ในที่สุดเล่มจบของเรื่อง มอนไดจิ หรือที่รู้จักกันในชื่อไทย "ตัวป่วนชั้นเซียนมาตบเกรียนถึงต่างโลก" LC โดย Animag ก็ได้ประกาศออกอย่างเป็นทางการในงาน "สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 46 " ณ ศูนย์ ประชุมแห่งชาติสิริกิต แล้วครับหลังจากงานหนังสือรอบที่แล้วหายไปซะงั้น (ฮา)


ตัวป่วนชั้นเซียนมาตบเกรียนถึงต่างโลก เล่ม 12 : การชี้แนะเส้นทางชีวิตของเทพสงครามค่ะ!?
ราคา : 190 บาท ซื้อในงานลดเหลือ 160 บาท
เรื่อง : ทัตสึโนโกะ ทาโร่ ภาพ : อามาโนะ ยู
แปล : เจษฎา เกรียงเม็งโครต (ท่านเจษ)

เรื่องย่อ "ผ่านไปสามเดือนหลังจากศึกชี้ขาดกับอาซี ดาคาฮา
สวนกล่องที่กลับมาสงบสุขได้เริ่มจัดกิฟท์เกมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ทว่า ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับผู้ชนะศึกใหญ่อย่างอิซาโยอิ!?
ระหว่างนั้นโปรเจคท์ใหญ่ที่เกี่ยวพันกับทุกคนในสวนกล่องก็เริ่มเดินหน้าอย่างลับๆ
อีกด้านหนึ่ง อิซาโยอิ อาสึกะ และโยต่างตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจเลือก
พวกเขาจะทำเช่นไร!? และนอกจากนี้ “บุคคลผู้หนึ่ง” ก็มาปรากฏตัวที่สวนกล่อง
ตัวจริงของคนคนนั้นก็คือ...!?"

นานๆทีเราจะได้เห็นฉากเซอร์วิสแบบนี้ สำหรับเรื่องนี้บ้างหละนะ สาวๆแต่ละคนดีย์ต่อใจทั้งนั้น (ฮา)

แต่มันเป็นเพียงเล่ม "จบภาค" เท่านั้น หาใช่เล่มจบของซีรีย์เรื่องนี้ไม่ ดังนั้นคงจะมีใครหลายๆคนสังเกตหรือได้ยินผ่านๆมาบ้างแล้วว่า เรื่องนี้มีภาคต่อที่ชื่อว่า "Last Embryo (ลาสต์ เอ็มบริโอ)" LC โดย Phoenix Next (นกย่าง) ของเรานั่นเอง....เรื่องที่ทำไม A ถึงไม่ได้ LC ภาคต่อนั้น ไม่ขอพูดถึงแล้วกัน เอาเป็นว่าสรุปสั้นๆคือเรื่องนี้ยังไม่จบนั่นเอง ใครอยากตามต่อก็ต้องไปตามของนกย่างหละครับ 555555555 (ในเลขห้ามีน้ำตาซ่อนอยู่ Orz)

อ่านรีวิวประกอบการตัดสินใจ Last Embryo LC โดย Phoenix Next ได้ที่นี่ครับ https://ppantip.com/topic/37277250

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ซึ่งเล่มนี้ถ้าให้ตั้งชื่อจริงๆหละก็ หลายๆคนที่อ่าน ในบอร์ดต่างประเทศเห็นเป็นที่ตรงกันว่า ควรตั้งชื่อเล่มนี้ว่า "ทางเลือกของเหล่าวีรชน (The Choice of Heroes)" ซึ่งจะเรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยนของซีรีย์นี้ก็ว่าได้ เพราะเป็นเล่มแห่งการตัดสินใจของเหล่าวีรชน ทั้งฝั่งเหล่าตัวเอก เหล่าตัวร้าย ซึ่งจะเป็นการเฉลยถึงปมบางอย่างที่เคยเป็นข้อสงสัยกันมาตลอดเรื่อง นำไปสู่  ต้นตอปริศนาบางอย่าง...คำถามที่เกิดขึ้นใหม่ รวมถึง....การนำไปสู่เรื่องราวที่แท้จริงของซีรีย์นี้ ในภาคต่อที่ชื่อว่า "ลาสต์ เอ็มบริโอ"

ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมต้องขึ้นภาคใหม่....ทำไมต้องเปลี่ยนชื่อภาคให้ยุ่งยากนั้น หลังจากที่ทุกท่านได้อ่านเล่ม 12 เล่มจบภาคนี้จบ....น่าจะได้รับคำตอบครับ จึงไม่ขอกล่าวถึงหละกัน.....เอาเป็นว่า มันคือการจบบทใหญ่บทหนึ่งของเรื่องนี้ และ ไปต่อกันในบทใหม่ที่ขอเรียกว่า เรื่องราวที่เป็นเนื้อหาจริงๆของซีรีย์นี้ครับ  

เรื่องที่สอง ซีรีย์นี้จริงๆแล้วมีเรื่องสั้นในเว็บที่ไม่ได้รับการตีพิมพ์จากฝั่งญี่ปุ่นอยู่หลายเรื่องสั้นครับ ทั้ง "งานเลี้ยงอำลาชิโระยาฉะ" เรื่องสั้น "เจ็ดพญาภูติ" และ เรื่องสั้น "แวมไพร์เมดและนักเล่าเรื่อง" ซึ่งแต่ละเรื่องสั้น ล้วนมีผลกระทบสำคัญต่อซีรีย์หลักทั้งนั้น.....ดังนั้นเพื่อไม่ให้แฟนๆเรื่องนี้พลาดข้อมูลที่สำคัญของเรื่องสั้นนี้ ผมจึงสรุปความน่าสนใจของเรื่องสั้นสองเรื่องนี้มาให้ครับ (เรื่องสั้นชิโระยาฉะเคยสรุปแล้ว เสิจหาชื่อเรื่องในเน็ตได้เลยครับ)

ใครอยากอ่านตัวละเอียดกว่านี้ไปอ่านในเพจหละกันครับ อันนี้สรุปแบบย่อมาหละ

เรื่องสั้น 11.5 : แวมไพร์เมดและนักเล่าเรื่อง : เรื่องสั้นเลทิเซีย

เป็นเรื่องราวหลังจบเล่ม 11 ที่เขียนในเว็บของฝั่งญี่ปุ่น ไม่มีการตีพิมพ์อย่างเป็นทางการ ต้องหาอ่านจากในเว็บ เป็นเรื่องสั้นที่ย้อนอดีตเรื่องราวของ เลทิเซีย และ คานาเรีย สมัยที่เลทิเซียยังเป็นจอมมารแวมไพร์ และ คานาเรียที่เป็นผู้นำของโนเนม ซึ่งจะมีข้อมูลสำคัญหลายอย่างในเรื่องสั้นนี้ ที่จะโยงไปสู่ เรื่องราวในภาค Last Embryo ครับ


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุปแบบละเอียด : https://www.facebook.com/Mondaij/photos/a.456156141493498.1073741836.141840206258428/328352224273891/?type=3&theater

-เปิดมาที่ปราสาทแวมไพร์ ป้อมปราการลอยฟ้าในอดีต ในอดีต มีมังกรเฝ้าปราสาทอยู่ เลทิเซียอยู่กลางบรรลังค์เพียงคนเดียว มันคือช่วงเวลาที่เธอกลายเป็นจอมมาร ไล่ฆ่าพวกกบฎนั่นเอง

-คานาเรีย และ ยูไรดิซ (ภรรยายของเทพโอฟีนัส) บุกเข้ามาในปราสาท และยื่นข้อเสนอบางอย่างกับเลทิเซีย แต่เลทิเซียไม่สนใจและต้องการจัดการผู้บุกรุก

-สีผมสีบลอนด์ทองไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะมีได้ มันเป็นสิ่งที่ได้รับมอบสืบต่อกันมาจากเผ่าพันธุ์อื่น คานาเรียได้รับมาจากเพื่อนของเธอ

-เกิดการต่อสู้กันขึ้น แต่พวกคานาเรียนหนีไปได้ พร้อมกับบอกว่าจะกลับมาพบอีกครั้งรักษาตัวด้วย แม่สาวงามผมทองของฉัน

