รีวิว Ready Player One : สงครามเกมคนอัจฉริยะ
สนุกโฮกกกก เพลิดเพลินและบันเทิงอย่างที่สุด
[**No Spoil ไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ]
สมศักดิ์ศรีพ่อมดแห่งฮอลลีวูด "สตีเว่น สปีลเบิร์ก"
กับการร่ายมนต์สร้างสรรค์ผลงานสุดเจ๋ง สุดคูล
สุดแฟนตาซีอย่าง Ready Player One เรื่องนี้
เป็นหนังที่ดูแล้วโคตรบันเทิง และโคตรฟิน
ทั้งงานภาพ แสง สี เสียง และการดำเนินเรื่อง
มันลงตัวเหมาะเจาะมาก ๆ กับโลกเสมือนจริง
ที่เอาใจคอหนัง คอเกม ยุค 80 อย่างที่สุด
เรื่องย่อคร่าวๆ
เมื่อสังคมโลกอนาคตในปี 2045 กำลังเน่าเฟะ
ผู้คนต่างหลบหนีความจริงมาสู่โลกแห่งเกม
ที่มีชื่อว่า "โอเอซิส" (ไม่ใช่วงดนตรีนะ..)
ที่โอเอซิส เราจะเป็นใครก็ได้ ไม่ว่าชายหรือหญิง
ทำอะไรก็ได้ตามต้องการ ด้วยร่างอวตารของเรา
มันสามารถมอบชีวิตที่ในโลกจริงเราไม่อาจมีได้
แล้ววันหนึ่ง เมื่อเจ้าของผู้สร้าง "โอเอซิส"
ได้เสียชีวิตลงและประกาศข่าวสำคัญสะเทือนโลก
ว่าเขาจะมอบทรัพย์สินของบริษัททั้งหมดของเขา
มูลค่ากว่า 5 แสนล้านดอลลาร์
และรวมไปถึงอำนาจในการดูแลโลกเสมือนจริงนี้
ให้แก่ผู้ที่ตามหา Easter Eggs ที่เป็นกุญแจ 3 ดอก
ที่เขาซ่อนไว้ในดิโอเอซิสได้สำเร็จ
และแน่นอน เมื่อมีหนทางในการไขว่คว้าอำนาจ
ก็ย่อมมีคนมากมายที่หมายปองอำนาจนั้นไว้ในมือ
ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนเลว
จึงเป็นที่มาของเรื่องราวที่งหมดในเรื่องนี้
กับภารกิจที่ต้องป้องกันไม่ให้โอเอซิส
ต้องตกอยู่ในมือของพวกคนชั่ว !!
#จุดที่เราชอบในหนังเรื่องนี้
หนังความยาว 140 นาที แต่ดำเนินเรื่องได้ดีมาก
ทำให้เราอยากติดตาม และไม่เบื่อเลยแม้แต่น้อย
เหมือนดึงเราเข้าไปอยู่ในโอเอซิสนั้นด้วยเลย
เราชอบเซอร์วิส เอาใจแฟนหนัง แฟนเกมยุคเก่า
ที่ใส่มาเยอะมากๆ ชนิดที่ว่าวัยรุ่นที่อยู่ในยุค 80
จะฟินกันหนักมากกับ Easter Eggs ต่างๆ ในหนัง
รวมถึงเพลงในยุค 80 ก็มากันแบบจัดเต็มไม่แพ้กัน
และถึงแม้เราจะเกิดไม่ทันยุคนั้น
นับเฉพาะแค่ส่วนของตัวของหนังเท่านั้น
