สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาไปเที่ยวในพระราชวังเครมลินกันครับ
*** Kremlin Palace
เวลาเปิด 9:30-16:00 ปิดพฤหัสบดี
ค่าเข้า 500 ruble (ค่าเข้าเฉพาะบริเวณพระราชวัง)
การเดินทาง Metro Aleksandrovsky Sad
จากแผนที่ผมจะเข้าพระราชวังเครมลินทาง Borovitskaya tower (no.4)
เนื่องจากผมจะเข้าชม Armoury Chamber และ Diamond Fund (no.6)
ส่วนอาคารหมายเลข 1 คืออาคารขายตั๋วเข้าชม Armoury Chamber
และ Diamond Fund (no.1)
ถ้าใครไม่ได้เข้าชม Armoury Chamber แนะนำให้เข้าทาง Kutafiya tower (no.2)
ซึ่งจะเดินเข้าพระราชวังเครมลินผ่านทาง Trinity Tower (no.3)
หมายเลข 7-16 จะเป็นโบสถ์ต่างๆในพระราชวังเครมลิน ถ้าเดินมาอีกหน่อยจะพบกับ
หอคอย Spasskaya Tower (no.5) ซึ่งเป็นประตูทางเชื่อมไป Red Square
เมื่อผ่านเข้ามาทาง Borovitskaya tower จะเห็นประตูทางเข้า Armoury chamber ทางด้านขวา
Armoury chamber และ Diamond Fund จะอยู่อาคารเดียวกัน
ทั้งสองที่มีการขายตั๋วแยกกัน บางคนก็เข้าชมแค่ Armoury chamber
แต่ยังไงก็ไปถึงที่นั่นแล้วผมก็เลยเข้าชม Diamond Fund ด้วย
*** Armoury chamber
เปิด 4 รอบต่อวันคือ 10:00 12:00 14:30 16:30 ปิดวันพฤหัสบดี
ค่าตั๋ว 700 Ruble
ภายในห้ามถ่ายรูป แต่สามารถพกเป้ กล้อง และมือถือเข้าไปได้
อาคารมี 2 ชั้น ชั้นบนมีชุดเครื่องทอง จาน ชาม ของกำนัลจากประเทศต่างๆ
ที่นี่จัดแสดงไข่ ฟาแบร์เช สร้างโดยศิลปิน ปีเตอร์ คาร์ล ฟาแบร์เช ผู้ออกแบบไข่อีสเตอร์
ที่มีชื่อเสียง สร้างเพื่อถวายแด่ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 และซาร์นิโคลัสที่ 2
ชั้นล่างมีชุดของพระจักรพรรดินี Catherine 2 คือชุดอภิเษกสมรสและชุดขึ้นครองราชย์
และยังมีชุดของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และชุดของพระนาง Catherine 1 ด้วย
มีห้องหนึ่งจัดแสดงรถม้าของพระจักรพรรดินี Elizabeth และพระจักรพรรดินี Catherine 2
ที่ทำจากไม้แกะสลักงดงามและยิ่งใหญ่
นอกจากนั้นยังมีบัลลังก์ของพระเจ้าซาร์และซาร์รีน่า และมีการจัดแสดงมงกฎของเจ้าชาย
Vladimir Monomakh ที่ใช้สวมขึ้นครองราชย์ของเจ้าชายในยุคต่อมาจวบจนถึงปี ค.ศ. 1682
*** Diamond Fund
เปิด 10.00-17.00 รอบละ 20 นาที ปิดวันพฤหัสบดี
ค่าตั๋ว 500 ruble
ก่อนเข้าห้องนี้มีการตรวจอย่างละเอียดมาก ทั้งสแกนร่างกายเลย เปิดดูกระเป๋า
เพราะเป็นห้องกรุมหาสมบัติ ที่เก็บหินมีค่าจำพวก เพชร พลอย ทับทิม มรกต แต่ละชิ้น
