ฤดูการชมซากุระในญี่ปุ่นมาถึงแล้ว นักท่องเที่ยวมากมายสร้างรายได้ให้ญี่ปุ่นมากกว่า 1.15 ล้านล้านบาทต่อปี แต่ก็สร้างปัญหาไม่น้อยในหลายด้าน ทั้งความแออัดและการรบกวนชีวิตของชาวบ้าน
เดือนมีนาคม-เมษายนเป็นฤดูการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้ข้อมูลว่า การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้วว่าสูงเกิน 4 ล้านล้านเยนหรือกว่า 1.15 ล้านล้านบาท ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 แล้ว
ตัวเลขค่าใช้จ่ายที่สูงเป็นประวัติการณ์นี้เป็นผลมาจากการที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามายังญี่ปุ่นประมาณ 28.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 19 เมื่อเทียบแบบปีต่อปี
รัฐบาลญี่ปุ่นพึงพอใจอย่างยิ่งกลับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุบสถิติ และตั้งเป้าให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนญี่ปุ่นมากถึง 40 ล้านคนภายในปี 2020 และตั้งเป้าหมายที่จะให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติใช้จ่ายเพิ่มเป็น 2 เท่า หรือเพิ่มเป็นปีละ 8 ล้านล้านเยน
มลภาวะทางการท่องเที่ยว
ในอีกด้านหนึ่ง นักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมาญี่ปุ่นนั้นก็ได้สร้าง “มลภาวะทางการท่องเที่ยว” หลายพื้นที่ตระหนักว่าถึงขีดสุดในการรองรับนักท่องเที่ยว เช่น เมืองคามาคุระ ที่มี “หลวงพ่อโต” พระพุทธรูปสำคัญเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม แต่ทุกวันนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนไม่น้อยได้ค้นพบจุดดึงดูดใหม่ คือ บนทางรถไฟด้านหน้าสถานี “คามาคุระโคโค มะเอะ” ซึ่งนักท่องเที่ยวได้ลงไปในเส้นทางรถไฟเพื่อถ่ายรูป เนื่องจากเป็นฉากหลังของการ์ตูนดังเรื่อง “Slam Dunk”
คามาคุระมีประชากรเพียง 170,000 คน แต่นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติมาเยือนที่นี่มากกว่า 20 ล้านคนต่อปี จำนวนนักท่องเที่ยวอันมากมายทำให้การจราจรติดขัด และขบวนรถไฟแน่นเอี๊ยด จนชาวเมืองหลายคนต้องยอมเดินเท้ากลับบ้าน
นักท่องเที่ยวหลายคนบุกรุกเข้าไปในสถานที่ต่างๆ เพื่อถ่ายภาพทั้งกลางรางรถไฟ, บ้านเรือน และแม้แต่สุสาน โดยขาดความเคารพ
ข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นพบว่า นักท่องเที่ยวจีนยังคงเดินทางมาญี่ปุ่นมากเป็นอันดับ 1 ในปีที่แล้วมากกว่า 7 ล้าน 3 แสนคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.4 จากปีก่อนเนื่องจากนโยบายผ่อนผันวีซ่า และการเพิ่มจำนวนสายการบินราคาประหยัด และเรือสำราญจากจีนมาญี่ปุ่น รองลงมาเป็นนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้, ไต้หวัน, ฮ่องกง และประเทศไทย ขณะที่นักท่องเที่ยวจากสหรัฐและออสเตรเลียมาเยือนญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 10
รูปแบบการท่องเที่ยวก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่มาเป็นคณะทัวร์ แต่ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวมาเยือนญี่ปุ่นด้วยตัวเองมากขึ้น การ “ซื้อแหลก” ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นการสัมผัสประสบการณ์แบบพิเศษ เช่น สวมชุดกิโมโน และเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น
ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นระบุว่า ปัญหา “มลภาวะทางการท่องเที่ยว” เกิดขึ้นกับเมืองสำคัญทั่วโลก ในอิตาลีและสเปนถึงขั้นเคยมีชาวบ้านประท้วงนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมามากมาย รัฐบาลญี่ปุ่นจึงควรเพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวตระหนักเรื่องมารยาทและเคารพวิถีชีวิตท้องถิ่น ส่วนชาวญี่ปุ่นเองก็ควรปรับตัวและเปิดใจ ขณะที่ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็จะต้องมีมาตรการบริหารจัดการเพื่อให้นักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นอยู่ร่วมกันได้แบบ “ถ้อยทีถ้อยอาศัย” และสมประโยชน์กันทุกฝ่าย.
