[BNK48] มายด์ BNK48 ''ไอดอลสาวที่เดินทางไกลจากโคราช เพื่อเก็บเงินสร้างบ้านให้ครอบครัว''

ชวนทุกคนมาอ่าน บทสัมภาษณ์ของน้องมายด์ จาก The standard กันค่ะ^^


อันนี้เราจะยกแค่บางส่วนของบทความมานะ ดอกไม้



HIGHLIGHTS:
จุดเริ่มต้นที่ทำให้มายด์รู้สึกว่าตัวเองร้องเพลงได้ คือการร้องเพลง ‘เด็กดอยใจดี’ ของน้องมายด์ ป่วนเมือง ศิลปินชื่อเดียวกันที่มายด์เริ่มฟังจนติดหูมาตั้งแต่เด็ก
จุดอ่อนที่มายด์ค้นพบ คือชอบเสียสมาธิเพราะมัวแต่มองสายตาที่คนอื่นมองเข้ามา และเคยกลัวสมาชิกแก๊งชราไลน์เพราะไม่กล้าที่จะเข้าไปทำความรู้จัก จนเมื่อมีเวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มายด์ก็รู้ทันทีว่าทั้งหมดนั้นเธอคิดไปเอง และไม่มีใครที่จะมองและทำให้มายด์เสียสมาธิได้มากเท่าตัวเองอีกแล้ว
ความฝันสูงสุดในการเข้ามาเป็นไอดอลของมายด์คือการเก็บเงินเพื่อสร้างบ้านให้กับครอบครัว


หลังจากมีโอกาสพูดคุยกับสมาชิกวง BNK48 มาหลายคน THE STANDARD พบว่าจุดร่วมอย่างหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือความฝันที่จะพัฒนาตัวเองให้เป็น ‘ไอดอล’ ที่ดี โดยมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันไปตามความต้องการของแต่ละคน
เช่นเดียวกับ ปณิศา ศรีละเลิง หรือมายด์ BNK48 เด็กหญิงที่เพิ่งเปลี่ยนคำนำหน้าเป็นนางสาวได้แค่ 1 ปี แต่กลับแบกความฝันที่ใหญ่เกินตัว เธอตัดสินใจออกเดินทางไกลจากจังหวัดนครราชสีมา เพื่อมาทำงานเก็บเงินและสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับครอบครัว



แน่นอนว่าเส้นทางความฝันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธออาจจะไม่ใช่สมาชิกอันดับต้นๆ ที่ได้รับความนิยมล้นหลามจากแฟนคลับ เธอยังต้องต่อสู้ พัฒนาตัวเอง ผ่านความผิดหวัง เจ็บปวด เพื่อผลักดันตัวเองขึ้นไปให้สูงที่สุด แต่มายด์ก็ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้ เพราะความฝันของเธอนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะหันหลังกลับ
จนถึงตอนนี้แม้แต่เธอเองก็ยังไม่มั่นใจว่าหน้าตาของบ้านในฝันที่หวังเอาไว้จะออกมาเป็นแบบนั้น แต่สิ่งที่เรามั่นใจได้ตั้งแต่ตอนนี้ก็คือ เมื่อความฝันของเธอประสบผลสำเร็จ ‘บ้าน’ หลังนั้นจะต้องเป็นบ้านที่แสนอบอุ่น และเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของทุกคนในครอบครัวอย่างแน่นอน



ก่อนที่จะมาเป็นมายด์ BNK48 ชีวิตวัยเด็กของมายด์เติบโตมาพร้อมกับเรื่องอะไรบ้าง

         ตอนเด็กๆ แม่ของมายด์ต้องออกไปทำงานแต่เช้า กลับบ้านดึก ส่วนใหญ่เลยได้อยู่กับคุณพ่อมากกว่า เพื่อนๆ หรือญาติที่สนิทกันก็มีแต่ผู้ชาย เล่นอะไรแบบที่เด็กผู้ชายเขาเล่นกัน เตะฟุตบอล วิ่งเล่น ขี่จักรยาน เลยกลายเป็นเด็กที่ค่อนข้างซนมากๆ บางครั้งก็พาเด็กๆ แถวบ้านเข้ามาเล่นในบ้านโดยไม่บอกผู้ใหญ่ แล้วก็ชอบไปตักปลาที่คุณย่าเลี้ยงเอาไว้มาเล่น เพราะมายด์ชอบนั่งมองและสังเกตความแตกต่างของปลาแต่ละตัว แต่ก็มีหลายทีที่ทำปลาตาย ก็จะโดนคุณย่าตีบ่อยๆ อาวุธคู่มือของย่าคือไม้เรียวกับไม้ขนไก่ที่ถอนขนออกเตรียมไว้เรียบร้อย ใครที่เคยโดนน่าจะรู้ว่ามันเจ็บมาก
         พอโตขึ้นมาหน่อยรู้สึกว่ามายด์ดื้อน้อยลงนะ แต่กลายเป็นเอาแต่ใจตัวเอง เวลาอยากได้อะไรที่ตัวเองต้องการมากๆ ก็จะพยายามทำสิ่งนั้นให้ได้ เช่น เรื่องเข้ามาในวง BNK48 แอบคิดไว้ว่ามีโอกาสที่พ่อแม่จะไม่อนุญาต มายด์ก็ส่งใบสมัครมาเลย จนผ่านเข้ารอบแรก ค่อยไปบอกว่าผ่านรอบแรกแล้วนะ พามายด์ไปออดิชันรอบ 2 ที่กรุงเทพฯ ด้วย เขาตกใจกันใหญ่แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร



ความรู้สึกแรกที่รู้ตัวว่ามายด์อยากเป็นนักร้องเริ่มต้นตั้งแต่ตอนไหน

           มายด์ชอบฟังเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะคุณพ่อจะเปิดเพลงให้ฟังตลอด เวลาดูทีวีหรือฟังวิทยุก็จะได้ฟังเพลงหลายๆ แนว จนเริ่มคิดว่าถ้าเราได้ทำเพลงแบบนั้นออกมาแล้วมีคนชอบก็น่าจะสนุกดี แล้วก็เริ่มจากพวกงานประกวดในโรงเรียนตอนวันเด็กทั่วๆ ไป จริงๆ มายด์ขี้อายนะ แต่มั่นใจว่าร้องเพลงได้ เพราะมีเพลงโปรดของเราอยู่ อยากโชว์ให้คนอื่นรู้ว่าเรามีเพลงของเรา
ซึ่งเพลงนั้นคือ..
          ผมเอาแครอตมาฝาก ของน้องมายด์ (บุณย์พัชรี แสงทองวีรกุล) นี่เอง (หัวเราะ) พอมีลูกชื่อมายด์ พ่อก็ซื้อแผ่นซีดีมาให้ฟัง แล้วเราก็เปิดฟังตลอดจนเป็นเพลงที่ติดหูมากๆ อยากแก้มแดงเหมือนในเพลง ก็แอบไปเอาที่ปัดแก้มของแม่มาทาให้แก้มแดงเหมือนน้องมายด์ (หัวเราะ)

ตอนนั้นถ้าพ่อแม่ไม่อนุญาต และไม่พามาออดิชั่นรอบสอง มายด์จะทำอย่างไร
        ก็จะมาเองอยู่ดี (หัวเราะ) เพราะตอนที่เข้ามาเป็น BNK48 ใหม่ๆ ถ้าไม่นับช่วงแรกๆ ที่พ่อนั่งรถมาด้วย มายด์ก็ยังนั่งรถทัวร์จากโคราชมาที่กรุงเทพฯ เองอยู่เลย บางช่วงก็รู้สึกว่าเหนื่อย เหงาเหมือนกัน แต่พอทำไปสักพักก็เริ่มชิน แล้วคิดว่าเมื่อเลือกเดินทางนี้แล้วเราต้องทำให้ได้ จะไม่ยอมหยุดกับความเหนื่อยแค่นี้เด็ดขาด