มีขนาดใหญ่ ที่สำคัญมีแผนที่รัสเซียที่ใช้เพชรน้ำงามมาเรียงต่อกันด้วย
นอกจากนี้ ยังมีสร้อยคอ ต่างหู จี้ สร้อยข้อมือของราชวงศ์ และมหามงกุฎที่สืบทอดมา
จนถึงพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สองที่สวยงามและคงสภาพสมบูรณ์
จากภาพเป็นประตูทางเข้า Armoury chamber และ Diamond Fund
เมื่อชม Armoury chamber และ Diamond Fund เสร็จแล้วก็เดินทางต่อไปชมโบสถ์กัน
ผมได้ซื้อตั๋วเข้าชมโบสถ์ทั้ง 3 ไว้ด้วย แต่ข้างในถ่ายรูปไม่ได้
ถนนก่อนเข้า Cathedral square มีเจ้าหน้าที่คอยดูรถให้ด้วย
*** Cathedral square
เป็นบริเวณจตุรัส ที่รวมของวิหารสามแห่งที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดของพระราชวังเครมลินคือ
- Annunciation Cathedral
- Assumption Cathedral
- Archangel Cathedral
เวลาเปิด 10.00-17.00 (15 พ.ค.-30 ก.ย. เปิด 9.30-18:00)
ค่าตั๋ว 500 Ruble
*** Annunciation Cathedral
วิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปีคริสตศักราช 1484 ถึง 1489 เพื่อทดแทนของเก่า
ในตำแหน่งเดิม โดยสร้างในสมัย Grand Duke Ivan 3 Vasilievich หรือต่อมา
คือพระเจ้าอีวานที่สาม สถาปัตยกรรมเป็นแบบผสมผสานระหว่างสไตล์กรีกกับรัสเซีย
โดยโบสถ์มีโดมทั้งหมด 9 โดม
ในสมัยศตวรรษที่ 16 ถึง 17 โบสถ์แห่งนี้ใช้ในงานพระราชพิธีต่างๆเช่น พิธีแต่งงาน
พิธีศึลจุ่มของราชวงศ์ และเป็นที่เก็บสมบัติของเจ้าชายและพระเจ้าซาร์ด้วย
ด้านทิศเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือของโบสถ์นี้มีทางเดินเชื่อมไปถึงเขตพระราชฐาน
ชั้นในและเคยถูกใช้ต้อนรับคณะทูตต่างชาติด้วย
ในปัจจุบันโบสถ์นี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีรูปเขียนสีในศตวรรษที่ 15 ของพระแม่มารี
พระเยซู และไม้กางเขนโบราณ
*** Archangel Cathedral
วิหารนี้สร้างขึ้นสมัย Ivan ที่หนึ่ง ปีคริสตศักราช 1333 เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสิ้นสุด
ยุคข้าวยากหมากแพงและต่อมาในสมัยของ Ivan ที่สาม มีการสร้างขึ้นมาใหม่ในแบบ
ศิลปะ รัสเซีย-ไบแซนไทน์ ดังที่เห็นในปัจจุบัน โดยอุทิศให้แก่อัครเทวทูต Michael ที่ถูก
ยกย่องให้เป็นเทพผู้พิทักษ์ของกรุงมอสโคว โดยสร้างหลังจาก Assumption Cathedral
ประมาณ 20 ปี
ภายในโบสถ์มีภาพเขียนสี โดยจะเป็นรูปภาพนักบุญต่างๆจนเต็มผนังและเพดานในขณะ
เดียวกันก็มีหีบพระศพเจ้าชายและซาตั้งหนึ่งรายจำนวนมาก
*** Assumption Cathedral
เริ่มสร้างในสมัยพระเจ้า Ivan ที่หนึ่ง ต่อมาในสมัยพระเจ้า Ivan ที่สาม มหาราช
