ทำไมถึงไปรัสเซียหน้าหนาวล่ะ !!!
ดอกไม้ก็ไม่มี ต้นไม้แห้งๆ มืดก็เร็วแถมสว่างช้า น้ำพุตามพระราชวังก็ปิด
ที่เที่ยวบางแห่งก็ไม่เปิด ล่องเรือชมเมืองก็ไม่ได้ อากาศก็หนาวจะตาย
นี่เป็นสิ่งที่วนเวียนๆอยู่ในหัวตลอดเวลา ทำให้เกิดอาการลังเลแล้ว ลังเลอีก....
แต่ๆๆ ถ้าไปหน้าหนาว นักท่องเที่ยวจะน้อยนะ ต่อคิวชมสถานที่เที่ยวต่างๆก็ไม่นาน
โรงแรมราคาถูกกว่า เราจะมีโอกาสได้นอนโรงแรมเริ่ดๆในราคาเอื้อมถึง
จะได้เห็นหิมะขาวๆฟูๆ และสำคัญยิ่งกว่าเหตุผลใดๆ คือเราจะไปดูแสงเหนือได้ไงล่ะ!!!
ได้คำตอบแล้วก็ไปสิจ๊ะ จะรออะไร พอตัดสินใจได้ปุ๊บ เราก็เริ่มมองหาโปรตั๋วเครื่องบิน
เราได้ตั๋วกรุงเทพ-มอสโกว/เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก-กรุงเทพ ของ Emirate ราคารับได้
แล้วก็ไม่ต้องเสียค่ารถไฟนั่งกลับมามอสโกวด้วย หลังจากได้ตั๋วก็แปลว่าได้ไปแน่ๆละ เดินทาง 1-11 มีนา
มาเริ่มเตรียมตัวกันดีกว่า
1. แพลนทริปว่าเราจะไปเมืองไหนบ้าง ไปกี่วัน แล้วรายละเอียดค่อยมาเติมกันอีกที
ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วว่าเราจะไปกันทั้งหมด 3 เมือง คือมอสโกว มรูมรังสค์ (ดูแสงเหนือ)
และเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก โดยเราเลือกอยู่ที่มรูมรังสค์กับเซนต์ปีเตอร์เบิร์กให้นานหน่อย
ที่ไปหน้าหนาวเพราะตั้งใจไปดูแสงเหนือนี่เนอะ ยังไง๊ยังไงก็ต้องให้เวลาเมืองนี้เป็นพิเศษ
ส่วนเซนต์มีที่เที่ยวเยอะเลยให้วันมากกว่ามอสโกว กะว่ามอสโกวไปไม่ครบค่อยกลับมาเก็บอีกที 55
2. จองตั๋วเครื่องบินภายในประเทศจากมอสโกว-มรูมรังสค์ และ มรูมรังสค์-เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก
เราจองสายการบิน aeroflot ทั้งสองขา
3. หาและจองที่พักของทั้งสามเมือง โดยเทียบราคาทั้งจาก booking.com, Agoda และ Expedia
เลือกจองแบบจ่ายเงินที่ที่พักและ free cancelation ที่มอสโกวเราเลือกโรงแรมที่อยู่ใกล้สถานีเมโทร
ที่เชื่อมกับสถานี aeroexpress สำหรับเข้าออกสนามบิน จะได้ไม่ต้องลากกระเป็าพะรุงพะรังมากนัก
4. หาข้อมูลและเริ่มติดต่อสอบถามราคาทัวร์ไปดูแสงเหนือจากไกด์ที่อ่านเจอในรีวิวของเพื่อนๆ
ทั้งพันทิปและในกลุ่มตามล่าแสงเหนือ เอาราคาและรายละเอียดโปรแกรมมาเทียบกัน เลือกได้แล้วก็จอง
5. จัดโปแกรมเที่ยวในแต่ละเมือง มารอบแรกก็ต้องไปเที่ยวที่เป็นแลนมาร์คก่อนเนอะ
ข้อสำคัญของทริปนี้เราตั้งใจว่าจะจัดแบบหลวมๆ ไม่อัดแน่น เนื่องจากอากาศหนาวจัด
