คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ฮาๆ ยาวเนอะ แต่ก็อ่านจบ ถ้าเอาคำว่า 'ย่าน' ออก เราน่าจะอยู่มหาลัยเดียวกันนะ อ่ะ ตอบน้องสาวหน่อยดีกว่า
จากที่อ่านมา พี่คิดว่า เปอร์เซ็นที่เขาชอบมายด์สูงมากๆ พี่คิดว่าประมาณ 90%+ เลยแหละ และเพื่อนกันเขาก็ไม่ดูแลกันดีขนาดนี้ แต่อย่างว่า ตัวอักษรสื่ออารมณ์ได้ไม่เท่าเห็นภาพ คนที่จะรู้ดีที่สุดควรจะเป็นมายด์เนอะ เอางี้ดีกว่า พี่จะบอกว่า มนุษย์เราเวลาพบปะหรือรู้จักผู้คนใหม่ๆ จะจัดกลุ่มง่ายๆ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. คนที่มีสิทธิ์จะเป็นแฟน 2. เพื่อน(Friend zone) 3. ไม่อยากยุ่งด้วย
ซึ่ง ถ้าเราถูกจัดเขากลุ่มใดกลุ่มนึงแล้ว การจะย้ายกลุ่มจะยากมากๆ ถ้าไม่เห็นภาพ ให้มายด์ จินตนาการว่า มีเพื่อนสนิทคนนึง ที่เรามองเขาเป็นเพื่อนจริงๆ แล้ววันนึงจะให้เขามาเป็นแฟน มันจะขัดกับความรู้สึกมายด์ คือมันตลก (แต่ถ้าใครเอาเพื่อนมาเป็นแฟน เชื่อพี่เถอะ เขาไม่ได้มองคนคนนั้นเป็นเพื่อนแต่แรกแล้ว โดยอาจจะใช้คำว่าเพื่อนในนาม และไม่ได้อยู่ใน Friend zone ด้วยซ้ำ) ไอ้หนังที่เกี่ยวกับรักๆเพื่อนน่ะ มันต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่กลุ่มแรก และอีกฝ่ายอยู่กลุ่มสอง แบบนี้จะจบไม่สวย แต่ถ้าอยู่กลุ่มแรกทั้งสองคน(อารมณ์แอบรักเพื่อน) มันก็แฮปปี้
แล้วมายด์จะรู้ได้ไงว่า เพื่อนคนนี้เขาจัดมายด์ไว้กลุ่มไหน มายด์ต้องสัมผัสได้เอง เพื่อนจริงๆจะให้อารมณ์ในการคบกันแบบสนิทใจต่างจากกลุ่มแรก แล้วมายด์ก็จะได้คำตอบของคำถามตัวเอง
จริงๆ กรณีแบบมายด์ ก็เคยเกิดขึ้นในรุ่นพี่นะ และพี่ก็มีบทสรุปให้ด้วยถ้าอยากฟัง ฮาๆ
จากที่อ่านมา พี่คิดว่า เปอร์เซ็นที่เขาชอบมายด์สูงมากๆ พี่คิดว่าประมาณ 90%+ เลยแหละ และเพื่อนกันเขาก็ไม่ดูแลกันดีขนาดนี้ แต่อย่างว่า ตัวอักษรสื่ออารมณ์ได้ไม่เท่าเห็นภาพ คนที่จะรู้ดีที่สุดควรจะเป็นมายด์เนอะ เอางี้ดีกว่า พี่จะบอกว่า มนุษย์เราเวลาพบปะหรือรู้จักผู้คนใหม่ๆ จะจัดกลุ่มง่ายๆ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. คนที่มีสิทธิ์จะเป็นแฟน 2. เพื่อน(Friend zone) 3. ไม่อยากยุ่งด้วย
ซึ่ง ถ้าเราถูกจัดเขากลุ่มใดกลุ่มนึงแล้ว การจะย้ายกลุ่มจะยากมากๆ ถ้าไม่เห็นภาพ ให้มายด์ จินตนาการว่า มีเพื่อนสนิทคนนึง ที่เรามองเขาเป็นเพื่อนจริงๆ แล้ววันนึงจะให้เขามาเป็นแฟน มันจะขัดกับความรู้สึกมายด์ คือมันตลก (แต่ถ้าใครเอาเพื่อนมาเป็นแฟน เชื่อพี่เถอะ เขาไม่ได้มองคนคนนั้นเป็นเพื่อนแต่แรกแล้ว โดยอาจจะใช้คำว่าเพื่อนในนาม และไม่ได้อยู่ใน Friend zone ด้วยซ้ำ) ไอ้หนังที่เกี่ยวกับรักๆเพื่อนน่ะ มันต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่กลุ่มแรก และอีกฝ่ายอยู่กลุ่มสอง แบบนี้จะจบไม่สวย แต่ถ้าอยู่กลุ่มแรกทั้งสองคน(อารมณ์แอบรักเพื่อน) มันก็แฮปปี้
แล้วมายด์จะรู้ได้ไงว่า เพื่อนคนนี้เขาจัดมายด์ไว้กลุ่มไหน มายด์ต้องสัมผัสได้เอง เพื่อนจริงๆจะให้อารมณ์ในการคบกันแบบสนิทใจต่างจากกลุ่มแรก แล้วมายด์ก็จะได้คำตอบของคำถามตัวเอง
จริงๆ กรณีแบบมายด์ ก็เคยเกิดขึ้นในรุ่นพี่นะ และพี่ก็มีบทสรุปให้ด้วยถ้าอยากฟัง ฮาๆ
แสดงความคิดเห็น
เขาคิดกับเราแค่เพื่อนหรือว่าชอบคะ?