ปีคริสตศักราช 1475 ถึง 1479 ได้ก่อสร้างขึ้นใหม่ทาบลงบนโบสถ์เก่าที่พังทลาย
เนื่องจากแผ่นดินไหว
วิหารมีสถาปัตยกรรมแบบยอดโดมทรงหัวหอมออกแบบโดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียง
ของอิตาลียุคนั้นคือ อลิซโตเติล ฟิโอราวานติ ลักษณะภายนอกโบสถ์จะเรียบง่าย
ประกอบด้วยตัวอาคารและโดมทั้งห้า ด้านหน้าประตูทางเข้ามีรูปพระแม่มารี
กำลังอุ้มพระเยซูเป็นภาพเขียนสีเฟรสโก้ขนาดใหญ่ในศตวรรษที่ 17
และภายในโบสถ์นี้มีภาพเขียนสีเฟรสโก้และบัลลังก์ของพระเจ้าอีวานที่สี่ด้วย
ที่นี่เป็นวิหารที่เก่าแก่ที่สุดในบริเวณพระราชวังเครมลินและมีความสำคัญที่สุด
เพราะใช้ประกอบพระราชพิธีขึ้นของราชของพระเจ้าซาร์และยังเป็นที่ฝังศพ
ของสังฆราชนิกายรัสเซียนออร์โธดอกซ์
*** Ivan the Great Bell-Tower
หอคอยถูกสร้างในคริสตศักราช 1505 ถึง 1508 สมัยพระเจ้าว่า Vasily ที่สามโดยสร้างทดแทนหอคอยเก่าเพื่อระลึกถึง
พระบิดาคือพระเจ้าซาร์ Ivan ที่สาม หอคอยมีความสูง 81 เมตร สูงที่สุดในพระราชวังเครมลิน มีจำนวนขั้นบันได 137 ขั้น
อาคารตรงกลางมีระฆังขนาดใหญ่หนัก 64 ตันแขวนอยู่ ตามประเพณีแล้วระฆังจะถูกตีสามครั้งเมื่อมีการสวรรคตของพระเจ้าซาร์
เวลาเปิดรอบ 10.15 11.15 13.00 14.00 15.00 และ 16.00
ค่าตัว 250 รูเบิ้ล
วิวเมื่อมองจาก Ivan the Great Bell-Tower
บริเวณใกล้ๆกับโบสถ์จะพบกับ Tsar Cannon และ Tsar Bell
*** Tsar Cannon หรือ ปืนใหญ่พระเจ้าซาร์
ปืนใหญ่นี้ทำจากทองสำฤทธิ์ซึ่งมีน้ำหนักมากถึง 40 ตัน จัดว่าเป็นปืนใหญ่ที่มีขนาด
ลำกล้องใหญ่ที่สุดในโลกคือใหญ่ถึง 890 มม. ปืนใหญ่นี้ไม่เคยใช้ในการศึกสงครามใดๆ
และไม่เคยถูกใช้ยิงแม้แต่ครั้งเดียว
ปืนใหญ่นี้ถูกสร้างขึ้นในปีคริสตศักราช 1586 ออกแบบโดยช่างหล่อปืนที่มีชื่อเสียง
ในยุคนั้นคือ Andrey Chokhov เพื่อถวายพระเจ้าซาร์ Fyodor I Ivanovichโดยมุ่งหมาย
ให้ใช้ประดับมากกว่าเป็นอาวุธจริง
ลูกปืนใหญ่แต่ละลูกมีน้ำหนักประมาณ 1 ตัน สร้างขึ้นภายหลังในปีคริสตศักราช 1834
จากเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเพื่อเป็นสิ่งประดับปืนใหญ่เท่านั้น
ถ้ามองจากที่ตั้ง Tsar Cannon จะมองเห็นโบสถ์ทั้งสาม
*** Tsar Bell หรือ ระฆังพระเจ้าซาร์
ระฆังขนาดใหญ่ที่สุดในโลกนี้ถูกสร้างขึ้นในปีคริสตศักราช 1730 เพื่อถวายพระราชินี
Anna Ivanovna โดยระฆังมีน้ำหนักมากถึง 202 ตันและไม่เคยเคาะให้เสียงดังก้อง
กังวานแม้แต่ครั้งเดียว เนื่องจากในระหว่างที่รอให้ระฆังเย็นหลังจากหล่อในเบ้าหลอม