-เลทิเซียตื่นมาที่ฐานบัญชาการของโนเนม เธอฝันไป อิซาโยอิอยู่ข้างๆ เรื่องราวนั้นหลังจากปราบอาซิแล้ว มีการคุยกันเรื่องต่างๆ รวมทั้งกระต่ายดำที่เข้ามาหาเลทิเซีย และดีใจที่เธอปลอดภัย

-เลทิเซียบอกถ้าเกิดแค้นใจหรือดีใจที่แก้แค้นสำเร็จก็ควรพูดมาตรงๆแต่กระต่ายดำบอกไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น แค่เพียงทุกคนปลอดภัยก็ดีใจแล้ว ไปๆมาๆเลทิเซียเลยหวนคิดถึงอดีต และหลับต่อไป

-ย้อนมาที่ความฝันในอดีตของเธอ เธอมางานเลี้ยงน้ำชาของ น้องสาวเธอ โดยที่มีเมดองค์รักษ์ คาร์ลาตามมาด้วย น้องสาวเธอคือคนที่เป็นเจ้าหญิงอันดับสองแห่งราชวงศ์ แวมไพร์ เธอชื่อ ลาเมีย ดราแคลร์ ในขณะที่เลทิเซียเป็นอัศวินของสวนกล่อง

-พูดคุยหยอกล้อกันไปสักพักตามภาษาสาวๆ ไปๆมาๆ คาร์ลาพูดถึงเรื่องรายงานลับสำคัญ ซึ่งมีใจความว่า จอมมารหน้าใหม่ นาม "ดิสโทเปีย" แห่งทิศตะวันตก ได้ไล่ทำลายล้างเทพเคลต์จนถูกลบทิ้งไปมากมาย ทำให้เหล่าเทพที่เคยมีชื่อของเคลต์ ต้องกลายเป็นโนเนมไป

-เลทิเซียที่รู้ข่าวนั้นเลยสั่งการต่างๆ และเตรียมลับมือให้ผู้อพยพของเคลต์ โดยให้ลาเมีย ลืมเรื่องที่คุยกันในวันนี้ซะ

-ย้อนกลับมาที่บรรลังค์สมัยที่เธอยังเป็นจอมมาร หลังจากเจอพวกคานาเรียบุกปราสาทแวมไพร์ เธอพบกับคานาเรียอีกครั้ง คานาเรียบุกเข้ามาคนเดียวและยื่นข้อเสนอว่าจะบอกสิ่งที่เลทิเซียอยากรู้ ให้เล่นเกมกับเธอซะ

-เลทิเซียตอบตกลง สุดท้ายเลยเริ่มเกมด้วยพลัง Another Cosmology ของคานาเรีย เกมนั้นคือเกมย้อนอดีตเรื่องราวของเลทิเซีย ในมุมมองความทรงจำของลาเมีย ดราแคลร์ เลทิเซียได้รู้ถึงสภาพวันสุดท้ายของแวมไพร์ที่เธอกลายเป็นจอมมาร ไล่ฆ่าพวกกบฎ ทำสัญญากับนักกวี สุดท้ายเธอควบคุมตัวเองไม่ได้ลืมแม้กระทั่งน้องสาวของตัวเอง กลายเป็นจอมมารไป

-ลาเมีย ตัดสินใจดึงสติเลทิเซีย แต่เลทิเซียร่างมังกรจำไม่ได้ คาร์ลาเข้ามาช่วย สุดท้ายบอกให้ทิ้งเลทิเซีย และหนีไปกับเธอซะ เพื่อเผ่าพันธุ์แวมไพร์ สุดท้ายลาเมีย ก็หนีไปกับคาร์ลาพร้อมสัญญาที่ว่าจะกลับมาช่วยพี่สาวของเธอให้ได้

-เวลาผ่านไป เผ่าแวมไพร์เริ่มสูญสิ้น มีการเล่าถึงนักกวีนั้นมีพลังที่สามารถสร้างข่าวลือให้กลายเป็นจริง เล่าว่าแวมไพร์คืออสูรกาย และเลทิเซียก็เป็นตัวการนั้น บอกกระทั่งอัศวินแห่งสวนกล่องแท้จริงแล้วก็เป็นแค่ที่สุมหัวของจอมมาร

