส้นทาง EY401 Bangkok-Abu Dhabi จะใช้เวลาบินประมาณ 7 ชั่วโมงค่ะ เป็นเครื่อง Boeing B777-300 ที่นั่งแบบ 3 ล็อค 3-4-3
เครื่องไม่ใหม่มาก ออกแนวใช้งานมานาน ดูได้จากกระเป๋าหน้าที่นั่งที่จะมีความย้วยนิดๆ และเบาะที่นั่งที่จะมีความซีดหน่อยๆ
แต่ก็ยังดีที่แต่ละที่นั่งมีจอส่วนตัวค่ะ แต่เป็นจอแบบเก่านะ คือเวลา touch screen จะไม่เร็วได้ดั่งใจ ประมาณว่าพอจิ้มไปแล้วต้องหายใจเฮือกนึงถึงจะทำงาน !! จอแบบนี้เราก็ต้องใจเย็นนิดนึงนะ เวลาเล่นอะไรก็ให้เวลาเครื่องเค้า process ซักแป๊ป
บนเบาะนั่งก็มีผ้าห่มและหูฟังวางไว้ให้พร้อมค่ะ ในกระเป๋าหน้าที่นั่ง ก็มี Safety Instruction มีนิตยาสารประจำสายการบินก็คือ Atlas และมีแผ่นข้อมูลเกี่ยวกับ Wifi on Board เผื่อว่าใครสนใจจะใช้งาน แต่ไม่ฟรีนะคะ เสียค่าใช้งานมีเป็น package ให้เลือก
เมื่อเครื่องขึ้นได้ซักพัก พนักงานต้อนรับบนเครื่องก็นำ snack และเครื่องดื่มมาแจกค่ะ
เป็นขนม cracker ถุงเล็กๆ เคี้ยวเพลินๆแป๊ปเดียวหมดละ...
ได้เวลานอนยาวๆ บอกตามตรงมา Flight นี้แทบไม่ได้ใช้จอที่ติดมากับที่นั่งเลยค่ะ เพราะนอนยาวลูกเดียวเลย ตื่นมาอีกทีคือโดยแอร์สาวสวยปลุกมารับอาหารค่ะ สำหรับอาการมื้อแรกกับ Ethihad นั้นพอไหวในระดับนึงค่ะ เราเลือก Rice with Chicken พอทานๆดู อ๋อ....มันคือข้าว เขียวหวานไก่นี่แหละ
ส่วนอีกคนได้เป็นข้าวผัดเนื้อแกะ รสชาติก็จะแปลกๆดี ซึ่งในเซ็ทที่เสริฟมานี้ก็จะมี ของว่างเป็นเส้นบะหมี่ผัด ขนมปัง-เนย และขนมเป็นเค้กกล้วยหอมและหน้าเป็นช็อคโกแลตค่ะ
ทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ซักพักเครื่องก็ landing ที่ Abu Dhabi Airport, Abu Dhabi TERMINAL 3 ค่ะ ที่นี่เราต้องผ่านกรรมวิธีสแกนร่างกาย สแกนกระเป๋า carry on กันอีกรอบ ตรวจกันจริงจัง จากนั้นเดินตามป้าย Flight Transfer มาเรื่อยๆ ก็จะเจอกับหน้าจอแสดงเวลา Flight ต่อไปของเรา
และแล้ว Surprise แรกของการเดินทางไป Switzerland ครั้งนี้ก็เกิดขึ้น
Flight ต่อไปที่เราจะต้องเดินทางไปก็คือ Abu Dhabi-Zurich ซึ่งตามตารางเวลานั้น เราจะใช้เวลาเปลี่ยนเครื่อง 2 ชั่วโมง 40 นาที ซึ่งก็ไม่นานจนเกินไป... เราพยายามมองหา Flight ของเราจากหน้าจอตารางบิน แต่ก็เอะใจว่าทำไมเวลามันไม่ขึ้นนะ... ก็ยังคิดในแง่ดีว่าคงยังไม่ถึงเวลาละมั้ง...
ด้วยความสงสัยและแอบรู้สึกถึงพลังบางอย่างว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ เลยต่อเน็ตด้วย Wifi Free ของสนามบิน เปิด E-mail ปรากฏว่ามีเมล์ส่งมาแจ้งว่า Flight ที่เราจะต้องเดินทางไปต่อนั้น... delay ไปอีก 4 ชั่วโมง จากที่ต้องออกเดินทางในเวลา 02.45AM กลายเป็น 07.05 AM
(เมล์น่าจะส่งมาตอนที่เราอยู่บนเครื่องนี่แหละค่ะ เพราะก่อนเดินทางเช็คเมล์ยังไม่มีอะไรแจ้งมา)
OMG เวลาตี 1 ณ สนามบิน Abu Dhabi เราจะทำอะไร?