เกิดไฟไหม้ในเครมลิน จึงมีการฉีดน้ำดับไฟปรากฏว่าระฆังโดนน้ำทั้งที่ร้อนอยู่
ทำให้ระฆังแตกออก โดยชิ้นส่วนที่แตกออกมานั้นมีน้ำหนักถึง 11 ตัน
เมื่อเทียบกับคนจะเห็นว่าระฆังใหญ่มาก
เมื่อเดินออกมาจากบริเวณโบสถ์จะพบกับถนนขนาดใหญ่ ซึ่งด้านตรงข้ามเป็น Spasskaya Tower
*** Spasskaya Tower
หอคอยนี้เป็นหนึ่งใน 20 หอคอยที่สร้างขึ้นในช่วงปีคริสตศักราช 1485 ถึง 1500 เพื่อคอยสอดส่องข้าศึก
และเป็นที่ติดตั้งอาวุธที่ใช้ในการต่อสู้กับศัตรู
หอคอยนี้เป็นประตูทางออกสู่จัตุรัสแดง นาฬิกาที่เห็นถูกติดตั้งในช่วงคริสตศักราช 1850 มีเข็มยาวถึง 3 เมตร
ตัวนาฬิกาหนักถึง 30 ตัน
เมื่อเดินย้อนกลับมาจะเห็น Ivan the Great Bell-Tower
เมื่อเดินข้ามถนนตรงไปแล้วเลี้ยวไปทางขวาก็จะพบกับ Trinity Tower
ซึ่งเป็นทางเข้าชมพระราชวังเครมลินอีกทางหนึ่ง
Trinity Tower
Kutafiya tower
สำหรับตอนหน้าผมจะพาไปชม วิหารเซนต์บาซิล หรือ Saint Basil's Cathedral กันครับ
ขอบคุณที่ติดตามชมครับ
ตอนต่อไป
https://ppantip.com/topic/39641938
สามารถติดตามทางช่องทางอื่นๆได้ดังนี้ครับ
https://www.facebook.com/photojourneylover/
https://www.youtube.com/channel/UC6YHZIDA0wWJznUI41-5yyQ
https://www.instagram.com/mekabeam/
[CR] เที่ยวรัสเซีย 12 วัน #22 (Kremlin Palace)
*** Kremlin Palace
เวลาเปิด 9:30-16:00 ปิดพฤหัสบดี
ค่าเข้า 500 ruble (ค่าเข้าเฉพาะบริเวณพระราชวัง)
การเดินทาง Metro Aleksandrovsky Sad
จากแผนที่ผมจะเข้าพระราชวังเครมลินทาง Borovitskaya tower (no.4)
เนื่องจากผมจะเข้าชม Armoury Chamber และ Diamond Fund (no.6)
ส่วนอาคารหมายเลข 1 คืออาคารขายตั๋วเข้าชม Armoury Chamber
และ Diamond Fund (no.1)
ถ้าใครไม่ได้เข้าชม Armoury Chamber แนะนำให้เข้าทาง Kutafiya tower (no.2)
ซึ่งจะเดินเข้าพระราชวังเครมลินผ่านทาง Trinity Tower (no.3)
หมายเลข 7-16 จะเป็นโบสถ์ต่างๆในพระราชวังเครมลิน ถ้าเดินมาอีกหน่อยจะพบกับ
หอคอย Spasskaya Tower (no.5) ซึ่งเป็นประตูทางเชื่อมไป Red Square
เมื่อผ่านเข้ามาทาง Borovitskaya tower จะเห็นประตูทางเข้า Armoury chamber ทางด้านขวา
Armoury chamber และ Diamond Fund จะอยู่อาคารเดียวกัน
ทั้งสองที่มีการขายตั๋วแยกกัน บางคนก็เข้าชมแค่ Armoury chamber
แต่ยังไงก็ไปถึงที่นั่นแล้วผมก็เลยเข้าชม Diamond Fund ด้วย
*** Armoury chamber
เปิด 4 รอบต่อวันคือ 10:00 12:00 14:30 16:30 ปิดวันพฤหัสบดี
ค่าตั๋ว 700 Ruble
ภายในห้ามถ่ายรูป แต่สามารถพกเป้ กล้อง และมือถือเข้าไปได้