ก็ไม่ทำให้อรรถรสในการรับชมลดน้อยลงไปเลย
ตัวบทหนังก็ทำได้ดีมากเช่นกัน
มันไม่ใช่แค่หนังที่เข้าไปสู้กันในโลกเสมือนจริง
แต่มันมีเหตุผล มีที่มาที่ไปมากกว่าที่จะเป็นแค่เกม
และหนังมีแง่คิดที่แฝงเอาไว้ได้ดีเลยทีเดียว
ระหว่างโลกเสมือนจริง กับโลกแห่งความจริง
และตอนจบก็แลนดิ้งลงได้อย่างสวยงามมากๆ
#จุดที่ขัดใจในหนังเล็กๆน้อยๆ
ด้วยความที่หนังมีรายละเอียดเยอะมาก
และจำเป็นต้องคุมเวลาให้มันไม่มากจนเกินไป
ทำให้หลายๆ ซีน ยังดึงอารมณ์ออกมาได้ไม่สุด
ต้องตัดฉากไปแบบน่าเสียดาย
รวมไปถึงหลายๆ ฉาก มันดูง่ายและบังเอิญเกินไป
แต่ถ้าถามว่า มันขัดกับอารมณ์ในการรับชมหรือไม่
ก็บอกได้เลยว่า ยังไงก็ดูได้สนุกอยู่ดีครับ
สรุป.. ชอบมากๆๆๆ เกินกว่าที่คาดหวังไว้เยอะ
เป็นเรื่องที่แนะนำและเชิญชวนให้ไปดูกันเลย
ถึงไม่ใช่คอเกม คอหนังเก่าๆ ก็ดูสนุกได้ครับ
ถ้าไม่สนุกออกไปด่า พนักงานหน้าโรงได้เลย
ส่วนตัวเราแล้วชอบระดับที่ว่า
จะเข้าไปดูอีกรอบในโรงอย่างแน่นอนครับ ^^
“รสนิยมการดูหนังแต่ละคน ไม่เหมือนกัน
ถ้าคุณคิดว่าใช่ พิสูจน์ด้วยตาของคุณเองดีที่สุด
แล้วอย่าลืมกลับมาคุยกันนะครับ ^^”
.
.
.
Facebook : ก็แค่คนชอบดูหนัง
[CR] [ก็แค่คนชอบดูหนัง] Ready Player One : คอหนัง เพลง เกม การ์ตูน ยุค 80 ห้ามพลาดเลย [**No Spoil]
รีวิว Ready Player One : สงครามเกมคนอัจฉริยะ
สนุกโฮกกกก เพลิดเพลินและบันเทิงอย่างที่สุด
[**No Spoil ไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ]
สมศักดิ์ศรีพ่อมดแห่งฮอลลีวูด "สตีเว่น สปีลเบิร์ก"
กับการร่ายมนต์สร้างสรรค์ผลงานสุดเจ๋ง สุดคูล
สุดแฟนตาซีอย่าง Ready Player One เรื่องนี้
เป็นหนังที่ดูแล้วโคตรบันเทิง และโคตรฟิน
ทั้งงานภาพ แสง สี เสียง และการดำเนินเรื่อง
มันลงตัวเหมาะเจาะมาก ๆ กับโลกเสมือนจริง
ที่เอาใจคอหนัง คอเกม ยุค 80 อย่างที่สุด
เรื่องย่อคร่าวๆ
เมื่อสังคมโลกอนาคตในปี 2045 กำลังเน่าเฟะ
ผู้คนต่างหลบหนีความจริงมาสู่โลกแห่งเกม
ที่มีชื่อว่า "โอเอซิส" (ไม่ใช่วงดนตรีนะ..)
