เมื่อแม่วัย 60 ชวนฉันไปเขาคิชฌกูฏกับขสมก อู่บางเขน



“อ้าว เขาคิชฌกูฏใกล้จะปิดอีกแล้ว ไปมั้ย...” เสียงของแม่ดังขึ้นมา

ในช่วงเวลาอาทิตย์สุดท้ายก่อนจะถึงพิธีปิดเขา

เอาวะไปก็ไป แล้ววันเดย์ทริปครั้งนี้ก็เริ่มขึ้น

สำหรับการเดินทางครั้งนี้ เราไปเขาคิชฌกูฏกับ ขสมก อู่บางเขน

เพราะมีเพื่อนเคยไปแล้ว จัดว่าเป็นทางเลือกที่ไม่เลว ราคาก็ถูกใครสนใจปีหน้าก็ข้อมูลตามภาพค่า


ปล. กระทู้นี้อาจจะมีแต่ภาพของจขกท.มากเกินไป เพราะตอนแรกตั้งใจถ่ายไว้อัพไอจีอย่างเดียว ไม่ได้คิดว่าจะมาทำรีวิว อย่าพึ่งรีบกดกากบาทขวาบนปิดค่า ไปด้วยกันก๊อนนนนนน ><


จนท.แจ้งเราตอนโทรไปจองที่นั่ง ให้เราไปถึงสัก 6 โมง รายงานตัวเสร็จก็ขึ้นไปนั่งบนรถได้เลย

แอร์เปิดรอพร้อมแล้ว เย็นตลอดทางจริงๆจ้า

รถจะแวะจอดทานข้าวเช้าระหว่างทางตอนช่วง 8 โมงกว่า



เราถึงจุดเช็คพอยท์แรก 11 โมงที่วัดเขาสุกิม แวะมาไหว้พระ หาซื้อของฝาก
ขึ้นรถรางหรือใครจะเดินขึ้นบันได ถ่ายรูปกับบันไดพญานาคสวยๆก็ไม่ว่ากัน
แค่ 200 กว่าขั้นเอ๊งง!!! ก๋วยเตี๋ยวที่วัดเขาสุกิมอร่อยสมคำโม้ของพี่ไกด์จริงๆค่ะ
ทานเสร็จก็ช่วยหย่อนกล่องอนุโมทนาตามศรัทธา



cr. เพจ ไหว้พระอู่บางเขน


ถึงเวลาต้องไปต่อที่วัดกระทิงกันแล้ว ก่อนขึ้นเขาคิชฌกูฎ เราต้องไปไหว้ขอพรหลวงพ่อเขียนก่อน

ท่านถือว่าเป็นผู้บุกเบิกและพัฒนาเขาคิชฌกูฎ จนได้รับขนานนามว่า "เทพเจ้าแห่งเขาคิชฌกูฎ"

หลังจากไหว้เอาฤกษ์เอาชัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ราวบ่ายโมง รถจะพาไปลงที่ลานวัดพลวง จุดที่จะต่อรถโฟร์วิลขึ้นเขาคิชฌกูฎ


“เข้าแถว แถวละ 12 คนเลยค่า” เสียงของเจ้าหน้าที่ดังขึ้น

(เพื่อนที่ไปมาแล้ว บอกทิปว่าให้ยืนหัวแถวจะได้นั่งในปิคอัพ เพราะจะเสียวน้อยกว่านั่งด้านนอก)

รีบพาแม่ไปยืน 2 คนแรกอย่างเร็วไว 555555

เสียงเจ้าหน้าที่ดังขึ้นอีกครั้งเพื่อแจ้งให้เรา ลงมาเจอกันข้างล่าง ตอน 4 โมงเย็น

ที่ลานวัดพลวงนี้มี แผ่นทอง ดอกดาวเรือง พลอย จำหน่าย ธูป เทียน จำหน่ายชุดละ 100.- บาท

ซื้อแค่ชุดเดียวก็พอค่ะ ขนาดใช้กัน 2 คนยังเหลือเลย ประหยัดๆเนาะ ^^

ในจุดนี้ เราต้องเตรียมค่าเข้าอุทยานคนละ 20.-บาท และค่ารถโฟร์วีล คนละ 200 สำหรับขึ้นลงเขา


