ช่วงที่นักข่าวพยายามนำเอาหลักฐานข้อเท็จจริงต่างๆ
ที่ฝ่ายครูไปออกสื่อก็ดี
ที่คลิปเสียงหลุดก็ดี
จะเห็นว่ามีการขัดแย้งกันหลายจุด
แต่ครูปรีชาก็ไม่เคยหวั่นไหว และยังเชื่อมั่นในกระบวนการของทางตำรวจ ทุกอย่าง
ครูปรีชาไม่เคย ตอบข้อสงสัยว่า
ทำไม คำให้สัมภาษณ์ ขัดแย้งกันอย่างนั้นอย่างนี้
ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ
ครูตอบเพียงว่า ขอให้เป็นไปตามกระบวนการสืบสวนสอบสวน
และไปสู้กันในชั้นศาล
โดยที่ทั้งกองเชียร์ ทั้งทัพนักข่าว ที่คาใจ เฝ้าตั้งตารอผลสรุปของตำรวจ
หารู้ไม่ว่า
สำนวนคดีนี้ ถูก ไอ้โม่งนำกลับไปทำเป็นการบ้าน
แก้ไขแล้วแก้ไขอีก เพื่อให้สำนวนออกมาเป็นคุณต่อทางฝั่งครู
นี่ไงที่ทำให้ครูมั่นใจ ล้านเปอร์เซ็นต์ ในตอนนั้น
ขบวนการหน้าบ้าน ครูตอบเพียงว่า มั่นใจในตำรวจ
แต่หลังบ้าน มีคนคอยแก้สำนวน ให้ตลอดเวลา
แล้วมันจะไม่ชนะคดีได้อย่างไร
จนกระทั้ง เมื่อ คดีเปลี่ยนไปอยู่ในมือกองปราบ
กระบวนการหลังบ้านครู จึงถูกเปิดโปง
ว่ามีไอ้โม้งแอบ เอาสำนวนไปแก้ไข
มีไอ้โม้ง แอบมางัดโต๊ะ ขโมยหลักฐาน
และยังเอาหลักฐานทางวิทยาศาตร์มายืนยันได้ว่า
ครูและแม่ค้าให้การเท็จ จนเป็นเหตุให้ต้องถูกหมายจับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นครูก็ยังไม่ยอมจบ
โดยพยายามจะตั้งข้อสังเกตกลับไปที่ฝั่งลุงจรูญบ้างว่า
-ทำไม หาตัวคนขายล็อตเตอรี่ให้ลุงจรูญไม่ได้
-ลุงจรูญไม่เคยคิดจะเอาเงินเป็นสินน้ำใจไปให้แม่ค้าคนที่ขายล๊อตเตอรี่ให้บ้างหรือ
ซึ่งก็เป็นข้อกล่าวหาเดิมๆ เหมือนกับตอนแรก
ที่บอกว่าลุงจำคนขายไม่ได้ แสดงว่า ไม่ได้ซื้อจริง
ในข้อนี้ ที่ครูพยายามเอาออกมาเป็นข้อโจมตีฝั่งลุงจรูญ
อาจจะเป็นเพราะรู้ดีว่า
แม่ค้าทุกคนอยู่ฝั่งครู
จึงไม่มีใครอยากไป เป็นพยานให้ลุงจรูญแน่นอน
ต่อให้ขายให้จริง
ถ้าไม่ไปเป็นพยานให้ลุงเสียอย่าง ใครจะทำไม
เมื่อรู้ว่า บุคคลที่จะยืนยันการขายล๊อตเตอรี่จริง
มีความเคลือบแคลงสงสัยว่าจะไม่เป็นกลาง
หลักฐานที่จะ มาไขความมจริงได้
จึงจำเป็นต้องอาศัย หลักฐานด้านวิทยาศาตร์
ที่สามารถ พิสูจน์ได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไป
ก็ไม่หายสาบสูญไปกับ สายลมแสงแดด
แต่เมื่อคดีพลิก
หลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์
กลับถูกปฏิเสธจากฝ่ายครู ปรีชา
และพยายาม เล่นเกมส์ เปลี่ยนผู้สืบสวนสอบสวนใหม่อีก
โดย ทางครูออกมา บอกว่าไม่มีความเชื่อมั่นในกระบวนการสืบสวนสอบสวน
ของทางกองปราบ
นั้นไง
ที่แรกบอกว่ามั่นใจ ในกระบวนการของตำรวจ
ที่เน้นพยานบุคคล มากกว่าพยานทางวิทยาศาสตร์
พอเปลี่ยนเป็นกองปราบมาทำคดีใหม่
เน้น วัตถุพยานทางวิทยาศาตร์ พิสูจน์ได้จริง
กลับบอกไม่ มั่นใจในกองปราบ
ซะงั้น
