กิมโพ-เชจู
          ต่อจาก Part 1 นะค่ะเราเดินทางมาถึงสนามบินกิมโพแล้วโดยหวังใจว่าจะมีนู่น นี้นั่นให้เดินเล่นฆ่าเวลาเพราะเราจองเครื่องไปเชจูไว้ตอนบ่ายแต่เรามาถึงตั้งแต่ 7 โมงกว่าๆ หากนั่งรถ limousine bus มาจะจอดที่ international terminal ก่อน แล้วป้ายต่อไปจะเป็น domestic terminal ไม่ต้องห่วงจะลงผิดค่ะมีป้ายบอกบนรถตลอดแล้วยังมีเสียงประกาศภาษาอังกฤษด้วยค่ะ
วิวระหว่างทางจากอินชอนไปกิมโพ
          ลงมาปุ๊บให้ความรู้สึกเหมือนหมอชิตขนาดย่อม มันเล็กมากค่า พอจะมีร้านกาแฟอยู่นิดหน่อย อาหารเล็กน้อย คนเกาหลีแต่ตัวสีคุมโทนมากค่ะ ดำ เทา น้ำตาล ให้ความรู้สึก gloomy gloomy เหมือนสภาพท้องฟ้าตอนนั้นมาก มาถึงเราสามารถทำ self check-inที่ตู้อัตโนมัติได้เลยและสามารถไป drop กระเป๋าเราได้เลยจะได้ไม่ต้องแบกไปมาตรงนี้ไม่ได้ถ่ายรูปมาแต่วิธีการง่ายมาก คือเลือกสายการบินที่เราบิน แล้วสามารถเลือกใส่ Booking reference  หรือ สแกนbarcode ตรง e-itinerary หรือ สแกน passport แบบตอนที่เราออกนอกประเทศได้เลยค่ะ ตั๋วที่เรา book ไว้ทั้งหมดจะขึ้นมาให้เลือกก็เลือกทุกคน กดเช็คอิน boarding pass ก็จะถูกปริ้นออกมาเลยค่ะ แล้วเอากระเป๋าไป drop ที่เคาร์เต้อได้เลยตรงนี้เราต้องรอให้กระเป๋าเราผ่านจุดสแกนก่อน แล้วพนักงานตรงสายพานจะทำแขนเป็นรูปตัวโอ คือกระเป๋าเราผ่านการสแกนแล้วโอเคน่ารักมาเลยค่ะ พนักงานจะบอกว่าเสร็จแล้วไปได้ สายการบินที่เดินทางไปเชจูมีเยอะมาก มีหลากลายราคาและมีเที่ยวเยอะมาก ถี่ตลอดวันลองดูตามโปรโมชั่นดูนะค่ะ เราเลือกเดินทางกับ Korean air เหมือนเดิมเนื่องจากเราแลกไมล์อีกแล้วค่ะ ใช้ไป 16,000 ไมล์/เที่ยวเราแลก 2 เที่ยวคือ กิมโพ-เชจู และ เชจู-กิมแฮ(ปูซาน) บิน prestige class (business class ของ korean air เรียก prestige class) จ่ายเพิ่มเล็กน้อย 16800 won โดย class นี้จะโหลดกระเป๋าได้ 30 kg และใช้ KAL louge ในสนามบินได้โดยจะมีเป็นคูปองออกมาให้ ส่วนเพื่อเราก็จอง korean air ไปไฟลท์เดียวกันค่ะ ค่าเสียหายทั้งหมด 110,600 won โดยจะโหลดกระเป๋าได้ 20 kg ค่ะ เสร็จทุกอย่างก็เดินไปหากาแฟกินโดยเลือกจากกลิ่นตอนเดินผ่านค่ะ จบที่ร้าน Baekmidang กาแฟหอมมาก แฮปปี้
Large hot cappuccino ราคา 5800 won
         มีเวลาเหลือเยอะมากควรออกไปข้างนอกสักที่แต่กลัวข้างในจะยิ่งใหญ่ หา gate ไม่เจองี้เลยรีบเข้าไปโธ่วน้ำตาไหลเล็กมากค่ะเค้ากำลัง renovate ใหม่ ด้านในมีร้านกาแฟ 7-eleven ที่ราคาเท่าด้านนอกแล้วก็ที่นั่งรอประหนึ่งหมอชิตนอนรอไปค่ะ บรรยากาศการรอนอนดูเครื่องบินขึ้นลง ขึ้นลงสนุกสนาน