การเดินทางจากที่นึงไปอีกที่อาจกินเวลานานกว่าปกติ เอาง่ายๆคงเดินช้าน่ะแหละ
ต้องเผื่อเวลางอแงอีก 555 ถ้าเที่ยวครบเวลาเหลือ ค่อย add เอาหน้างาน จัดง่ายไม่ยุ่งยาก
ไปสองคนแต่หน้าที่จัดทริป คนไปด้วยยกให้เรามานานละ เลยคิดเองให้เรียบร้อย
6. จองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าของบางสถานที่เที่ยวผ่าน official website
เพราะได้คำแนะนำมาว่าบางที่ถึงแม้จะเป็นหน้าหนาว แต่ก็อาจต้องยืนรอคิวซื้อตั๋ว
แถมบางที่เค้าจำกัดจำนวนคนเข้าชม เลยจองล่วงหน้าให้เสร็จๆไป
7. Internet sim เท่าที่อ่านมา บ้างก็บอกซิมรัสเซียบล็อคไลน์ บ้างก็บอกใช้ได้
แต่กันเหนียวเพราะต้องใช้เรื่องงาน เลยตัดสินใจใช้ Ais Sim2Fly packet 799 เล่นเนตได้ 4 GB
นาน 15วัน ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะพอ แต่ถ้าไม่พอจริงๆค่อยไปหาซื้อ local sim เอาที่นู่นละกัน
8. เตรียมเสื้อผ้ากันหนาว เราไม่เคยไปเที่ยวไหนที่มีหิมะมาก่อนเลย นี่เป็นทริปแรก
ทำให้รายการค่าอุปกรณ์ต่างๆนานาพุ่งกระฉูด (เงินก็ไหลออกปรู๊ดๆเช่นกัน)
ปกติต้นมีนาอากาศจะต้องเริ่มอุ่นขึ้น แต่ปีนี้เป็นปีที่หลายๆประเทศเจออากาศหนาวมากกว่าทุกๆปี
อย่างมอสโกวข่าวบอกปีนี้อากาศหนาวทำลายสถิติในรอบร้อยปี 55 มันช่างโชคดีอะไรขนาดเนี้ยยย
แต่เรามีเวลาเก็บเล็กผสมน้อยเยอะ ค่อยๆจ่ายๆไป หาที่ลดราคา เรารีวิวการเตรียมเสื้อผ้า
ไปตะลุยอากาศหนาวติดลบไว้แล้วตามกระทู้นี้ค่ะ
https://ppantip.com/topic/37475610
9. สำเนาพาสปอร์ต อันนี้สำคัญ เพราะเราใช้พกติดตัวตลอดเวลา ถ้าโดนตำรวจเรียกขอดูเอกสาร
เราจะให้แค่ตัวสำเนา ส่วนพาสปอร์ตตัวจริงเราเก็บติดตัวมิดชิดไม่เอาออกมา และเราก็โดนขอดูเอกสารจริงๆซะด้วย
10. ยาประจำตัวและพื้นฐานต่างๆ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้แพ้ คาร์บอน ผงเกลือแร่ ยาธาตุน้ำขาว
พลาสเตอร์ยา ประมาณนี้ อย่างน้อยถ้าไม่สบายจะได้มียากินพอบรรเทาอาการได้บ้าง
นอกจากนี้เรายังเซฟรูปยาต่างๆที่มีภาษารัสเซียกำกับมาจากเพจเที่ยวรัสเซียเก็บไว้ด้วย (เผื่อๆ)
ไม่คิดว่าจะได้ใช้ ไปไหนไม่เคยป่วยแต่รอบนี้ไม่รอด ซึ่งมีประโยขน์มากๆเพราะคนรัสเซียบางส่วน
สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ การมีรูปยาและชื่อเป็นภาษารัสเซียช่วยเราได้เยอะจริงๆ
11. เตรียมใจ ร่างกาย แลกเงินให้พร้อม!!! และไปกันนน
ตลอดทริป 11 วัน 10 คืน ทั้ง 3 เมืองของรัสเซีย ต้อนรับเราด้วยอากาศหนาววว
