มารีวิว เขาคิชฌกูฏ จันทบุรี วันที่ 02 มีนาคม 67
ขอเล่าประวัติก่อนสักหน่อย ยอดเขาคิชฌกูฏมีรอยพระพุทธบาทซึ่งเป็นที่เรียกกันทั่วไปว่า พระบาทเขาคิชฌกูฏ หรือ พระบาทพลวง ตั้งอยู่ที่ตำบลพลวง ตั้งอยู่ที่ตำบลพลวง กิ่งอำเภอเขาคิชฌกูฏ ห่างจากตัวจังหวัดทางทิศเหนือประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นที่ประดิษฐานของรอยพระพุทธบาทที่อยู่สูงที่สุดในประเทศไทย สูงกว่า 1,050 เมตร จากระดับน้ำทะเล ถือว่าสูงที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ
รายละเอียดงานนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ จันทบุรี เป็นประเพณีที่จัดขึ้นทุกปี เพื่อให้ประชาชนผู้ศรัทธาสามารถเดินทางขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทศักดิ์สิทธิ์ และขอพรเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง “รอยพระพุทธบาท” มีลักษณะเป็นรอยบนหินแผ่นใหญ่ มีรอยกว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร ค้นพบที่ยอดเขาที่ทำการอุทยานเขาคิชฌกูฏราว 4 กิโลเมตร โดยมีหินพระบาทขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณใกล้ ๆ โดยมีหลวงพ่อเขียน เป็นผู้ริเริ่ม และบุกเบิกเส้นทางในการขึ้นมานมัสการรอยพระพุทธบาทขึ้น
วิธีการเดินทางขึ้นไปบนเขาคิชฌกูฏ จะต้องขึ้นรถที่คิวรถวัดกะทิง และ คิวรถวัดพลวง ซึ่งคิวรถจะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
เมื่อถึงลานพระสีวลีแล้ว เราจะไหว้ขอพรพระสีวลีกันก่อน จากนั้นจึงเดินเท้าขึ้นบันไดอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงรอยพระพุทธบาท
เมื่อถึงรอยพระพุทธบาทแล้ว จะเดินเท้าอีกประมาณ 600 เมตรก็จะถึงลานผ้าแดง
สำหรับการเดินทางขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ (พระบาทพลวง) ประจำปี พ.ศ. 2567 มี 2 วิธี ดังนี้
1. ขึ้นรถ ที่คิวรถวัดกะทิง หรือ คิวรถวัดพลวง โดยค่าบริการรถที่ขึ้นยอดเขารวมไป-กลับ (200 บาทต่อคน)
2. เดินเท้า โดยเดินทางหน่วยพิทักษ์ฯ ที่ คก.1 (พระบาทพลวง) ซึ่งใช้เวลาในการเดิน 5-8 ชั่วโมง
และมีค่าเข้าอุทยานท่านละ 40 บาท
เล่าประวัติมาตั้งเยอะถึงตอนการมารีวิวบริการรถขึ้นเขา ตั้งแต่ใช้คิวบริการรถวัดพลวงมาตั้งหลายครั้ง มีรอบนี้วันนี้ (หลังเกิดอุบัติเหตุ) ขับช้าลงเยอะมากใช้เวลามากขึ้น นุ่มนวลและรู้สึกดีมากขึ้น ต่างจากครั้งก่อนๆ
ขาขึ้น ในอดีตก็ขับกันแทบจะเหวี่ยงคนนั่งปิดท้ายรถกระบะ เหวี่ยงซะจนแทบจะตกรถกันเลยทีเดียว ก็ไม่แปลกถ้าจะมีเสียงกรี๊ดดดด เพราะมันช่วยให้ปลดปล่อยได้จริงๆ...ปัจจุบันขับขึ้นนิ่มมาก รถมีเหวี่ยงบ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนในอดีตแล้วหล่ะ
ขาลง ในอดีตก็เบรคซะจนตัวโก่งจนคนนั่งในสุดอัดไปจนแบนเป็นปลากระป๋องปุ้มปุ้ย...ล่าสุดภาพเหล่านี้ไม่มีให้เห็นแล้ว (ในคันที่ผมนั่งนะ)
หลายคนสงสัยเรื่องยางแบบ สปอร์ต ที่รถหลายๆคันนำมาใช้ ในวันที่ผมไป ได้เดินสำรวจพบว่าใช้กันหลายคันมาก ซึ่งมีผลกับการยึดเกาะถนนหรือไม่นั้น ของดเว้นการเสนอความคิดในกระทู้นี้นะครับ
เอาเป็นว่าหลังจาก จนท.ได้มีประชุมกัน (จากคำบอกเล่าของชาวบ้านแถวนั้น) ผมรู้สึกว่าครั้งนี้นั่งรถแล้วรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นกว่าปีก่อนๆในการใช้บริการนะ (ผมไปมาแล้ว 6 ครั้ง)
นั่งรถขึ้น "เขาคิชฌกูฏ" อันตรายจริงหรือ?
