Review: Ready Player One (Steven Spielberg, 2018) เขียนโดย Form Corleone

Ready Player One (Steven Spielberg, 2018) คะแนน B+


By Form Corleone

"ผสมเรื่องราวและร้อยเรียงอิทธิพลยุค 80's ให้คนรุ่นหลังได้ซึมซับอย่างสนุกสนาน" เราเกิดไม่ทันยุค 80 แต่อิทธิพลต่างๆจากยุคนั้นส่งผ่านมาถึงคนรุ่นเราที่อยู่ในยุค 90 สมัยเป็นเด็กน้อยได้อย่างแน่นอน มุมหนึ่งหนังพาเราย้อนกลับไปพบวัฒนธรรมยอดฮิตของคนในสมัยก่อนผสมความก้าวล้ำของเทคโนโลยีได้อย่างแนบเนียน ความคลาสิคของเกมวิดีโอผสมความล้ำสมัยในโลกอนาคตปี 2045 สอดแทรกวัฒนธรรมป๊อปยุค 80 จนถึงยุคปัจจุบันได้อย่างแยบยล สิ่งที่ไม่น่าแปลกใจเลยคืองานนี้เป็นผลงานของผู้กำกับ 'สตีเวน สปีลเบิร์ก' เพราะดูจะไม่มีใครเหมาะเท่านี้อีกแล้วในความเป็นป็อปยุค 80 เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า 'สปีลเบิร์ก' ถือเป็นผู้กำกับที่มีอิทธิพลอย่างมากที่สุดคนหนึ่งของโลกในยุคนั้น และเมื่องานนี้อยู่ในมือผู้กำกับที่เติบโตและยิ่งใหญ่มากๆในเวลาดังกล่าว ความพิเศษพร้อมกลิ่นไอความสนุกสนานเสมือนเราย้อนเวลากลับไปดูภาพยนตร์สมัยก่อนแต่ล้ำหน้าไปด้วยงานภาพ+วิชวลเอฟเฟคที่ทันสมัย ความปิติยินดีตลอดความยาว 2 ชั่วโมง 20 นาที จึงไม่มีส่วนไหนสร้างความเบื่อหน่ายได้เลย แม้ว่าบางช่วงขณะตัวหนังจะมีช่องว่างและบทภาพยนตร์ที่ไม่แข็งแรงอยู่ก็ตาม


ประเด็นที่น่าสนใจใน 'Ready Player One' คือการสร้างโลกความจริงที่เลวร้ายและเสื่อมโทรมเสมือนกองขยะ ผู้คนอาศัยอยู่ในตึกเก่าหรือสิ่งผุพังต่างๆ ทำให้คนส่วนมากเลือกที่จะอาศัยชีวิตอยู่ในโลกออนไลน์เสมือนจริงที่เรียกว่า 'ดิ โอเอซิส' ส่วนหนึ่งที่ขาดหายไปคือตัวภาพยนตร์นั้นไม่ได้สะท้อนปัญหาของความเสื่อมโทรมว่าเกิดจากอะไรและไม่ได้ให้คำตอบว่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวในโลกความจริงอย่างมีประสิทธิภาพได้แบบไหน หนังเพียงโฟกัสไปที่ประเด็นของโลกเสมือนและการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในการครอบครองควบคุมโลกเสมือนเป็นสำคัญ ทำให้น้ำหนักของเรื่องในโลกจริงกับโลกเสมือนดูจะไม่สมดุลกันมากนัก แต่ถ้ามองภาพรวมทั้งหมดแล้วนั้นตัวงานสามารถให้ประเด็นอย่างตรงไปตรงมาและชัดเจนพอตัว จนสามารถจบเรื่องได้อย่างสมบูรณ์ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีภาคแยกหรือภาคต่อแต่อย่างใด เราจึงชอบที่หนังมีทางลงให้ตัวเองได้อย่างดี


อย่างไรก็ตาม ถ้างานนี้มีภาคต่อก็คงถือเป็นกำไร แต่ถ้ามีภาคต่อแล้ว 'สปีลเบิร์ก' ไม่ได้มากำกับเองก็คงจะตัวใครตัวมันแน่นอน เพราะตัวงานมีรายละเอียดมากมายและทำได้ยากมากๆ ในการผสมตัวละครต่างๆที่เสมือนเป็นไอคอนของเด็กๆผ่านช่วงอายุโดยไม่เสียของหรือหมดคุณค่าลงไป ต้องอาศัยบารมีอย่างมากในความกล้าหยิบของเก่าที่เป็นตำนานมาปู้ยี่ปู้ยำจนสนุกได้ขนาดนี้ เพราะถ้าทำไม่ดีคงจะโดนฐานแฟนคลับถล่มยับแน่นอน ซึ่งสำหรับ 'Ready Player One' มีความพิถีพิถันและเคารพต่อความคลาสสิคในสิ่งเหล่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัย และน่าจะทำให้ใครหลายๆคนหวนคิดถึงความหลัง สำหรับเรา จึงคิดว่าตัวภาพยนตร์มันสมบูรณ์พร้อมและถ้าจะดูอีกครั้งก็ยังสนุกและได้รับอารมณ์ความรู้สึกเก่าๆที่ลอยผ่านยุคสมัยมาได้ไม่ยาก ง่ายๆคือมันมีอะไร 'เซอร์ไพรส์' ที่เยอะมาก และมันทำให้เรายิ้ม+หัวเราะตามไปได้ในความเซอร์ไพรส์เหล่านั้น


ท้ายสุด 'Ready Player One' คือภาพยนตร์ที่สนุกสนานอย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีช่องว่างของเหตุและผลหลายๆอย่างที่ขัดจังหวะอารมณ์ตอนรับชม จนไปถึงความรวดเร็วในฉากอารมณ์ของตัวละครที่มักจะไม่ค่อยทิ้งระยะให้คนดูเท่าไหร่ แต่เพราะความเพลิดเพลินผนวกความสวยความของงานภาพและความคลาสสิคที่มาสร้างเซอร์ไพรส์อยู่เป็นระยะๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงสร้างความอิ่มเอมในใจและทำให้เราหวนคิดถึงยุคสมัยก่อนหน้าที่เราจะเกิดและยุคสมัยที่เราเกิด พร้อมทั้งปัจจุบันที่เราอาศัยอยู่ไปพร้อมๆกัน สรุปสุดท้าย พาหัวใจในวัยเด็กเข้าไปดูแล้วปล่อยให้หนังพาไปอย่างไม่จ้องจับผิดมากนักในความบังเอิญต่างๆของหนัง เราคิดว่า 'Ready Player One' น่าจะเป็นหนึ่งในหนังที่ดูสนุกที่สุดเรื่องหนึ่งของ 'สปีลเบิร์ก' ในรอบหลายปีและอาจเข้าไปอยู่ในใจของใครหลายๆคน (ภาพยนตร์ไม่เหมาะกับการนั่งชมอยู่ที่บ้านแต่อย่างใด จอยักษ์เท่านั้นที่จะพาเราเข้าไปอยู่ในโลกเสมือน 'ดิ โอเอซิส' พร้อมตัวละคร...)


ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ ยิ้ม

ตัวอย่างหนัง
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่