ทุกที่มีแต่หิมะสีขาวโพลนพร้อมแถมหิมะตกเกือบทุกวัน เราว่ามันสวยยย ตื่นตาตื่นใจ
เออเนอะ...อากาศหนาวมากๆมันเป็นแบบนี้นี่เอง แพลนนี้ทำหลังจากเที่ยวเสร็จเรียบร้อย
มันจะสนุกขนาดไหนตามมาค่า
Russia in Winter ไปเที่ยวรัสเซียหน้าหนาว แบบหิมะสีขาวๆกัน Part2. ล่าแสงเหนือ - Murmansk
https://ppantip.com/topic/37524642
Russia in Winter ไปเที่ยวรัสเซียหน้าหนาว แบบหิมะสีขาวๆกัน Part3. Saint Petersburg
https://ppantip.com/topic/38195338
Day 1: ถึงสนามบิน DME เข้ามอสโกวด้วย Aeroexpress ราคา 500 rub ต่อคน เดินเล่นและพักผ่อนแถวโรงแรม
เราทำคลิปไว้ ลองกดเข้าดูกันได้จ้า
Day 2 : พระราชวังเครมลิน, Saint Basil's Cathedral, Red square, ห้าง Gum,
Cathedral of Christ of the savior
เริ่มวันแรกด้วยพระราชวังเครมลิน ที่นี่เราจองตั๋วเข้า Armoury Chamber มาก่อนล่วงหน้า
เพราะเค้าจำกัดคนเข้าชม ราคาตั๋ว 700 rub/คน ปริ้นท์ใบจองมาแลกตั๋วจริงที่ Excursion office (47)
เข้าพระราชวังได้สองทางคือตรงเลข 1 กับ 2 ที่เรามาร์คไว้ให้ ถ้าใครมีเป้ กระเป๋าใบใหญ่ รวมกระเป๋ากล้องด้วย
จะต้องเอาไปฝากที่ห้องฝากกระเป๋า ซึ่งอยู่ใกล้ทางเข้าที่ 2
ห้องฝากกระเป๋า
ด้านหน้าทางเข้าพระราชวัง เราเลือกเข้าทางเข้าที่ 1 เพราะใกล้ Armoury Chamber
พอเดินเข้ามา Armoury Chamber จะอยู่ซ้ายมือของเรา ก็คืออาคารสีส้มในรูป ในนั้นห้ามถ่ายรูป
ภายในจะมีสมบัติ ฉลองพระองค์ ข้าวของเครื่องใช้ ของพระเจ้าซาร์และราชินี มากมาย
เดินชมด้านในเสร็จ เดินกลับออกมา เพื่อเดินไป complex of the Cathedral Square
โซนนี้จะต้องเสียค่าตั๋วเข้าชมอีกคนละ 500 rub บริเวณนั้นประกอบไปด้วย 3 Cathedral ได้แก่
Assumption, Archangel and Annunciation cathedrals
ถ้าซื้อตั๋วแล้ว เราสามารถเข้าชมภายในโบสถ์ทั้งสามได้หมดเลย ในบริเวณนี้มี Ivan the Great Bell-Tower
สามารถซื้อตั๋วเพิ่มเพื่อเข้าชมด้านในและเดินขึ้นไปชมวิวมุมกว้างจากหอคอย แต่ที่นี่ปิดในหน้าหนาว
ประตูของโบสถ์ Assumption สวยงาม
จาก Cathedral Square เราเดินต่อไปชมปืนใหญ่และระฆังพระเจ้าซาร์
ปืนใหญ่ทำจากทองสัมฤทธิ์ เป็นปืนที่ไม่เคยใช้ยิงจริงๆเลย
ถัดไปคือระฆังพระเจ้าซาร์ เป็นระฆังขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากนำออกมาจากเบ้าหลอมเพื่อรอให้เย็น
เกิดไฟไหม้พระราชวังเครมลิน มีการฉีดน้ำดับไฟ น้ำไปโดนระฆังทำให้ระฆังแตกตั้งแต่ยังไม่เคยตี
