เนื่องจากช่วงนี้ก็เป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ของน้องๆ หนูๆ กันอยู่ และก็ใกล้เทศกาลสงกรานต์วันหยุดยาวที่ใครหลายคนต่างลอยคอ เอ้ยยย รอคอยเข้ามาทุกที ในการเดินทางครั้งนี้เราจึงขอพาเพื่อนๆ มาเยี่ยมชมดินแดนฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ภาคอีสานบ้านเฮากันบ้าง และจังหวัดที่เราพามานั่นก็คือ
จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อนๆ หลายคนอาจจะสงสัยกันล่ะสิว่าที่จังหวัดนี้มีอะไรน่าเที่ยว การเดินทางก็ดูไกลจากกรุงเทพเสียเหลือเกิน แต่เราขอบอกเลยว่าเพื่อนๆ จงลืมความคิดเหล่านั้นไปบัดเดี๋ยวนี้ เพราะว่าการเดินทางมายังจังหวัดกาฬสินธุ์นี้ไม่ได้ยากเย็นเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป เพราะว่าเราจะนำเพื่อนๆ บินลัดฟ้าไปลงที่ท่าอากาศยานจังหวัดร้อยเอ็ด เนื่องจากอยู่ใกล้จังหวัดกาฬสินธุ์มากที่สุด หรือหากเพื่อนๆ คนไหนจะนั่งมาลงที่จังหวัดขอนแก่นก็ย่อมได้ แต่ถ้าขับรถส่วนตัวมาเองก็จะใช้เวลาประมาณ 7-8 ชั่วโมง
เอาล่ะ! เราขอไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ก็แล้วกัน ถ้าพร้อมแล้วก็เตรียมตัวออกเดินทางไปพร้อมกับเราได้เลยจ้าาาา สำหรับสถานที่แรกที่เราพาทุกคนมาเช็คอินกันนี้มีชื่อว่า
วนอุทยานภูแฝก จากตัวเมืองกาฬสินธุ์ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อขับมาถึงปากทางเข้าแล้วก็ต้องขับเข้าไปอีก 4 กิโลเมตร ถนนค่อนข้างแคบควรขับด้วยความระมัดระวังนะจ๊ะ เพื่อนๆ อยากรู้ไหมเอ่ยว่าเราพามาทำอะไรที่นี่กันน้า ใบ้ให้สักหน่อยก็แล้วกันว่าสิ่งที่เราจะพาไปดูนั้นเป็นรอยเท้า แต่...จะเป็นรอยเท้าของตัวอะไร ต้องไปสำรวจให้รู้กันไปเลยจ้าาาาาา ฮิฮิ้ว (แหม่ รูปปั้นใหญ่ขนาดนี้คงเดากันไม่ถูกหรอกเนอะ)
นี่คือ เจ้าถิ่นแสนรู้ที่จะนำทางเราไปหารอยเท้ากัน ฮูเล่
เดินมาไม่นานเราก็ได้ทราบว่ารอยเท้าที่มาตามหากันนั้นเป็นรอยเท้าของเจ้าไดโนเสาร์นั่นเอง ซึ่งวนอุทยานภูแฝกแห่งนี้เป็นแหล่งที่ค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยรอยเท้าไดโนเสาร์นั้นถูกค้นพบบนพลาญหินที่เป็นทางน้ำของห้วยน้ำยัง รอยเท้าฝังอยู่ในผิวหน้าของชั้นหินทรายที่แกร่งของหมวดหินพระวิหาร ซึ่งตามลำดับแล้วชั้นหินจะวางตัวกันอยู่ภายใต้ชั้นหินของหมวดหินเสาขัว ซึ่งเป็นชั้นหินที่พบโครงกระดูกไดโนเสาร์มากที่สุดของประเทศไทย
ซึ่งรอยเท้าไดโนเสาร์ที่พบเป็นประเภทเทอร์โรพอด จัดอยู่ในกลุ่มคาร์โนซอร์ชนิดกินเนื้อ
โดยบริเวณลำห้วยนี้จะเป็นเส้นทางน้ำไหล ซึ่งในช่วงที่เราไปนั้นเป็นช่วงแล้ง
เลยไม่ต้องเดินลุยน้ำลงไป แต่ถ้ามาช่วงที่มีน้ำไหลก็คงจะสวยไปอีกแบบ
ขอวัดขนาดหน่อยจิว่าใหญ่ขนาดไหน
ฉงไฉจังเยย ทำไมไดโนเสาร์ถึงมี 3 นิ้วน้าาาา
เยี่ยมชมรอยเท้าไดโนเสาร์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปเราขอพาทุกคนไปเข้าวัดทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลสักหน่อย ไหนๆ ก็เดินทางมาจังหวัดกาฬสินธุ์ทั้งที และวัดที่พามานี้มีชื่อว่า วัดวังคำ ตั้งอยู่ที่ อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์