มายด์เป็นนักศึกษาปี 1 มหาวิทยาลัยย่านบางเขน
มายด์เป็นผู้หญิงที่หน้าตาไม่ได้น่ารักอะไร หุ่นสมส่วนไม่อ้วนไม่ผอม
มีเพื่อนผู้ชายค่อนข้างเยอะ เข้ากับสังคมผู้หญิงส่วนมากไม่ค่อยได้
ส่วนใหญ่มายด์คบแต่เพื่อนผู้ชายไม่ก็ผู้หญิงที่นิสัยคล้ายๆมายด์
พอเข้ามาในสังคมมหาลัยก็รู้สึกว่ามายด์คงสนิทกับใครได้ยาก
เพราะคณะมายด์ผู้หญิงเยอะมากๆ จนคิดว่าจะอยู่คนเดียวไปก่อน
ลองทักใครไปก็คุยด้วยกันได้ไม่นาน ร่วมถึงไม่ค่อยชอบเข้ากิจกรรมกับทางมหาลัยเท่าไหร่
ช่วงก่อนเข้ากิจกรรมรับน้องมายด์ได้รู้จักกับเพื่อนคนนึงในสาขา
เขาเป็นผู้ชายที่สูง สุภาพและค่อนข้างหน้าตาดี คุยกันถูกคอดี มีอะไรเหมือนๆกัน
จนตอนนี้สนิทกันมากๆ ไปไหนไปกันตัวติดกันตลอด เขาดูแลมายด์ดีมาก
ก็คุยทักมายด์ตลอด ช่วยเรื่องเรียน เรียนเสร็จมาส่งมายด์ถึงหน้าหอ
เวลามายด์ป่วยก็แทบจะซื้อข้าวอะไรงี้มาให้ บางทีช่วยถือของหนักๆให้มายด์
เวลาก่อนเรียนมายด์ไปทำธุระที่ไหนมันก็จะเดินมาหามายด์ตลอด
ซื้อของที่มายด์ชอบกินมาให้ด้วย มันกลัวมายด์หิวอะไรงี้
มายด์ก็คุยกับเขาบ่อยๆนะว่าดูแลเพื่อนดีขนาดนี้ ใครเป็นแฟนด้วยคงโชคดี
แต่เขาก็ตอบมาประมาณว่า ยังไม่อยากมีแฟน ไม่สนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่
แรกๆมายด์ก็ไม่ได้คิดติดใจอะไรหรอกค่ะ คิดว่าเขาก็คงเพื่อนน้อยแบบมายด์
เลยดูแลมายด์ดีอะไรทำนองนั้น จนกระทั่งมันมีหลายๆอย่างเกิดขึ้นจนคนอื่นทัก
อย่างแรกที่ทำให้มายด์สงสัยคือ วันนึงมายด์ต้องกลับบ้านต่างจังหวัด
ต้องนั่งรถเมล์ไปลงอนุสฯเพื่อนั่งรถต่อ เขาก็นั่งรถเมล์มาส่งมายด์ด้วย
ซึ่งบ้านเขาถ้ามาทางนี้มันไม่ใช่ทางกลับตรงๆ เขาก็บอกมายด์ว่าอยากลองต่อรถจากอนุสฯดู
เผื่อรถมันไม่ค่อยติดจะได้กลับทางนี้บ้าง มายด์ก็โอเคๆ ไม่ได้อะไร
อย่างที่สองคือมีวันนึงมายด์โพสต์สเตตัสว่าปวดหัวกับตื่นมาแล้วคันทั้งแขนทั้งขา
พอมายด์มาเรียนมหาลัยก็นัดเจอเขาตามปกติ เขาก็ซื้อยาพารากับยาแก้แพ้มาให้
อย่างที่สาม มีวันนึงมายด์เจอรุ่นพี่คนนึงน่ารักมาก ก็ถามว่าเนี่ยน่ารักเนอะ