เมื่อพร้อมแล้วก็ไปกันเล้ยยยยยยย
โปรดระวังทรัพย์สินอันมีค่าให้อยู่ในกระเป๋าดีดีค่ะ ถ้าตกไปไม่มีการจอดเด้ออ

เคยได้ยินแต่ว่าขึ้นเขาสูงมาก เหนื่อยมาก ประมาณ 1.2 กิโล
แต่ไม่เห็นมีใครเคยบอกว่า ตอนนั่งรถโฟร์วีลมันจะขนาดนี้
ขอยกให้เป็นจุดพีคของทริปนี้จริงๆ
กระเพาะกับล้ำไส้แทบจะบิดรวมกันเป็นเส้นเดียวแล้ว คุณพระ T_T /สวดมนต์รัวๆ
ขอบคุณภาพบรรยากาศจากยูทูบเลยค่ะ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เอาละ เมื่อรถจอดปุ้บ ก็นำดอกไม้ธูปเทียน ไหว้ตามจุดต่างๆให้เสร็จก่อนขึ้นเขา
เพราะพี่ทหารไม่ให้นำดอกไม้ขึ้นไป

ก็เข้าใจว่า จะได้ไม่ต้องเป็นขยะบนเขาและเป็นภาระให้ จนท.
ในการขนลงมา(แค่เดินเฉยๆยังเหนื่อยมากกกกก ช่วยๆกันดูแลเถอะค่ะ)


นำแค่แผ่นทอง พลอย ใส่กระเป๋าขึ้นเขาก็พอ
แวะติดทองตรงไหนก็เก็บเศษกระดาษใส่เป้ แล้วนำลงไปทิ้งข้างล่าง


มีจุดพัก จุดทำบุญ จุดถ่ายรูปและเก้าอี้มากมาย

ให้เราได้นั่งหอบลิ้นห้อยตลอดระหว่างทาง อย่าได้กังวลใจไปค่ะ





แม่อายุ 60 แล้วแต่ก็สู้ขาดใจ ไม่ท้อไม่ถอยย ยอมแล้ววววว 5555555555555555
ได้รูปคู่มาแค่รูปเดียวค่ะเพราะแม่ขี้เกียจถ่ายรูป แต่ก็ยังใจดียอมถ่ายรูปให้ลูกสาวตลอดทาง น่าร้ากกก

ถ้าคุณถึงจุดที่แจกน้ำตะไคร้ร้อน(ถ้าจำไม่ผิด) ยินดีด้วยค่ะ อีกอึดใจเดียวเราก็จะถึงขอบฟ้ากันแล้ว ผิด ! ><

ในที่สุด ใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง นั่งบ้าง เดินบ้างก็ถึงแล้วววววววว เย้ ยกขวดน้ำมาซดอีกครั้งให้ชื่นใจ แล้วไปกราบรอยพระบาทกันค่ะ



หลายๆครั้ง เราก็ต้องทำใจเมื่อเราไม่ได้ถ่ายรูปเอง แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีรูปเนอะ ^^


หลังจาก 4 โมงพี่ไกด์ก็รอคนลงจากเขาครบ แล้วรถก็ออกจากจันทบุรีมุ่งหน้ากลับกทม

สลบไสลกันไปทั้งคันยกเว้นคนขับ 55555
ตื่นมาอีกครั้งราวๆ 2 ทุ่ม เมื่อเค้าแวะให้ทานข้าวเย็น แล้วก็หลับยาวไปๆ

เกือบ 4 ทุ่มพอดี เสียงพี่ไกด์ก็ดังขึ้นปลุกเราอีกครั้ง ถึงกทม โดยสวัสดิภาพ ยิ้ม

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเดินทางกันมาถึงยอดเขานะคะ สำหรับกระทู้แรกถ้าผิดพลาดอะไรก็ขอโทษด้วยค่ะ พบกันใหม่.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่