อาคารมี 2 ชั้น ชั้นบนมีชุดเครื่องทอง จาน ชาม ของกำนัลจากประเทศต่างๆ
ที่นี่จัดแสดงไข่ ฟาแบร์เช สร้างโดยศิลปิน ปีเตอร์ คาร์ล ฟาแบร์เช ผู้ออกแบบไข่อีสเตอร์
ที่มีชื่อเสียง สร้างเพื่อถวายแด่ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 และซาร์นิโคลัสที่ 2
ชั้นล่างมีชุดของพระจักรพรรดินี Catherine 2 คือชุดอภิเษกสมรสและชุดขึ้นครองราชย์
และยังมีชุดของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และชุดของพระนาง Catherine 1 ด้วย
มีห้องหนึ่งจัดแสดงรถม้าของพระจักรพรรดินี Elizabeth และพระจักรพรรดินี Catherine 2
ที่ทำจากไม้แกะสลักงดงามและยิ่งใหญ่
นอกจากนั้นยังมีบัลลังก์ของพระเจ้าซาร์และซาร์รีน่า และมีการจัดแสดงมงกฎของเจ้าชาย
Vladimir Monomakh ที่ใช้สวมขึ้นครองราชย์ของเจ้าชายในยุคต่อมาจวบจนถึงปี ค.ศ. 1682
*** Diamond Fund
เปิด 10.00-17.00 รอบละ 20 นาที ปิดวันพฤหัสบดี
ค่าตั๋ว 500 ruble
ก่อนเข้าห้องนี้มีการตรวจอย่างละเอียดมาก ทั้งสแกนร่างกายเลย เปิดดูกระเป๋า
เพราะเป็นห้องกรุมหาสมบัติ ที่เก็บหินมีค่าจำพวก เพชร พลอย ทับทิม มรกต แต่ละชิ้น
มีขนาดใหญ่ ที่สำคัญมีแผนที่รัสเซียที่ใช้เพชรน้ำงามมาเรียงต่อกันด้วย
นอกจากนี้ ยังมีสร้อยคอ ต่างหู จี้ สร้อยข้อมือของราชวงศ์ และมหามงกุฎที่สืบทอดมา
จนถึงพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สองที่สวยงามและคงสภาพสมบูรณ์
จากภาพเป็นประตูทางเข้า Armoury chamber และ Diamond Fund
เมื่อชม Armoury chamber และ Diamond Fund เสร็จแล้วก็เดินทางต่อไปชมโบสถ์กัน
ผมได้ซื้อตั๋วเข้าชมโบสถ์ทั้ง 3 ไว้ด้วย แต่ข้างในถ่ายรูปไม่ได้
ถนนก่อนเข้า Cathedral square มีเจ้าหน้าที่คอยดูรถให้ด้วย
*** Cathedral square
เป็นบริเวณจตุรัส ที่รวมของวิหารสามแห่งที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดของพระราชวังเครมลินคือ
- Annunciation Cathedral
- Assumption Cathedral
- Archangel Cathedral
เวลาเปิด 10.00-17.00 (15 พ.ค.-30 ก.ย. เปิด 9.30-18:00)
ค่าตั๋ว 500 Ruble
*** Annunciation Cathedral
วิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปีคริสตศักราช 1484 ถึง 1489 เพื่อทดแทนของเก่า
ในตำแหน่งเดิม โดยสร้างในสมัย Grand Duke Ivan 3 Vasilievich หรือต่อมา
คือพระเจ้าอีวานที่สาม สถาปัตยกรรมเป็นแบบผสมผสานระหว่างสไตล์กรีกกับรัสเซีย
โดยโบสถ์มีโดมทั้งหมด 9 โดม
ในสมัยศตวรรษที่ 16 ถึง 17 โบสถ์แห่งนี้ใช้ในงานพระราชพิธีต่างๆเช่น พิธีแต่งงาน