เขาก็บอกว่าเฉยๆ มายด์ก็ถามว่าทำไม ก็ให้ช้อยส์เขาไปเล่นๆ 4 ข้อว่าทำไม
ช้อยส์ข้อที่ถูกคือ "เจอคนที่น่ารักมากๆแล้วเลยไม่คิดว่าคนอื่นน่ารัก"
มายด์ก็ถามแบบแซวๆไปว่า เฮ้ยใครเนี่ยทำให้เพื่อนเราบอกน่ารักได้
เพราะตั้งแต่อยุ่กันมา ไม่เคยเจอใครที่มันบอกน่ารักเลย มันก็บอกว่า "ลองไปส่องกระจกดูดิ"
มายด์ก็คิดว่ามันพูดเล่นๆ ไปๆมาๆเหมือนมันจะพูดจริง
อย่างที่สี่ คือมีวันนึงมันเปิดโน้ตบุคทิ้งไว้ที่ห้องสมุดแล้วไปซื้อของกิน
มายด์ก็ดันเสียมารยาทไปแอบเปิดโฟลเดอร์มันดู
มายด์เจอรูปตัวเองอยู่ในคอมมันหลายรูป ทำเอาช็อคไปนิดหน่อย
พอมันกลับมามายด์ก็ถามตรงๆว่าทำไมมีรูปมายด์ไรงี้
มันก็บอกว่าก็น่ารักดีเซฟไว้เฉยๆ
ตอนแรกมายด์ก็ไปคุยกับคนรู้จักมายด์ว่ามันแปลกๆมั้ยหรือมายด์คิดไปเอง
คนอื่นก็มาบอกมายด์ว่าเอ่อดูไม่ออกเหรอว่าเขาชอบมายด์ไรงี้
มายด์ก็แบบด้วยความที่มีเพื่อนผู้ชายมาเยอะ เลยดูไม่ค่อยออก
เลยอยากถามคุณผู้ชายที่มีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิงหรือคนที่เคยมีประสบการณ์มาตอบทีค่ะ
ว่าเขาคิดอะไรกับมายด์หรือเปล่า แบบพอมันสงสัยเวลาอยู่ด้วยกันมันก็อึดอัดนิดหน่อยอะคะ
เหมือนอยู่กับคนที่เราสงสัยอะไรบางอย่างในตัวเขาแต่ถามไม่ได้ไรงี้
เพราะมายด์รู้สึกว่า เอ่อถามไปเขาก็คงไม่ตอบหรอก
เพราะตอนนี้มายด์มีแฟนแล้ว แล้วเขาก็รู้ดีด้วย คือถ้าเผื่อว่าอาจจะใช่
มายด์จะได้ระวังเรื่องบางเรื่องมากขึ้น เพราะก็เป็นห่วงเขาเล็กๆ
ปล.ถ้าแกอ่านอยู่ แกรู้นะว่าจริงๆเราเป็นใคร
ถ้าแกไม่ได้ชอบเราก็บอกเรามาตรงๆนะว่าแกไม่ได้ชอบเรา
เราจะได้ไม่เป็นห่วงแกเรื่องนี้นะ หรือถ้าแกชอบเราจริงๆ
แกก็เลือกจะไม่บอกเราก็ได้นะ เราไม่ได้อึดอัดอะไรหรอก
เราแค่กลัวว่าเราจะไปทำร้ายแกทางอ้อมหรือแกจะรู้สึกแย่หรือเปล่าแค่นั้นเอง
หรือถ้าแกรู้สึกว่าอยากจะบอกเราเรื่องนี้ เราก็สัญญาว่าเราจะยังเหมือนเดิมนะ
เราไม่มีสิทธิ์บอกให้แกเลิกชอบเราหรอก นั้นแล้วแต่แกตัดสินใจนะ