ตั้งแต่มาอยู่แม่สะเรียงก็ไปเชียงใหม่บ่อยและหลงรักเชียงใหม่ขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดไปพักผ่อนกับสามีและหาของอร่อยทาน เชียงใหม่มีของอร่อยกินเยอะมาก หลากหลาย และรังสรรค์กว่ากรุงเทพฯ คือมีความเป็นตัวของตัวเองอย่างเห็นได้ชัด
--ภาพจากร้าน Butter is Better ถ.ช้างคลาน เป็นแนว American Dining แบบสมัยก่อนในอเมริกา--
อย่างครั้งล่าสุดนี่ไปกินอาหารเกาหลีและอาหารฝรั่ง ซึ่งก็คุยกับสามีว่าทำไมเค้าทำได้อร่อยกว่า ธรรมชาติกว่า คือไม่ต้องพยายามมากและออกมาดี อินเตอร์ด้วย (แปลกไหมว่ามันเห็นได้จากอาหาร) เราสองคนเลยถกกันยาวว่าคนเชียงใหม่ได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ อากาศดี ความเคร่งเครียดและการแข่งขันไม่เท่ากรุงเทพฯ ผู้คนจึงมีความคิดสร้างสรรค์ มีความเป็นปัจเจกชัดเจน ไม่ต้อง copy กันและ create ในสิ่งที่ตัวเองรักจริงๆ อีกอย่างราคาอาหารก็รับได้ ไม่ถูกเว่อร์เท่าแม่สะเรียงแต่ก็ไม่แพงเว่อร์เท่ากรุงเทพฯ ที่สำคัญมันรู้สึกชิวและสบาย
--ภาพจากร้าน KOBQ นิมมานปากซอย 11--
ยกตัวอย่างร้าน Rustic & Blue ที่สามีค้นพบโดยบังเอิญเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ประสบความสำเร็จมาก อินเตอร์ breakfast อร่อย หรือ Ristr8to ร้านกาแฟที่ก็ดังเว่อร์ และหรืออื่นๆ อีกหลายที่ (ร้านขจี เจ้าของคนเชียงใหม่ด้วยไหม)
--ภาพจากร้าน Rustic & Blue นิมมานซอย 7--
ไม่ใช่เฉพาะคนเชียงใหม่ที่เปิดร้านได้เข้าท่าและโดนใจ แต่ชาวต่างชาติที่ไปทำธุรกิจที่เชียงใหม่ก็เช่นกัน อาจเป็นเพราะวิถีเมือง / vibe ของเมืองที่มันชิวสบาย และ organic จนดึงดูดให้คนกลุ่มเดียวกันไปอยู่รวมกันก็ได้
อีกร้านที่ชอบมากคือร้าน Nana Bakery ถามพนักงานที่ร้านมาแล้ว ได้คำตอบว่าเค้ามีหลายสาขาใช้ชื่อต่างกันไป (หนึ่งในนั้นคือร้านที่ดังๆ จำชื่อไม่ได้ เปิดเฉพาะวันเสาร์และหมดเร็วมาก) ขนมปังเขาอร่อยมากและถูกเว่อร์จนงงว่าขายได้ยังไงถูกขนาดนี้และรสชาติดีและ authentic มากเหมือนทานที่ยุโรป (ครัวซองต์ตัวเล็กชิ้นละ 12 บาทเท่านั้น) อร่อยกว่า shop ในกรุงเทพฯ ที่มีสาขามาจากเมืองนอกจาก Maison Eric Kayser หรือ Paul นี่แปลว่าร้านขายขนมปังในกรุงเทพฯ ต้องฟันกำไรมากแน่ๆ แถมไม่อร่อยเท่า...อ่ะ กลับมาที่ร้าน Nana ต่อว่าทำไมเค้ารสชาติดี คำตอบคือเจ้าของร้านเป็นคนฝรั่งเศส ภรรยาไทย และเมื่อก่อนเขาเคยเปิดร้านอยู่ที่ฝรั่งเศสนั่นเองค่ะ เมื่อถึงบางอ้อร้องอ๋อ เราก็กลายเป็นขาประจำ ไปกาดฝรั่งแต่ละทีต้องแวะซื้อ ทันบ้างไม่ทันบ้างเพราะของหมดเร็ว