พิธีศึลจุ่มของราชวงศ์ และเป็นที่เก็บสมบัติของเจ้าชายและพระเจ้าซาร์ด้วย
ด้านทิศเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือของโบสถ์นี้มีทางเดินเชื่อมไปถึงเขตพระราชฐาน
ชั้นในและเคยถูกใช้ต้อนรับคณะทูตต่างชาติด้วย
ในปัจจุบันโบสถ์นี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีรูปเขียนสีในศตวรรษที่ 15 ของพระแม่มารี
พระเยซู และไม้กางเขนโบราณ
*** Archangel Cathedral
วิหารนี้สร้างขึ้นสมัย Ivan ที่หนึ่ง ปีคริสตศักราช 1333 เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสิ้นสุด
ยุคข้าวยากหมากแพงและต่อมาในสมัยของ Ivan ที่สาม มีการสร้างขึ้นมาใหม่ในแบบ
ศิลปะ รัสเซีย-ไบแซนไทน์ ดังที่เห็นในปัจจุบัน โดยอุทิศให้แก่อัครเทวทูต Michael ที่ถูก
ยกย่องให้เป็นเทพผู้พิทักษ์ของกรุงมอสโคว โดยสร้างหลังจาก Assumption Cathedral
ประมาณ 20 ปี
ภายในโบสถ์มีภาพเขียนสี โดยจะเป็นรูปภาพนักบุญต่างๆจนเต็มผนังและเพดานในขณะ
เดียวกันก็มีหีบพระศพเจ้าชายและซาตั้งหนึ่งรายจำนวนมาก
*** Assumption Cathedral
เริ่มสร้างในสมัยพระเจ้า Ivan ที่หนึ่ง ต่อมาในสมัยพระเจ้า Ivan ที่สาม มหาราช
ปีคริสตศักราช 1475 ถึง 1479 ได้ก่อสร้างขึ้นใหม่ทาบลงบนโบสถ์เก่าที่พังทลาย
เนื่องจากแผ่นดินไหว
วิหารมีสถาปัตยกรรมแบบยอดโดมทรงหัวหอมออกแบบโดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียง
ของอิตาลียุคนั้นคือ อลิซโตเติล ฟิโอราวานติ ลักษณะภายนอกโบสถ์จะเรียบง่าย
ประกอบด้วยตัวอาคารและโดมทั้งห้า ด้านหน้าประตูทางเข้ามีรูปพระแม่มารี
กำลังอุ้มพระเยซูเป็นภาพเขียนสีเฟรสโก้ขนาดใหญ่ในศตวรรษที่ 17
และภายในโบสถ์นี้มีภาพเขียนสีเฟรสโก้และบัลลังก์ของพระเจ้าอีวานที่สี่ด้วย
ที่นี่เป็นวิหารที่เก่าแก่ที่สุดในบริเวณพระราชวังเครมลินและมีความสำคัญที่สุด
เพราะใช้ประกอบพระราชพิธีขึ้นของราชของพระเจ้าซาร์และยังเป็นที่ฝังศพ
ของสังฆราชนิกายรัสเซียนออร์โธดอกซ์
*** Ivan the Great Bell-Tower
หอคอยถูกสร้างในคริสตศักราช 1505 ถึง 1508 สมัยพระเจ้าว่า Vasily ที่สามโดยสร้างทดแทนหอคอยเก่าเพื่อระลึกถึง
พระบิดาคือพระเจ้าซาร์ Ivan ที่สาม หอคอยมีความสูง 81 เมตร สูงที่สุดในพระราชวังเครมลิน มีจำนวนขั้นบันได 137 ขั้น
อาคารตรงกลางมีระฆังขนาดใหญ่หนัก 64 ตันแขวนอยู่ ตามประเพณีแล้วระฆังจะถูกตีสามครั้งเมื่อมีการสวรรคตของพระเจ้าซาร์
เวลาเปิดรอบ 10.15 11.15 13.00 14.00 15.00 และ 16.00
ค่าตัว 250 รูเบิ้ล
วิวเมื่อมองจาก Ivan the Great Bell-Tower