ทำไมครูปรีชา ถึงมั่นใจว่าจะชนะคดีในตอนแรก และทำไมถึงกลับไม่มั่นใจกระบวนการยุติธรรมในตอนนี้
ที่ฝ่ายครูไปออกสื่อก็ดี
ที่คลิปเสียงหลุดก็ดี
จะเห็นว่ามีการขัดแย้งกันหลายจุด
แต่ครูปรีชาก็ไม่เคยหวั่นไหว และยังเชื่อมั่นในกระบวนการของทางตำรวจ ทุกอย่าง
ครูปรีชาไม่เคย ตอบข้อสงสัยว่า
ทำไม คำให้สัมภาษณ์ ขัดแย้งกันอย่างนั้นอย่างนี้
ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ
ครูตอบเพียงว่า ขอให้เป็นไปตามกระบวนการสืบสวนสอบสวน
และไปสู้กันในชั้นศาล
โดยที่ทั้งกองเชียร์ ทั้งทัพนักข่าว ที่คาใจ เฝ้าตั้งตารอผลสรุปของตำรวจ
หารู้ไม่ว่า
สำนวนคดีนี้ ถูก ไอ้โม่งนำกลับไปทำเป็นการบ้าน
แก้ไขแล้วแก้ไขอีก เพื่อให้สำนวนออกมาเป็นคุณต่อทางฝั่งครู
นี่ไงที่ทำให้ครูมั่นใจ ล้านเปอร์เซ็นต์ ในตอนนั้น
ขบวนการหน้าบ้าน ครูตอบเพียงว่า มั่นใจในตำรวจ
แต่หลังบ้าน มีคนคอยแก้สำนวน ให้ตลอดเวลา
แล้วมันจะไม่ชนะคดีได้อย่างไร
จนกระทั้ง เมื่อ คดีเปลี่ยนไปอยู่ในมือกองปราบ
กระบวนการหลังบ้านครู จึงถูกเปิดโปง
ว่ามีไอ้โม้งแอบ เอาสำนวนไปแก้ไข
มีไอ้โม้ง แอบมางัดโต๊ะ ขโมยหลักฐาน
และยังเอาหลักฐานทางวิทยาศาตร์มายืนยันได้ว่า
ครูและแม่ค้าให้การเท็จ จนเป็นเหตุให้ต้องถูกหมายจับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นครูก็ยังไม่ยอมจบ
โดยพยายามจะตั้งข้อสังเกตกลับไปที่ฝั่งลุงจรูญบ้างว่า
-ทำไม หาตัวคนขายล็อตเตอรี่ให้ลุงจรูญไม่ได้
-ลุงจรูญไม่เคยคิดจะเอาเงินเป็นสินน้ำใจไปให้แม่ค้าคนที่ขายล๊อตเตอรี่ให้บ้างหรือ
ซึ่งก็เป็นข้อกล่าวหาเดิมๆ เหมือนกับตอนแรก
ที่บอกว่าลุงจำคนขายไม่ได้ แสดงว่า ไม่ได้ซื้อจริง
ในข้อนี้ ที่ครูพยายามเอาออกมาเป็นข้อโจมตีฝั่งลุงจรูญ
อาจจะเป็นเพราะรู้ดีว่า
แม่ค้าทุกคนอยู่ฝั่งครู
จึงไม่มีใครอยากไป เป็นพยานให้ลุงจรูญแน่นอน
ต่อให้ขายให้จริง
ถ้าไม่ไปเป็นพยานให้ลุงเสียอย่าง ใครจะทำไม
เมื่อรู้ว่า บุคคลที่จะยืนยันการขายล๊อตเตอรี่จริง
มีความเคลือบแคลงสงสัยว่าจะไม่เป็นกลาง
หลักฐานที่จะ มาไขความมจริงได้
จึงจำเป็นต้องอาศัย หลักฐานด้านวิทยาศาตร์
ที่สามารถ พิสูจน์ได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไป
ก็ไม่หายสาบสูญไปกับ สายลมแสงแดด
แต่เมื่อคดีพลิก
หลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์
กลับถูกปฏิเสธจากฝ่ายครู ปรีชา
และพยายาม เล่นเกมส์ เปลี่ยนผู้สืบสวนสอบสวนใหม่อีก
โดย ทางครูออกมา บอกว่าไม่มีความเชื่อมั่นในกระบวนการสืบสวนสอบสวน
ของทางกองปราบ
นั้นไง
ที่แรกบอกว่ามั่นใจ ในกระบวนการของตำรวจ
ที่เน้นพยานบุคคล มากกว่าพยานทางวิทยาศาสตร์
พอเปลี่ยนเป็นกองปราบมาทำคดีใหม่
เน้น วัตถุพยานทางวิทยาศาตร์ พิสูจน์ได้จริง
กลับบอกไม่ มั่นใจในกองปราบ
ซะงั้น