[SR] ppantip.com ร่วมกับ ททท. พาท่องเที่ยวกาฬสินธุ์ ในรูปแบบเที่ยววิถีไทยเก๋ไก๋สไตล์เด็ก
เนื่องจากช่วงนี้ก็เป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ของน้องๆ หนูๆ กันอยู่ และก็ใกล้เทศกาลสงกรานต์วันหยุดยาวที่ใครหลายคนต่างลอยคอ เอ้ยยย รอคอยเข้ามาทุกที ในการเดินทางครั้งนี้เราจึงขอพาเพื่อนๆ มาเยี่ยมชมดินแดนฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ภาคอีสานบ้านเฮากันบ้าง และจังหวัดที่เราพามานั่นก็คือ จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อนๆ หลายคนอาจจะสงสัยกันล่ะสิว่าที่จังหวัดนี้มีอะไรน่าเที่ยว การเดินทางก็ดูไกลจากกรุงเทพเสียเหลือเกิน แต่เราขอบอกเลยว่าเพื่อนๆ จงลืมความคิดเหล่านั้นไปบัดเดี๋ยวนี้ เพราะว่าการเดินทางมายังจังหวัดกาฬสินธุ์นี้ไม่ได้ยากเย็นเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป เพราะว่าเราจะนำเพื่อนๆ บินลัดฟ้าไปลงที่ท่าอากาศยานจังหวัดร้อยเอ็ด เนื่องจากอยู่ใกล้จังหวัดกาฬสินธุ์มากที่สุด หรือหากเพื่อนๆ คนไหนจะนั่งมาลงที่จังหวัดขอนแก่นก็ย่อมได้ แต่ถ้าขับรถส่วนตัวมาเองก็จะใช้เวลาประมาณ 7-8 ชั่วโมง
เอาล่ะ! เราขอไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ก็แล้วกัน ถ้าพร้อมแล้วก็เตรียมตัวออกเดินทางไปพร้อมกับเราได้เลยจ้าาาา สำหรับสถานที่แรกที่เราพาทุกคนมาเช็คอินกันนี้มีชื่อว่า วนอุทยานภูแฝก จากตัวเมืองกาฬสินธุ์ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อขับมาถึงปากทางเข้าแล้วก็ต้องขับเข้าไปอีก 4 กิโลเมตร ถนนค่อนข้างแคบควรขับด้วยความระมัดระวังนะจ๊ะ เพื่อนๆ อยากรู้ไหมเอ่ยว่าเราพามาทำอะไรที่นี่กันน้า ใบ้ให้สักหน่อยก็แล้วกันว่าสิ่งที่เราจะพาไปดูนั้นเป็นรอยเท้า แต่...จะเป็นรอยเท้าของตัวอะไร ต้องไปสำรวจให้รู้กันไปเลยจ้าาาาาา ฮิฮิ้ว (แหม่ รูปปั้นใหญ่ขนาดนี้คงเดากันไม่ถูกหรอกเนอะ)
นี่คือ เจ้าถิ่นแสนรู้ที่จะนำทางเราไปหารอยเท้ากัน ฮูเล่
เดินมาไม่นานเราก็ได้ทราบว่ารอยเท้าที่มาตามหากันนั้นเป็นรอยเท้าของเจ้าไดโนเสาร์นั่นเอง ซึ่งวนอุทยานภูแฝกแห่งนี้เป็นแหล่งที่ค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยรอยเท้าไดโนเสาร์นั้นถูกค้นพบบนพลาญหินที่เป็นทางน้ำของห้วยน้ำยัง รอยเท้าฝังอยู่ในผิวหน้าของชั้นหินทรายที่แกร่งของหมวดหินพระวิหาร ซึ่งตามลำดับแล้วชั้นหินจะวางตัวกันอยู่ภายใต้ชั้นหินของหมวดหินเสาขัว ซึ่งเป็นชั้นหินที่พบโครงกระดูกไดโนเสาร์มากที่สุดของประเทศไทย
โดยบริเวณลำห้วยนี้จะเป็นเส้นทางน้ำไหล ซึ่งในช่วงที่เราไปนั้นเป็นช่วงแล้ง
เลยไม่ต้องเดินลุยน้ำลงไป แต่ถ้ามาช่วงที่มีน้ำไหลก็คงจะสวยไปอีกแบบ
ขอวัดขนาดหน่อยจิว่าใหญ่ขนาดไหน
ฉงไฉจังเยย ทำไมไดโนเสาร์ถึงมี 3 นิ้วน้าาาา
เยี่ยมชมรอยเท้าไดโนเสาร์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปเราขอพาทุกคนไปเข้าวัดทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลสักหน่อย ไหนๆ ก็เดินทางมาจังหวัดกาฬสินธุ์ทั้งที และวัดที่พามานี้มีชื่อว่า วัดวังคำ ตั้งอยู่ที่ อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์