ด้านหน้าเป็นอาคารทำการของรัฐบาล ได้ยินคำเล่ามาว่า ถ้ามีธงชาติติดบนยอด
หมายถึงวันนั้นท่านผู้นำอยู่ที่อาคารแห่งนี้ด้วย
จากพระราชวังเครมลิน เราเดินออกมาแล้วเดินเลาะกำแพงไปเที่ยวต่อที่ Red square
มาเจอทหารสองคนที่ยืนอยู่ริมกำแพงเครมลิน กำลังยืนเฝ้าเปลวไฟที่ไม่มีวันดับ
อันเป็นสัญลักษณ์แห่งการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง
จากตรงเปลวไฟก็เดินเลาะกำแพงไปต่อ จะไปเจอ State historical museum
ด้านข้างของ museum มีช่องเล็กๆเดินทะลุไปด้านหลัง เข้าสู่ Red square
ด้านขวามือเป็นห้าง Gum ห้างเก่าแก่ของมอสโกว ซ้ายมือเป็นแนวกำแพงของพระราชวังเครมลิน
มองตรงไปด้านหน้าจะเป็น State historical museum จากภาพนี่เรายืนอยู่ด้านหน้า Saint Basil's Cathedral
เข้าไปเที่ยวห้าง Gum กันดีกว่า
เป็นห้างเก่าแก่ที่อยู่คุ่มอสโกวมานาน หลังคาทำจากกระจกโค้ง เพื่อให้ด้านในโปร่งและสว่าง เก๋ดี
มา Gum ต้องมากินไอศกรีมในตำนาน มีหลายรสเลือกไม่ถูก ก็อร่อยดีนะ หอมๆเข้มข้น
จริงๆใกล้ๆห้าง Gum มี Kazan Cathrdral ด้วยแต่เราไม่ได้แวะเข้าไปค่ะ
ออกจาก Gum ไปต่อที่ Saint Basil's Cathedral (หรือโบสถ์หัวหอมน่ะแหละ)
Saint basil's cathedral อยู่บริเวณจตุรัสแดง สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะที่มีต่อชาวมองโกล
มีเรื่องเล่าว่า พระเจ้า Ivan IV ทรงพอพระทัยมากรับสั่งถามช่างผู้ออกแบบว่าทำโบสถ์แบบนี้อีกได้ไหม
ด้วยความภูมิใจช่างตอบไปว่าได้ แต่พระเจ้า Ivan ไม่ต้องการให้สร้าง จึงตอบแทนด้วยการควักลูกตา
ของช่างผู้นั้นเพื่อไม่ให้ไปสร้างโบสถ์สวยๆแบบนี้ที่ไหนอีก เป็นที่มาของชื่อ อีวานจอมโหด
ค่าตั๋วเข้าคนละ 500 rub ด้านในอนุญาตให้ถ่ายภาพได้
มีบันไดเวียนขึ้นไปชมด้านบน พอขึ้นไปถึงจะมีทีมนักร้องประสานเสียง ร้องเพลงเพราะๆให้ฟัง
[CR] Russia in Winter ไปเที่ยวรัสเซียหน้าหนาว แบบหิมะสีขาวๆกัน Part1. Moscow
ดอกไม้ก็ไม่มี ต้นไม้แห้งๆ มืดก็เร็วแถมสว่างช้า น้ำพุตามพระราชวังก็ปิด
ที่เที่ยวบางแห่งก็ไม่เปิด ล่องเรือชมเมืองก็ไม่ได้ อากาศก็หนาวจะตาย
นี่เป็นสิ่งที่วนเวียนๆอยู่ในหัวตลอดเวลา ทำให้เกิดอาการลังเลแล้ว ลังเลอีก....
แต่ๆๆ ถ้าไปหน้าหนาว นักท่องเที่ยวจะน้อยนะ ต่อคิวชมสถานที่เที่ยวต่างๆก็ไม่นาน
โรงแรมราคาถูกกว่า เราจะมีโอกาสได้นอนโรงแรมเริ่ดๆในราคาเอื้อมถึง
จะได้เห็นหิมะขาวๆฟูๆ และสำคัญยิ่งกว่าเหตุผลใดๆ คือเราจะไปดูแสงเหนือได้ไงล่ะ!!!