กินคิมบับจาก 7-eleven 1,800 won รสหมูผัดกิมจิ อร่อยแบบงงๆเย็นๆ เป็นอาหารกลางวัน
          หลังจากหลับไปหลายตื่นก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องสักทีเช็คอากาศที่เชจูสักหน่อยฝนตก 100% ทั้งวันจ้า ไปค่ะเชจู นี้คือกระจกเครื่องไม่ได้มัวแต่ฝนจะตกจ้า โธ่ววว
          
          เครื่องลงปุ๊บมีรถบัสมารับจะไร้งวงเปิดประตูเท่านั้นและหนาวและลมแรงมากพัดช้างปลิววรีบพาร่างเล็กๆของตัวเองไปที่บัสรับกระเป๋า กระเป๋าเร็วมากค่ะไม่เกิน 10 นาทีออกมาไปที่เค้าเตอร์ที่จองรถเช่ามา มีหลายบริษัทมากเราจองของ Aj rentacar มาสมัครสมาชิกผ่านเว็บเลยค่ะง่ายมากมีส่วนลดด้วย ได้รถ KIA รุ่น Ray ที่ราคา 72,000 วอน รวมประกันแบบฟูลถ้าไม่เอาประกันจะตกที่ 40,000 กว่าวอนค่ะสำหรับ 2 วัน ค่ะ
Cr.https://www.google.co.th/search?q=kia+ray&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ved=0ahUKEwix2dD2vYLaAhVGwI8KHS2IDGgQ_AUICigB#imgrc=7Y434672w8G2WM:
โดยต้องระบุเวลารับรถและส่งคืนรถด้วย เหมือนเราเอาเอกสารการจองไปยื่นเค้าจะชี้ไปที่ gate 5 ให้ออกไปข้ามถนนเดินตามป้าย car rentalไปเลยหรือเดิน ตามคนส่วนใหญ่ไปเลยเพราะคนที่มาเชจูส่วนใหญ่เช่ารถขับเที่ยวหมดเลยเพราะที่เที่ยวแต่ละที่อยู่ไกลกันและรถบัสไม่ถี่มาก เมื่อเดินไปจะเห็นเป็นตึกให้รอ shuttle bus ของบริษัทที่เราจองไปโดยบริการฟรีขึ้นไปได้เลย เพื่อไปรับรถที่บริษัทของเรามีคนขึ้นมาเยอะเหมือนกันแต่มีเราคนเดียวที่จอง AJ rentacar ไปสังเกตุว่าที่เป็นคนเกาหลีทั้งหมดจองของ Billy's หมดเลยโดยขึ้นรถคันเดียวกันแต่ AJ จะลงก่อนที่ป้ายแรก

ยื่นเอกสารใบจอง+passport+ใบขับขี่สากล จ่ายเงินทั้งหมด
การทำใบขับขี่สากล[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใช้เอกสารดังนี้
1.สำเนาหนังสือเดินทาง เล่มที่ใช้ในการเดินทาง ประวัติหน้าที่แก้ไข (พร้อมฉบับจริง)
2.สำเนาประจำตัวประชาชน (พร้อมฉบับจริง)
3.สำเนาใบขับขี่รถส่วนบุคคล หรือ ตลอดชีพ (พร้อมฉบับจริง) ใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถตามกฎหมายว่าด้วยกรมการขนส่งทางบกซึ่งยังไม่หมดอายุ(พร้อมฉบับจริง)
4.รูปถ่ายเราใช้รูปวีซ่า
5.สำเนาหลักฐานการแก้ไขชื่อ- สกุล, ทะเบียนสมรสหรือใบหย่า
6.ค่าธรรมเนียม 505 บาท
ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีไปปุ๊ปเราได้เลยเร็วมากที่ขนส่งจตุจักร

