ผมเเอบชอบเพื่อนเเฟนเก่าที่เป็นเพื่อนสนิทเเละอยู่ห้องเดียวกันทำไงดีครับ

ผมเเอบชอบเพื่อนของเเฟนเก่าที่อยู่ในห้องเดียวกันมาระยะนึงเเล้วครับ อ่ะเดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังตั้งเเต่ต้น


          ตอนม.4เทอม2ผมเริ่มคบกับเเฟน เเละก็จะมีเพื่อนเเฟนที่อยู่ห้องเดียวกันเป็นที่ปรึกษา เเต่คบมาได้ระยะนึงเธอบอกเลิกกับผม ตอนนั้นผมเสียใจมากเเล้วคนที่ให้คำปรึกษาก็คือเพื่อนเเฟน ซึ่งเธอมักจะเป็นกลางเสมอ เธอคอยให้คำปรึกษาทั้งสองฝ่ายเวลาเราทะเลาะกัน ซึ่งพอผมกับเเฟนเลิกกัน เธอเป็นคนที่ให้คำปรึกษาทุกอย่างทุกเรื่อง ในตอนเเรกผมกับเธอเเทบจะไม่เคยคุยกันเลย เเม้จะอยู่ห้องเดียวกันก็ตาม พอผมมีเเฟน ผมเเละเธอย้ายมานั่งข้างๆกันเพื่อให้คำปรึกษา
          พอขึ้นม.5จัดโต๊ะใหม่ เรานั่งห่างกันไม่ไกลนัก ตอนนั้นก็มีคุยๆกันบ้างช่วยกันทำงานนู้นนี่นั้นมากมาย ซึ่งในตอนนั้นเเฟนเก่าผมมีเเฟนใหม่ไปเเล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งผมไปเเคสเล่นละครโรงเรียนเเล้วผมก็ติด  เเละในวันเสาร์อาทิตย์ผมต้องไปเรียนติวเตรียมทหาร ทุกๆตอนเย็นวันจันทร์ถึงศุกร์ผมต้องไปซ้อมบทกับเพื่อนๆนักเเสดงคนอื่นตั้งเเต่เย็นจนเกือบหนึ่งทุ่ม พอเสาร์อาทิตย์ก็ต้องไปเรียนตอนเเปดโมงเเละยาวยันวันอาทิตย์เพราะนอนที่นู้น ตอนเรียนติวในตอนเย็นจะมีวิชาพละ หลังจากเรียนเสร็จครูจะปล่อยให้พักสองชั่วโมงก่อนที่จะต้องมาเรียนต่อตอนกลางคืน ผมไม่มีเพื่อนอยู่ที่นู้นเลย ผมจึงโทรหาเพื่อนคนนั้น เเล้วก็คุยกันเเล้วก็ทบทวนหนังสือไปด้วย ก่อนที่จะไปเข้าเรียน เป็นเเบบนี้ทุกครั้ง จนกระทั่งถึงวันเเสดงละครโรงเรียน ช่วงนั้นทั้งอาทิตย์ผมไม่ได้เรียนเลย เเล้วผมก็ได้คุยกับนักเเสดงคนนึงจนค่อนข้างสนิทในระดับนึง เธอเป็นคนเเต่งหน้าให้ผม ผมก็เป็นคนเเต่งอุปกรณ์เเต่งตัวให้เธอ เป็นเเบบนี้ทุกวันที่มีการเเสดง พอจบการเเสดงเราได้คุยกัน จนถูกอกถูกใจซึ่งกันเเละกัน ผมจึงขอคบโดยไปขอเเม่ของเธอ เเม่เธอก็อนุญาติ คบกันมาได้ระยะนึง ผมรู้สึกว่าเราสองคนต่างกันมากๆ จึงเริ่มทะเลาะกันบ่อยๆ ผมก็เลยปรึกษาเพื่อนคนนั้นของผม เธอก็ให้คำปรึกษาอยู่ตลอดๆ จนกระทั่งผมรู้สึกเเปลกๆข้างในลึกๆ ซึ่งผมก็รู้สึกมาตั้งนานเเล้ว เเต่ผมก็ไม่รู้ผมรู้สึกอะไร โดยที่เเฟนของผมคนนี้เนี้ยเพื่อนสนิทเธอเป็นผู้ชายเเละหลายคนมาก เวลาอยู่ด้วยกันเธอก็มักจะพูดถึงเพื่อนผู้ชายเธออยู่บ่อยมากๆ  เเต่ผมมีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิงเเล้วก็ไม่รู้จะคุยอะไรดี เพราะช่วงนั้นไม่ได้คุยกับเพื่อนสนิทเลย ซึ่งผมเป็นผู้ชายที่ขี้หึงมากเวลาเห็นเเฟนอยู่หรือคุยกับผู้ชาย ก็ไอ้เพราะเเบบนี้เเหละครับ เป็นเหตุผลหนึงที่ผมเลิกกับเเฟนก่อนหน้านี้ จนกระทั่งวันนึงมันมีปัญหาหลายเรื่องจนผมทนไม่ได้ ผมจึงบอกเลิกกับเธอ ซึ่งผมไม่เคยบอกเลิกใครเลย ผมเคยมีเเฟน3คน ซึ่ง2คนเเรกบอกเลิกผม ส่วนเธอเป็นคนที่3 ผมรู้สึกผิดมากๆผิดเเบบ ยิ้มๆ เเม้เธอจะยื้อหรืออะไรผมก็ไม่เอาจริงๆ มันทำให้ผมนึกถึงเเฟนคนก่อนหน้า เพราะหลังจากเธอบอกเลิกกับผม ผมเสียใจมาก ยื้อยังไงเธอก็ไม่ฟัง จนผมก็เกรียวกราดว่าเธออย่างนู้นอย่างนี้เเล้วก็ตีตัวออกห่าง ซึ่งมันอารมณ์เดียวกันเลยผมว่า เเต่เเค่สลับฝ่ายกัน ตอนนั้นผมรู้สึกผิดมากจริงๆ มันคงจะเป็นกรรมของผมอ่ะครับ
          ม.5เทอม2 กลับสู่สภาพวะปกติ ผมเลิกติวเตรียม เพราะค่าเรียนเเพงเกินไป จึงมีเวลาว่างมากขึ้น วันหนึ่งมีโอกาสได้คุยเปิดอกกับเพื่อนสนิทอีกเธอบอกว่า "ตั้งเเต่ไปซ้อมละครเราก็ไม่ค่อยสนิทกัน" ซึ่งในมุมมองของผม เธอเป็นเพื่อนสนิทของผมคนเดียวเลยนะ จนกระทั่งเกือบๆสิ้นปีได้ช่วยทำงานด้วยกันบ่อยๆ เราเลยเริ่มกลับมาสนิทกันเหมือนเดิม เรามักจะไปไหนด้วยกันบ่อยๆ เช่น ไปทำงานกลุ่มข้างนอก ออกไปซื้อของ  จะเรียกได้ว่าช่วงนั้นถ้ามีงานอะไรก็ไปทำด้วยกันตลอด จนกระทั่งปีใหม่พอดี สุดท้าย ผมก็รู้ว่าความรู้สึกเเปลกๆลึกๆของผมตั้งเเต่ตอนนั้นมันคืออะไร ผมกำลังชอบเธออยู่ ยิ้ม!!! เป็นความรู้สึกที่เเย่มาก นี่ผมไม่ได้เลิกกับเเฟนคนก่อนเพราะขี้หึงนี่หว่า เเต่กูมาชอบเพื่อนสนิท ตอนนั้นคบกันเพราะคิดว่านิสัยเหมือนเพื่อนสนิท ผมไม่อยากให้ใครรู้เลย เเม้ว่าเธอจะเคยถามเพราะเป็นเพื่อนสนิทกัน ไอ้เราก็เพื่อนสนิทอ่ะเนอะ ไม่บอกก็ไม่ได้ เราก็พยามบอกเเบบสมมุติคนขึ้นมาอีกคนหนึ่งอ่ะครับ ว่าเขาเป็นเพื่อนกูเอง เขาคอยให้คำปรึกษากูตลอด อะไรเเบบนี้อะครับ เธอบอกว่า เมื่อไหร่จะไปบอกชอบเขาสักที ผมก็เลยบอกว่า ไม่รู้ดิ55555 ต่างคนต่างเล่าเรื่องความรักของตัวเอง เธอเล่าถึงผู้ชายอีกคนที่เธอชอบ ผมก็ได้เเต่รับฟัง ตั้งเเต่สนิทกันมากขึ้นผมก็ได้รู้สึกว่า ผมเข้าใจเธอทุกอย่าง รับเธอได้ทุกอย่าง ชอบทุกอย่างที่เป็นเธอ จะรอเเละขอเป็นคนสุดท้ายของเธอ


           ซึ่งตอนนี้ปิดเทอมเเล้วครับไม่ค่อยได้คุยกัน กลัวเขาจะรู้ว่าเราชอบ ไม่อยากทักหาบ่อยๆ ช่วงนี้ได้เเต่ทำงานอ่ะครับ ความหวังจะเป็นนายร้อยก็หมดเเล้วครับเพราะเข้าใจปัญหาทางการเงินที่บ้านว่าไม่มีเงินส่งไปติว เพราะพ่อทำงานคนเดียวในบ้าน เป็นเเค่พนักงานขับเเท็กซี่ธรรมดา


ส่วนตัวผมคิดว่าจะไม่บอกเธอเลย รอมีงาน หรือสอบติดจ่า ติดนายสิบก่อน ผมถึงจะบอกเธอ หรือไม่ก็ลองไปสอบตามเธอ เผื่อจะติดมหาลัยเดียวกับเธอ เเล้วก็ตามเธอไปเรียน


อยากรู้ว่าเพื่อนๆพี่ๆ พอจะให้คำเเนะนำผมยังไงดีครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่