ก่อนเข้ามาเป็น BNK48 มายด์เคยมีความฝันอยากทำอาชีพอย่างอื่นมาก่อนบ้างหรือเปล่า
        อยากเป็นสัตวแพทย์ เพราะที่บ้านเลี้ยงสัตว์เยอะมาก ปลา กระต่าย หมา แมวก็เคยเลี้ยง จนรู้สึกว่ามายด์ชอบที่จะได้อยู่สัตว์ เคยมีตัวหนึ่งที่มายด์รักมาก แล้วอยู่ๆ มันหายตัวไป มาเจออีกทีมันนอนตายอยู่ในกองพุ่มไม้ที่มองไม่เห็น แล้วเราเสียใจมาก คิดว่าไม่อยากให้สัตว์ตัวไหนต้องตายไปอีก ก็เลยคิดว่าอยากเป็นสัตวแพทย์ แล้วดูแลสัตว์ทุกตัวให้ดีๆ รวมทั้งได้ช่วยคนอื่นดูแลสัตว์ของเขาได้ด้วย

พอได้เข้ามาเป็นสมาชิกของ BNK48 จริงๆ ช่วยตอบโจทย์ความฝันของมายด์ได้มากขนาดไหน
       ตอนแรกคิดว่ามาถึงจะได้ร้องเพลง ได้เต้นบนเวทีที่มีคนดูเยอะๆ เหมือนที่เราเคยเห็นจากศิลปินทั่วไป แต่พอเข้ามามันมีอะไรมากกว่านั้น เราไม่ได้แค่ใส่สุดสวยๆ ออกไปร้อง ออกไปเต้น แต่เราต้องซ้อม ต้องเตรียมหนักมากเพื่อผ่านการคัดเลือกแล้วถึงจะได้ขึ้นไปยืนบนเวที ในช่วงแรกเลยยังไม่ได้ตอบโจทย์มากเท่าไร เพราะว่ามายด์ยังคิดน้อยเกินไป แต่นั่นก็ทำให้มายด์กลับมามีความพยายามมากขึ้นเพื่อที่วันหนึ่งเราจะได้เป็นนักร้องและขึ้นไปยืนบนเวทีที่มีคนดูเยอะๆ ได้จริงๆ
         ตอนแรกยอมรับเลยว่ามายด์ยังพยายามไม่มากพอ ถ้าคะแนนเต็มร้อยคงให้คะแนนตัวเองแค่ 50% ตอนนั้นคิดแค่ว่าเราไม่ต้องแข่งขันกับคนอื่น แค่พยายามทำในส่วนของเราไปเรื่อยๆ ก็พอ ไม่ใช่ว่าเราไม่ได้พัฒนาอะไรเลย แต่เราพัฒนาช้าถ้าเทียบกับคนอื่นที่เขาก้าวกระโดดกันเร็วมาก พอเทียบกันเลยเหมือนเราหยุดอยู่กับที่ ทำให้มายด์ไม่ติดเซมบัตสึตั้งแต่ซิงเกิลแรก (อยากจะได้พบเธอ) หลังจากนั้นก็พยายามมากขึ้น ถามคนอื่นว่าเขามีวิธีพัฒนาตัวเองอย่างไรบ้าง ว่ายน้ำ ฟิตเนส ออกกำลังกาย ทำหลายๆ อย่างที่คิดว่าไม่เกี่ยวกับการร้องเพลง แต่ทั้งหมดมันคือการพัฒนาตัวเองได้ทั้งนั้น จนในที่สุดก็ได้ขึ้นมาเป็นเซ็นเตอร์เพลงพลิ้ว ถึงจะไม่ใช่ซิงเกิลหลัก แต่อย่างน้อยความพยายามของเราก็เริ่มเห็นผลขึ้นมาแล้ว

ตามไปอ่านเต็มๆได้ที่ลิงค์นี้ได้เลยค่ะ^^



อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้าง มาแชร์กันได้เลยนะคะ อมยิ้ม02

ของเราในฐานะที่น้องเป็นโอชิ อ่านแล้วยิ่งรู้สึกภูมิใจ ในความมุ่งมั่น มีเป้าหมายชัดเจน และแน่วแน่ที่จะทำมัน ยิ่งตอนตอบคำถามสุดท้าย ทำให้รู้ว่าน้องเข้มแข็ง มุ่งมั่น และไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ถึงแม้จะผิดหวังแล้วหลายครั้งก็ตาม นี่ทำให้คนที่เป็นแฟนคลับน้องอย่างเรา เห็นน้องตอบแบบนี้แล้ว ยิ่งมีกำลังใจเชียร์น้องต่อเพิ่มขึ้นไปเท่าตัวเลยค่ะ หัวใจ



ใครอยากติดตามน้องนะคะ^^


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่