--ภาพจากร้าน Nana Bakery กาดฝรั่ง (หางดง)--
คุณสามีเทียบว่าเชียงใหม่สมัยนี้เหมือนซีแอทเทิลสมัยก่อนที่ฮีโตมา (สามีเป็นคนอเมริกันค่ะ) (แต่เขาบอกว่าซีแอทเทิลสมัยนี้จะเริ่มออกไปแนวนิวยอร์ค คือคนเร่งรีบ แข่งขันสูง และไม่ชิวเท่าเมื่อก่อนแล้ว) ขณะที่กรุงเทพฯ ทุกวันนี้ออกแนวนิวยอร์คหน่อยๆ หลายคนยึดถือวัตถุนิยม เลียนแบบกัน แก่งแย่งกันสูง ซึ่งนี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งหรือเปล่าที่ทำให้คนกรุงเทพฯ มีความคิดสร้างสรรค์น้อยกว่าและรังสรรค์งานได้ออกมาไม่เป็นปัจเจกเท่าคนเชียงใหม่ (นี่พูดถึงเฉพาะอาหาร)
ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่พูดมาทั้งหมดคือความคิดเห็นส่วนตัวของเรากับสามีล้วนๆ และเราเพียงอยากจะเชิญชวนให้เพื่อนๆ ทุกคนออกมาเที่ยวธรรมชาติและชื่นชมมัน ปลูกฝังลูกหลานที่บ้านให้รักธรรมชาติ ไม่ทำลาย เพราะแม้จะไม่ได้ด้วยเหตุผลอะไรเลยก็ตาม การได้สัมผัสธรรมชาติมันก็ดีในตัวของมันเองอยู่แล้ว เพราะมันสดชื่น มันไม่ต้องพยายาม มันธรรมชาติ
[CR] หลงรักเชียงใหม่จากตัวตน สะท้อนชัดผ่านอาหาร
--ภาพจากร้าน Butter is Better ถ.ช้างคลาน เป็นแนว American Dining แบบสมัยก่อนในอเมริกา--
อย่างครั้งล่าสุดนี่ไปกินอาหารเกาหลีและอาหารฝรั่ง ซึ่งก็คุยกับสามีว่าทำไมเค้าทำได้อร่อยกว่า ธรรมชาติกว่า คือไม่ต้องพยายามมากและออกมาดี อินเตอร์ด้วย (แปลกไหมว่ามันเห็นได้จากอาหาร) เราสองคนเลยถกกันยาวว่าคนเชียงใหม่ได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ อากาศดี ความเคร่งเครียดและการแข่งขันไม่เท่ากรุงเทพฯ ผู้คนจึงมีความคิดสร้างสรรค์ มีความเป็นปัจเจกชัดเจน ไม่ต้อง copy กันและ create ในสิ่งที่ตัวเองรักจริงๆ อีกอย่างราคาอาหารก็รับได้ ไม่ถูกเว่อร์เท่าแม่สะเรียงแต่ก็ไม่แพงเว่อร์เท่ากรุงเทพฯ ที่สำคัญมันรู้สึกชิวและสบาย
--ภาพจากร้าน KOBQ นิมมานปากซอย 11--
ยกตัวอย่างร้าน Rustic & Blue ที่สามีค้นพบโดยบังเอิญเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ประสบความสำเร็จมาก อินเตอร์ breakfast อร่อย หรือ Ristr8to ร้านกาแฟที่ก็ดังเว่อร์ และหรืออื่นๆ อีกหลายที่ (ร้านขจี เจ้าของคนเชียงใหม่ด้วยไหม)