เวลาช็อปปิ้งก็ไม่ใช่ ผู้โดยสารที่รอจะต่อเครื่องเริ่มเกิดอาการหงุดหงิด ง่วงก็ง่วงยังต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก...
หลายคนเริ่มที่จะเรียกร้องถึงความเสียเวลาในครั้งนี้
เจ้าหน้าที่ของสายการบินแจ้งว่า เราสามารถนำ Boarding Pass เที่ยวบินที่ delay นี้ไปรับอาหารได้ 1 มื้อ ร้านไหนก็ได้ในบริเวณ terminal3 (ยกเว้นร้านคาเฟ่บางร้านนะ)
แต่ที่แอบไม่โอเคคือ เจ้าหน้าที่จะบอกเงื่อนไงการชดเชยอาหารนี้ กับผู้โดยสารที่เข้าไปสอบถามเท่านั้น ประมาณว่าถ้าใครไม่โวยวายก็จะไม่แจ้งว่าเราสามารถไปแลกอาหารได้นะ !! (ไม่มีการประกาศบอกผู้โดยสารที่ติดค้างอยู่แบบเป็นทางการ)
ตัวเราเองไม่ได้โวยวายอะไร แค่ไปแอบยืนฟัง ก็เลยรู้ และใช้สิทธิ์ในทันที 555
เดินวนอยู่ตรงโซนร้านอาหารอยู่หลายรอบ สรุปจบที่ร้าน Burger King เราได้ 1 ชุดใหญ่มาแบบฟรีๆ โดยพนักงานร้านจะปั๊มตราปั๊มลงบน Boarding Pass ของเราถ้าเราได้ใช้สิทธิ์ไปแล้ว โดย 1 คนใช้ได้แค่ 1 สิทธิ์เท่านั้น
อิ่มไปอีกหนึ่งมื้อ ก็ยังไม่ถึงเวลาขึ้นเครื่องค่ะ เหลือเวลาอีก 2-3 ชั่วโมง ก็เลยไปหาที่นอน
Surprise ที่ 2 ก็ตามมาติดๆ ทันใดนั้นนึกขึ้นได้ ว่าเราได้ลืมเสื้อหนาว Ultra Light Down ไว้บนเครื่องเมื่อตอนขามาจากกรุงเทพ
โอ้วววว มันคือเสื้อตัวโปรดที่เราพกไปทุกทริป เราหยิบออกมาจะไว้หนุนคอบนเครื่อง พอตอนลงลืมมมมมมมเอาลงมา อยากจะร้องไห้ออกมาเป็นภาษาอาหรับ
แต่ด้วยความที่เรายังเหลือเวลาอีกเกือบ 2 ชั่วโมงที่ต้องรอเครื่อง
เราจึงเดินไปถามเจ้าหน้าที่ที่สนามบินว่าพอจะมีวิธีไหนที่เราจะขอรับเสื้อเราคืนได้หรือไม่
เราเดินไปที่ Information จากนั้นก็ชี้ๆต่อให้ไปถามเจ้าหน้าที่อีกคน แล้วก็โดนชี้ให้ไปถามเจ้าหน้าที่อีกคน แล้วก็โดนชี้ให้ไปถามเจ้าหน้าที่อีกคน
สรุปเราต้องเดินวนไปวนมา เข้าๆออกๆ เครื่องสแกนอยู่ 2-3 รอบ จนสุดท้ายมาจบที่ Transfer desk
เจ้าหน้าที่แจ้งว่าวิธีเดียวที่ทำได้คือ ให้ e-mail ไปแจ้งว่าลืมของที่ AUHBaggageServices@etihad.ae
ในใจก็แอบดราม่านิดนึง เพราะของที่ลืมไว้นั้นอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก... แต่เอาคืนไม่ได้ แต่ก็เข้าใจว่าก็คงเป็นไปตามกฏของสายการบิน ก็เลยส่งเมล์ไปแจ้งรายละเอียดทุกอย่าง หนึ่งชั่วโมงต่อมาเจ้าหน้าที่ตอบกลับหาเรา เรานี่ดีใจสุด เจ้าหน้าที่ส่งมาแจ้งว่าเจอของที่เราลืมไว้แล้วและสามารถมารับของที่ออฟฟิตเค้าที่ Abu Dhabi ได้เลย แต่ ณ ตอนนั้นก็ใกล้เวลา Boarding แล้วถ้าวิ่งไปรับของอาจจะไม่ทันเดี๋ยวงานจะเข้าอีก
ก็เลยขอใช้ขอเสนอของทางเจ้าหน้าที่ที่แจ้งว่า ทางเค้ามีความยินดีจะส่งของกลับมาให้เราที่ Bangkok ซึ่งเราสามารถรับได้ที่ออฟฟิตที่ Bangkok ในวันที่เราบินกลับ ซึ่งก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และเราก็รู้สึกประทับใจกับการช่วยเหลือในครั้งนี้
(เรื่องนี้ยังไม่จบ...มีภาคต่อตอนท้ายนะคะ)