ได้คำตอบแล้วก็ไปสิจ๊ะ จะรออะไร พอตัดสินใจได้ปุ๊บ เราก็เริ่มมองหาโปรตั๋วเครื่องบิน
เราได้ตั๋วกรุงเทพ-มอสโกว/เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก-กรุงเทพ ของ Emirate ราคารับได้
แล้วก็ไม่ต้องเสียค่ารถไฟนั่งกลับมามอสโกวด้วย หลังจากได้ตั๋วก็แปลว่าได้ไปแน่ๆละ เดินทาง 1-11 มีนา
มาเริ่มเตรียมตัวกันดีกว่า
1. แพลนทริปว่าเราจะไปเมืองไหนบ้าง ไปกี่วัน แล้วรายละเอียดค่อยมาเติมกันอีกที
ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วว่าเราจะไปกันทั้งหมด 3 เมือง คือมอสโกว มรูมรังสค์ (ดูแสงเหนือ)
และเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก โดยเราเลือกอยู่ที่มรูมรังสค์กับเซนต์ปีเตอร์เบิร์กให้นานหน่อย
ที่ไปหน้าหนาวเพราะตั้งใจไปดูแสงเหนือนี่เนอะ ยังไง๊ยังไงก็ต้องให้เวลาเมืองนี้เป็นพิเศษ
ส่วนเซนต์มีที่เที่ยวเยอะเลยให้วันมากกว่ามอสโกว กะว่ามอสโกวไปไม่ครบค่อยกลับมาเก็บอีกที 55
2. จองตั๋วเครื่องบินภายในประเทศจากมอสโกว-มรูมรังสค์ และ มรูมรังสค์-เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก
เราจองสายการบิน aeroflot ทั้งสองขา
3. หาและจองที่พักของทั้งสามเมือง โดยเทียบราคาทั้งจาก booking.com, Agoda และ Expedia
เลือกจองแบบจ่ายเงินที่ที่พักและ free cancelation ที่มอสโกวเราเลือกโรงแรมที่อยู่ใกล้สถานีเมโทร
ที่เชื่อมกับสถานี aeroexpress สำหรับเข้าออกสนามบิน จะได้ไม่ต้องลากกระเป็าพะรุงพะรังมากนัก
4. หาข้อมูลและเริ่มติดต่อสอบถามราคาทัวร์ไปดูแสงเหนือจากไกด์ที่อ่านเจอในรีวิวของเพื่อนๆ
ทั้งพันทิปและในกลุ่มตามล่าแสงเหนือ เอาราคาและรายละเอียดโปรแกรมมาเทียบกัน เลือกได้แล้วก็จอง
5. จัดโปแกรมเที่ยวในแต่ละเมือง มารอบแรกก็ต้องไปเที่ยวที่เป็นแลนมาร์คก่อนเนอะ
ข้อสำคัญของทริปนี้เราตั้งใจว่าจะจัดแบบหลวมๆ ไม่อัดแน่น เนื่องจากอากาศหนาวจัด
การเดินทางจากที่นึงไปอีกที่อาจกินเวลานานกว่าปกติ เอาง่ายๆคงเดินช้าน่ะแหละ
ต้องเผื่อเวลางอแงอีก 555 ถ้าเที่ยวครบเวลาเหลือ ค่อย add เอาหน้างาน จัดง่ายไม่ยุ่งยาก
ไปสองคนแต่หน้าที่จัดทริป คนไปด้วยยกให้เรามานานละ เลยคิดเองให้เรียบร้อย
6. จองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าของบางสถานที่เที่ยวผ่าน official website
เพราะได้คำแนะนำมาว่าบางที่ถึงแม้จะเป็นหน้าหนาว แต่ก็อาจต้องยืนรอคิวซื้อตั๋ว
แถมบางที่เค้าจำกัดจำนวนคนเข้าชม เลยจองล่วงหน้าให้เสร็จๆไป
7. Internet sim เท่าที่อ่านมา บ้างก็บอกซิมรัสเซียบล็อคไลน์ บ้างก็บอกใช้ได้
แต่กันเหนียวเพราะต้องใช้เรื่องงาน เลยตัดสินใจใช้ Ais Sim2Fly packet 799 เล่นเนตได้ 4 GB
นาน 15วัน ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะพอ แต่ถ้าไม่พอจริงๆค่อยไปหาซื้อ local sim เอาที่นู่นละกัน
8. เตรียมเสื้อผ้ากันหนาว เราไม่เคยไปเที่ยวไหนที่มีหิมะมาก่อนเลย นี่เป็นทริปแรก