-มีเพียงลาเมียที่ยังแก้ต่างให้พี่สาวของเธอ แต่พลังของนักกวีนั้นทำให้พี่สาวของเธอเป็นจอมมาร เธอแก้ต่างไม่หยุด

-แต่สุดท้ายไม่มีใครเชื่อเธอ เธอถูกผลกระทบพลังของนักกวี ทำให้จะกลายเป็น ปิศาจที่จะทำร้ายลูกของเธอ แบบแวมไพร์ตนอื่นๆ แต่สุดท้ายแล้ว เธอได้ใช้ Omnipotence Paradox (Paradox แห่งการทำได้ทุกสิ่งอย่าง) ในการผนึกตัวเอง และปล่อยให้ลูกของเธอหนีไป (ใครเป็นพ่อเด็กกัน?)

-นักกวีคือเผ่าพันธุ์ที่แข็งกร่งที่สุดสายพันธุ์ที่สี่ พลังของพวกเขาคือการทำให้สิ่งที่พูดนั้นเป็นจริง สามารถแปรเปลี่ยนสิ่งต่างๆได้ สามารถเปลี่ยนกฎเกณฑ์ของจักรวาลได้ อาทิ พลังของคานาเรีย ที่สามารถทำให้ รอบๆบริเวณของเธอ มีกฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนไป เช่น ปกติไฟต้อง ใช้ สามองค์ประกอบ ในการเผาไหม้ คานาเรียสามารถสร้างเวที ที่ทำให้ ใช้เพียง 2 องค์ประกอบก็เผาไหม้ได้....ทำให้เหล่านักกวี แข็งแกร่งมาก เพราะสามารถทำลายกฎเกณฑ์บางอย่างที่เป็นความเป็นจริงได้ของโลกได้

-เลทิเซียที่เล่นเกมกับคานาเรียอยู่ ได้เห็นความทรงจำของน้องสาวตัวเอง ก็ตกใจ ตอนแรกเธอไม่เชื่อคานาเรีย พอคานาเรียแสดงพลังของเธอให้ได้เห็นเธอก็เชื่อ และเศร้าเสียใจเงียบๆ

-คานาเรียยื่นข้อเสนอ ว่าจะช่วยเลทิเซีย บอกไม่ควรแก้แค้น และจะทำป้ายหลุมศพท่านพ่อท่านแม่เลทิเซียให้ ทำให้เลทิเซียเชื่อใจสุดท้ายเคารพคานาเรียและแสดงความขอบคุณ

-คานาเรียพาเลทิเซียออกไป บอกมาร่วมคอมมูนิวตี้อาร์คาเดียกัน สุดท้ายก็พาเธอออกไปจากปราสาท และทำการปลดผนึกเกมของเลทิเซียโดยทำให้เกมหยุดชะงักชั่วคราว เพื่อให้เธอออกไปนอกปราสาทได้

-ด้วยพลังการควบคุมดวงดาราของ อาร์คาเดียและคานาเรีย ทำให้สามารถควบคุมวิถีดวงดาว ทำให้เกมของเลทิเซียถูกหยุดชะงักและช่วยเหลือเลทิเซียได้

-สุดท้ายเลทิเซียขอบคุณจากใจจริง คานาเรีย ยูไรดิซ และเลทิเซีย คุยกันและยอมรับเลทิเซียเป็นเพื่อน ที่ร่วมชะตากรรมกัน

-เลทิเซียบอกเธอต้องการให้คานาเรียสอนชงชาดำ ที่น้องสาวเธอชอบ เธอบอกถ้าวันใดเธอแก้คำสาปน้องสาวเธอได้ จะได้ชงให้น้องเธอดื่ม นั่นคือคำสาบานของเธอที่ให้ไว้กับน้องสาว

***สุดท้ายคานาเรียพูดถึงศัตรูปริศนา ชายปริศนาที่ต้องรวมพลังกันสู้ ไม่แน่ใจว่าหมายถึงใคร แต่บอกว่าแม้จะได้ตัวเลทิเซียมาก็ยังไม่มากพอที่จะต่อกรคนๆนั้น(หรือคนที่ถล่มโนเนมจะคือคนๆนี้)