--ภาพจากร้าน Rustic & Blue นิมมานซอย 7--
ไม่ใช่เฉพาะคนเชียงใหม่ที่เปิดร้านได้เข้าท่าและโดนใจ แต่ชาวต่างชาติที่ไปทำธุรกิจที่เชียงใหม่ก็เช่นกัน อาจเป็นเพราะวิถีเมือง / vibe ของเมืองที่มันชิวสบาย และ organic จนดึงดูดให้คนกลุ่มเดียวกันไปอยู่รวมกันก็ได้
อีกร้านที่ชอบมากคือร้าน Nana Bakery ถามพนักงานที่ร้านมาแล้ว ได้คำตอบว่าเค้ามีหลายสาขาใช้ชื่อต่างกันไป (หนึ่งในนั้นคือร้านที่ดังๆ จำชื่อไม่ได้ เปิดเฉพาะวันเสาร์และหมดเร็วมาก) ขนมปังเขาอร่อยมากและถูกเว่อร์จนงงว่าขายได้ยังไงถูกขนาดนี้และรสชาติดีและ authentic มากเหมือนทานที่ยุโรป (ครัวซองต์ตัวเล็กชิ้นละ 12 บาทเท่านั้น) อร่อยกว่า shop ในกรุงเทพฯ ที่มีสาขามาจากเมืองนอกจาก Maison Eric Kayser หรือ Paul นี่แปลว่าร้านขายขนมปังในกรุงเทพฯ ต้องฟันกำไรมากแน่ๆ แถมไม่อร่อยเท่า...อ่ะ กลับมาที่ร้าน Nana ต่อว่าทำไมเค้ารสชาติดี คำตอบคือเจ้าของร้านเป็นคนฝรั่งเศส ภรรยาไทย และเมื่อก่อนเขาเคยเปิดร้านอยู่ที่ฝรั่งเศสนั่นเองค่ะ เมื่อถึงบางอ้อร้องอ๋อ เราก็กลายเป็นขาประจำ ไปกาดฝรั่งแต่ละทีต้องแวะซื้อ ทันบ้างไม่ทันบ้างเพราะของหมดเร็ว
--ภาพจากร้าน Nana Bakery กาดฝรั่ง (หางดง)--
คุณสามีเทียบว่าเชียงใหม่สมัยนี้เหมือนซีแอทเทิลสมัยก่อนที่ฮีโตมา (สามีเป็นคนอเมริกันค่ะ) (แต่เขาบอกว่าซีแอทเทิลสมัยนี้จะเริ่มออกไปแนวนิวยอร์ค คือคนเร่งรีบ แข่งขันสูง และไม่ชิวเท่าเมื่อก่อนแล้ว) ขณะที่กรุงเทพฯ ทุกวันนี้ออกแนวนิวยอร์คหน่อยๆ หลายคนยึดถือวัตถุนิยม เลียนแบบกัน แก่งแย่งกันสูง ซึ่งนี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งหรือเปล่าที่ทำให้คนกรุงเทพฯ มีความคิดสร้างสรรค์น้อยกว่าและรังสรรค์งานได้ออกมาไม่เป็นปัจเจกเท่าคนเชียงใหม่ (นี่พูดถึงเฉพาะอาหาร)
ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่พูดมาทั้งหมดคือความคิดเห็นส่วนตัวของเรากับสามีล้วนๆ และเราเพียงอยากจะเชิญชวนให้เพื่อนๆ ทุกคนออกมาเที่ยวธรรมชาติและชื่นชมมัน ปลูกฝังลูกหลานที่บ้านให้รักธรรมชาติ ไม่ทำลาย เพราะแม้จะไม่ได้ด้วยเหตุผลอะไรเลยก็ตาม การได้สัมผัสธรรมชาติมันก็ดีในตัวของมันเองอยู่แล้ว เพราะมันสดชื่น มันไม่ต้องพยายาม มันธรรมชาติ