ทำให้รายการค่าอุปกรณ์ต่างๆนานาพุ่งกระฉูด (เงินก็ไหลออกปรู๊ดๆเช่นกัน)
ปกติต้นมีนาอากาศจะต้องเริ่มอุ่นขึ้น แต่ปีนี้เป็นปีที่หลายๆประเทศเจออากาศหนาวมากกว่าทุกๆปี
อย่างมอสโกวข่าวบอกปีนี้อากาศหนาวทำลายสถิติในรอบร้อยปี 55 มันช่างโชคดีอะไรขนาดเนี้ยยย
แต่เรามีเวลาเก็บเล็กผสมน้อยเยอะ ค่อยๆจ่ายๆไป หาที่ลดราคา เรารีวิวการเตรียมเสื้อผ้า
ไปตะลุยอากาศหนาวติดลบไว้แล้วตามกระทู้นี้ค่ะ
https://ppantip.com/topic/37475610
9. สำเนาพาสปอร์ต อันนี้สำคัญ เพราะเราใช้พกติดตัวตลอดเวลา ถ้าโดนตำรวจเรียกขอดูเอกสาร
เราจะให้แค่ตัวสำเนา ส่วนพาสปอร์ตตัวจริงเราเก็บติดตัวมิดชิดไม่เอาออกมา และเราก็โดนขอดูเอกสารจริงๆซะด้วย
10. ยาประจำตัวและพื้นฐานต่างๆ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้แพ้ คาร์บอน ผงเกลือแร่ ยาธาตุน้ำขาว
พลาสเตอร์ยา ประมาณนี้ อย่างน้อยถ้าไม่สบายจะได้มียากินพอบรรเทาอาการได้บ้าง
นอกจากนี้เรายังเซฟรูปยาต่างๆที่มีภาษารัสเซียกำกับมาจากเพจเที่ยวรัสเซียเก็บไว้ด้วย (เผื่อๆ)
ไม่คิดว่าจะได้ใช้ ไปไหนไม่เคยป่วยแต่รอบนี้ไม่รอด ซึ่งมีประโยขน์มากๆเพราะคนรัสเซียบางส่วน
สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ การมีรูปยาและชื่อเป็นภาษารัสเซียช่วยเราได้เยอะจริงๆ
11. เตรียมใจ ร่างกาย แลกเงินให้พร้อม!!! และไปกันนน
ตลอดทริป 11 วัน 10 คืน ทั้ง 3 เมืองของรัสเซีย ต้อนรับเราด้วยอากาศหนาววว
ทุกที่มีแต่หิมะสีขาวโพลนพร้อมแถมหิมะตกเกือบทุกวัน เราว่ามันสวยยย ตื่นตาตื่นใจ
เออเนอะ...อากาศหนาวมากๆมันเป็นแบบนี้นี่เอง แพลนนี้ทำหลังจากเที่ยวเสร็จเรียบร้อย
มันจะสนุกขนาดไหนตามมาค่า
Russia in Winter ไปเที่ยวรัสเซียหน้าหนาว แบบหิมะสีขาวๆกัน Part2. ล่าแสงเหนือ - Murmansk
https://ppantip.com/topic/37524642
Russia in Winter ไปเที่ยวรัสเซียหน้าหนาว แบบหิมะสีขาวๆกัน Part3. Saint Petersburg
https://ppantip.com/topic/38195338
Day 1: ถึงสนามบิน DME เข้ามอสโกวด้วย Aeroexpress ราคา 500 rub ต่อคน เดินเล่นและพักผ่อนแถวโรงแรม
เราทำคลิปไว้ ลองกดเข้าดูกันได้จ้า
Day 2 : พระราชวังเครมลิน, Saint Basil's Cathedral, Red square, ห้าง Gum,
Cathedral of Christ of the savior
เริ่มวันแรกด้วยพระราชวังเครมลิน ที่นี่เราจองตั๋วเข้า Armoury Chamber มาก่อนล่วงหน้า
เพราะเค้าจำกัดคนเข้าชม ราคาตั๋ว 700 rub/คน ปริ้นท์ใบจองมาแลกตั๋วจริงที่ Excursion office (47)
เข้าพระราชวังได้สองทางคือตรงเลข 1 กับ 2 ที่เรามาร์คไว้ให้ ถ้าใครมีเป้ กระเป๋าใบใหญ่ รวมกระเป๋ากล้องด้วย
จะต้องเอาไปฝากที่ห้องฝากกระเป๋า ซึ่งอยู่ใกล้ทางเข้าที่ 2
ห้องฝากกระเป๋า
ด้านหน้าทางเข้าพระราชวัง เราเลือกเข้าทางเข้าที่ 1 เพราะใกล้ Armoury Chamber
พอเดินเข้ามา Armoury Chamber จะอยู่ซ้ายมือของเรา ก็คืออาคารสีส้มในรูป ในนั้นห้ามถ่ายรูป