ขอเล่าประวัติก่อนสักหน่อย ยอดเขาคิชฌกูฏมีรอยพระพุทธบาทซึ่งเป็นที่เรียกกันทั่วไปว่า พระบาทเขาคิชฌกูฏ หรือ พระบาทพลวง ตั้งอยู่ที่ตำบลพลวง ตั้งอยู่ที่ตำบลพลวง กิ่งอำเภอเขาคิชฌกูฏ ห่างจากตัวจังหวัดทางทิศเหนือประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นที่ประดิษฐานของรอยพระพุทธบาทที่อยู่สูงที่สุดในประเทศไทย สูงกว่า 1,050 เมตร จากระดับน้ำทะเล ถือว่าสูงที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ
รายละเอียดงานนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ จันทบุรี เป็นประเพณีที่จัดขึ้นทุกปี เพื่อให้ประชาชนผู้ศรัทธาสามารถเดินทางขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทศักดิ์สิทธิ์ และขอพรเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง “รอยพระพุทธบาท” มีลักษณะเป็นรอยบนหินแผ่นใหญ่ มีรอยกว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร ค้นพบที่ยอดเขาที่ทำการอุทยานเขาคิชฌกูฏราว 4 กิโลเมตร โดยมีหินพระบาทขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณใกล้ ๆ โดยมีหลวงพ่อเขียน เป็นผู้ริเริ่ม และบุกเบิกเส้นทางในการขึ้นมานมัสการรอยพระพุทธบาทขึ้น
วิธีการเดินทางขึ้นไปบนเขาคิชฌกูฏ จะต้องขึ้นรถที่คิวรถวัดกะทิง และ คิวรถวัดพลวง ซึ่งคิวรถจะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
เมื่อถึงลานพระสีวลีแล้ว เราจะไหว้ขอพรพระสีวลีกันก่อน จากนั้นจึงเดินเท้าขึ้นบันไดอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงรอยพระพุทธบาท
เมื่อถึงรอยพระพุทธบาทแล้ว จะเดินเท้าอีกประมาณ 600 เมตรก็จะถึงลานผ้าแดง
สำหรับการเดินทางขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ (พระบาทพลวง) ประจำปี พ.ศ. 2567 มี 2 วิธี ดังนี้
1. ขึ้นรถ ที่คิวรถวัดกะทิง หรือ คิวรถวัดพลวง โดยค่าบริการรถที่ขึ้นยอดเขารวมไป-กลับ (200 บาทต่อคน)
2. เดินเท้า โดยเดินทางหน่วยพิทักษ์ฯ ที่ คก.1 (พระบาทพลวง) ซึ่งใช้เวลาในการเดิน 5-8 ชั่วโมง
และมีค่าเข้าอุทยานท่านละ 40 บาท
เล่าประวัติมาตั้งเยอะถึงตอนการมารีวิวบริการรถขึ้นเขา ตั้งแต่ใช้คิวบริการรถวัดพลวงมาตั้งหลายครั้ง มีรอบนี้วันนี้ (หลังเกิดอุบัติเหตุ) ขับช้าลงเยอะมากใช้เวลามากขึ้น นุ่มนวลและรู้สึกดีมากขึ้น ต่างจากครั้งก่อนๆ
ขาขึ้น ในอดีตก็ขับกันแทบจะเหวี่ยงคนนั่งปิดท้ายรถกระบะ เหวี่ยงซะจนแทบจะตกรถกันเลยทีเดียว ก็ไม่แปลกถ้าจะมีเสียงกรี๊ดดดด เพราะมันช่วยให้ปลดปล่อยได้จริงๆ...ปัจจุบันขับขึ้นนิ่มมาก รถมีเหวี่ยงบ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนในอดีตแล้วหล่ะ
ขาลง ในอดีตก็เบรคซะจนตัวโก่งจนคนนั่งในสุดอัดไปจนแบนเป็นปลากระป๋องปุ้มปุ้ย...ล่าสุดภาพเหล่านี้ไม่มีให้เห็นแล้ว (ในคันที่ผมนั่งนะ)
หลายคนสงสัยเรื่องยางแบบ สปอร์ต ที่รถหลายๆคันนำมาใช้ ในวันที่ผมไป ได้เดินสำรวจพบว่าใช้กันหลายคันมาก ซึ่งมีผลกับการยึดเกาะถนนหรือไม่นั้น ของดเว้นการเสนอความคิดในกระทู้นี้นะครับ
เอาเป็นว่าหลังจาก จนท.ได้มีประชุมกัน (จากคำบอกเล่าของชาวบ้านแถวนั้น) ผมรู้สึกว่าครั้งนี้นั่งรถแล้วรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นกว่าปีก่อนๆในการใช้บริการนะ (ผมไปมาแล้ว 6 ครั้ง)