ที่โอเอซิส เราจะเป็นใครก็ได้ ไม่ว่าชายหรือหญิง
ทำอะไรก็ได้ตามต้องการ ด้วยร่างอวตารของเรา
มันสามารถมอบชีวิตที่ในโลกจริงเราไม่อาจมีได้
แล้ววันหนึ่ง เมื่อเจ้าของผู้สร้าง "โอเอซิส"
ได้เสียชีวิตลงและประกาศข่าวสำคัญสะเทือนโลก
ว่าเขาจะมอบทรัพย์สินของบริษัททั้งหมดของเขา
มูลค่ากว่า 5 แสนล้านดอลลาร์
และรวมไปถึงอำนาจในการดูแลโลกเสมือนจริงนี้
ให้แก่ผู้ที่ตามหา Easter Eggs ที่เป็นกุญแจ 3 ดอก
ที่เขาซ่อนไว้ในดิโอเอซิสได้สำเร็จ
และแน่นอน เมื่อมีหนทางในการไขว่คว้าอำนาจ
ก็ย่อมมีคนมากมายที่หมายปองอำนาจนั้นไว้ในมือ
ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนเลว
จึงเป็นที่มาของเรื่องราวที่งหมดในเรื่องนี้
กับภารกิจที่ต้องป้องกันไม่ให้โอเอซิส
ต้องตกอยู่ในมือของพวกคนชั่ว !!
#จุดที่เราชอบในหนังเรื่องนี้
หนังความยาว 140 นาที แต่ดำเนินเรื่องได้ดีมาก
ทำให้เราอยากติดตาม และไม่เบื่อเลยแม้แต่น้อย
เหมือนดึงเราเข้าไปอยู่ในโอเอซิสนั้นด้วยเลย
เราชอบเซอร์วิส เอาใจแฟนหนัง แฟนเกมยุคเก่า
ที่ใส่มาเยอะมากๆ ชนิดที่ว่าวัยรุ่นที่อยู่ในยุค 80
จะฟินกันหนักมากกับ Easter Eggs ต่างๆ ในหนัง
รวมถึงเพลงในยุค 80 ก็มากันแบบจัดเต็มไม่แพ้กัน
และถึงแม้เราจะเกิดไม่ทันยุคนั้น
นับเฉพาะแค่ส่วนของตัวของหนังเท่านั้น
ก็ไม่ทำให้อรรถรสในการรับชมลดน้อยลงไปเลย
ตัวบทหนังก็ทำได้ดีมากเช่นกัน
มันไม่ใช่แค่หนังที่เข้าไปสู้กันในโลกเสมือนจริง
แต่มันมีเหตุผล มีที่มาที่ไปมากกว่าที่จะเป็นแค่เกม
และหนังมีแง่คิดที่แฝงเอาไว้ได้ดีเลยทีเดียว
ระหว่างโลกเสมือนจริง กับโลกแห่งความจริง
และตอนจบก็แลนดิ้งลงได้อย่างสวยงามมากๆ
#จุดที่ขัดใจในหนังเล็กๆน้อยๆ
ด้วยความที่หนังมีรายละเอียดเยอะมาก
และจำเป็นต้องคุมเวลาให้มันไม่มากจนเกินไป
ทำให้หลายๆ ซีน ยังดึงอารมณ์ออกมาได้ไม่สุด
ต้องตัดฉากไปแบบน่าเสียดาย
รวมไปถึงหลายๆ ฉาก มันดูง่ายและบังเอิญเกินไป
แต่ถ้าถามว่า มันขัดกับอารมณ์ในการรับชมหรือไม่
ก็บอกได้เลยว่า ยังไงก็ดูได้สนุกอยู่ดีครับ
สรุป.. ชอบมากๆๆๆ เกินกว่าที่คาดหวังไว้เยอะ
เป็นเรื่องที่แนะนำและเชิญชวนให้ไปดูกันเลย
ถึงไม่ใช่คอเกม คอหนังเก่าๆ ก็ดูสนุกได้ครับ
ถ้าไม่สนุกออกไปด่า พนักงานหน้าโรงได้เลย
ส่วนตัวเราแล้วชอบระดับที่ว่า
จะเข้าไปดูอีกรอบในโรงอย่างแน่นอนครับ ^^
“รสนิยมการดูหนังแต่ละคน ไม่เหมือนกัน
ถ้าคุณคิดว่าใช่ พิสูจน์ด้วยตาของคุณเองดีที่สุด
แล้วอย่าลืมกลับมาคุยกันนะครับ ^^”
.
.
.
Facebook : ก็แค่คนชอบดูหนัง