             แต่ แต่ แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายรถที่จองไว้หมดเค้าบอกเพิ่งเกิดอุบัติเหตุเลยจะอัพเกรดให้เป็นอีกรุ่นที่ดีกว่าและใหญ่กว่าคือ KIA รุ่น Soul  โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เซ็นรับรถจะได้กุญแจและใบตรวจเช็ครถ มาเดินไปที่รถแล้วจะมีคนมาเช็ครถพร้อมเราโดยเค้าจะให้เราดูน้ำมันว่าเต็มนะขากลับมาเติมมาให้เต็มแบบนี้นะ สอนการใช้ GPS โดย GPS ที่นี้จะหาตำแหน่งได้จากเบอร์โทรศัพท์จะสะดวกสุดเพราะเป็นภาษาเกาหลี แต่เสียงพูดเป็นภาษาอังกฤษบอกเลยว่าเสถียรมากตรงแป๊ะ มีเสียงเตือนว่ามีกล้องจับความเร็วตรงไหนอีกกี่เมตร กำหนดความเร็วห้ามเกินเท่าไหร่โดยจะมีเสียงเตือนแบบน่ารำคาญมากๆจนแทบไม่อยากเยียบคันเร่ง เราลองพิมพ์หาตำแหน่งเป็นภาษาเกาหลีดูก็ไม่อยากนะเทียบตัวอักษรเอาบางทีเราจนปัญญาจะหาเบอร์อย่างเช่นที่ พักของเราในคืนที่สองที่จองผ่าน Airbnb เค้าให้พิกัดแบบ ชื่อมาไม่มีเบอร์ลองพิมพ์ดูก็ตรงแป๊ะเช่นกันอักษรมีไม่กี่ตัวเทียบง่ายลองดูค่ะ น้อง Soulmate ของเรามากันสองคนใหญ่มาก อยากจะชวนทุกคนที่เดินอยู่ข้างทางขึ้นรถไปด้วยกันฮ่าๆๆ
             หลังจากตรวจเช็ครถทุกอย่างอย่างรวดเร็วเค้าจะทิ้งเราไปเลยเผชิญโลกกว้างเลยจ้า ตรวจสอบกระจก เบาะปรับให้โอเคก่อนนะค่ะ ที่ปัดน้ำฝน ไฟเลี้ยวอยู่คนละด้านกับบ้านเรา ยกเว้นใครที่ขับรถยุโรปมันจะอยู่ฝั่งเดียวกันแต่มันก็กลับประสาทอยู่ดีเพราะนั่งคนละฝั่ง ฝนตกพอดีตอนจะออกมาขอบคุณพระเจ้าไม่เคยขับพวงมาลัยซ้ายมาก่อนด้วยตื่นเต้น พยายามกลับประสาทด้วยเองโดยซ้อมทำ simulation สมมุติสถานการณ์อยู่ในหัวว่าเราจะเลี้ยวทางไหน เข้าช่องไหนตื่นเต้นมาก กฎคือชิดขวาเข้าไว้ เลี้ยวขวาผ่านตลอด แซงซ้ายเด้อจ้า แปบเดียวก็ชินค่ะ ลุย! อ่อรถนี้เชื่อมต่อบลูธูทกับมือถือเปิดเพลงฟังได้เลยนะค่ะ มีช่องเสียบชาจโทรศัพท์ได้ด้วย
ใส่เบอร์ไปที่พักคืนแรกโดยเราเข้าพักที่ Jeju aruamdaun hotel อยู่ใกล้ Seongsan Ilchubong กะจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นพรุ่งนี้เช้าค่า

          
--ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ in เชจู-ปูซาน-จอนจู-โซล [Jeju-Busan-Jeonju-Busan],South Korea. Part 1:https://ppantip.com/topic/37492246--