บริเวณใกล้ๆกับโบสถ์จะพบกับ Tsar Cannon และ Tsar Bell
*** Tsar Cannon หรือ ปืนใหญ่พระเจ้าซาร์
ปืนใหญ่นี้ทำจากทองสำฤทธิ์ซึ่งมีน้ำหนักมากถึง 40 ตัน จัดว่าเป็นปืนใหญ่ที่มีขนาด
ลำกล้องใหญ่ที่สุดในโลกคือใหญ่ถึง 890 มม. ปืนใหญ่นี้ไม่เคยใช้ในการศึกสงครามใดๆ
และไม่เคยถูกใช้ยิงแม้แต่ครั้งเดียว
ปืนใหญ่นี้ถูกสร้างขึ้นในปีคริสตศักราช 1586 ออกแบบโดยช่างหล่อปืนที่มีชื่อเสียง
ในยุคนั้นคือ Andrey Chokhov เพื่อถวายพระเจ้าซาร์ Fyodor I Ivanovichโดยมุ่งหมาย
ให้ใช้ประดับมากกว่าเป็นอาวุธจริง
ลูกปืนใหญ่แต่ละลูกมีน้ำหนักประมาณ 1 ตัน สร้างขึ้นภายหลังในปีคริสตศักราช 1834
จากเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเพื่อเป็นสิ่งประดับปืนใหญ่เท่านั้น
ถ้ามองจากที่ตั้ง Tsar Cannon จะมองเห็นโบสถ์ทั้งสาม
*** Tsar Bell หรือ ระฆังพระเจ้าซาร์
ระฆังขนาดใหญ่ที่สุดในโลกนี้ถูกสร้างขึ้นในปีคริสตศักราช 1730 เพื่อถวายพระราชินี
Anna Ivanovna โดยระฆังมีน้ำหนักมากถึง 202 ตันและไม่เคยเคาะให้เสียงดังก้อง
กังวานแม้แต่ครั้งเดียว เนื่องจากในระหว่างที่รอให้ระฆังเย็นหลังจากหล่อในเบ้าหลอม
เกิดไฟไหม้ในเครมลิน จึงมีการฉีดน้ำดับไฟปรากฏว่าระฆังโดนน้ำทั้งที่ร้อนอยู่
ทำให้ระฆังแตกออก โดยชิ้นส่วนที่แตกออกมานั้นมีน้ำหนักถึง 11 ตัน
เมื่อเทียบกับคนจะเห็นว่าระฆังใหญ่มาก
เมื่อเดินออกมาจากบริเวณโบสถ์จะพบกับถนนขนาดใหญ่ ซึ่งด้านตรงข้ามเป็น Spasskaya Tower
*** Spasskaya Tower
หอคอยนี้เป็นหนึ่งใน 20 หอคอยที่สร้างขึ้นในช่วงปีคริสตศักราช 1485 ถึง 1500 เพื่อคอยสอดส่องข้าศึก
และเป็นที่ติดตั้งอาวุธที่ใช้ในการต่อสู้กับศัตรู
หอคอยนี้เป็นประตูทางออกสู่จัตุรัสแดง นาฬิกาที่เห็นถูกติดตั้งในช่วงคริสตศักราช 1850 มีเข็มยาวถึง 3 เมตร
ตัวนาฬิกาหนักถึง 30 ตัน
เมื่อเดินย้อนกลับมาจะเห็น Ivan the Great Bell-Tower
เมื่อเดินข้ามถนนตรงไปแล้วเลี้ยวไปทางขวาก็จะพบกับ Trinity Tower
ซึ่งเป็นทางเข้าชมพระราชวังเครมลินอีกทางหนึ่ง
Trinity Tower
Kutafiya tower
สำหรับตอนหน้าผมจะพาไปชม วิหารเซนต์บาซิล หรือ Saint Basil's Cathedral กันครับ
ขอบคุณที่ติดตามชมครับ
ตอนต่อไป
https://ppantip.com/topic/39641938
สามารถติดตามทางช่องทางอื่นๆได้ดังนี้ครับ
https://www.facebook.com/photojourneylover/
https://www.youtube.com/channel/UC6YHZIDA0wWJznUI41-5yyQ
https://www.instagram.com/mekabeam/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้