ภายในจะมีสมบัติ ฉลองพระองค์ ข้าวของเครื่องใช้ ของพระเจ้าซาร์และราชินี มากมาย
เดินชมด้านในเสร็จ เดินกลับออกมา เพื่อเดินไป complex of the Cathedral Square
โซนนี้จะต้องเสียค่าตั๋วเข้าชมอีกคนละ 500 rub บริเวณนั้นประกอบไปด้วย 3 Cathedral ได้แก่
Assumption, Archangel and Annunciation cathedrals
ถ้าซื้อตั๋วแล้ว เราสามารถเข้าชมภายในโบสถ์ทั้งสามได้หมดเลย ในบริเวณนี้มี Ivan the Great Bell-Tower
สามารถซื้อตั๋วเพิ่มเพื่อเข้าชมด้านในและเดินขึ้นไปชมวิวมุมกว้างจากหอคอย แต่ที่นี่ปิดในหน้าหนาว
ประตูของโบสถ์ Assumption สวยงาม
จาก Cathedral Square เราเดินต่อไปชมปืนใหญ่และระฆังพระเจ้าซาร์
ปืนใหญ่ทำจากทองสัมฤทธิ์ เป็นปืนที่ไม่เคยใช้ยิงจริงๆเลย
ถัดไปคือระฆังพระเจ้าซาร์ เป็นระฆังขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากนำออกมาจากเบ้าหลอมเพื่อรอให้เย็น
เกิดไฟไหม้พระราชวังเครมลิน มีการฉีดน้ำดับไฟ น้ำไปโดนระฆังทำให้ระฆังแตกตั้งแต่ยังไม่เคยตี
ด้านหน้าเป็นอาคารทำการของรัฐบาล ได้ยินคำเล่ามาว่า ถ้ามีธงชาติติดบนยอด
หมายถึงวันนั้นท่านผู้นำอยู่ที่อาคารแห่งนี้ด้วย
จากพระราชวังเครมลิน เราเดินออกมาแล้วเดินเลาะกำแพงไปเที่ยวต่อที่ Red square
มาเจอทหารสองคนที่ยืนอยู่ริมกำแพงเครมลิน กำลังยืนเฝ้าเปลวไฟที่ไม่มีวันดับ
อันเป็นสัญลักษณ์แห่งการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง
จากตรงเปลวไฟก็เดินเลาะกำแพงไปต่อ จะไปเจอ State historical museum
ด้านข้างของ museum มีช่องเล็กๆเดินทะลุไปด้านหลัง เข้าสู่ Red square
ด้านขวามือเป็นห้าง Gum ห้างเก่าแก่ของมอสโกว ซ้ายมือเป็นแนวกำแพงของพระราชวังเครมลิน
มองตรงไปด้านหน้าจะเป็น State historical museum จากภาพนี่เรายืนอยู่ด้านหน้า Saint Basil's Cathedral
เข้าไปเที่ยวห้าง Gum กันดีกว่า
เป็นห้างเก่าแก่ที่อยู่คุ่มอสโกวมานาน หลังคาทำจากกระจกโค้ง เพื่อให้ด้านในโปร่งและสว่าง เก๋ดี
มา Gum ต้องมากินไอศกรีมในตำนาน มีหลายรสเลือกไม่ถูก ก็อร่อยดีนะ หอมๆเข้มข้น
จริงๆใกล้ๆห้าง Gum มี Kazan Cathrdral ด้วยแต่เราไม่ได้แวะเข้าไปค่ะ
ออกจาก Gum ไปต่อที่ Saint Basil's Cathedral (หรือโบสถ์หัวหอมน่ะแหละ)
Saint basil's cathedral อยู่บริเวณจตุรัสแดง สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะที่มีต่อชาวมองโกล
มีเรื่องเล่าว่า พระเจ้า Ivan IV ทรงพอพระทัยมากรับสั่งถามช่างผู้ออกแบบว่าทำโบสถ์แบบนี้อีกได้ไหม
ด้วยความภูมิใจช่างตอบไปว่าได้ แต่พระเจ้า Ivan ไม่ต้องการให้สร้าง จึงตอบแทนด้วยการควักลูกตา
ของช่างผู้นั้นเพื่อไม่ให้ไปสร้างโบสถ์สวยๆแบบนี้ที่ไหนอีก เป็นที่มาของชื่อ อีวานจอมโหด
ค่าตั๋วเข้าคนละ 500 rub ด้านในอนุญาตให้ถ่ายภาพได้
มีบันไดเวียนขึ้นไปชมด้านบน พอขึ้นไปถึงจะมีทีมนักร้องประสานเสียง ร้องเพลงเพราะๆให้ฟัง