ข่าวจาก : MGR Online
https://mgronline.com/japan/detail/9610000029624
ญี่ปุ่นเผชิญ “มลภาวะการท่องเที่ยว” เลือก “เงิน” หรือ “ความสงบสุข”
ฤดูการชมซากุระในญี่ปุ่นมาถึงแล้ว นักท่องเที่ยวมากมายสร้างรายได้ให้ญี่ปุ่นมากกว่า 1.15 ล้านล้านบาทต่อปี แต่ก็สร้างปัญหาไม่น้อยในหลายด้าน ทั้งความแออัดและการรบกวนชีวิตของชาวบ้าน
เดือนมีนาคม-เมษายนเป็นฤดูการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้ข้อมูลว่า การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้วว่าสูงเกิน 4 ล้านล้านเยนหรือกว่า 1.15 ล้านล้านบาท ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 แล้ว
ตัวเลขค่าใช้จ่ายที่สูงเป็นประวัติการณ์นี้เป็นผลมาจากการที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามายังญี่ปุ่นประมาณ 28.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 19 เมื่อเทียบแบบปีต่อปี
รัฐบาลญี่ปุ่นพึงพอใจอย่างยิ่งกลับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุบสถิติ และตั้งเป้าให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนญี่ปุ่นมากถึง 40 ล้านคนภายในปี 2020 และตั้งเป้าหมายที่จะให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติใช้จ่ายเพิ่มเป็น 2 เท่า หรือเพิ่มเป็นปีละ 8 ล้านล้านเยน
มลภาวะทางการท่องเที่ยว
ในอีกด้านหนึ่ง นักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมาญี่ปุ่นนั้นก็ได้สร้าง “มลภาวะทางการท่องเที่ยว” หลายพื้นที่ตระหนักว่าถึงขีดสุดในการรองรับนักท่องเที่ยว เช่น เมืองคามาคุระ ที่มี “หลวงพ่อโต” พระพุทธรูปสำคัญเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม แต่ทุกวันนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนไม่น้อยได้ค้นพบจุดดึงดูดใหม่ คือ บนทางรถไฟด้านหน้าสถานี “คามาคุระโคโค มะเอะ” ซึ่งนักท่องเที่ยวได้ลงไปในเส้นทางรถไฟเพื่อถ่ายรูป เนื่องจากเป็นฉากหลังของการ์ตูนดังเรื่อง “Slam Dunk”
คามาคุระมีประชากรเพียง 170,000 คน แต่นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติมาเยือนที่นี่มากกว่า 20 ล้านคนต่อปี จำนวนนักท่องเที่ยวอันมากมายทำให้การจราจรติดขัด และขบวนรถไฟแน่นเอี๊ยด จนชาวเมืองหลายคนต้องยอมเดินเท้ากลับบ้าน
นักท่องเที่ยวหลายคนบุกรุกเข้าไปในสถานที่ต่างๆ เพื่อถ่ายภาพทั้งกลางรางรถไฟ, บ้านเรือน และแม้แต่สุสาน โดยขาดความเคารพ
ข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นพบว่า นักท่องเที่ยวจีนยังคงเดินทางมาญี่ปุ่นมากเป็นอันดับ 1 ในปีที่แล้วมากกว่า 7 ล้าน 3 แสนคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.4 จากปีก่อนเนื่องจากนโยบายผ่อนผันวีซ่า และการเพิ่มจำนวนสายการบินราคาประหยัด และเรือสำราญจากจีนมาญี่ปุ่น รองลงมาเป็นนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้, ไต้หวัน, ฮ่องกง และประเทศไทย ขณะที่นักท่องเที่ยวจากสหรัฐและออสเตรเลียมาเยือนญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 10
รูปแบบการท่องเที่ยวก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่มาเป็นคณะทัวร์ แต่ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวมาเยือนญี่ปุ่นด้วยตัวเองมากขึ้น การ “ซื้อแหลก” ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นการสัมผัสประสบการณ์แบบพิเศษ เช่น สวมชุดกิโมโน และเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น
ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นระบุว่า ปัญหา “มลภาวะทางการท่องเที่ยว” เกิดขึ้นกับเมืองสำคัญทั่วโลก ในอิตาลีและสเปนถึงขั้นเคยมีชาวบ้านประท้วงนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมามากมาย รัฐบาลญี่ปุ่นจึงควรเพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวตระหนักเรื่องมารยาทและเคารพวิถีชีวิตท้องถิ่น ส่วนชาวญี่ปุ่นเองก็ควรปรับตัวและเปิดใจ ขณะที่ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็จะต้องมีมาตรการบริหารจัดการเพื่อให้นักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นอยู่ร่วมกันได้แบบ “ถ้อยทีถ้อยอาศัย” และสมประโยชน์กันทุกฝ่าย.
ข่าวจาก : MGR Online
https://mgronline.com/japan/detail/9610000029624